| สวิฟต์ (Swift) (10 คน) |
|
 |
|
| แวร์กอนอาร์ (Wagon R) (6 คน) |
|
 |
|
| เซอร์โว่ (Cervo) (3 คน) |
|
 |
|
| เซ็น (Zen) (0 คน) |
|
 |
|
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 19 คน |
หลายท่านที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับโครงการ "อีโคคาร์" คงทราบว่า ผู้ประกอบการ ที่สนใจลงทุนในโครงการอีโคคาร์ จะต้องยื่นขอรับการลงทุนได้ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 ซึ่งเราจะทราบว่าซูซูกิจะลงทุนหรือไม่นั้น อยู่ไม่เกิน 10 วันนี้เอง หากซูซูกิตัดสินใจลงทุนเราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของค่ายรถยนต์ยี่ห้อนี้อย่างแน่นอน
"เรามาดูกันซิว่ารถยนต์รุ่นใดของซูซูกิอยู่ในเกณฑ์ข้อกำหนดอีโคคาร์และน่าที่จะขึ้นไลน์การผลิตในประเทศไทยมากที่สุด"
ซึ่งกระทรวงการคลังได้เคาะภาษีสรรพสามิตที่ 17% โดยกำหนดเงื่อนไขให้อีโคคาร์มีขนาดความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 1300 ซีซี สำหรับเครืองยนต์เบนซิน หรือไม่เกิน 1400 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
โดยมีข้อกำหนดดังนี้
1. ต้องลงทุน ทั้งการประกอบรถยนต์ ผลิตเครื่องยนต์ และผลิตชิ้นส่วน วงเงินรวมไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท โดยให้สิทธิประโยชน์สูงสุด ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ไม่เกิน 8 ปี และอากรขาเข้าเครื่องจักรในเขตที่ตั้ง
2. ต้องมีปริมาณผลิตจริง ไม่น้อยกว่า 100,000 คันต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป
3. อัตราการใช้น้ำมัน 20 กิโลเมตร/ลิตร
4. ด้านสิ่งแวดล้อมจะต้องมีมาตรฐานมลพิษยูโร 4 หรือสูงกว่าและมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ด้านความปลอดภัยจะต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสารกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าและด้านข้างตามมาตรฐาน UNECE Reg.94 และ Reg.95 ตามลำดับ
5. เงื่อนไขการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์นั้น จะต้องมีการผลิตชิ้นส่วนหลักของเครื่องยนต์อย่างน้อย 4 ใน 5 ชิ้น
รถซูซูกิในใจผมที่อยากให้เป็นอีโคคาร์มีอยู่ 4 รุ่นด้วยกัน โดยเรียงลำดับจากความแจ๋วอันดับต้นๆก่อน
อันดับ1 สวิฟต์
ที่ให้สวิฟต์เป็นอันดับหนึ่งก็เพราะเชื่อมั่นในความสวยและรับรองว่าตรงกับรสนิยมคนไทยแน่นอนไม่ต้องลุ้นว่าจะถูกใจหรือเปล่า
แม้สวิฟต์จะมีตัวถังใหญ่หน่อยคือใกล้ๆจะเป็นรถคอมแพ็คคาร์ทั่วๆไปมากกว่าที่จะเป็นอีโคคาร์แต่ก็สามารถที่จะพัฒนาเครื่องยนต์และมาตรฐานต่างๆให้เข้ากับเกณฑ์อีโคคาร์ได้ไม่ยากนัก เพราะที่ญี่ปุ่นสวิฟต์ส่วนใหญ่มีเครื่องไม่เกิน 1,300 ซีซี อยู่แล้ว และรุ่นเครื่อง 1,200 ซีซี มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 20.5 กม./ลิตร ซึ่งน่าจะสามารถพัฒนาให้ตรงสเป็กอีโคคาร์ได้
อันดับ 2. แวกอนอาร์ Wagon R
รุ่นนี้ก็ไม่เป็นห่วงอีกเช่นกันเพราะได้รับความนิยมเหลือหลายในญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นประเทศเดียวขายได้วันละหลายร้อยคันแล้ว มีแบบminor change ออกมาอย่างมากมาย วางเครื่องได้ตั้งแต่ 660-1,000 ซีซี วิ่งสบาย
อันดับ 3 เซอร์โว Cervo
โมเดลนี้พรึ่งเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นปี 2007 นี้เอง เรียกว่าสดมาก ดูเล็กกว่าWagonR หน่อยแต่ก็สวยบาดใจเช่นกันเรียกว่าซูซูกิออกมาให้เลือกสองรุ่นทั้งWagonR และ Cervo เลยยิ่งดีไม่ต้องลีมิตตัวเองอยู่กับรุ่นใดรุ่นหนึ่ง
อันดับที่ 4 ที่อินเดียเรียกว่า เซ็น Zen (ในญี่ปุ่นเรียก MrWagon)
ที่ให้อยู่อันดับ 4 ก็เพราะว่าดูรูปร่างแล้วเรียบๆ ดูกระป๋องที่สุดถ้าเทียบจากอันดับ 1-3 ด้านบน แต่รุ่นนี้ได้ข่าวจากเพื่อนชาวอินโดว่ามีโครงการที่จะส่งชิ้นส่วน CKD จากอินเดียไปประกอบที่อินโดนีเซียเร็วๆนี้ รุ่นนี้จึงอาจจะเป็นหนึ่งในต้นแบบรถอีโคคาร์ของซูซูกิก็เป็นได้
สรุป
ผมคิดว่าซูซูกิมีรถเล็กสวยๆดีๆอยู่หลายรุ่นด้วยกันที่สามารถเข้าเกณฑ์อีโคคาร์ได้สบายๆ สำหรับเงื่อนไข BOI ที่หลังจากปีที่ 5 ต้องผลิตไม่ต่ำกว่าปีละ 1 แสนคัน ผมว่าซูซูกิคงสามารถประเมิณได้ว่าจะสามารถส่งไปขายประเทศใดได้บ้างและแต่ละประเทศมีความต้องการเท่าใหร่ ยิ่งถ้าดูจากกลุ่มประเทศอาฟต้า คือเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า สิงค์โปร์ บรูไน ลาว ฟิลิปินส์ ที่ภาษีนำเข้ารถยนต์ระหว่างประเทศอยู่ 5% ก็น่าจะมีตัวเลขอยู่ไม่น้อย และยังไม่นับประเทศอื่นๆนอกกรอบนี้อีก ผมเชื่อว่าหากรวมศุนย์กลางการผลิตรถเล็กทั้งหมดที่ไทยโดยไม่ไปตั้งโรงงานในประเทศอื่นๆ และสามารถส่งเข้าไปขายได้อย่างเสรีในกรอปอาฟต้า จำนวนการผลิต 1 แสนคัน ก็ไม่น่าจะมากเกินไปครับ
ยังไงก็เชียร์ซูซูกิครับ ยักษ์เล็กของพวกเรา
ข้อมูลจาก http://www.suzukiclubthai.com
แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 19:19:54
จากคุณ :
mr_man
- [
21 มิ.ย. 50 19:18:38
]