ความคิดเห็นที่ 1 มีรถคันไหนบ้างที่ ทั้งประหยัดด้วย แล้วก็แรงด้วย ? คำถามยอดฮิตที่ผมเคยพบมาตลอดชีวิต เมื่อถูกถามจากคนที่ ไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องรถยนต์เท่าใดนัก แม้จะเป็นคำถามที่คนพูด เกริ่นออกมาเพื่อหาเรื่องคุยกับผม แต่หลายต่อหลายหน ที่คนถาม คิด และมองหารถยนต์ประเภทนี้อยู่ ยิ่งในสภาวะที่ราคาน้ำมันแพงเป็นบ้าเป็นหลังได้ขนาดนี้ โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลงมาง่ายๆ คำถามนี้ ยิ่งเริ่มดังกึกก้องไปทั่วทุกอณูในทุกหัวใจของคนอยากซื้อรถมากยิ่งขึ้น แล้วรถคันไหนละ ที่จะตอบคำถามที่ว่าได้อย่างหมดเปลือก? ผมว่า .... ผมเจอรถคันนั้นแล้วละครับ.... รถคันนี้ นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังพกพาความแรง ในระดับที่นักขับเท้าบ้านๆ จะรู้สึกว่า แรงกำลังดี แถมยังมีคุณงามความดีชนิดที่หลายๆคนลืมพูดถึง อัดแน่นมาให้อย่างเต็มอิ่ม เป็นของกำนัลอีกต่างหาก! .....รถคันนี้ มีชื่อว่า โตโยต้า พรีอุส...... จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ... จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:38:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 .. จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 *** พรีอุสเป็นมาอย่างไร?*** พรีอุส เป็นโครงการที่ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงต้นทศวรรษ 1990 หลังความสำเร็จจากโครงการเล็กซัส โตโยต้าเริ่มมองเห็นความท้าทายที่มีต่อการดำรงอยู่ ของวิธีการพัฒนา และผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แบบดั้งเดิมของตน รวมทั้งการเฝ้ามองความเปลี่ยนแปลง ต่อสถานการณ์ของน้ำมัน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนทีมผู้บริหาร ตัดสินใจเปิดโครงการที่เรียกว่า Global 21 ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ Chief engineer คนใหม่ ผู้ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการพัฒนารถยนต์มาก่อน มาเป็นผู้นำในโรงการนี้ หลังจาก พรีอุส ปรากฏตัวครั้งแรกต่อสาธารณชน ในฐานะรถยนต์ต้นแบบสำหรับงานแฟรงค์เฟิร์ท มอเตอร์โชว์ และโตเกียวมอเตอร์โชว์ 1995 ด้วยปฏิกิริยาตอบรับอย่างดี ทีมวิศวกรของโตโยต้าจึงเดินหน้าโครงการผลิตรถยนต์พลังงานไฮบริด ต่อไปได้ เวอร์ชันจำหน่ายจริงของพรีอุส เผยโฉมและเริ่มทำตลาดจริงในญี่ปุ่นก่อนเป็นแห่งแรกเมื่อเดือน ตุลาคม 1997 ก่อนเริ่มทะยอยส่งไปบุกตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปเมื่อ ปี 2000 โดยชื่อรุ่นมาจากภาษาละตินแปลว่า "การก้าวนำไปล่วงหน้า" พรีอุส ไม่เพียงแต่ได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์พลังไฮบริดแบบแรกของโลกที่มีการผลิตออกสู่ตลาดจริง แต่ยังได้รับความนิยมอย่างสูง จนยอดขายของรุ่นแรกทะลุหลัก 120,000 คันในกว่า 20 ประเทศที่ทำตลาด ทั้งในญี่ปุ่น ยุโรป โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีบรรดาผู้คนในแวดวงการเมืองและฮอลลีวูด ต่างพากันซื้อหาไปสะสมไว้ในคอลเลคชันกันหลายราย และ 1 ในนั้นมีรายชื่อของ นักแสดงหนุ่ม ลีโอนาร์โด ดิคาร์ปริโอ ผู้โด่งดังจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง TITANIC รวมอยู่ด้วย! ก็จะไม่ให้มีชื่อได้อย่างไรกันละ พี่ท่านเล่นเหมารวดเดียว 10 คัน ซื้อไปขับเอง และแจก่ายผู้คนรอบข้าง ชวนให้นึกถึง เอวลิส เพรสลีย์ ตอนที่ซื้อ แคดิลแล็ก เอลโดราโด สีชมพู เป็นสิบคัน ไว้ขัเอง และแจกให้ผ้คนรอบข้างด้วย จยอดสั่งซื้อของ ลิโอนาร์โด นทำให้ โตโยต้า ญี่ปุ่น ตัดสินใจ เชิญ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ถ่ายโฆษณา พรีอุส สำหรับตลาดญี่ปุ่น ถ่ายไปหลายเรื่องอยู่ เสียดายว่า youtube โดนบล็อก ไม่เช่นนั้น ก็คงจะหยิบเอา Link ของหนังโฆษณาเหล่านั้นมาให้ได้ชมกันได้ จากการคำนวนของโตโยต้า จนถึงปัจจุบัน พรีอุส ทุกคัน ถูกใช้งานเฉลี่ย 6,000 -10,000 กิโลเมตร/ปี นั่นหมายถึงการช่วยลดปริมาณน้ำมันเบนซินลดลงได้ถึง 20,000- 30,000 กิโลลิตร และส่งผลให้ปริมาณก๊าซ์คาร์บอนไดอ็อกไซด์ CO2 ที่ออกจากท่อไอเสียสู่สภาพแวดล้อมโลกลดลงถึง 50,000-70,000 ตัน/ปี อีกทั้งยังมีชิ้นส่วนต่างๆอีก มากมายที่สามารถนำไปเข้ากระบวนการรีไซเคิล กลับมาใช้ใหม่ได้เช่นเดียวกับรถยนต์ยุคใหม่รุ่นอื่นๆ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 *** พรีอุสใหม่ ต่างจากเดิมอย่างไร? *** สำหรับวิศวกรใหญ่อย่าง MASAO INOUE แล้ว การรับหน้าที่ CHIEF ENGINEER ของโครงการพัฒนาพรีอุสใหม่ ภายใต้รหัส 690N นี้ เป็นเรื่องยิ่งกว่าการท้าทาย แต่กลายเป็นภาระกิจอันน่าหนักใจ เพราะพรีอุสจะต้องรับหน้าที่เป็นรถยนต์พลังไฮบริดรุ่นสำคัญที่เชิดหน้าชูตาของโตโยต้า จนทำให้บรรดาลูกค้า และสื่อมวลชนทั่วโลก ต่างพากันเฝ้ามองว่า โตโยต้าจะเปลี่ยนโฉมพรีอุส ให้มีกำลังสูงขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น แต่มีราคาพอๆกับรุ่นเดิมได้อย่างไร แต่พวกเขาก็ทำสำเร็จ เพราะการเปลี่ยนโฉมในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ เปลี่ยนการโฉมรถยนต์รุ่นใหม่ทั่วไป แต่เป็นการยกระดับเทคโนโลยีรถยนต์แบบไฮบริดครั้งสำคัญอีกครั้งในประวัติศาสตร์วงการรถยนต์ กันเลยทีเดียว [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:41:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เริ่มจากรูปแบบของตัวถังรถที่พลิกโฉมจากซีดาน 4 ประตู มาเป็น แฮตช์แบ็กท้ายลาด 5 ประตู เส้นสายตัวถังออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด VIBRANT CLARITY ซึ่งเป็นธีม ออกแบบใหม่ล่าสุดของโตโยต้า ลู่ลมด้วยค่า Cd 0.26 มิติตัวถังถูกขยายใหญ่ขึ้นในทุกสัดส่วน เพิ่มความยาวจาก 4,310 เป็น 4,475 มิลลิเมตร,ขยายความกว้างจาก 1,695 เป็น 1,725 มิลลิเมตร.คงความสูง 1,490 มิลลิเมตร แต่เพิ่มระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นจาก 2,550 เป็น 2,700 มิลลิเมตร เท่ากับพี่น้องรุ่นอื่นๆ ทั้งพรีมิโอ/อัลลิออน แคลดินา โอปาโนอา/ว็อกซี และอเวนซิส ที่ใช้พื้นตัวถังแบบใหม่ ร่วมกัน เห็นได้ชัดว่า โตโยต้าตั้งใจอัพเกรดพรีอุส จากที่เคยเจาะกลุ่มตลาดคอมแพกต์ซีดาน C-SEGMENT เช่นเดียวกับโคโรลล่า ให้ขึ้นไปอยู่ในกลุ่ม มิดไซส์ หรือรถยนต์ นั่งขนาดกลางแทน [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบสี่เหลี่ยมเฉียง DISCHARGED HEADLAMP พร้อมชุดกระจังหน้าทรงเรียวยาว รับอิทธิพล มาจากพี่น้องร่วมตระกูลทั้งพรีอุสรุ่นเดิม เซลิกา แคลดินา และเอสติมา จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:42:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขณะที่ชุดไฟท้าย LED ทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้งธรรมดา กรอบใส ช่วยเน้นให้ดูทันสมัยขึ้น จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กระจกบังลมหลัง แบ่งเป็น 2 ชั้น เหมือนกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส สปอร์ตคูเป และมาสด้า แฟมีเลีย นีโอ เพื่อให้ผู้ขับมองเห็นทัศนวิสัยหลังรถอย่างชัดเจนขึ้น [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:45:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ***ห้องโดยสาร*** การออกแบบห้องโดยสารของพรีอุส เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน แต่ต้องมีรูปลักษณ์ ที่โดดเด่น เพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกที่พิเศษ และแตกต่าง ไปจาก การขับขี่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปทั่วๆไป แต่ต้องไม่ยากเย็นเข็ญใจเวลาใช้งาน ต้องคงความเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ (User's friendly) เอาไว้ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เบาะนั่ง ในรุ่นมาตรฐานอย่างนี้ ใช้ผ้าเบาะ อันเป็นเนื้อผ้ามาตรีฐาน ที่มักพบได้ใน รถยนต์ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ผ้าแบบนี้ ดูเหมือนจะอมฝุ่น แต่จากที่ผมนำมาขับใช้งานเกือบจะ 1 สัปดาห์ ผมพบว่า มันไม่น่าจะเก็บฝุ่นมากพอเหมือนรถญี่ปุ่นสมัยก่อน สัมผัสจากแผ่นหลัง ที่แนบอยู่กับโครงสร้างเบาะนั่งคู่หน้านั้น ชวนให้นึกถึงเบาะของ วีออส/ยาริส และ โคโรลล่า อยู่บ้าง คือ เบาะรองนั่ง ไม่ยาวนัก แต่ไม่สั้นเกินไป ส่วนแผ่นหลังนั้น จมนิดหน่อย แต่ขับนานๆแล้ว กลับไม่พบอาการปวดหลังเท่า 3 คันที่ผมเอ่ยมานั่นเลย [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ราวกับว่า ทีมออกแบบของโตโยต้า จะเอาใจลูกค้า ชาวอเมริกัน แนวอนุรักษ์นิยม ผู้ซึ่งชอบความโล่งโปร่ง ของพื้นที่วางขาด้านหน้า มากกว่าจะปล่อยให้มีสิ่งใดมากางกั้น พรีอุสรุ่นนี้ จึงถูกออกแบบให้ มีพื้นที่วางขาแบบเปิดโล่ง ไม่มี กล่องคอนโซล ที่ต่อเนื่องจากแผงหน้าปัด ติดตั้งไว้ แต่อย่างใด เพื่อให้ผู้โดยสารด้านหน้า สลับตำแหน่งเป็นคนขับได้ง่าย ไม่มีความรู้สึกอื่นใดมาขวางกั้น... ขณะเดียวกัน คอนโซลกลาง ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นที่วางแก้ว พร้อมฝาพับในตัว ไปจนถึง กล่องเก็บของ ที่เปิดขึ้นมา จะพบ ถาดแบ่งระดับชั้น 1 ชิ้น สามารถถอดออกได้ เพื่อเก็บซ่อนความลับของคุณเอาไว้ ที่วสางแขน บนแผงประตูด้านข้าง ออกแบบมาได้รองรับสรีระ ได้ดี นั่งสบาย ปลายนิ้วมือ จะอยู่ต่ำกว่าท่อนแขน แบบเดียวกับ BMW ซีรีส์ 5 และ 7 ใหม่ จุดที่ต้องตำหนินิดนึงคือ แม้ว่า ฝากล่องจะถูกออกแบบให้เป็นที่วางแขนในตัว และใช้ผ้าแบบเดียวกับผ้าหุ้มเบาะนั่นละ เป็นวัสดุรองรับ จริงอยู่ว่า ให้สัมผัสนุ่มสบาย ราวกับนั่งอยู่ในรถต้นแบบ และ ผมก็ชอบเสียด้วย แต่... การใช้ผ้าลักษณะนี้ ต้องทำใจไว้ด้วย ถึงเรื่องความสะอาด เพราะมันพร้อมจะดูดซับคราวเหงื่อใคล จนกลายเป็ยรอยได้โดยง่าย ในระยะยาว แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 11:01:28 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อเปิดประตูคู่หลัง จะพบว่า เข้าออกง่าย ไม่ลำบากแต่อย่างใด [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เบาะนั่งแถวหลังนั้น สำหรับผู้ที่มีความสูงระดับ 177 เซ็นติเมตร มานั่งแล้ว ก็ยอมรับว่า พอจะสบาย หัวไม่ติดหลังคา [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มีที่พักแขนตรงกลาง ซึ่งก็พอไปวัดไปวาได้ แต่ยังไม่ถึงกับดีเด่นซะทีเดียว [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าไม่เชื่อว่านั่งสบาย ผมมีตัวอย่างมาให้ชมกันครับ ตาแพน V.Putin นั่นเอง ห้องโดยสารหนะรับไหวแน่ แต่ที่ไม่น่าจะไหว โปรดสังเกตุมุมกล้องฝั่งล่าง ขวา นะครับ มันแบนได้ขนาดนั้นเลยทีเดียว!! จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เบาะนั่งสามารถพับทะลุมาถึงห้องเก็บของด้านท้ายรถ ในอัตราส่วน 60 : 40 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พื้นที่ห้องเก็บของด้านหลังนั้น อเนกประสงค์มากๆ หากคุณไปนั่งริมชายทะเล ก็แค่ เปิดฝากระโปรงท้าย และขึ้นไปนั่ง..... แค่นั้นเลย!! แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 09:56:34 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 (ลืม ตัวอย่าง) จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ให้ตาแพน V.Putin ลุกออกไป พื้นที่โล่ง ก็จะเหลือเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 09:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อเปิดพื้นรถออกดู จะเห็นช่องใส่ของ พร้อมกล่อง ขอเกี่ยว เพื่อรั้งสัมภาระ ที่จะต้องถูกตรึงรี้งไว้นั้น เป็นโครเมียม ครับ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แผงหน้าปัดล้ำสมัยมากขึ้น เป็นแบบชิ้นเดียว ยาวต่อเนื่อง จากซ้าย จรด ขวา ย้ายตำแหน่งชุดมาตรวัดความเร็วไปให้ห่างไกล เกือบจะชิดขอบกระจกบังลมด้านล่างแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ออกแบบมาให้ อ่านง่าย ใช้การสะดวก ไม่มีสิ่งใดมาบดบังหรือรถบกวนสายตา [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:00:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แผงควงบคุมตรงกลางประกอบไปด้วย มอนิเตอร์ สี 7 นิ้ว ที่แสดงผลการทำงานของระบบต่างๆในรถ ถัดลงมา จากซ้าย ไป ขวา นาฬิกา ดิจิตอล ปุ่มเปิดไฟฉุกเฉิน ปุ่มเปลี่ยน การแสดงผลของ Trip meter และติดกันนั่นคือ ปุ่มตั้งค่าทั้งหมด ของมาตรวัด ให้เป็น 0 ถัดลงมาเป็นเครื่องเล่น CD ที่ให้คุณภาพเสียงในระดับปานกลาง แต่ทำได้ดีเยี่ยมกว่าเครื่องเสียงของ Honda CR-V ใหม่ เสียอีก ถัดลงมา เป็นช่องใส่ของเฉยๆ มีฝาปิด เป็นฝาใสๆ ครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อติดเครื่องแล้ว หน้าจอจะต้อนรับคุณ อย่างนี้ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จากนั้น ระบบจะตัดภาพมาแสดงสถานะของระบบขับเคลื่อนไฮบริด ขณะจอดนิ่งๆ และบอกอุณ๊หภูมิภายนอกรถ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ tannnnnnnnnnnnnnn คุณ trit onๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าเพิ่งปาดดดดดดดด ------------------------------ ด้านข้างของจอ จะมีปุ่ม 4 ปุ่ม เพื่อให้สะดวกต่อการเข้าถึง ระบบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปุ่มซ้ายบน คือ CLIMATE กดเข้าไป จะเจอหน้าจอควบคุมระบบปรับอากาศ อยากใช้บริการโหมดไหน กดที่จอได้เลย เพราะจอเป็นแบบ Touch Screen ! แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 10:10:16 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ฝั่งขวา ด้านบน เป็นปุ่ม Display สำหรับ ปรับแสง ปรับความสว่าง ของหน้าจอ เป็นเมนูซ้อนทับขึ้นมากลางหน้าจอ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ปุ่มขวาล่าง คือ INFO ในรถรุ่นมาตรฐาน ที่ไม่ได้ติดตั้งระบบนำร่อง หรือระบบอื่นใดเพิ่มเติม กดเข้ามา ก็จะเจอเมนูหลัก 3 รายการ ถ้ากด ไปที่ Trip Info ก็จะกลับไปอยู่ในโหมดแสดงระบบขับเคลื่อน เหมือนใน คห. 27 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้ากดไปที่ Language ก็จะเจอ ภาษาที่มีให้เลือกมากมายก่ายกองขนาดนี้! อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน S นี่อะไรไม่แน่ใจ แต่สุดท้าย เป็น เดนมาร์ก จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 และ ถ้ากด Screen setting ก็เลือกได้เลยว่า จะให้แสดงข้อมูล โดยมี โทนสีแบ็กกราวนด์ บนหน้าจอ เป็นสีอะไร เลือกได้ 4 สี และเลือกให้ตัดสลับจากเมนูที่เลือกไว้ กลับไปแสดง ระบบขับเคลื่อนหรือไม่ แล้วก็ กด OK ตั้งข้อสังเกตว่า แพทเทิร์น ของเมนู และการออกแบบ ระบบหน้าจอ เป็นแบบเดียวกับ โตโยต้า และเล็กซัส ทุกรุ่น ถือเป็นเมนูที่ง่ายต่อการใช้งาน และลดความสับสนของผู้ใช้ลงไปได้ในระดับหนึ่ง จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนปุ่มล่างซ้าย เป็นปุ่ม Audio กดเข้าไป จะเรียกอุปกรณ์ล่าสุดที่เราเรียกใช้งานมาประจำการ เช่นในขณะถ่ายรูป เปิดวิทยุทิ้งเอาไว้ ภาพ FM ล็อคสถานีได้ 18 สถานี AM อีก 6 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 และในเมนูข้างบน ถ้ากดปุ่ม Sound ก็สามารถเลือกปรับเสียงทุ่ม เสียงแหลม และ ปรับความสมดุลย์ ระหว่าง หน้า-หลัง ซ้าย-ขวา ให้เสียงออกมาอย่างที่ต้องการ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าเล่น CD ก็จะแสดงข้อมูลของ แผ่น และชื่อศิลปินได้อีกด้วย ถ้าแผ่นนั้น มีบันทึกข้อมูลดังกล่าวไว้ ขอบอกว่า คุณภาพเสียงใช้ได้เลยทีเดียว ดีกว่า เครื่องเสียงติดรถของ CR-V รุ่นล่าสุดนิดนึง คือผมว่า ไม่ต้องไปพึ่งพาระบบ Premium Sound system ของ JBL ที่มีเป็นออพชันพิเศษมาให้ แต่อย่างใด สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายตังค์เพิ่ม ระบบทั้งหมดนี้ใช้พลังงานจากแบ็ตเตอรี ตัวเดียวกับที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์ไปด้วยนั่นเองครับ ดังนั้น เราจึงไม่เห็นแบ็ตเตอรี แบบปกติ ที่เราเคยเห็นในรถทั่วไป ติดตั้งในพรีอุสแต่อย่างใด แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 10:26:16 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าไม่อยากเปิดวิทยุ ก็ปิดมันไปซะ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 นอกจากจะสามารถควบคุมการทำงานได้จากหน้าจอ Touch Screen แล้ว ยังสามารถสั่งการได้จากสวิชต์ต่างๆ บนพวงมาลัยได้อีกด้วย ฝั่งซ้ายด้านบนทั้งหมด เป็นชุดเครื่องเสียง ส่วน ปุ่ม แบบวงกลม ทั้ง 2 ฝั่ง ไว้ควบคุมระบบปรับอากาศ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชิ้นส่วนพลาสติก ที่กัดลายขึ้นมาเป็นพิเศษ เป็นลายเปลือกไม้ครับ เมื่อสัมผัสลงไปจะพบกับความนุ่มมือ เป็นลายที่ มีใครสักคนบอกผมว่า ไม่น่ามีผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทย รายใด จะทำได้ ในขณะนี้ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ช่องเก็บของพร้อมฝาปิด มี 2 ตำแหน่ง ความจุนั้น มากมายเพียงพอสำหรับสารพัดสิ่งของที่คุณอยากจะจับยัดมันเข้าไป จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ชุดมาตรวัดดิจิตอลด้านบน ของแผงหน้าปัด จากเดิมที่เคยอยู่ตรงกลาง ถูกเลื่อนเข้ามาให้ใกล้สายตาคนขับมากขึ้น ขณะกดปุ่มติดเครื่อง สัญญาณไฟจะแสดงขึ้นตามนี้ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 42 การติดเครื่อง นั้น หากเป็นพรีอุสรุ่นเดิม แค่หมุนสวิชต์กุญแจ มอเตอร์ไฟฟ้าก็พร้อมออกรถได้ทันที โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกว่าจะเปิดแอร์ แต่รุ่นใหม่นี้ ต้องเสียบคีย์การ์ด เข้าไปในช่องเสียบก่อน จากนั้นเหยียบเบรก เพื่อความปลอดภัย ก่อนกดปุ่ม POWER เพื่อติดเครื่อง จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:42:12 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าไฟสีเขียวขึ้น แสดงว่า ระบบติดเครื่องแล้ว จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าไม่เหยียบเบรก แล้วกดปุ่ม POWER เลย ไฟที่ปุ่มจะขึ้นเป็นสีส้มๆ เพื่อเตือนว่า ระบบทำงานได้เฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถเท่านั้น หรือโหมด ACC-ON ในรถที่ใช้ระบบติดเครื่องยนต์ด้วยกุญแจ นั่นเอง วิธีการ ก็ไม่ต่างกับที่คุณต้องทำใน ยาริส และแคมรีใหม่ เลย จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 45 แล้วก็รอให้ระบบแสดงคำว่า READY บนแผงหน้าปัดก่อน (ซึ่งก็ไม่นานเลย แค่แป๊บเดียว) ผู้ขับจึงจะออกรถได้ โดยผลักคันเกียร์ขนาดเล็ก ELECTRO SHIFT-MATIC ไปที่ตำแหน่ง D และ เหยียบคันเร่งไฟฟ้า เพื่อออกตัว การขับขี่? ไม่ยากเลย มันก็เหมือนกับรถเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทั่วๆไปนั่นเอง จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ทัศนวิสัย ด้านหน้า เสาหลังคาคู่หน้าที่ยื่นล้ำออกไป ไม่บดบังทัศนวิสัยมากนัก จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มองกระจกข้าง ฝั่งขวา ก็มีจุดอับเล็กน้อย พอกันกับรถที่มีเสาคู่หน้าในลักษณะนี้ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ฝั่งซ้ายมองแล้ว มีจุดอับบ้าง แต่ว่า ไม่มากเท่ารถรุ่นอื่นๆ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แต่สำหรับด้านหลัง ควรเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะ ขณะ เปลี่ยนจากเลนทางด่วน เข้าเลนคู่ขนาน หรือจะเปลี่ยนเลนจากซ้าย ไป ขวา เพราะจุดบอดนั้น ถือว่า มีพอสมควรเลยทีเดียว จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 10:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 51 พวงมาลัย ทรงประหลาด บรรยากาศภายในรถ ชวนให้รู้สึกว่า กำลังนั่งอยู่ในรถต้นแบบ มากกว่าจะเป็นรถที่ทำออกมาขายจริง แต่กลับไม่รู้สึกถูกรบกวนจากความไฮเทคแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ความรู้สึกเป็นมิตรกับผู้ใช้ หรือ User's friendly นั้น มีอยู่ในห้องโดยสารของพรีอุสใหม่ ในระดับที่หลายๆคนน่าจะชื่นชอบกัน คันที่ทดลองขับนี้ ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า และม่านลมนิรภัย เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในเวอร์ชันญี่ปุ่น จะมี 2 อุปกรณ์ ที่ไม่ได้ติดตั้งในรถคันที่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สั่งเข้ามา คือ ระบบ G-BOOK ซึ่งเป็นระบบสื่อสารพร้อมความบันเทิงอัจฉริยะวงจรปิด (INTERNAL SERVICE) ทำงานร่วมกับแผ่นการ์ด SD (SECURE DIGITAL) จาก Panasonic บรรจุข้อมูลแผนที่ทั้งหมดรวมทั้งไฟล์เพลง คาราโอเกะ MP3 เพื่อรองรับบริการต่างๆ เช่น ระบบนำร่องผ่านดาวเทียมด้วยเสียง VOICE NAVIGATION บนแผ่นแผนที่ DVD ข้อมูลความบันเทิงทั่วไป เกมส์ต่างๆ ไปจนถึงบริการรับฝากข้อความ กระดานข่าว ระบบรับ-ส่งอีเมล์ พร้อมระบบอ่านอีเมล์ที่ส่งเข้ามาด้วยเสียงอัตโนมัติ ในขณะขับรถอยู่ มีให้เลือกติดตั้งพิเศษ โดยรุ่นพรีอุส จะใช้จอ EMV (ELECTRO MULTI VISION) พร้อมหน้าจอแบบสัมผัส TOUCH-SCREEN และเลือกได้ว่าจะใช้ BLUTOOTH ในโทรศัพท์มือถือ หรือจะใช้กล่อง DCM (DATA COMMUNICATION MODULE) เป็นตัวรับส่งข้อมูลจากศูนย์บริการข้อมูล และระบบ ระบบถอยหลังเข้าจอดได้เองอัตโนมัติ INTELLIGENT PARKING ASSIST ** ทำงานร่วมกับกล้อง CCD ที่ด้านหลังรถ ส่งสัญญาณภาพมายังจอมอนิเตอร์ EMV เมื่อหาที่จอดรถได้แล้ว ให้กะระยะมุมถอยหลังผ่านจอภาพ จากนั้นกดปุ่ม P บนแผงหน้าปัดเพื่อยืนยันตำแหน่ง จากนั้น ผู้ขับเพียงแค่เหยียบเบรกเพื่อให้ระบบเริ่มทำงาน รถจะถอยหลังเข้าจอดในตำแหน่งที่ตั้งไว้ได้เอง (มีเฉพาะเวอร์ชันญี่ปุ่นเท่านั้น คันที่ส่งมาให้ผมทดลองขับน้น ไม่ได้ติดตั้งระบบนี้มาให้) รายละเอียดอื่นๆ เชิญชมกันได้ ใน http://www.toyota/co/jp http://toyota.jp/Prius http://hybrid.toyota-asia.com/ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ยังไม่จบง่ายๆครับคุณจูนอัพ อย่าเพิ่งปาดนะครับ ^^' -------------------------- ***รายละเอียดด้านวิศวกรรม*** ระบบ THS-II HYBRID SYNERGIES DRIVE เป็นอย่างไร? ไฮไลต์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงในพรีอุสใหม่ อยู่ที่ ระบบ THS-II (TOYOTA HYBRID SYSTEM-II) ที่เรียกได้ว่าเป็นขุมพลังระบบพาราเรลไฮบริด เพราะทำงาน ได้ทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินอย่างเดียว มอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียว หรือทั้ง 2 อย่างควบคู่กัน ต่างจากระบบ Mild HYBRID ในโตโยต้า คราวน์ ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้า ทำหน้าที่แค่ ช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์นิดหน่อยเท่านั้น และต่างจากระบบ THS-C ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในเอสติมา ไฮบริด กับอัลฟาร์ด ไฮบริด [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ระบบนี้ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินรหัส 1NZ-FXE 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,496 ซีซี พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT-i และระบบลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า พัฒนาต่อเนื่องจากเครื่องยนต์ของ วีออส และยาริสนั่นเอง แต่ถูกลดทอนกำลังลง [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:13:47 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ลดทอนกำลังที่ว่า หมายถึงลดทอนลงจากรุ่นปกติ 109 แรงม้านะครับ แต่เมื่อเทียบกับพรีอุสรุ่นเดิมแล้ว กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจากพรีอุสรุ่นเดิม 72 แรงม้า (PS) ที่ 4,500 รอบ/นาที เป็น 76 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที แต่แรงบิดสูงสุดยังอยู่ที่ 11.7 กก.-ม.ที่ 4,200 รอบ/นาที เท่าเดิม ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน SUPER CVT พ่วงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ล่าสุด 3CM ที่ได้รับการปรับปรุงให้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจากเดิม 30 กิโลวัตต์ หรือ 40.8 แรงม้า (PS) ที่ 940 - 2,000 รอบ/นาที เป็น 50 กิโลวัตต์ หรือ 68 แรงม้า (PS) ที่ 1,200-1,540 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 35.7 กก.-ม.ที่ 400 รอบ/นาที เป็น 40 .8 กก.-ม. (400 นิวตันเมตร) ที่ 0-1,200 รอบ/นาที คิดกันเล่นๆ แบบ ไม่ต้องมองเรื่องหลักวิศวกรรม (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ถูกต้องนักที่จะมองแบบนี้) แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียว เท่าๆกับแรงบิดที่คุณจะพบได้ใน เครื่องยนต์ของ นิสสัน นาวารา 4WD 174 แรงม้า และ ซาบ 9-5 Full Turbo เลยนะนั่น!!!!! แถมยังมาในรอบที่ต่ำกว่ามาก คือ แค่กดคันเร่ง ออกตัว มันก็มาแล้ว! ไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ แบบเครื่องยนต์สันดาปของทั้ง 2 รุ่นที่เอ่ยมาแต่อย่างใด!!!!! จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ...นี่คือตัว INVERTER แปลงกระแสไฟจาก DC ในแบ็ตเตอรี เป็น AC ซึ่งมีศักย์ไฟฟ้าเพื่อไปขับมอเตอร์สูงระดับ 500 โวลต์ เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าจากรุ่นเดิม (274 โวลต์) แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 11:22:37 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 56 INVERTER จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:23:37 ]

ความคิดเห็นที่ 57 พร้อมแบตเตอรี แบบนิกเกิลไฮดราย Ni-MH จาก Panasonic ติดตั้งไว้ที่ ใต้เบาะหลัง จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ภาพหน้าตัดของตัว มอเตอร์ขับเคลื่อน จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ภาพหน้าตัดของตัว Generator ปั่นไฟกลับไปยังแบ็ตเตอรี จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ***หลักการทำงาน*** -ช่วงออกตัว ไปจนถึงการปล่อยให้รถเคลื่อนตัวไป ด้วยความเร็วไม่มากนัก (Start --> Low speed driving) แบ็ตเตอรีส่งกระแสไฟไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยหมุนล้อคู่หน้าก่อนในช่วงแรก เครื่องยนต์ยังไม่ต้องทำงาน (ผมลองพยายามป้อนน้ำหนักเท้าลงไปยังคันเร่งอย่างแผ่วเบา เพื่อเพิ่มความเร็วของรถ ขณะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน เพราะอยากรู้ว่า มอเตอร์ไฟฟ้า จะขับเคลื่อนตัวรถไปได้เร็วแค่ไหน เคยทำได้ตัวเลขแถวๆ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง นิดหน่อย ครับ แต่นั่นต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเกร็งเท้า และค่อยๆเพิ่มน้ำหนักลงเท้า เพื่อให้เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงาน แต่นั่นจะทำให้แบ็ตเตอรี ก็จะไม่ได้ถูกชาร์จเลยเช่นกัน จนเมื่อใดที่กระแสไฟเหลือเพียง 2 ขีด เครื่องยนต์ก็จะเข้ามาช่วยทำงานปั่นไฟเข้าไปยังตัวมอเตอร์เพิ่มเติม) จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 61 -เมื่อเข้าสู่ระดับการขับขี่ที่ใช้ความเร็วเดินทางไกลทั่วไป (60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป) แบ็ตเตอรีจะหยุดส่งกระแสไฟให้มอเตอร์ ดังนั้น เครื่องยนต์จะเข้ามารับหน้าที่ เดินเครื่องส่งกำลังไปหมุนทั้งล้อคู่หน้าโดยตรงเอง แต่หากยังไม่พอ เครื่องยนต์จะเพิ่มการส่งกำลังบางส่วนไปให้มอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยกันหมุนล้อคู่หน้าอีกแรง (รวมเป็น 2 แหล่งพลังงาน) (และถ้าต้องการใช้ความเร็วคงที่นานๆ เวอร์ชันอเมริกาเหนือจะมีระบบครุยส์คอนโทรล ช่วยควบคุมความเร็วให้ แต่คันที่ทดลองขับนี้ ไม่มี) จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 62 -แต่เมื่อต้องเร่งความเร็วกระทันหัน แบ็ตเตอรีจะกลับมาช่วยงานอีกครั้ง โดยส่งกำลังไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้าไปหมุนล้อ พร้อมๆกับที่มอเตอร์จะรับกำลังจากเครื่องยนต์ไปหมุนล้อ ต่อเนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่เครื่องยนต์เองก็ยังคงส่งกำลังลงสู่ล้อไปด้วยกัน จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:44:04 ]

ความคิดเห็นที่ 64 -ท้ายสุด หากผู้ขับขี่ละจากคันเร่ง เพื่อลดความเร็ว หรือแตะเบรค เครื่องยนต์จะดับ และปล่อยให้มอเตอร์ไฟฟ้า หมุนในทิศทางกลับกันเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าส่งกลับ ไปเก็บไว้ที่แบ็ตเตอรี จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ andriy (a_nizuka บอกว่าอย่าเพิ่งปาดดดดดดด ------------------------ และไม่ว่ารถจะกำลังชะลอความเร็วลง หรือว่า จอดนิ่ง ติดไฟแดง ถ้ากระแสไฟในแบ็ตเตอรีน้อย อยู่ในระดับต่ำ 2 ขีด อินเวอร์เตอร์จะส่งสัญญาณให้เครื่องยนต์เริ่มเดินเบา เพื่อช่วยปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบ็ตเตอรีเพิ่ม จนกว่าจะเต็มจึงจะหยุดทำงาน และเครื่องยนต์จะดับไปเอง เพื่อส่งหน้าที่กลับไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าต่อไป เช่นเดียวกับรุ่นที่แล้ว จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 11:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ระบบส่งกำลังเป็นแบบ อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT คันเกียร์ เป็นแบบ ไฟฟ้า ELECTRO SHIFT MATIC การเข้าเกียร์ ไม่ยากเย็นอะไร แค่ ผลักไปที่ตำแหน่งต้องการ เช่น จะเดินหน้า ก็ผลักไป D ถอยหลัง ก็ผลักไป R ถ้าจะเข้าเกียร์ว่าง ก็ ผลักมาที่ N แต่ค้างไว้ 1-2 วินาที ถ้าจะจอดรถ ให้กดปุ่ม P จนไฟสีเขียวติดสว่างขึ้นมา ถ้าจะออกตัวขับเคลื่อนอีกครั้ง แค่เหยียบเบรก แล้วผลักเกียร์ไปที่ D ก็เหยียบคันเร่ง ออกรถได้เลย ส่วนเกียร์ B นั้น ก็เหมือน เกียร์ต่ำ หรือเกียร์ 1 หรือ L ในเกียร์อัตโนมัติ ครับ เมื่อเข้าไปแล้ว ถ้าถอนคันเร่ง ก็จะมีอาการ ตื้อ มากกว่า ที่เกิดขึ้นในเกียร์ D ครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 14:17:44 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 12:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 67 แต่ในกรณีที่ประตูฝั่งคนขับ หรือบานใดบานหนึ่งเปิดออกอยู่ ระบบจะส่งสัญญาณร้องเตือน และขึ้นหน้าจอดังนี้ ทางแก้คือ ต้องปิดประตูให้สนิทก่อน สถานเดียว แล้วจึงจะออกรถได้ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 12:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 68 นอกจากนี้ ยังมีอีก 1 ฟังก์ชันล่าสุดที่เพิ่มมาให้จากพรีอุสรุ่นแรก คือ ปุ่ม EV DRIVE MODE หากต้องออกจากบ้านแต่เช้า หรือกลับเข้าบ้านตอนดึก และไม่อยากให้มีเสียงเครื่องยนต์รบกวนเพื่อนบ้าน เมื่อกดปุ่มติดเครื่องยนต์ จนไฟบนหน้าปัดขึ้นคำว่า READY แล้ว เพียงแต่กดปุ่ม EV MODE และเข้าเกียร์ D เพื่อสั่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ช่วยลดเสียงรบกวน และทำให้ลดมลภาวะจากท่อไอเสียไปในตัว เหมาะกับการขับเข้า-ออก จากที่จอดรถ แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าอุณหภูมิภายนอกต่ำกว่า -10 องศาเซลเซียส หรือแม้เป็นอุณหภูมิปกติ แต่แบ็ตเตอรีเหลือน้อยเพียง 2 ขีด เครื่องยนต์จะเข้ามาช่วยเสริมการทำงานเอง เนื่องจากตอนอุณหภูมิต่ำมากๆ เป็นปกติที่การทำงานของแบ็ตเตอรีจะไม่ดีเท่าที่ควร จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 12:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หลายคนอาจสงสัยว่า ทำงานไปๆมาๆแบบนี้ แบ็ตเตอรี มันจะไม่ร้อนหรือ? โตโยต้า ทำช่องรับอากาศเข้าไปทำความเย็นให้แบ็ตเตอรี อยู่ที่บริเวณฝั่งขวา ของเบาะหลัง มีคำเตือนมาในคู่มือผู้ใช้รถว่า อย่าไปนั่งทับ หรือปิดช่องที่ว่านี้นานๆๆ เพราะอาจทำให้การระบายความร้อนของแบ็ตเตอรีทำได้ไม่ดี จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 12:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 71 พรีอุส ไม่มีมาตรวัดรอบมาให้ เราจึงไม่อาจหารอบเครื่องยนต์ต่างๆมารายงานกันได้ เราทดลองหาอัตราเร่งกันโดยมีผมและเพื่อนผู้โดยสารอีก 1 คน นั่นก็คือ น้องกล้วย (Login น้องชายคนเล็ก) นั่นเอง รวมเป็น 2 คน น้ำหนักประมาณ 140 กิโลกรัม เปิดแอร์ไปด้วย อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ครั้งที่ 1      12.05  วินาที 2.     12.00  วินาที 3.     12.13  วินาที 4.     12.10  วินาที เฉลี่ย 12.07 วินาที --------------------- อัตราเร่ง 80-120 กม./ชม. ซึ่งเป็นช่วงที่ผมใช้วัดประสิทธิภาพการเร่งแซง เริ่มกดคันเร่งจนสุด เมื่อเข็มความเร็วชี้ที่ระดับ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ครั้งที่ 1      9.71  วินาที 2.     9.72  วินาที 3.   10.16  วินาที 4.   10.23  วินาที รวมแล้วเฉลี่ย 9.95 วินาที ! --------------------- ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ ไม่สามารถทำได้ เพราะเกียร์เป็นแบบ CVT ดังนั้น จึงมีแค่ตัวเลขความเร็วสูงสุด 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง --------------------- เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า สำหรับรถยนต์ไฮบริดนั้น ตัวเลขที่ทำได้ในระดับนี้ ถือว่าดีกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปหลายๆคันเลยทีเดียว อีกทั้งอัตราเร่งจริงๆ ให้ความรู้สึกที่พุ่งทะยานใช้ได้เลย แม้คันเร่งไฟฟ้า จะตอบสนองในแบบที่รถโตโยต้าเกือบทุกรุ่นในพักหลังมานี้เป็น คือ "ขอกรูคิดก่อน สัก 1 วินาทีนะว่ากรูควรจะทำอะไรต่อไปในชีวิต" เหมือนเคยก็ตาม กระนั้น การตัดต่อกำลังจากระบบมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานนั้น ยังมีการกระตุกที่ชัดเจน และรู้สึกได้จากในห้องโดยสาร การแก้ไขเพื่อลดอาการที่ว่านั้น น่าจะเป็นไปได้ยากในขณะนี้ และเราคงต้องให้เวลาวิศวกรของโตโยต้า ญี่ปุ่น หาทางปรับปรุงกันอีกสักระยะใหญ่ๆ สำหรับพรีอุสแล้ว อีกสิ่งที่คนไม่ค่อยพูดถึงกันเลย นั่นคือ ระบบกันสะเทือนที่ทั้งนุ่มสบาย และให้การขับขี่ ที่มั่นใจได้ดีมากๆ ถ้าเทียบกับรถยนต์แบบที่เซ็ตมาในแนวขับนุ่มๆ ด้วยกันแล้ว พรีอุสใหม่ถูกปรับปรุงสมรรถนะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง ระบบกันสะเทือนทำจากอะลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนัก ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต หลังแบบทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งหน้าหลัง โดยเลือกใช้สปริงที่ถูกลดค่ามวลความแข็งลง เพื่อเพิ่มความ มั่นคงในการขับขี่ ในเวอร์ชันญี่ปุ่น จะมีรุ่น TOURING SELECTION ซึ่งถูกปรับแต่งระบบกันสะเทือนให้แน่น และหนึบ เหมาะกับการขับขี่แบบสปอร์ตมากขึ้น การตอบสนองขณะเข้าโค้งนั้น สุภาพ นิ่ง ไม่ถึงกับหนักแน่นแบบรถสปอร์ต แต่มั่นคงในระดับที่รถบ้านๆทั่วไป ของโตโยต้า สมควรจะมีเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังให้การทรงตัวในย่านความเร็วสูงที่ดี อย่างไรก็ตาม พวงมาลัยเพาเวอร์แบบปั้มไฮโดรลิกไฟฟ้า EPS ในพรีอุส ก็ยังมีอาการให้ฉุกคิดเล็กน้อยอยู่บ้าง คือ แม้จะนิ่ง ควบคุมง่าย เลี้ยวได้ด้วยน้ำหนักที่กำลังดี ไม่เบาหวิว หรือหนักเวอร์มากเกินไป แต่ในความเร็วสูง บางขณะ กระแสลมด้านข้างที่ตีเข้ามา ก็อาจทำให้เกิดอาการ ออกซ้าย ออกขวาได้นิดๆหน่อย เป็นอาการเดียวกับที่ผมพบเจอใน วีออส และยาริส ทว่า พบเจอน้อยครั้ง และไม่รุ่นแรงกว่ากัน "เยอะ" แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 12:47:21 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 12:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ระบบเบรก? คุณจะไม่มีทางเห็นอาการ "ทื่อ แต่ปลอดภัย" ในพรีอุส แน่นอน! ทำไมหนะหรือ? ก็เพราะระบบเบรกของ พรีอุส ไม่ต้องพึ่งพาหม้อลมเบรกแล้วไงละ! ระบบเบรกของพรีอุส เป็นระบบเบรค ECB (ELECTRONICALLY CONTROL BREAK) ไม่ต้องพึ่งพาหม้อลมเบรกแบบเก่าๆ เพราะถูกแทนที่ด้วยปั้มไฟฟ้าควบคุมแรงดัน น้ำมันเบรก และกล่อง ECU ทั้ง 2 ที่แยกกันดูแลการทำงานระหว่างระบบเบรกกับระบบไฮบริด ระบบนี้ถูกติดตั้งเป็นครั้งแรกในโลกกับรถตู้ เอสติมา ไฮบริด เมื่อเดือน พฤษภาคม 2001 หลักการทำงานก็คือเมื่อผู้ขับขี่เหยียบแป้นเบรคซึ่งทำงานคล้ายสวิชต์อีเล็กโทรนิคส์เพื่อลดความเร็ว สวิชต์นี้จะส่งสัญญาณไปยังกล่อง ECU ทั้ง 2 กล่อง โดยสัญญาณแรก จะแยกส่งให้กล่องควบคุมระบบเบรก เพื่อคำนวนแรงเหยียบเบรก รวมกับอัตราความเร็วของรถในขณะนั้น หาตำแหน่งที่เหมาะสมในการเปิดวาล์วคุมแรงดันน้ำมันเบรก แล้ว ส่งสัญญาณต่อไปให้ปั้มไฟฟ้าควบคุมแรงดันน้ำมันเบรก สั่งให้วาล์วเปิดออกตามที่คำนวนมาเพื่อส่งแรงดันน้ำมันเบรกไปยังล้อแต่ละข้างตามความต้องการของแต่ละล้อใน แต่ละสถานการณ์ ส่วนอีกสัญญาณที่เหลือจะส่งต่อไปยังกล่องควบคุมระบบไฮบริด เพื่อส่งต่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าหน่วงการทำงานของล้อคู่หน้าคล้ายกับการใช้เบรกเครื่องยนต์ (ENGINE BREAK) ในรถยนต์ทั่วไป ขณะเดียวกัน ก็จะช่วยกันปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบ็ตเตอรีอีกครั้ง นอกจากนี้ พรีอุส ยังติดตั้งระบบระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลื่นและทางโค้ง S-VSC (STEERING-ASSISTED VEHICLE STABILITY CONTROL) แล้วมันต่างจาก VSC ในอัลติส และแคมรี ยังไงละ? คือตามปกติแล้ว ระบบ VSC ในอัลติส และคัมรี จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพการทำงานของระบบต่างๆ ตามจุดต่างๆของรถ และจะส่งสัญญาณให้แต่ละระบบ ตัดการส่งกำลังสู่ ล้อขับเคลื่อน แล้วช่วยกันเพิ่มและกระจายแรงเบรกให้แต่ละล้อตามความเหมาะสม เมื่อรถเสียการทรงตัว แต่ระบบ S-VSC จะเพิ่มเซ็นเซอร์พิเศษ ควบคุมแรงหมุนของพวงมาลัยไฮโดรลิค-ไฟฟ้า EPS (ELECTRONIC POWER STEERING) ให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว ของตัวรถ เพื่อป้องกันไม่ให้หลุดโค้ง ทั้งในภาวะท้ายปัด โอเวอร์สเตียร์ หรือหน้าดื้อ อันเดอร์สเตียร์ ทั้งระบบ S-VSC และ ECB จะทำงานร่วมกับดิสก์เบรกคู่หน้า และดรัมเบรกคู่หลัง เสริมด้วยเอบีเอส และระบบกระจายแรงเบรก EBD รวมทั้งระบบเพิ่มแรงเบรคฉุกเฉิน BREAK ASSIST  และ TRC แทร็คชันคอนโทรล ในกรณีที่มีการเบรกกระทันหันบนพื้นถนนที่ต่างกัน ทุกระบบจะประสานงานกันเพื่อส่งแรงเบรกไปยังล้อที่จำเป็นมาก ที่สุด เพื่อให้หยุดรถได้โดยไม่มีอาการหมุน และพิเศษสำหรับเวอร์ชันอเมริกาเหนือคือ เพิ่มระบบ HILL ACCELERATION CONTROL สำหรับเพิ่มกำลังในการขับขี่ ขึ้นและลงทางลาดชันอีกด้วย การทำงานของกล่องคอมพิวเตอร์ ECU ควบคุมระบบต่างๆ เหล่านี้ รวมทั้งกล่อง ECU ของเครื่องยนต์ และระบบไฮบริด จะถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันในระบบ LAN (LOCAL AREA NETWORK) เพื่อให้แต่ละกล่อง เชื่อมต่อส่งผ่านข้อมูลต่างๆ ซึ่งกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตอบสนองของเบรกนั้น เรียกได้ว่า หน่วงความเร็วได้อย่าง รวดเร็ว ฉับไวกว่ารถที่ใช้ระบบเบรกแบบหม้อลมทั่วไปอย่างชัดเจน เพราะมีการหน่วงจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยด้วยอีกแรงหนึ่ง พอมีอาการหน้าทิ่มบ้าง แต่ยังถือว่ารับได้ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 12:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ***การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง*** ประเด็นสำคัญ หัวใจหลักของการนำพรีอุสมาขับในครี้งนี้ คือการทดลองอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ผมอยากรู้ว่า ถ้าขับในมาตรฐานที่ผมทำมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมานี้ วิ่ง 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เปิดแอร์ นั่ง 2 คน เติมน้ำมันจากปั้มแถวพระราม 6 ขึ้นทางด่วน ไปลงเชียงราก แล้วกลับมาขึ้นทางด่วนเชียงรากอีกรอบ มาลงทางด่วนพระราม 6 กลับไปเติมน้ำมันที่ ปั้มเดิม และหัวจ่ายเดิม ตัวเลข จะออกมาเป็นอย่างไร? จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:01:35 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คราวนี้ เรามีน้อง กอฟท์ BIZZARE ในห้องรัชดาเรานี่ละครับ มาเป็นผู้ช่วยและผู้ร่วมเดินทาง ไปด้วยกันครั้งนี้ เรื่องของเรื่องที่ลากมาได้ เพราะว่า ผมฝากน้องเขา ซื้อ CD ของ Tatsuro Yamashita จากเว็บในญี่ปุ่น เลยมายื่นหมูยื่นแมวส่งของกันวันรับรถมาทดลองพอดี เลยชวนมานั่งเป็นหุ่นไปด้วยเลย เราเติมน้ำมันแบบเติมให้เต็ม เอาให้ถึงคอถังด้านบนกันเลย ทั้งขาไป และขากลับ มีเขย่าๆขย่มๆ รถบ้างเล็กน้อย รถคันนี้เติมง่าย ไม่ต้องออกแรงเขย่าให้สิ้นเปลือง แต่ .... ตอนเติมเข้าครั้งแรกนั้น เจ็บปวดมาก ค่าน้ำมัน ล่อเข้าไป 12 ลิตร นั่นคือเติมเข้า ก่อนจะเริ่มต้นทำการทดลองกัน จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 75 และเมื่อสรุปตัวเลขกันแล้ว ระยะทางที่แล่นไปทั้งหมด       89.5  กิโลเมตร น้ำมันที่เติมกลับเข้าไป           4.610   ลิตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง        19.41   กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยทำได้ในการทดลองกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ทุกรุ่น ทุกแบบ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ทีนี้ ผมก็ชักอยากรู้แล้วว่า น้ำมัน 1 ถัง จะแล่นไปได้สักแค่ไหน? มันจะได้อย่าง ที่โฆษณาแปะแบนเบอร์ในพันทิบ หรือเปล่า ที่บอกว่า น้ำมัน 1 ถัง แล่นได้ถึง ภูเก็ต ประมาณ 1,000 กว่ากิโลเมตร พอเติมน้ำมันงวดนี้ เรียบร้อย ก็เลยเซ็ต 0 จากหน้าปั้ม และออกแล่น ตั้งแต่เย็น 2 ทุ่ม โดยประมาณ วันที่ 20 เมษายน จนถึง บ่าย 4 โมงเย็น ของ 25 เมษายน ผมขับใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ในบางวัน ก็ขับไปจัดรายการวิทยุ แบบ กดๆ เร่งแซง เน้นเอาอัตราเร่งอย่างเดียวเป็นหลัก นี่คือระยะทางที่แล่นไปทั้งหมด ก่อนที่ตาโบ้ต พีอาร์หล่อล่ำน่ารัก(และโคตรกวนทีน) ของโตโยต้า จะรับรถกลับไป และโปรดสังเกต มาตรวัดน้ำมันในถังด้วยครับ ทั้งหมด มันมี 10 ขีด ครึ่งถัง แล่นมาได้ตั้ง 600 กิโลเมตร นี่ผมก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้วละ!!!! ถ้านึกกันจริงๆ เปรียบเทียบกับรถเก๋งทั่วไป ที่เติมน้ำมัน กัน ประมาณสัปดาห์ละ 1 ถัง นั่นหมายความว่า คุณจะประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ถึง ครึ่งหนึ่ง จากที่จ่ายอยู่ หรือเผลอๆ เกินครึ่งมาอีกหน่อยด้วยซ้ำ!! ไม่ต้องติดแก้ส แล้วคร้าบบบ พี่น้องงงง!!!! ------------------ ปัญหาเดียวที่ผมยังกังวลคือ ราคาค่าตัวของเจ้าแบ็ตเตอรี ที่แม้ว่าจะถูกลงกว่า พรีอุสรุ่นเดิมแล้ว ทว่า หากสั่งซื้อผ่าน TMAP หรือ โตโต้ มอเตอร์ เอเซีย แปซิฟิกแล้ว มันก็ยังอยู่ที่ระดับ 2 แสนบาทอยู่ดี!!!!!! เฮ้อ.... (ก็ลองหาซื้อโดยตรงจาก พานาโซนิค ซิคร้าบ! น่าจะถูกกว่ากันพอสมควรนา) หุหุหุ จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ***สรุป*** สุดประหยัด แถมแรง และช่วงล่างดี เบรกเริ่ด และจะประเสริฐกว่าแคมรี ทันตา ถ้าตั้งราคาในบ้านเราได้เท่าแคมรีรุ่นท็อป [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:27:36 ]

ความคิดเห็นที่ 78 นาน น้านนนนน นานนนน ๆ ที ที่ผมจะเกิดความรู้สึกส่วนตัว ที่ไม่เกี่ยวกับการทดลองขับรถใดๆว่า ไม่อยากจะคืนรถ และนาน น้านนนนน นานๆๆๆๆ ทีเดียว ที่จะเกิดความรู้สึกไม่อยากคืนรถ กับรถยี่ห้อ โตโยต้า (ซึ่งก็รวมถึงเล็กซัสด้วยนั่นละ)!! จะหารถคันไหนได้อีกละครับ ที่ทั้งประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างเอกอุ ทั้งยังให้อัตราเร่ง ที่ดี เกินหน้าเกินตารถเก๋งระดับบ้านๆทั่วไปที่ขายกันอยู่ในบ้านเราหลายรุ่น แถมยังมีช่วงล่างที่เซ็ตมาเอาใจคนอยากขับรถในแนวสบายๆ ไม่ใช่แนวสปอร์ต ได้อย่างใจขนาดนี้ เบรก ก็หน่วงความเร็วได้ดี แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังสามารถใช้แกล้งคนได้อีกต่างหาก!! ที่ว่าแกล้งคนได้ เพราะว่า เมื่อขับขี่ในโหมด EV แล้วไม่เปิดไฟ ขับตามคนที่กำลังเดินอยู่ และปิดไฟ เชื่อไหมว่า แทบไม่มีใครฉุกคิดเลยว่า เรากำลังขับรถเอื่อยๆตามหลังเขาอยู่!!! เพราะมันเงียบสนิทมาก! เหมาะกับคุณพ่อบ้านเมียชอบเผลอ ได้อย่างดีทีเดียว เพราะกลับมาบ้านดึกๆ ภรรเมียของคุณจะไมได้ยินเสียง เครื่องยนต์เลย เหลืออย่างเดียวคือ ทำประตูบ้านให้มันเงียบๆหน่อย หมั่นยอดน้ำมันหล่อลื่นที่วงล้อประตูบ้าน ก็เท่านั้น!!! มันเงียบเสียจนผมจะไม่แปลกใจถ้ามีรายงานออกมาเมื่อไม่นานมานี้ในสหรัฐฯว่า พรีอุส และรถไฮบริดอีกหลายรุ่นเ ป็นอันตรายต่อการข้ามถนนของคนตาบอด!! ผมเข้าใจก็คราวนี้เองครับ ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ! ตัวรถ ไม่ใช่ปัญหา คุณงามความดีของมัน เป็นเรื่องที่น่ายกย่องสรรเสริญในภาพรวม แม้วง่าอาจมีบางจุดที่ต้องปรับปรุงกัน ในรถรุ่นต่อไป ซศึ่งมีกำหนดคลอดออกสู่ตลาดในปีหน้า พร้อมกับรูปลักษณ์ที่จะคล้ายกับการเอารุ่นปัจจุบัน ไปผสมกับ เซลิการุ่นสุดท้าย และผสมกับรถต้นแบบ สีน้ำเงิน ที่มาโชว์ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ แต่สิ่งที่ผมห่วงนั้น มี 2 เรื่อง คือ ราคา ค่าตัว? ถ้าตราบใดที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ยังมองว่ารถยนต์ไฮบริด คือของเล่นฟุ่มเฟือย โดยไม่สนใจถึงความประหยัดที่ตัวรถทำได้สนองตอบ ต่อนโยบายของภาครัฐบาล ได้ดีเสียยิ่งกว่า แก้สธรรมชาติ หรือแก้สหุงต้มด้วยซ้ำนั้น ผมก็บอกได้เลยว่า รัฐบาลไทยๆ ก็ยังคงไร้วิสัยทัศน์ ในเรื่องอนาคตของประเทศในเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน และการรักษาสภาพแวดล้อมของชาติเราเหมือนเดิมอยู่ดี! อีกเรื่องนึงคือ ราคาของแบ็ตเตอรี ถ้ายังคงตั้งราคากันแพงอย่างนี้อยู่ ถ้ายังไม่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงมาให้ต่ำได้มากกว่านี้ ความแพร่หลายของรถยนต์ไฮบริดในบ้านเรา ก็จะยังคงถูกจำกัดอยู่ในวงแคบๆเช่นนี้อยู่ต่อไป บอกตรงๆว่า ผมอยากเห็น โตโยต้า เอาพรีอุส เข้ามาขาย ในราคา ไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือถ้า สูงกว่า แคมรี + Navi ตัวท็อป สักเล้กน้อย ผมว่า มันก็คุ้มพอที่จะมีคนซื้อ แต่ถ้าราคาสูงกว่านั้น? ก็คงได้อย่างมากแค่ขายแข่งกับผู้ค้ารายย่อย ซึ่งก็ขายไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วนั่นละครับ ----------------//------------- [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 79 .. [b]อย่าเพิ่งถามถึงราคากับผมตอนนี้ เพราะ รถคันนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย อยู่ในระหว่างการรอดูท่าทีว่าจะเอาเข้ามาขายในบ้านเราได้ในราคาเท่าไหร่หนะครับ นั่นหมายความว่า โตโยต้า ส่งรถคันนี้ให้ผมลองขับทั้งที่ยังไม่รู้วี่แววว่าจะขายได้เมื่อไหร่ อันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยปกตินักสำหรับโตโยต้าเขา แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 19:35:59 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ... จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 81 .. [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เห็นโฆษณาตามนิตยสาร มีพระเอกโหมโรงด้วย คุณอนุชิต ไม่รู้ว่าเค้าซื้อจริง ๆ หรือแค่พรีเซนเตอร์ จากคุณ : วี - [ 30 เม.ย. 50 13:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 84 คคห.46-49 นี่ Background ของภาพประกอบนี่ย่านโรงเรียนเก่าของผมเลย ผมไม่ได้ผ่านไปแถวนั้นนานแล้ว คิดถึงจัง... จากคุณ : Schwedenkreuz - [ 30 เม.ย. 50 13:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอขอบคุณ ฝ่ายการตลาด และฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทั้ง 2 ฝ่ายของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับความเอื้อเฟื้อ เป็นกรณีพิเศษ ครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 13:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณมากครับ และขออนุญาต Save เก็บไว้อ่านครับ จากคุณ : PPIA - [ 30 เม.ย. 50 14:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 87 จบแล้วครับ ขอบคุณที่ติดตาม จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 14:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 88 พี่JIMMYครับเเล้วไอ้ตัวBที่หัวเกียร์มันคืออะไรครับ จากคุณ : Nitrous Oxide - [ 30 เม.ย. 50 14:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ปาดได้ยัง อิอิ ว่าแต่เล็กซัสนำ GS430h มาขายเปล่า ราคาเท่าไหร่อ่ะ น่าจะแรง + ประหยัดด้วย(แต่ที่จำได้ ว่าตัวท้อป LS 600h น่ะกิน 12 กม/ลิตร) จากคุณ : Zejuro - [ 30 เม.ย. 50 14:21:53 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ตอบให้แล้วด้านบนนะครับผม จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 14:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ... เข้ามาดู (อีกที เพราะ #70 หายไป) จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 เม.ย. 50 14:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 92 จบแล้ว ก็คือ เรียนเชิญ ครับ ส่วน GS430h ไม่ทราบจริงๆครับ แต่คิดว่า น่าจะมี 7 ล้านกว่าบาท เพราะ แค่ RX400h ก็ล่อเข้าไป 6.2 ล้านเลย จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 14:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 93 น้ำมัน 1 ถัง เติมได้กี่ลิตรครับ จากคุณ : ไม่มากไม่น้อย - [ 30 เม.ย. 50 14:38:21 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณมากคับ นั่ง Refresh มาตั้งแต่เช้า ถ้ามีเงิน ผมว่ารถคันนี้คุ้มค่าที่สุดแล้ว จากคุณ : องครักษ์พิทักษ์สาวๆ - [ 30 เม.ย. 50 14:46:31 ]

ความคิดเห็นที่ 95 น่าสนใจมากครับ ใช้กันเยอะๆประหยัดพลังงานได้มากทีเดียว แต่มองถึงเรื่องราคา ซื้อรถคันละล้านถ้วน เหลือเงินเติมน้ำมันอีกล้านกว่า จากคุณ : Sympho - [ 30 เม.ย. 50 15:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 96 บ้านเราไม่ค่อยสนับสนุนรถตระกูลนี้เท่าไรเลย แย่จริง - - จากคุณ : cookiecompany - [ 30 เม.ย. 50 15:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 97 อ่าว เครื่องพันห้าเองหรอกหรอ อิอิ เอาน่ารถเพื่อสิ่งแวดล้อม เสียดายมี LCD มาน่าจะมี DVD / GPS มาด้วยเนอะ สู้ๆคับ ไม่ค่อยเห็นวิวย่านศาลายา เยย จากคุณ : napatds - [ 30 เม.ย. 50 15:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 98 **สรุป*** สุดประหยัด แถมแรง และช่วงล่างดี เบรกเริ่ด แต่ไม่มีเงินซื้อ ผมว่าราคาระดับคัมรี่ จะขายดีอย่างมหาศาล ขอบคุณที่นำเสนอสิ่งดีๆให้อีกแล้ว จากคุณ : ขุนขวาน (akejuven) - [ 30 เม.ย. 50 15:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 99 รถสุดยอดเทคโนโลยี ที่ก่อมลพิษแก่โลกและสภาพแวดล้อมน้อยมากๆเมื่อเทียบกับรถปกติทั่วไป ใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการประสิทธิภาพในการใช้งานและประหยัด ตอนรถจอดนิ่งติดไฟแดงก็ไม่สิ้นเปลืองพลังงานมาก แถมยังสามารถนำแรงเบรกกลับมาปั่นไฟฟ้าคืนให้ได้อีกแน่ะ แล้วก็ใช้น้ำมันไปด้วยในช่วงที่ต้องการใช้กำลังสูงและปั่นไฟ ฉลาดในการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันได้อย่างชาญฉลาด ยิ่งอ่านจากรีวิวของตาจิ้มยิ่งรู้สึกว่าเจ๋งมากๆ หน้าจอ Touch Screen ซะด้วย เป็นรถในฝันที่อยากได้ที่สุดในตอนนี้เลยนะนี่ (แต่ไม่มีปัญญาซื้อ) จากคุณ : zmen - [ 30 เม.ย. 50 15:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณมากครับ 30 เม.ย. 50 09:36:19 - 30 เม.ย. 50 14:07:23 คุณนี้ทรหดอดทนจริงๆ จากคุณ : Alien From Mars - [ 30 เม.ย. 50 16:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 101 thanks จากคุณ : smecta - [ 30 เม.ย. 50 17:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ถ้าถูกกว่านี้  น่าใช้จริงๆ ยอมรับเลย จากคุณ : BIZZARE - [ 30 เม.ย. 50 17:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณครับ จากคุณ : REX-REX - [ 30 เม.ย. 50 17:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณครับ นานๆเห็นวิ่งที มันคงแพงไปหน่อยจริงๆครับ จากคุณ : Sorn มาคับ - [ 30 เม.ย. 50 17:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เข้าใกล้ยุค drive by wire ไปอีกนิดละ พี่จิมครับ ผมยังไม่เคยลองขับรถที่มีเบรคเป็นระบบ electronic เลยสักครั้ง แต่ผมว่า ผมมั่นใจเบรค mechanic มากกว่าอ่ะครับ เหอๆ ไม่อยากตายเพราะระบบไฟฟ้าขัดข้อง เบรคไม่อยู่อ่ะ ขอบคุณรีวิวมากครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 50 17:35:31 จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 30 เม.ย. 50 17:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 106 อยากถามว่า ตอนวิ่งๆอยู่ แล้วเครื่องยนต์ติดขึ้นมาเนี่ย รู้สึกได้ไหมครับ รถสั่นนิดหน่อยไหม มีเสียงไหม มากน้อยแค่ไหน แล้วกลับกัน ช่วงตอนเบรค เครื่องจะดับ รู้สึกได้ไหมครับ หรือถ้าปิดตาอยู่นี่ ไม่รูสึกอะไรเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : wanchale - [ 30 เม.ย. 50 17:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ขอบคุณครับ จากคุณ : ss2498 - [ 30 เม.ย. 50 18:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 108 นับว่าเป็นรถที่น่าสนใจจริงๆ ไม่ผิดหวังจริงๆเฮะที่รอคอยรีวิวพี่จิมมี่ จริงๆแล้วเมื่อตอนปีที่แล้วผมได้ไปทำงานพิเศษที่งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ที่ไบเทค แล้วมาจ๊ะเอ๋กับเจ้าพรีอุสตัวนี้ เลยนั่งเค้นจากปากของเจ้าหน้าที่ทางโตโยต้าเรื่องรายละเอียดของมอเตอร์และบลาๆ แต่ทว่า ราคามันยังแนวๆล้านเลยอ่ะ น่าเศร้าใจมาก แต่เรื่องความประหยัดแล้วมันคุ้มเกินคุ้มจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อมอเตอร์มันทำงานแบบนี้แล้ว มันโดนใจมากมายเลยอ่ะ จริงๆแล้วถ้าระบบภาษีรถยนต์เป็นแบบเมื่อมัยมิร่าวิ่งว่อนเมืองนะ มีหวังว่าเราจะได้เห็นพรีอุสราคาไม่เกิน 7.5-8 แสนแหงๆ (เครื่องพันห้าเองนี่) แล้วเมื่อไหร่ผู้คนที่นั่งโต๊ะแล้วเจี๊ยะภาษีประชาชนวันๆนั่งบลาๆไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนมันจะใส่ใจกับของเล็กๆน้อยๆแต่สงผลที่ยิ่งใหญ่ต่อทุกคนบนโลกอย่างรถไฮบริดมั่งล่ะเนี่ย สุดยอดจริงๆกับรถคันนี้ จากคุณ : Medic-kung - [ 30 เม.ย. 50 18:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เข้าท่าแฮะ... ขอบคุณมาก จากคุณ : chem chem - [ 30 เม.ย. 50 19:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เข้ามายันว่าน่าใช้จริงๆ มุดได้ดีซะด้วยสิ จากคุณ : น้องชายคนเล็ก - [ 30 เม.ย. 50 19:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 111 รถสวยน่าใช้ ขอบคุณครับ จากคุณ : GUDJA-MAN - [ 30 เม.ย. 50 19:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ขอบคุญครับ ในหมู่บ้านผมเห็นมีอยู่2คัน จากคุณ : codonla - [ 30 เม.ย. 50 20:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ทำไมไม่หนับหนุนนะ จากคุณ : hik - [ 30 เม.ย. 50 20:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 114 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 50 01:22:56 จากคุณ : ตาjimmyปล่อยไก่อีกแย้ว (BAZARA_KSR110) - [ 30 เม.ย. 50 20:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 115 หงุดหงิด ตั้งแต่ PRIUS รุ่นแรกวางขายในตลาดโลกแล้ว ว่าทำไมเมืองไทยถึงไม่มีขาย .. รวมถึง Insight ของฝั่ง ฮอนด้าเค้าด้วย เพราะทั้งๆที่ประหยัดน้ำมัน และลดมลภาวะขนาดนี้ ทำไมราคาถึงยังแพงมาก จนตอนนี้ ไม่หงุดหงิดแล้วล่ะ เพราะหงุดหงิดจนเลิกหงุดหงิดไปละ หมดหวัง หมดสิ้น เปอร์เซนต์จะเข้ามาขายในราคา อย่างที่พี่จิมมี่ว่า....แทบจะเป็นศูนย์   ... T^T ว่าแล้วก้ต้องขับรถเติมน้ำมันกันต่อไป.. (เมื่อคืน (เอ่ะ ไม่สิ จิงๆต้องเมื่อเช้า =P) ตอนตีสองอะ รออ่านอยู่ตั้งนาน 555 เลยเข้ามาอ่านช้าเอาวันนี้เลย) จากคุณ : [JUSTIN] - [ 30 เม.ย. 50 21:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 116 รีวิว ดีมาก ๆ เลยครับ JFTA ไปแล้ว น่าจะขาย พรีอุส ได้ถูกลง เมื่อไรจะมาขายหนอ? จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 30 เม.ย. 50 21:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เอา hybrid ออก แล้วใส่เครื่อง 2.0 ขายสัก 8แสน ได้ป่ะ ชอบรูปทรงจังเยยย 555 จากคุณ : napatds - [ 30 เม.ย. 50 21:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 118 คุณ BAZARA_KSR110 ครับ นี่คือเอกสารจากโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น ครับ เป็นไฟล์ PDF ผม crop มาให้อ่านกัน ลองอ่านที่มุมขวาสุดนะครับ ---------------------- จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 21:41:04 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เยี่ยมมากเ้ลยครับ จากคุณ : โต้ง (Lexus450h) - [ 30 เม.ย. 50 21:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เยี่ยมมากเลยครับคุณ jimmy รูปจาก คห. 55 เรียกว่า Boost converter นะครับ คุณ BAZARA_KSR11 เป็นตัวแปลงไฟ จาก DC เท่าที่ battery จะแปลงจาก DC เป็น DC จะออกกี่ volt ก็เท่าที่ทั้งระบบต้องการ ส่วน inverter จะเป็นตัวจ่ายไฟฟ้า เป็น U V W phase ให้กับมอเตอร์ครับ โดยรับกระแสไฟฟ้ามาจาก Boost conveter แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 50 07:18:23 จากคุณ : หนุ่มห้วยขวาง (Lexus450h) - [ 30 เม.ย. 50 21:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ปาดดดดดดด ไม่ทัน โว้ยยยยยยยยยย จากคุณ : อิ๋งฉู - [ 30 เม.ย. 50 21:54:42 A:125.24.147.18 X: ]

ความคิดเห็นที่ 122 พูดกันตามตรงเลยนะครับ ผมชอบพรีอุสโฉมนี้นะ แต่... แหะๆ ไม่มีเงินซื้อก๊าบ... และดูท่าโอกาสที่จะได้เห็นรถมือสองก็น้อยซะด้วยสิ จากคุณ : JBP Underground - [ 30 เม.ย. 50 22:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เส้นสายคล้ายๆ กับ ซีวิค จัง จากคุณ : ... (Zickr!) - [ 30 เม.ย. 50 22:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 124 หรูหรา อาราเร่ จิ๊กกาเร่ริ่งโก้ โรโบ้ ลาบหมู รีวิวได้ดีเหมือนเคย... แต่ราคากับอนาคตนี่สิ อู๋รับไม่... จากคุณ : อู๋ฉิง - [ 30 เม.ย. 50 22:52:38 A:125.24.147.18 X: ]

ความคิดเห็นที่ 125 ซื้อมาจะเอาไปติด GAS ครับ จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ - [ 30 เม.ย. 50 23:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ฝากไปบอก Toyota ด้วย รถไฮบริดน่ะ เอาเข้ามาประกอบเมืองไทยซะก็สิ้นเรื่อง ภาษีก็ถูกกว่าเขาตั้งหลายสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็เห็นประกอบในจีนไม่มีคนซื้อนี่ เหมาะกับเมืองไทยมากกว่าตั้งเยอะ จากคุณ : คมช - [ 30 เม.ย. 50 23:16:39 A:192.168.46.10 X:202.142.204.1 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ที่เขียนว่า Inverter น่าจะย่อมาจาก "Inverter with Converter Assembly" โดยภายในประกอบไปด้วย 1. DC/DC Converter โดยตัว แปลงไฟจาก battery มาเป็น 12V ใช้งานทั่วไปในรถ 2. A/C Inverter   เป็น Inverter แอร์ในรถ เพราะบางที ไม่ได้ติดเครื่องยนต์                       แอร์ต้องทำงานเลยใช้แอร์แบบใช้แรงเครื่องยนต์หมุนแบบเดิมไม่ได้ 3. Boost converter ตัวแปลงไฟจาก battery DC โวลต์ต่ำ เป็น โวลต์สูง เพื่อประสิทธิภาพที่ดี    ในการใช้ขับมอเตอร์ด้วย Inverter เพิ่งเริ่มใช้กับ THS-II 4. Generator ณnverter เป็น inverter ตัวขับ มอเตอร์ ที่ใช้ในการชาร์จแบต หรืออัดกระแสกลับเข้าแบตเตอรี่ จากคุณ : หนุ่มห้วยขวาง (Lexus450h) - [ 30 เม.ย. 50 23:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 128 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 50 01:23:54 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Macross (BAZARA_KSR110) - [ 30 เม.ย. 50 23:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ขอบคุณสำหรับ Review ครับ นั่งรอ New CR-V 2.4 ต่อครับ ... จากคุณ : AMD's Fan - [ 30 เม.ย. 50 23:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 130 งั้นเอาอันนี้ไปอ่านนะครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Inverter_%28electrical%29 จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 23:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 131 อ่ะ ย้ำอีกที Electric vehicle drives Adjustable speed motor control inverters are currently used to in some electric locomotives and diesel-electric locomotives as well as some battery electric vehicles and hybrid electric highway vehicles such as the Toyota Prius. Various improvements in inverter technology are being developed specifically for electric vehicle applications.[1] หรือถ้ายัง งง อยู่ ก็เรียนเชิญที่นี่ http://en.wikipedia.org/wiki/Toyota_Prius หรือไม่ก็ นี่ http://auto.howstuffworks.com/hybrid-car.htm จากคุณ : JIMMY - [ 30 เม.ย. 50 23:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 132 สำหรับมอเตอร์นะ พรีอุส มันมีทั้ง 2 อย่างอ่ะครับ Boost converter มันเป็นตัวแปลงไฟ ให้ได้โวลต์สูงขึ้น เพื่อเอาไปใช้กับ Inverter ที่จะไปแปลงไฟเป็น AC ขับมอเตอร์ 3 เฟส อีกที ยังไง ๆ ซะ Motor 3 เฟสมันก็ ต้องมี inverter อยู่แล้ว ไม่มี แล้วมันจะวิ่งยังไง แต่เอกสารที่คุณ Jimmy เอาให้ดูมันเขียนว่า Inverter แต่คำอธิบายการทำงานเป็น Boost converter ซึ่งมันขัดกัน แต่เขาอาจจะจงใจ เพราะจะโฆษณาว่า เ้จ้า พรีอุสตัวนี้ มันได้ใช้ THS-II แล้วซึ่งจะเพิ่ม boost converter เข้ามาด้วย เลยมาเน้นตรงนี้ จริง ๆ แล้วไอ้กล่องนี้ มันก็รวม inverter  เข้าไปด้วยอยู่แล้ว จริง ๆ แล้วตัวนี้ต้องเรียกว่า "Inverter and Boost converter Assembly" ซึ่งมันอาจจะยาวไป THS version แรก ไม่มี Boost converter ครับ จาก battery ก็จ่ายเข้าให้ Inverter เลย แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 50 07:22:49 จากคุณ : หนุ่มห้วยขวาง (Lexus450h) - [ วันแรงงาน 00:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 133 เข้ามาเก็บความรู้และขอบคุณสำหรับ รีวิวครับ จากคุณ : ไก่ย่าง5ดาว - [ วันแรงงาน 00:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ขอบคุณมากเลยครับคุณโต้ง สำหรับความกระจ่าง พอดี มีน้องที่เรียนเพิ่งจบปริญญาโท วิศวะไฟฟ้าอิเล็กโทรนิกส์ ในญี่ปุ่น และทำงานอยู่ในโตเกียว เขาเข้ามาอ่านกระทู้นี้ ก็เลยฝากบอกผมมา ดังต่อไปนี้... "Bomberman says: พี่ผมเข้าใจละ ไอ้เรื่องที่เถียงๆกันอยู่เนี้ย ในตัวรูปที่ห้าห้าอ่ะพี่ มันมีส่วนที่แปลงทั้ง เอซีเป็นดีซี และแปลงจากดีซีโวลต่ำเป็นดีซีโวลท์สูงใช่ป่ะ ในส่วนการเป็นไฟสลับเป็นไฟตรงน่ะพี่ ปกติเค้าจะเรียกว่าอินเวอเตอร์ครับ แต่ถ้าแปลงจากไฟตรงต่ำๆเป็นไฟตรงสูงๆ เค้าจะเรียกบูส คอนเวอเตอร์ คือแปลงขึ้นน่ะพี่ ถ้าแปลงลงคือไปสูงเป็นไฟต้ำ จะเรียกว่าบัคคอนเวอเตอร์ เรื่องนี้เด็กวิศวไฟฟ้าเรียนกันตั้งแต่ป.ตรี วีชาพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ไอ้กล่องรูปห้าห้า มันคงรวมวงจรไว้ในกล่องเดียวกันแต่เรียกสั้นๆว่าอินเวอเตอร์ครับ ดังนั้นคนที่ปล่อยไก่จริงๆคือคนที่ใช้ชื่อ BAZARA_KSR110 น่ะแหละครับ เรื่องนี้เทกซ์บุควิชาพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์เรียกหมือนกันหมด กระจ่างแล้วนะครับ" แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 50 01:16:50 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 50 01:14:39 จากคุณ : JIMMY - [ วันแรงงาน 01:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 135 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 50 01:24:58 จากคุณ : Macross (BAZARA_KSR110) - [ วันแรงงาน 01:39:38 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ขอบคุณครับคุณ Jimmy จริง ๆ แล้ว Boost converter กับ Inverter มันไม่เหมือนกันเลย มันใช้งานคนล่ะอย่างด้วย - Boost Converter หลักการ มันใช้ Boost Voltage จาก Input ที่มาจาก Battery  ให้สูงขึ้น โดยกระแสจะต้องลดลงด้วย  ทั้งนี้เพื่อนำไปใช้กับ Inverter ที่จะไป อาศัยหลักการ switch Power transister on-off เข้าตัวเก็บประจุ ว่าจะได้กี่ Volt ที่ทำเช่นนี้เพราะ ถ้าให้กระแสมากไป มอเตอร์จะร้อน  แล้ว ประสิทธิภาพไม่ดี เลยต้องปรับให้ Voltage สูงแทน เพื่อลดการใช้กระแสสูง - Inverter อันนี้ ต้องมีอยู่แล้ว Inverter 1 ชุดต่อ motor 1 ตัว หน้าที่ของ Inverter ไม่ใช่เปลี่ยนกระแสตรงเป็นสลับ แต่มัน จะจ่ายกระแสที่สามารถ control ทิศทางการไหล  และ ปริมาณการไหล ของแต่ละเฟส ทั้ง 3 เฟสโดยใช้ Power transistors ได้ตามการหมุนของมอเตอร์ ด้วยการควบคุม ของ ECU  โดย ECU จะรู้มุมกันหมุนของมอเตอร์ตลอดเวลา โดยการวัดผ่าน resolver เป็นเป็นอุปกรณ์ ที่ใช้ในการวัดมุมการหมุนของ มอเตอร์ ติดอยู่ที่โรเตอร์ของมอเตอร์ทุกตัว  สรุปว่า Inverter ไม่ได้ทำหน้าที่แปลงไฟนะครับ มันจะเป็น Switch จ่ายกระแสตรง ที่สามารถควบคุมทิศการไหล และปริมาณได้  โดยเวลามอเตอร์หมุน ทิศทางการไหล และปริมาณจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ลักษณะการไหลของกระแส จะไป ๆ กลับ ๆ แล้วเป็น คลื่น Sin-Cos เหมือน AC  เลยเข้าใจกันว่า Inverter มันแปลงไฟ DC เป็น AC. แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 50 07:10:10 จากคุณ : หนุ่มห้วยขวาง (Lexus450h) - [ วันแรงงาน 02:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 137 เอ่อ ถ้าผมจำไม่ผิด AC --> DC ไม่ได้เรียกว่า inverter นะครับ เค้าเรียกว่า rectifier DC --> AC อันนี้เค้าถึงเรียกว่า inverter ครับ จากคุณ : Dark Archon - [ วันแรงงาน 02:06:39 ]