PANTIP.COM : V5358943 แค่อยากถามว่าทำไม []

ความคิดเห็นที่ 8

ผมเคยมีประสบการณ์พยายามซื้อรถบ้านมาแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน ลองดูปัญหาละกัน
1. สมัยก่อนต้องหาข้อมูลจากนิตยสารขายรถมือสองรายสัปดาห์ ถ้าซื้อสัปดาห์ละ 2 เล่ม หารถอยู่ 2 เดือน ก็ปาไป 3-400 แล้ว ไม่รวมการปวดตาหารถ / บางคันโฆษณาคนละเล่มแต่เป็นคันเดียวกันก็มี
2. ค่าโทรศัพท์ หลายร้อย หรือหลายพันบาทต่อเดือน
3. บางคันไม่ใช่รถบ้านจริงๆ คันแรกๆ ผมมารู้ตอนขอดูสมุดจดทะเบียน (เสียเวลาไปหา ไปดูรถถึงที่บ้านเค้าเลย) พอคันหลังๆ ถามตั้งแต่โทรคุย คันไหนอ้ำอึ้ง แสดงว่า รถเต๊นท์มาหลอกว่าเป็นรถบ้าน
4. เหนื่อยครับ บางทีต้องตระเวณไปทั่ว กทม. วันนึงดูได้แค่ 3-4 คัน
5. รถบ้าน ต้องซื้อเงินสด เพราะถ้าจัดไฟแนนซ์ เราต้องดำเนินเรื่องเองทั้งหมด (ต่างจากเต๊นท์ที่เค้ามีติดต่อไว้แล้ว แค่ส่งเอกสารให้ก็รอฟังผล)
หลังจากทำอยู่ 2 เดือน เลยเลิกครับ มาดูรถเต๊นท์แทน ถึงจะรู้ว่าย้อมมาบ้าง แต่เค้าก็ซ่อมเล็กซ่อมน้อย / ทำความสะอาดมาให้แล้ว ดูแล้วรู้สึกน่าซื้อกว่าเยอะ
แต่ว่าก็ดูรถเต๊นท์อยู่ได้แค่ 2 อาทิตย์ ก็เปลี่ยนใจมาออกป้ายแดงแทน เพราะคำนวณค่าดอกเบี้ยแล้ว กลายเป็นว่า ผ่อนใกล้ๆ กันเลย
ทั้งหมดนี้ก็ประสบการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อนนะ
ถึงสมัยนี้จะมี Internet แล้ว แต่ก็ใช่ว่า จะมีเว็บไซต์ดังๆ แบบใครจะขายรถก็ต้องมาประกาศขายที่เว็บนั้นทุกคัน
ต้องเสียเวลาหา ต้องโทรศัพท์คุย ต้องไปดูรถถึงที่
ถ้าเทียบกับรถเต๊นท์ คุณจ้างช่างคนนึงที่ไว้ใจได้ แล้วนั่งรถดูไล่เป็นถนนๆ เลย วันๆ นึงได้เจอรถร่วมๆ 20-30 คัน อาจทำให้สามารถตัดสินใจได้เร็วกว่า คุ้มกับค่าใช้จ่ายและการเสียเวลามากกว่าครับ

ปล. รถบ้านอย่าคิดว่าเค้าจะขายถูก เพราะเค้าก็อยากได้ราคาดีๆ เหมือนที่เห็นรถเต๊นท์ประกาศเหมือนกัน สุดท้ายคนเจ้าของรถบ้าน เค้าก็ทนความรำคาญ ทนรอเวลาไม่ไหว ก็เอาไปขายเต๊นท์อยู่ดี
รถบ้านที่ไม่เข้าเต๊นท์ที่ผมเคยเจอมา ถ้ารถไม่สวยมากๆ ก็เป็นรถที่โทรมๆ เต๊นท์รับเข้าก็กดราคาสุดๆ จนขายไม่ลงครับ

จากคุณ : P_Wut - [ 2 พ.ค. 50 10:48:56 ]