ความคิดเห็นที่ 1 1. ทำสัญญาซื้อขาย และแจ้งไว้ในสัญญาด้วยว่า ผู้ซื้อรับรถไปแล้วตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ ติดอากรแสตมป์ด้วย ทำ 2 ใบ สำเนา 1 ใบโดยใส่ก๊อปปี้ เก็บไว้คนละใบ 2. สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน ชื่อผู้เป็นเจ้าของรถ รับรองสำเนาด้วย 3. หนังสือมอบฉันทะของผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถ แบบฟอร์มที่ขนส่ง จากคุณ : กล้วยตานี (กล้วยตานี) - [ 20 พ.ค. 50 17:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โอนลอย - หรือพูดง่ายๆ ก็คือ "มอบอำนาจ" ให้บุคคลอื่นกระทำการแทน ในที่นี้คือ เจ้าของรถ (คุณแม่) มอบอำนาจให้ผู้ซื้อ (คนเชียงใหม่) กระทำการโอนแทน โดยปกติคนขายกะคนซื้อสองคน ต้องไปที่ขนส่งที่รถคันนั้นอยู่พร้อมกัน (กรณีนี้คือกรุงเทพฯ) แต่จะเอาสะดวกคนขาย ได้ตังครบจบแล้ว ก็ทำใบมอบอำนาจไป คนซื้อโดยปกติก็ควรจะโอนรถมาเป็นชื่อตัวเอง เรื่องก็จบ แต่ที่ไม่จบก็คือ คนซื้อไม่โอน หรือไม่รีบโอน พอรถเกิดอุบัติเหตุ ตำรวจสอบทะเบียนกลับมา พบว่าเจ้าของคือคุณแม่ ก็มาสืบที่คุณแม่ ทีนี้ก็ต้องหาหลักฐานกันวุ่นวายว่ารถคันนี้ขายไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ผู้ขายควรเก็บไว้คือ สัญญาซื้อ-ขาย เก็บไว้จนกว่ารถจะโอนไปแล้วแน่ๆ ซื้อคุณไม่มีทางตรวจสอบได้ เพราะกองทะเบียนเค้าไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปค้นข้อมูล นั่นหมายความว่า คุณต้องเก็บสัญญาซื้อ-ขายไปจนตาย อีกอย่างคือ สำเนาบัตรประชาชน มีอายุ 6 เดือน ถ้าเกินนั้น ก็โอนไม่ได้ ยกเว้นจะถ่ายสำเนา และเซ็นรับรองแบบไม่ลงวันที่ ซึ่งก็เสี่ยง แต่ถึงอย่างนั้นก็อ้างได้แค่ไม่เกิน 6 เดือน นับจากวันที่ตัวจริงหมดอายุ ถ้าเกินนั้น ผู้ซื้ออยากโอน ก็ต้องกลับมาหาเราใหม่ นอกจากนี้ หากคนที่สองที่ซื้อรถเราไปไม่ได้โอน แล้วต้องการขาย ก็ขายไม่ได้ เพราะยังเป็นชื่อเราอยู่ วันดีคืนดีก็จะมีคนโทรมาหา บอกว่าให้ช่วยโอนให้หน่อย ดังนั้นเสียเวลาครึ่งวัน ทำเรื่องกันให้เรียบร้อย ทางผู้ซื้อจัดหาตัวแทนมาทำก็ได้ เพราะอย่างไรก็ต้องมีคนมาจ่ายเงิน และรับรถอยู่แล้วนี่นา จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 20 พ.ค. 50 17:20:30 ]