ความคิดเห็นที่ 1 ความรู้สึกกลัวเช่นนี้ ทำให้ผมคิดถึงตอนแรกๆ (ประมาณก่อนปี 2500) เมื่อถังแก็ส LPG เข้าสู่บ้านเรือน เพราะความไม่รู้ ชาวบ้านกลัวไปต่างๆนาๆ จินตนาการว่า ถังระเบิด, แก็สรั่ว, ไฟไหม้บ้าง จนคนไม่กล้าใช้ Shell ใช้กลยุทธ แจกแถม จำได้ว่า ถังแก็สไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องมัดจำ ของฟรีคนชอบ คนลองใช้แล้ว ก็พบว่า มันดีกว่าแฮะ ดีกว่าไม้ฟืน ดีกว่าถ่านไม้ ผนัง เพดานห้องครัวไม่มีเขม่าควันดำ ผมจำได้ว่าห้องครัวบ้านผมทาสีผนังห้องครัวใหม่ สีขาว ภายในครัวดูสว่างตาเชียวครับ เมื่อถังแก็สได้รับความนิยมมากขึ้นๆ ความกลัวก็ค่อยลดเลือนไป จนคนขายข้าวแกง เอามาผัดผักบุ้งไฟแดง ไฟลุกพรึบในกระทะ ที่วางอยู่ใกล้ๆ บนถังแก็สนั่นแหละ เราใช้แก็สด้วยความมักง่ายอย่างนี้มา 50 ปีแล้ว ยังไม่เคยมีข่าวว่า ผักบุ้งไฟแดง ทำให้ถังแก็สระเบิด แม้แต่รายเดียว ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 04:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมคงไม่ได้กลัวระเบิดอะไรหรอครับ แต่แบบว่าไฟลุกท่วมจากห้องเครื่องทำนองนี้น่ะครับ จากคุณ : ยัยปุย - [ 20 ส.ค. 50 06:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กลัวว่าเครื่องยนตร์จะสึกหรอเร็ว  ต้องยกเครื่องเปลี่ยนเครื่องเร็วด้วย จากคุณ : ชื่อนี้แหละ - [ 20 ส.ค. 50 06:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าศึกษาคุณสมบัติของแกส + อุปกรณ์นิรภัยที่บังคับให้มีตามมาตรฐานนั้น จะไม่สามารถเกิดไฟลุกท่วมจากห้องเครื่องได้โดยมีแกสเป็นเชื้อเพลิง   แต่อาจเกิดไฟลุกท่วมใหม้จากสิ่งอื่นได้  ซึ่งรถน้ำมันก็เป็นได้ ดังนั้นแกสไม่ใช่ผู้ร้ายในเรื่องนี้แน่นอน จากคุณ : หมูน่ารักจริงๆ - [ 20 ส.ค. 50 07:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แต่แบบว่าไฟลุกท่วมจากห้องเครื่องทำนองนี้น่ะครับ >>>>>>>> ขอโทษไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ อันที่จริงก่อนที่ผมจะลงมือติดแก็สรถผม (ปี 20) ผมก็วิตกเรื่องความปลอดภัย จึงได้ค้นข้อมูล โดยเน้นความปลอดภัยมากเอาการ เมื่อได้ข้อมูลจากสมาคมญี่ปุ่น ถนนสุขุมวิท มีสถิติอุบัติเหตุจากแก็ส บ้าน และรถยนต์ จนได้ข้อสรุปว่า มีปลอดภัยสูงมาก ถึง มากกว่าเบนซินด้วยซ้ำ ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้ ติดต่อ คุณเชี่ยวเวทย์ ที่สมาคมครับ ปัญหาไฟลุกท่วมจากห้องเครื่องเกิดขึ้นได้ยาก เพราะ 1) mixture ที่จะติดไฟของแก็สมีช่วงแคบ แคบกว่าเบนซิน ถ้าแก็สรั่วออกมา แก็สที่หนักกว่าอากาศจะตกลงสู่ที่ต่ำ กว่าจะมีปริมาณแก็สมาผสมกับอากาศเกิด mixture พอดีที่ติดไฟได้ แก็สจะไหลลงใต้รถ เมื่อแก็สรั่วไหลออกมากองที่พื้น แก็สจะผสมกับอากาศในอัตราส่วนไม่เหมาะกับการติดไฟ ดังจะเห็นตามปั้มแก็ส ซึ่งมีแก็ส (LPG) รั่วลงไปกองที่พื้นเป็นจำนวนมาก (รั่วทุกครั้งที่เติมใส่รถ) เคยเห็นเด็กปั้มแก็สสูบบุหรี่เสร็จ ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นหลายครั้ง แต่เราไม่เคยได้ยินว่าไฟไหม้ปั้มแก็ส สาเหตุจากเรื่องนี้ ครับ 2) ถ้าแก็สรั่วในห้องเครื่อง สิ่งแรกที่คนขับจะรู้คือ กลิ่นเหม็นรุนแรง ชวนคลื่นไส้ เป็นเครื่องป้องกันชั้นดี 3) ถ้าเครื่องดับ โดยที่สวิทช์กุญแจยัง ON อยู่ แก็สก็ไม่รั่วออกภายนอก เพราะหม้อต้มมีระบบความปลอดภัย จะตัดแก็สให้ เมื่อเครื่องดับ ครับ จริงอยู่ จะมีแก็สบางส่วน (ส่วน idle ) ที่ยังคงจ่ายแก็สได้ แต่กลิ่นเหม็น จะเป็น safety อีกตัวที่เตือนให้เรารู้ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 07:37:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อแก็สรั่วไหลออกมากองที่พื้น แก็สจะผสมกับอากาศในอัตราส่วนไม่เหมาะกับการติดไฟ >>>>>>>> เรื่องนี้เป็นธรรมชาติของแก็ส ที่ส่วนผสมพอดีติดไฟมีช่วงแคบกว่าเบนซิน ===> ติดไฟยากกว่า ดังที่เราจะได้ยินเสียงบ่นว่า ติดแก็สแล้ว สตาร์ท ยาก สตาร์ทไม่ค่อยจะติด ตอนเช้า ต้องสตาร์ทด้วยเบนซิน ดีกว่า ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ จนถึง เหตุผลเรื่องการ "เอาเบนซินไปหล่อเลี้ยง เครื่อง เป็นครั้งคราว" ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ครับ ควรสตาร์ทเครื่องด้วยแก็ส ตอนอากาศเย็น ยิ่งไม่ควรติดเครื่องด้วยเบนซิน เพราะ ต้องใช้ rich -mixture และเบนซินส่วนเกินที่ยังไม่เป็น vapor มันจะเข้าไป dilute กับน้ำมันเครื่อง ที่เกาะตามผนังลูกสูบ กระบอกสูบ น้ำมันเครื่องเกิด fuel dilution การหล่อลื่นก็เสียไป เครื่องจะสึกหรอมากกว่าใช้แก็ส ที่เข้าไปในเครื่องยนต์ในสภานะแก็ส แก็สไม่ใช่ liquid จึงไม่เกิดการเจือจาง น้ำมันเครื่อง เครื่องยนต์ก็สึกหรอน้อยกว่า ปัจจุบันนี้คนขับรถ LPG ถูกครอบงำ จากอู่ติดแก็ส ให้เข้าใจผิดๆ มีความเชื่อผิดๆ ตามๆกัน หลอกให้ใช้เบนซินสตาร์ทเครื่องก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นแก็ส ... จนถึงกับมีอุปกรณ์ auto-gas อะไรเทือกนี้ออกมาหลอกขาย เลอะเทอะกันใหญ่ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 07:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กลัวว่าเครื่องยนตร์จะสึกหรอเร็ว   >>>>>>>> ผมได้ยินเรื่องเสียงบ่นว่า เครื่องสึกหรอเร็ว ผมก็วิตกเหมือนกัน ผมเป็นช่างซัก ผมซักว่า อะไรที่สึกหรอ สึกหรอตรงไหน ฯลฯ โชคดีที่ผมอยู่กับอู่ซ่อมรถ ผมมีโอกาสได้เห็นชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์ ===> ไม่พบการสึกหรอผิดปกติ จากเครื่องใช้แก็ส คราวนี้ ผมซักจนได้เรื่อง มีคันหนึ่งขับมาเข้าอู่ คิดว่าเครื่องพัง มีอาการ เร่งแล้วฝ่อ (เหมือนกระทู้ข้างล่าง ที่ผมเข้าไปตอบแล้ว) โดยเฉพาะตอนกลางคืน (ที่ต้องเปิดไฟหน้า) หรือวันฝนตก หรือรถติดๆ พอเริ่มออกตัว รถจะมีอาการ "เร่งไม่ออก ฟอดๆ ดับ" อาการอย่างนี้ไม่มีไรมาก "เปลี่ยนหัวเทียน" ก็หาย ถ้าไม่หายดุ "หัวนกกระจอก จานจ่าย" โดยเน้นระยะ gab (ตัวนี้สำคัญ) ที่เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่แก็ส ทำให้เครื่องพัง แต่มันดูเหมือนว่า ติดแก็สแล้ว ถึงมีปัญหานี้ ===> คนก็ลือกันว่า เครื่องโทรมเร็ว พังเร็ว ความจริงๆ ไม่ใช่ ผมถอดเครื่องยนต์ออกมาดูเป็นชิ้นๆ ยืนยันว่า ไม่จริง ครับ สาเหตุที่รถมีอาการนี้ ผมอธิบายในกระทู้ข้างล่างแล้ว ครับ ปล. 1) รถแก็ส เน้นหัวเทียน คุณภาพดี (ไม่ใช่แพงๆ) 2) ผมทดลองหลายยี่ห้อแล้ว แนะนำ NGK BP.. หัวเทียนธรรมดาๆๆ ไม่ต้องเสียเงินแพง หัวเทียนแพลตตินั่น เสียเงินเปล่าๆ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 07:59:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อย่างไรก็ตามรู้สึกชื่นชม คุณ ยัยปุย มีความคิดสร้างสรรค์ คิดริเริ่มดี ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 08:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถัง LPG ที่ใช้ติดในรถยนต์มันมีความทนทานขนาดไหนครับ ถ้าจะให้เดามันต้องหนากว่าถังที่เอามาใช้ในบ้านเรื่อนใช่ไหมครับ  แต่ว่ามันทนทานเท่า NGV หรือเปล่า ที่เขาทดสอบเอาปืนยิงก็ไม่เป็นไร ? จากคุณ : Kasteo - [ 20 ส.ค. 50 08:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ระบบเดี๋ยวนี้ปลอดภัยขึ้นมากนะครับ ถ้าจะให้อุ่นใจขึ้นเอาถังดับเพลิงติดรถไว้  เพิ่มความมั่นใจ 10% ตัววัดแก๊สรั่วที่ดีที่สุดคือ จมูกกับตา+ความรู้สึกของเราเอง  ถ้าคิดว่าผิดปกติ ตรวจเช็คซะหน่อย ขึ้นชื่อว่าเชื้อเพลิงยังไงก็ติดไฟได้  อย่าลืมว่ามันเป็นการดัดแปลงต้องดูแลมันมากกว่น้ำมันนิดนึง ผมติดมาแล้ว แต่บอกตามตรงว่าผมกลัวไฟไหม้เหมือนกัน  ว่างๆก็ไปดมตามรอยต่อบ้าง  จริงอยู่น้ำมันติดก็มีโอกาสไหม้แต่แก๊สผมว่ามี%เสี่ยงสูงกว่าหน่อย แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 50 08:15:38 จากคุณ : อาชาสีหมอก_offer - [ 20 ส.ค. 50 08:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณครับ พอดีผมไม่รู้มาก่อนว่ามันปลอดภัยระดับหนึ่งอยู่แล้ว และเห็นว่ามีรถใหม้บ่อยๆ(น้ำมัน)  นึกว่าถ้าเป็น LPG จะเป็นไงบ้าง ว่าแต่ที่รถน้ำมันไฟลุกท่วมนี้ เชื้อเพลิงส่วนใหญ่มาจากอะไรครับ? จากคุณ : ยัยปุย - [ 20 ส.ค. 50 08:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับคนใช้แก็ส สิ่งที่เพิ่มคือต้องดูแลเอาใจใส่รถมากขึ้นครับ ไม่ใช่ขับอย่างเดียว แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องหมั่นเข้าให้ร้านติดตั้งเช็ครั่วบ่อยๆ ส่วนตัวผมแล้วผมจะกลัวแค่ถ้าเราไปชน หรือถูกชนหนักๆ ทำให้รั่วน่ะครับ แต่ถ้าด้านหน้ายังไม่ห่วงมาก เพราะถ้าเครื่องดับ วาร์วแก็สที่ถังมันจะตัดเอง ก็ทำให้สบายใจขึ้นมาบ้างครับ ความปลอดภัยของถัง ถ้าจำไม่ผิดถังของ LPG จะทนแรงดันได้มากกว่าแรงดันปกติของ LPG ในถังอีกเยอะนะครับ แต่ยังไงก็ไม่แข็งแรงเท่า NGV แน่นอน เพราะ แรงดันของ NGV มันมากกว่าร่วมๆ 20 เท่าน่ะครับ พวกตัวเลขนี่ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับ ผิดพลาดขออภัย จากคุณ : CK5 - [ 20 ส.ค. 50 08:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับคุณช่างกล-หนุ่มครับ แต่ข้อสามที่ว่าหม้อต้มมีระบบตัดเพื่อความปลอดภัยเมื่อเครื่องดับ ผมว่าอยู่ที่ช่างติดตั้งมากกว่า บางคันก็ไม่มี ของผมก็รู้สึกไม่มีครับ จากคุณ : ตุ๋ย (kongking) - [ 20 ส.ค. 50 09:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นานๆจะตอบยาวๆนะครับ คุณ ช่างกล-หนุ่ม เป็นประโยชน์่่สำหรับผู้ที่ยังกลัว และเข้าใจผิดๆกันอยู่อีกหลายๆท่าน รู้ให้จริง ให้ถ่องแท้ครับและจะไม่กลัวแบบไร้เหตุผล อย่าฟังแต่เขาว่า ผมก็ยังดีใจว่าที่ผมพยายามศึกษามาและที่ผมเข้าใจมามันตรงกับคุณ ช่างกล-หนุ่ม ขอบคุณแทนเพื่อนๆทุกท่านที่ใช้แก๊สอยู่ หรือกำลังจะคิดมาติดแก๊สได้รู้ได้เข้าใจ ทุกวันนี้ผมติดแก๊สมา 2 ปีครับ วิ่งไปเกือบแสน(เฉพาะแก๊ส)ยังไม่กินน้ำมันเครื่องเลยครับ น้ำมันเครื่องที่ใช้ก็ทั่วไปนี่แหละครับ ไม่ต้องไปใช้น้ำมันเครื่องสำหรับรถใช้แก๊สแต่อย่างใด สตาร์ทแก๊ส-ดับแก๊สตลอด วิ่งน้ำมันบ้างเพื่อให้รู้ว่าระบบน้ำมันเรายังใช้ได้ (ย้ำว่าเพียงเพื่อใ้ห้รู้ว่าระบบน้ำมันยังใช้ได้นะครับไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเครื่องยนต์) จากคุณ : dum.d - [ 20 ส.ค. 50 10:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากคุณ : หัวหยิกหน้ากร้อคอสั้นฟันเหยิน - [ 20 ส.ค. 50 12:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ปี 20 อะจึ๋ย 30 ปีแล้วหรือเนี่ย ตอนนั้น น้ำมันก็โคตรถูก คิดไงมาติดแก๊สอ่ะครับ ขอบคุณสาระครับ แต่ มีอยู่อย่างนึงครับ ที่บ้านเราไม่ฟังคือเหตุและผล ครับ แต่ ข่าวลือ เนี่ย เชื่อกันจัง ผมทะเลาะกับเพื่อนแทบตาย ที่ดันหลงไปแนะนำมันติดเครื่องด้วยแก๊ส และ งดจ่าย 2 T จากคุณ : tiger hello - [ 20 ส.ค. 50 12:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ แกสมันถูกกว่าน้ำมันครึ่งต่อครึ่งครับสมัยนั้น น้ำมันลิตรละ8-9บาท แกส4บาทกว่าๆมั้ง ค่าติดตั้งแค่5500เองมั้ง ถ้าจำที่พ่อเล่าให้ฟังไม่ผิด ติดมายังไงก็คุ้ม ยังจำได้เลยสมัยนั้นแท็กซี่ยังไม่ค่อยมีติดกันด้วยซ้ำไป พ่อผมกล้ามากเลย วิ่งต่างจังหวัดก็ใช้น้ำมัน จากคุณ : อุ๊บอิ๊บ อุ๊บอิ๊บ - [ 20 ส.ค. 50 14:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ราคาค่ายกเครื่อง/เปลี่ยนเครื่อง ก็ประมาณ 30,000 - 50,000 บาท  ผมคิดว่า กว่าเครื่องจะพัง (สมมุติว่าพังเพราะใช้แก๊ส) ตกประมาณ 100,000 กม. (แท๊กซี่ใช้ 300,000 กม. ยังไม่พัง)  คุณก็จะประหยัดเงินไปได้ อย่างต่ำ  100,000 บาท  เอามาเปลี่ยนเครื่องแค่ 30,000 ถึง 50,000 บาท          คิดเอาเองเหอะ   ว่าคุ้มไม๊ จากคุณ : nonformal - [ 20 ส.ค. 50 14:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 - ไม่ start เครื่องยนต์ หรือ เครื่องดับเกินเวลาที่ตั้งไว้(อาจจะ 1-2 นาที) ระบบน้ำมันมีอยู่แล้วครับ ตัดไฟเลี้ยงปั๊ม ถ้าไม่สตาร์ท หรือถ้าเครื่องไม่หมุน ภายใน (ไม่กี่วิ) ถ้าเราเอาไฟอันนี้มาใช้เลี้ยงระบบแก๊ส แก๊สก็จะถูกตัดด้วยเช่นเดียวกัน หากเครื่องไ่ม่้หมุน  ซึ่งปกติร้านแก๊สดีๆ เขาก็ทำแบบนี้ให้อยู่แล้ว - มีปุ่ม emergency stop ตัวใหญ่ๆ น่าสนใจ แต่... จากข้อเมื่อกี้ ทำให้ไม่จำเป็น ส่วนเครื่องคาร์บู แม้จะเอาไฟจากสวิทช์กุญแจ ที่ ON ตลอดเมื่อเปิดสวิทช์ แต่สวิทช์แก๊สหลายรุ่น ถ้าไม่มีสัญญาณรอบเครื่องมา มันก็ตัดไฟที่จะไปเลี้ยงระบบแก๊สครับ จากคุณ : อากง - [ 20 ส.ค. 50 17:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มีหลายคนบางคนก็กลัวไฟไหม้รถ กลัวรถระเบิด กลัวตอนเกิดอุบัติเหตุมีผลต่อถังสายข้อต่อต่างๆ ผมถามกลับไปว่าแล้วเบนซินที่ใช้อยู่ไม่กลัวเหรอ เค้าบอกว่ากลัวแก๊สมากกว่า ก็เลยแล้วแต่ครับผมก็ไม่อธิบายต่อแล้ว ต่างคนต่างความคิด จากคุณ : อ่องตวน - [ 20 ส.ค. 50 17:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แต่ข้อสามที่ว่าหม้อต้มมีระบบตัดเพื่อความปลอดภัยเมื่อเครื่องดับ ผมว่าอยู่ที่ช่างติดตั้งมากกว่า บางคันก็ไม่มี ของผมก็รู้สึกไม่มีครับ >>>>>>>> ขอบคุณที่ทักท้วง ผมเพิ่งเห็นหม้อต้มบางรุ่นไม่ตัดครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 18:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปี 2520 ผมอาจจะจำผิด ใครจำได้ช่วยยืนยันหน่อย ประมาณช่วงนี้ หรือหลัง 20 ที่เกิดภาวะน้ำมันเบนซินแพง เป็นยุคที่คนเริ่มสนใจติดแก็ส รถแท็กซี่สนามบินก็ติดแก็ส ตอนนั้นเพื่อนที่เป็นช่างอีเล็คทรอนิค เขาพบว่า รถแก็สมักมีปัญหากับหัวเทียน รถมีอาการตามที่ผมเล่าข้างบน จึงคิดทำเครื่องจุดระเบิดแรงสูงออกขาย อู่ติดแก็สแห่งหนึ่งเอาไปขาย ใช้ชื่อยี่ห้อ Bee (ถ้าจำไม่ผิด พักนี้ขี้ลืม ;-) ชื่อนี้มาจากเสียงของวงจร แปลงไฟเขาเรียก "ออสซิเรเตอร์ ??" ตอนทำงานเสียงดัง หึ่งๆ คล้ายเสียงผึ้ง เลยเอาเป็นชื่อยี่ห้อ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 18:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มีเรื่องขำขันจะเล่าให้ฟัง พอเอ่ยคำว่า "แก็ส" ให้ได้ยินคนจะตั้งข้อรังเกียจไว้ก่อน บางคนถึงกับไม่ยอมใช้แก็สโซฮอล เพราะเข้าใจว่าเป็น แก็ส ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 18:52:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แก็ส LPG มีคุณสมบัติที่เปลี่ยนสถานะได้ง่าย เมื่อเพิ่มแรงดันประมาณ 2 bar หรือ 30 psi (แรงดันประมาณลมยาง) "แก็ส" จะเปลี่ยนสถานะเป็น "ของเหลว" ทำให้แรงดันในถังลดลง (Volume ของ vapor ในถัง= เพิ่มขึ้น ==> แรงดันภายในก็ลดลง) เมื่อจอดตากแดด ถังร้อนขึ้นตอนแรก แรงดันในถังเพิ่มขึ้นก่อน เมื่อแรงดันเพิ่มขึ้นถึงจุดนี้ แก็สจะเปลี่ยนเป็นของเหลว แรงดันก็ลดลง ข้อดีตรงนี้ต่างกับถัง CNG ยิ่งร้อนขึ้น แรงดันยิ่งเพิ่ม เพราะ CNG ไม่เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 19:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อเพิ่มแรงดันประมาณ 2 bar หรือ 30 psi (แรงดันประมาณลมยาง) "แก็ส" จะเปลี่ยนสถานะเป็น "ของเหลว" ทำให้แรงดันในถังลดลง >>>>>>>> เพราะเหตุที่แรงดันภายในถัง LPG ต่ำมาก เราจึงเห็นไฟแช็คแก็สทำด้วยพลาสติก เห็นอย่างนี้คงจะคลายความกังวลเรื่องความแข็งแรงของถัง LPG ไปได้ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 19:03:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พูดก็พูดเถอะครับ หม้อต้ม ถ้าไม่ยึดติดกับฝรั่งมากนัก อยากแนะนำให้มองหม้อต้มญี่ปุ่นบ้าง ระบบของเขาทำดีทีเดียว เห็นอุปกรณ์พวกวาวไฟฟ้าของญี่ปุ่นแล้ว ยอมรับว่าแข็งแรงกว่าของฝรั่ง ไม่ทราบว่าหม้อต้มญี่ปุ่น Niki หรือ Aisan ยังหาซื้อได้หรือไม่ ผมว่าระบบปรับจูนแก็ส ปรับแรงดัน เขาทำดีมาก ปรับจูนได้ดี เครื่องก็ไม่เกเร ใช้สบายใจ เหตุที่จูนได้ง่าย เป็นผลมาจาก "แรงดันแก็สห้องแรก" ของญี่ปุ่น เขาตั้งไว้ต่ำกว่าหม้อต้มฝรั่ง (ตัวเลขแม่นๆ จำไม่ได้ จำได้ว่าแรงดันต่างกันมาก) แรงดันห้องแรก มีผลกับการปรับ Idle เพราะการจูนรอบเดินเบา ใช้วิธี "ปรับ-สกรู" ปล่อยแก็ส ให้ไหลมาก หรือ น้อย หวังว่าเข้าใจนะครับ ลองนึกดูซิครับ ถ้าแรงดันสูง mass-flow ก็แกว่งได้มากกว่า ถ้าแรงดันต่ำ mass-flow ก็แกว่งน้อยกว่า ปรับรอบเดินเบาได้ง่ายกว่า   หม้อต้มญี่ปุ่นเชียงกง ซื้อมาเปลี่ยนผ้า ก็กลายเป็นของใหม่ใช้ได้ดี (ผ้าหาซื้อมาตัดเอง ซื้อที่คลองถม เลือกผ้าอย่างดี ดีกว่าของแท้ก็หาได้ ร้านอยู่ทางซ้ายเกือบสุดซอย  ถ้าเดินเข้าทางด้านดีทแฮล์ม ครับ) จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 20 ส.ค. 50 19:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อ่าน กระทู้นี้แล้วจำเป็นต้องล๊อกอินเข้ามาเลย อิอิ เนื้อหาแน่น ได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้ มาก่อนด้วยเลย ขอบคุณ จขกท. คุณช่างกลหนุ่ม และทุกท่านที่มาให้ความรู้มากครับ แต่ ก็ยังลังเลที่จะสตาร์ทกับแก็สอยู่ดีอ่ะท่าน กลัว ไดสตาร์ท จะไปก่อนวัยอันควรอ่ะครับ งุงิ สตาร์ท ตอนเช้าๆงี้ ผมแทบ จะ แง๊กๆๆๆๆๆ  ตามได ไปด้วยอ่ะ เหอๆ จากคุณ : Uncle Handsome - [ 20 ส.ค. 50 22:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ ช่างกล-หนุ่ม ครับ ผมเองก็ใช้หม้อต้มเก่าญี่ปุ่น(เมื่อก่อนของใหม่หายาก)ปัจจุบันนี้ก็ 2 ปีแล้ว ยังไม่เคยได้ทำอะไรกับหม้อต้มเลยครับ มีแค่เปลี่ยนหัวเทียนไป 2 ครั้งเอง วิ่งไม่ต่ำกว่า 80,000 ก.ม. พอเห็นหม้อต้มรุ่นใหม่ๆเล็กๆสวยๆก็อยากเปลี่ยน แต่แหมมันใช้ดีน่ะเลยต้องเอาไว้ก่อน สตาร์ทก็ติดง่ายมากๆ จากคุณ : dum.d - [ 20 ส.ค. 50 22:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Vote..! จากคุณ : HoKie - [ 21 ส.ค. 50 00:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมว่า เรื่องความปลอดภัยเหมือนผู้ผลิตอุปกรณ์ จะทำมาดีอยู่แล้ว ก็เหลือแต่อู่/ช่างที่รับติดตั้ง ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ---------- แถวๆ บ้านผม (จ.เลย)  เจ้าของอู่ ติดเอง ไฟไหม้รถเอง ข่าวนี้เล่นเอาคนในจังหวัดไม่กล้ามาติดกันเลย แต่ตอนนี้ตรงข้ามสนามบิน เห็นกำลังสร้างปั้ม gas ใหม่ ดูแล้วถ้าเสร็จขึ้นมา และ ปตท.แค่ขู่จะขึ้นราคาอย่างเดียวแบบที่เป็นมา   ผมว่า คนคงไปติดอีกเยอะ(แต่อาจเป็นอู่ในเมืองใหญ่ๆ เพราะชื่อเสียงอู่ในจังหวัดมันก็แค่ร้านซ่อมแต่งรถ ที่คิดมาติดแกส) จากคุณ : ยัยปุย - [ 21 ส.ค. 50 05:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ยังลังเลที่จะสตาร์ทกับแก็สอยู่ดีอ่ะท่าน กลัว ไดสตาร์ท จะไปก่อนวัยอันควรอ่ะครับ >>>>>>>>> ปรับจูนให้ CO ต่ำ จะสตาร์ทง่าย สตาร์ทสั้นๆ ไม่ต้องบิดแช่ครับ เจออากาศหนาวจัดๆก็ฉีดล่อสักหน่อย นิดเดียว อย่ามาก สตาร์ททีเดียวติด ไม่ต้องใช้เบนซินหรอกครับ ผมนึกถึงรถที่ติด LPG จากโรงงาน รถเมืองนอกเขาก็สตาร์ทด้วยแก็ส แถมอากาศเมืองนอกหนาวกว่าบ้านเราครับ ถ้ากลัวอุปกรณ์เบนซิน พวกปั้ม หัวฉีด จะแห้ง นานๆ ก็สลับใช้เบนซินสักหน่อย แต่ไม่ควรใช้เบนซินสตาร์ท ครับ รถผมถอดถังเบนซินออกเลย ทำถังเล็ก 5 ลิตรไว้เผื่อเหนียว ปรับจูนค่า CO ให้ต่ำ สตาร์ทง่าย แต่อย่าให้ต่ำเป็น CO= 0 เครื่องจะร้อนจัด ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่า CO ต่ำมาก จะทำให้เครื่องร้อนจัด เด็กที่เอาสายวัด CO ไปเสียบปลายท่อไอเสีย เขารู้สึกไอเสียร้อนผิดปกติ ผมลองเอามือไปอังปลายท่อไอเสียแล้ว สดุ้งเลย เปิดตารางดูแล้ว ได้ความว่า CO ต่ำมาก ==> ความเร็วการเผาไหม้จะช้าลง ความเร็วเผาไหม้ของไอดี สัมพันธ์กับการเคลื่อนลงของลูกสูบ คือ ขยายตัวดันลูกสูบเลื่อนลง พร้อมๆกับความร้อนก็ลดลง ถ้าไอดีเผาไหม้ช้า พลังความร้อนยังใช้งานไม่เต็มที่ ลูกสูบเลื่อนลงสุดแล้ว ความร้อนที่ยังเหลือ ==> ออกไปเป็นไอเสีย ไอเสียจึงร้อนจัด ลองปรับแก็ส จูน CO ให้ดี จะสตาร์ทง่าย จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 21 ส.ค. 50 06:17:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 พอเห็นหม้อต้มรุ่นใหม่ๆเล็กๆสวยๆก็อยากเปลี่ยน >>>>>> จริงครับ หม้อต้มลูกเล็กๆ สวย จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 21 ส.ค. 50 06:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จูน CO ยังไงล่ะครับ ปล. ใช้แก๊สแล้วพังไวจริง ๆ ครับ ไปไหน ๆ ก็รถเมิงเซ่ะ แก๊สถูก ยัดกันไป 4 คน ขับเป้นร้อยโล เป็นประจำ ก็จะเหลือเหรอ จากคุณ : MiraSport - [ 21 ส.ค. 50 07:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้ารั่วออกจากระบบแก๊ส อย่างไรก็มีโอกาสไหม้ ที่บอกว่ารั่วแล้วไม่ติดไฟผมคงไม่เห็นด้วย เพราะประวัติศาสตร์เหตุการณ์ที่ทางลงด่วนเพชรบุรีตัดใหม่พิสูจน์แล้ว(คนตายเป็นร้อย) หรือหัวแก๊สตามบ้านก็มีวาล์วควบคุมที่หัวถังเปิดปุ๊บจอไฟอย่างไรก็ติด ผมเคยเจอร้านอาหารตามสั่งท่อแก๊สที่ไปยังเตาหลุดเนื่องจากขยับถังแก๊สขณะที่ยังทำอาหารอยู่ ไฟฟุ่งเป็นลำจากปลายสาย อันนี้ไม่ได้บอกว่าน้ำมันหรือแก๊สอันตรายกว่ากัน ดังนั้นการติดตั้งระบบแก๊ส ซึ่งเป็นการดับแปลงรถ ให้ต้องใช้อุปกรณ์ที่มาตรฐาน ติดตั้งโดยอู่ที่มีความเข้าใจและได้มาตรฐาน รวมทั้งหมั่นตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ต่างๆอย่างสม่ำเสมอ อุปกรณ์ทุกชิ้นมีอายุของมัน แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 50 12:20:04 จากคุณ : ELANTRAnsport - [ 21 ส.ค. 50 12:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 35 รถเราก็แก๊สร้อยเปอร์เซนต์ เวลาสตาร์ท ก็บิดกุญแจค้างไว้ จนไฟเช็คหน้าปัตท์ดับ ถึงสตาร์ท ก็ปกติ แต่ถ้าสตาร์ท ก่อนไฟเช็คหน้าปัตท์ดับ ก็จะติดยากหน่อย คงเป็นเพราะแก๊สยังวิ่งมาจากหลังรถไม่ถึงมั้ง คริคริ จากคุณ : น้องปลาดาว - [ 21 ส.ค. 50 14:39:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จูนให้ CO ต่ำๆ ต้องใช้เครื่องตรวจวัดอย่างเดียวใช่มั้ยครับ งั้นต้องเข้าอู่ตลอดเลยนิ ที่ผมติดแบบfix mix  ก็เพื่อเลี่ยงเหตุผลนี้อ่ะครับ ปรับจูนเองคร่าวๆ วิ่งไม่อืด ไม่กินแก็ส มาก หรือ น้อยเกินไป พอจะแนะนำวิธีการจูนแบบพื้นๆมั้ยครับ CO ต่ำ พอประมาณว่า จูนแก็สเกือบบางหรอป่าวครับ ผมเข้าใจถูกมั้ย? จากคุณ : Uncle Handsome - [ 21 ส.ค. 50 20:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จูนให้ CO ต่ำๆ ต้องใช้เครื่องตรวจวัดอย่างเดียวใช่มั้ยครับ >>>>>>> ตามปกติต้องใช้เครื่องวัด CO   แต่ผมประยุกต์ใช้ Vacuum Gauge แทนครับ คือผมสังเกต vacuum มัน sensitive มาก จะว่ามัน "ขี้ฟ้อง" ก็ได้ เกจ์ตัวนี้มันบอกอะไรได้มากทีเดียว ความละเอียดใช้ได้ดี อาทิ เกิดช่างตั้งวาวผิด คือ ชิด หรือ ห่างเกินไป vacuum จะฟ้องทันที (vacuum วัดจากแรงดัน "หลัง" ลิ้นผีเสื้อ ครับ) วิธีจูน CO ด้วย Vacuum -เริ่มต้นตั้งรอบ idle ก่อน -เสร็จแล้วค่อยๆ ปรับสกรูจูน "รอบเดินเบา" ที่หม้อต้มค่อยๆหมุนเข้า จนรอบเครื่องเริ่มกระตุก ก็ค่อยๆหมุนคลายออกมาทีละนิด ===>ตอนนี้คอยจับตา vacuum gauge ให้ดี เข็มมันจะค่อยๆ "เดินตามเข็มนาฬิกา" ==> ค่อยปรับจนเข็มชี้ที่ "14 นาฬิกา" โดยประมาณ เสร็จแล้ว ....ค่อยๆหมุนเข้าสักนิด ถ้าเข็มไม่ขยับ ก็ OK .... ถ้าตั้งได้จุดนี้แล้ว ทดลองเอาเครื่องวัด CO มาวัดเปรียบเทียบ ... เราจะแปลกใจ ที่เราตั้ง CO ต่ำใกล้เคียงกับเครื่องวัดมาก ครับ ทีนี้ - ถ้าเกิดเข็ม vacuum ขึ้น "ไม่ถึง 14 น."  เช่น อาจจะขึ้นแค่ 12-13 น. เราก็ไปปรับสกรู "ลด ลิ้นผีเสื้อ" ให้ค่อยๆหรี่ลงทีละนิด  ==> เข็มจะค่อยๆขยับจาก 12 .. 13 ... 13.1  ฯลฯ - บางทีรอบเดินเบาอาจจะ"ต่ำกว่าสเปค" ... เราสามารถปรับแก้ โดยปรับจานจ่ายให้ "ไฟแก่" สักนิด ==> รอบจะขยับขึ้นทีละนิด จนได้ idle rpm ที่เราต้องการ เครื่องวัด Vacuum ของผมบางทีประยุกต์ง่ายๆ โดยใช้ "สายพลาสติกตู้ปลา" เอาน้ำกรอกสักนิด ทำเป็น "หลอดตัวยู"  (ห้องทดลอง นึกออกนะครับ) เราดูระดับน้ำ แทนเข็ม ก็พอถูไถใช้การได้ ครับ --------------- ที่ผมติดแบบfix mix  ก็เพื่อเลี่ยงเหตุผลนี้อ่ะครับ ปรับจูนเองคร่าวๆ วิ่งไม่อืด ไม่กินแก็ส มาก หรือ น้อยเกินไป พอจะแนะนำวิธีการจูนแบบพื้นๆมั้ยครับ >>>>>>>>> พอปรับตามข้างบนได้ทีแล้ว คราวนี้มาปรับ max-Flow ของแก็ส   ตัวปรับ flow ของแก็ส จะเป็นสกรูตัวใหญ่ ติดตั้งอยู่ระหว่าง หม้อต้ม กับ mix วิธีปรับตัวนี้ไม่ยาก เร่งรอบเครื่องคาไว้ที่ 2000 rpm ค่อยๆ หมุนสกรูปรับเข้าไปทีละนิด จนกระทั่งเครื่อง "ฟอด" ค่อยๆคลายออกทีละนิด จนเครื่องเดินปกติ ==> ล้อคแน่น .. เสร็จแล้ว จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 ส.ค. 50 06:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 14 นาฬิกา กี่ psi ครับ จากคุณ : v (อากง) - [ 22 ส.ค. 50 11:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณคุณช่างกลหนุ่มมากครับ จูน CO ต่ำๆ มันคงยากไปสำหรับผม เพราะผมไม่รู้จัก Vacuum Gauge และต่อไม่เป็นแน่ๆครับ ไม่เคยคิดอยากยุ่งกะลิ้นปีกผีเสื้อเลยครับ ไม่มีพื้นฐานด้านเครื่องยนต์กลไกแบบลึกละเอียดขนาดนั้น ปกติ ผม จูนเป็นแต่ หม้อต้มรอบเดินเบา กับ ตัวmax-Flow ระบบแก็สเท่านั้นอ่ะ แห่ะๆ เท่าที่ทราบ ถ้าไอเสียร้อนกว่าปกติ ตามที่คุณช่างกลหนุ่มอธิบาย เกิดจากการจูนแก็ส บางไป  เครื่องยนต์จะมีความร้อนสูงกว่าปกติ ถูกต้องมั้ยครับ ผมเลยอยากลองดูเท่านั้น แต่อ่านดูแล้ว งง และ นึกภาพอุปกรณ์บางอย่างไม่ออกครับ ขอบคุณคุณช่างกลหนุ่มมากๆครับ สำหรับ ความรู้ ที๋นำมาบอกเล่า ให้แก่ผม และ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมเวบบอร์ดแห่งนี้ครับ จากคุณ : Uncle Handsome - [ 22 ส.ค. 50 22:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 40 14 นาฬิกา กี่ psi ครับ >>>>>>>> ถ้าจำไม่ผิดจะเป็น 21 in Hg  (ประมาณ 10 psi ) เดี๋ยวผมจะไปดูที่เกจ์ให้ ;-) ที่ตำแหน่ง 14 นาฬิกา จะทำเป็น "โซนสีเขียว" ความดันอยู่ในช่วงนี้ถือว่า โอเค ถ้ามี vacuum gauge ติดภายในรถ เราพยายามขับให้เข็มอยู่ในโซนนี้ รถจะประหยัดที่สุด ครับ vacuum มันจะตอบสนองกับคันเร่งไวมาก แค่เราเหยียบเร่งนิดเดียว มันจะขยับแกว่งอย่างรวดเร็ว ค่อยๆผ่อนคันเร่ง เข็มก็กลับไปอยู่โซนสีเขียวครับ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 50 06:36:54 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ส.ค. 50 05:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 41 vacuum gauge หาซื้อตามร้านขายอุปกรณ์รถ หรือ แถวโอเดียน ของติดรถจะแพงกว่า ครับ วิธีติดตั้ง ดูที่ท่อไอดี บริเวณหลังลิ้นผีเสื้อจะมีรูให้ต่อ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ส.ค. 50 05:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เกิดจากการจูนแก็ส บางไป  เครื่องยนต์จะมีความร้อนสูงกว่าปกติ ถูกต้องมั้ยครับ ผมเลยอยากลองดูเท่านั้น แต่อ่านดูแล้ว งง และ นึกภาพอุปกรณ์บางอย่างไม่ออกครับ >>>>>>>> ถูกต้องครับ ส่วนผสมบาง เครื่องจะมีความร้อนสูงกว่าปกติ ไม่ควรจูนให้ต่ำมากครับ อุปกรณ์อะไรที่นึกภาพไม่ออกครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ส.ค. 50 05:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ปัญหาของ fix Mix คือ มันเป็น "คาร์บู ท่อเดียว" เมื่อรอบสูงขึ้น ความเร็วอากาศที่ไหลเร็วขึ้น แต่ "แรงดูด"ของ Mixer ไม่ได้เพิ่มเป็นเส้นตรง หรือ บัญญัติไตรยางค์ ยิ่งเร็ว แรงดูดยิ่งเพิ่มเป็นยกกำลัง (ตามกฏ Bernoulli ) เมื่อรถวิ่งที่ความเร็วสูง===> อัตราส่วนผสมก็หนาขึ้นกว่าปกติ รถก็วิ่งดี แต่มันจะกินแก็ส จึงใช้วิธีปรับแก้ ที่ max-flow ที่รอบกลางๆ คือ 2000 รอบ (ไม่ได้ปรับที่รอบสูง ) ค่อยๆหรี่จนเครื่อง"ฟอด" แล้วค่อยๆคลายออกจนเดินดี เราจะได้จุดที่เหมาะสม คือ วิ่งดี + ประหยัด ความเร็วสูงสุดยอมรับได้ (ไม่ค่อยมีใครขับที่ top speed หรอกครับ) จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ส.ค. 50 06:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ประวัติศาสตร์เหตุการณ์ที่ทางลงด่วนเพชรบุรีตัดใหม่พิสูจน์แล้ว(คนตายเป็นร้อย) >>>>>>>> ผมคุยกับเพื่อนที่มีโรงงานทำถังแก็สขนาดใหญ่ เขาเล่าให้ฟัง เหตุไฟไหม้ที่ถนนเพชรบุรี เกิดจากแก็สรั่วออกมาเป็นจำนวนมาก ผสมกับอากาศภายนอก เกิดเป็นส่วนผสม "หนากว่าปกติ" ==> รถเก๋งที่จอดติดเครื่องอยู่แถวนั้นดูดอากาศที่มี "A/F หนากว่าปกติ" เข้าเครื่อง ทำให้เครื่องดับ พอเครื่องดับ คนขับก็พยายามสตาร์ทเครื่อง สตาร์ทพร้อมๆกันหลายคัน ประกายไฟจากการสตาร์ททำให้ไฟไหม้ ครับ สาเหตุไฟไหม้ ครั้งนี้ มาจากความพอดีหลายอย่างประกอบกัน เช่นเดียวกับ ไฟไหม้ โรงแรมเกรซ (ซอยนานา) แก็สรั่วสะสมอยู่ในห้องกลายเป็น ส่วนผสมพอเหมาะ พอเปิดสวิทช์ไฟฟ้า เกิดประกายไฟ ก็จุดระเบิด จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ส.ค. 50 06:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตามปกติแก็ส LPG ติดรถ หรือ แก็สหุงต้ม แก็สพวกนี้จะผสมกลิ่นไข่เน่า เพื่อเตือนให้รู้ว่ารั่ว แต่สิ่งที่น่ากลัว LPG ที่ใช้ในอุตสาหกรรม พวกกระป๋องสเปร์ แก็สพวกนี้ไม่ได้ผสมกลิ่น ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ส.ค. 50 06:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 46 หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ถนน เพชรบุรีไม่นาน มีข่าวทีวี รถบรรทุกแก็ส พลิกคว่ำ แต่ไม่เกิดไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ราชการบอกกับนักข่าวว่า ที่แก็สไม่ระเบิดคราวนี้ "เพราะมาตรฐานความปลอดภัย" บังเอิญถังแก็สใบนี้ทำที่โรงงานเพื่อน เขาดูข่าวนี้ด้วย หัวเราะ หึ หึ เล่าให้ผมฟังทีหลังว่า ก็มันเป็น "ถังเปล่า" จะเอาไปส่งลูกค้า ยังไม่ได้บรรจุแก็สสักหน่อย มันจะระเบิดได้ไง จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 ส.ค. 50 06:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ฮ๋าๆ จากคุณ : อ (อากง) - [ 23 ส.ค. 50 09:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เข้ามาขอบคุณ คุณช่างกล-หนุ่ม สำหรับความรู้ครับ อ่านง่าย อ่านเพลิน อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้จริง จากคุณ : MaSman (MaSman) - [ 23 ส.ค. 50 11:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 49 "แรงดูด"ของ Mixer ไม่ได้เพิ่มเป็นเส้นตรง หรือ บัญญัติไตรยางค์ ยิ่งเร็ว แรงดูดยิ่งเพิ่มเป็นยกกำลัง (ตามกฏ Bernoulli ) เมื่อรถวิ่งที่ความเร็วสูง จากคุณ : ตุ๋ย (kongking) - [ 23 ส.ค. 50 13:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อันข้างบนนี้เพิ่งรู้ครับ เพราะเข้าใจผิดมาตลอด กลัวว่าวิ่งเร็วแล้วแก้สจะบาง ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ตุ๋ย (kongking) - [ 23 ส.ค. 50 13:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อืมม  ผมเข้าใจเหมือนกับคุณตุ๋ยเลยครับ กลัวว่ารอบสูงๆ4-5000 ขึ้นไปกลัวว่าแก็สจะบางไป ไหลเข้าห้องเผาไหม้ไม่ทัน ที่ผ่านมาเลยเร่งซะ 3-4000 รอบ แล้วจึงจูน ตัว max-flow  แบบนี้ต้องลองจูนรอบต่ำๆดูบ้างแล้ว อิอิ คุณ ช่างกลหนุ่ม พอจะมีรูป vacuum gauge มั้ยครับ ราคาประมาณเท่าไหร่ ซื้อมาติดเองต้องไปยุ่งเกี่ยวกับระบบไฟด้วยหรือปล่าวครับ  รบกวนด้วยครับ จากคุณ : Uncle Handsome - [ 23 ส.ค. 50 20:54:52 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อันข้างบนนี้เพิ่งรู้ครับ เพราะเข้าใจผิดมาตลอด กลัวว่าวิ่งเร็วแล้วแก้สจะบาง >>>>>>> เพราะเหตุผลนี้ คาร์บู ถึงพัฒนาทำให้มี 2 ช่อง (แต่ละช่องจะใช้ นมหนูแยก) ที่ทำอย่างนี้เพื่อ ปรับอัตราส่วนผสมเมื่อรอบสูงขึ้น นอกจากนี้เมื่อรอบสูงขึ้น ยังใช้วิธีช่วยผสมอากาศเข้าไปเพิ่มในท่อน้ำมันเบนซิน เพื่อป้องกัน "ไม่ให้ส่วนผสมหนา" ครับ สิ่งที่ควรระวังในการปรับจูน LPG ถ้าปรับบางเกินไป (CO ต่ำมากๆ) ระวังเกิด backfire (ไม่ได้โฆษณานะ) ปัญหา backfire ของหม้อต้มญี่ปุ่นจะเกิดได้ยากกว่า เหตุผลเพราะ primary pressure ของหม้อต้มญี่ปุ่นใช้แรงดันต่ำ ใกล้เคียง "บรรยากาศมาก" (ตัวเลขจะเปิดคู่มือมาบอกทีหลัง) ปัญหาหม้อต้มที่ใช้ primary pressure สูง แรงดันแก็สสูงกว่า แก็สต้องการ heat ในการปรับแรงดัน (จึงใช้หม้อต้มคงเข้าใจนะครับ) ตอนเช้าอากาศเย็น heat จากน้ำร้อนยังไม่มีมาเสริม แก็สที่ไหลเข้าไปในวงจร idle มันยังปรับแรงดันไม่ทัน ทำให้ ส่วนผสมเดินเบาไม่ดี ==> ทำให้ สตาร์ทยาก สตาร์ทติดแล้ว พอเร่งเครื่อง ==> A/F ที่ได้ ยิ่ง lean กว่าเดิม ==> เข้าไปจุดระเบิดไม่สะดวก ==> backfire กันปุ้ง ปัง ได้ยินบ่อยๆ กลายเป็นเรื่องน่ากลัว .... จนถึงเครื่องพัง จริงไหมครับ สังเกตไหมครับ เมื่อสมัยก่อนในยุคที่เราเริ่มติดตั้งแก็ส เราใช้หม้อต้มมือสองของ ญี่ปุ่น ไม่เห็นมีใครบ่นเรื่อง backfire จริงอยู่ backfire ก็มีบ้าง ระหว่างจูนแก็ส บางทีก็ได้ยินเสียงบ้าง แต่มันไม่รุนแรงมากครับ ช่างชื่อ อเนก (ตอนหลังย้ายมาทำที่ ถนน เพชรบุรี) เคยเล่าให้ผมฟังกรณีเดียว ที่ทำให้คาร์บูพัง เป็นรถ Olds ติดคาร์บูตัวใหญ่ จำได้ยี่ห้อ Rochester ใช้ Mix ขนาดใหญ่ ใส่ในกรองอากาศ เกิด backfire ปุ้งเดียว คาร์บูกระจาย ราคาคาร์บูลูกนี้ สมัยนั้น 7 พันบาท เท่าที่ผมเคยได้ยินก็มีกรณีนี้เท่านั้น ไม่เห็นรุนแรงเหมือนสมัยนี้ ช่างที่ Gasthai ชื่อ ชัย (ถ้าจำไม่ผิด) เขาแก้ backfire โดยวิธีง่ายๆ และได้ผลคือ "ย้าย" mix ออกไปให้มีระยะห่างจากปากคาร์บู วิธีนี้ใช้ได้ผล เพราะการมีระยะห่าง ระหว่าง mix กับ คาร์บู มันช่วย "ปรับแรงดัน" แก็ส ระหว่างทาง ช่วยให้ ส่วนผสมดีขึ้น การจุดระเบิดก็ดีขึ้น ==> ลดการเกิด backfire ได้จริง ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 24 ส.ค. 50 06:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ ช่างกลหนุ่ม พอจะมีรูป vacuum gauge มั้ยครับ ราคาประมาณเท่าไหร่ ซื้อมาติดเองต้องไปยุ่งเกี่ยวกับระบบไฟด้วยหรือปล่าวครับ  รบกวนด้วยครับ >>>>>>>> ขอโทษครับ ทั้งกล้องทั้งสแกนเนอร์ผมตอนนี้ ไม่มีเลย อยากจะเอารูปมาโพสให้ดูเหมือนกัน ;-) vacuum gauge ลองดูที่ central หรือแผนกรถยนต์จะมีขาย ถ้าหาเวลาเดินดูแถวโอเดียน ร้านอยู่บริเวณโรงหนัง เป็นร้านที่ gauge โดยเฉพาะ ผมเคยซื้อ 100กว่าบาท เท่านั้น vacuum gauge ช่วยได้มากครับ นอกจากจูนเครื่องแล้ว มันช่วยบอกสถานะของเครื่องยนต์ บอกสุขภาพของวาว และอื่นๆ ฯลฯ มีประโยชน์มากครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 24 ส.ค. 50 06:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 54 รบกวนสอบถามเกี่ยวกับหัวเทียนที่ใช้กับรถติดแก๊สต้องเปลี่ยนใช้หัวเทียนร้อนหรือหัวเทียนเย็นครับ และมีความแตกต่างกับการที่ใช้หัวเทียนเบอร์ที่ติดคู่ตัวมากับเครื่องหรือไม่ครับ(ถ้าใช้เบอร์เดียวกับที่ติดเครื่องมา)ขอบคุณครับ จากคุณ : MongA67 - [ 24 ส.ค. 50 19:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ใช้เบอร์เดิม ติดรถได้ ครับ ถ้าเลือกได้ ควรใช้เบอร์ร้อนขึ้นสักเบอร์ดีกว่า "เย็น" คือว่าหลักการของหัวเทียน เขาใช้ความร้อนเป็นตัว"ทำความสะอาดตัวเอง" เรียก self-cleaning temperature   ดังนั้นถ้าใช้ "หัวเทียนเย็น" แนวโน้มที่หัวเทียนจะดำง่ายกว่า ครับ เคยมีรถ Posche 911 มาเข้าอู่ด้วยปัญหาหัวเทียน ช่างเปลี่ยนใหม่ อีกวันสองวันก็กลับมาด้วยอาการเดิม สองสามครั้ง รถนี่ถอดหัวเทียนยาก มือเข้าไม่ค่อยถนัด มีเด็กอู่คนหนึ่งถอดเก่ง ปรากฏว่าใช้เบอร์หัวเทียนเย็น จึงเปลี่ยนใช้หัวเทียนเบอร์ปกติ   ปัญหาหัวเทียนก็หายไป ปล. เท่าที่ผมทดลองเอง หัวเทียน NGK ใช้ดีมาก หัวเทียนธรรมดา ไม่ต้องแพลตตินั่มให้เปลืองเงิน จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ส.ค. 50 05:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณครับให้ความรู้กับผู้ใช้แก๊ส LPG.ในรถยนต์ดีครับ กระทู้ดีๆมีสาระกระจ่างแบบนี้ไม่อยากให้ตกไปครับ. จากคุณ : MongA67 - [ 25 ส.ค. 50 08:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ยังอยากเห็นรูป ตัวvacuum gauge ครับ ตอนต่อกับปีกผีเสื้ออ่ะครับ ยังไม่ซื้อเพราะกลัวซื้อมาแล้ว ต่อไม่เป็นครับ up up ... จากคุณ : Uncle Handsome - [ 25 ส.ค. 50 15:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณช่างกลหนุ่มครับ ผมเห็นด้วยเรื่อง การเป็นคาร์บูท่อเดียว แต่ปัญหาที่ผมเจอบ่อย คือ รอบสูง แรงดูดเบาลง กว่าที่ควรจะเป็น มันกลับไม่หนาตามที่ควรจะเป็น เรียกวก่าแลมบ์ดายอน เช่น จูนขับปกติ ได้แลมบ์ดา 1 พอเร่ง ถ้าเป็นแบบคุณช่างกลฯ ว่า มันควรจะหนาลงไปมากกว่า 0.85 แต่มันดันย้อนไป 1.05 ครับ ปัญหาที่ผมพบบ่อยในระบบนี้ เรื่องจริงครับ ผมใช้เอเอฟ มิเตอร์ ไวด์แบนด์ จูนและจับ มากว่า 1500 คัน ผมกลับเจอปัญหาแตกต่างออกไป แต่เห็นด้วยที่แรงดูด มันไม่ได้เพิ่มหรือลดแบบที่ควรจะเป็นครับ ยกมา //ความคิดเห็นที่ 43   ปัญหาของ fix Mix คือ มันเป็น "คาร์บู ท่อเดียว" เมื่อรอบสูงขึ้น ความเร็วอากาศที่ไหลเร็วขึ้น แต่ "แรงดูด"ของ Mixer ไม่ได้เพิ่มเป็นเส้นตรง หรือ บัญญัติไตรยางค์ ยิ่งเร็ว แรงดูดยิ่งเพิ่มเป็นยกกำลัง (ตามกฏ Bernoulli ) เมื่อรถวิ่งที่ความเร็วสูง===> อัตราส่วนผสมก็หนาขึ้นกว่าปกติ รถก็วิ่งดี แต่มันจะกินแก็ส +++++ ผมเจอ ยิ่งกดลึก ยิ่งเครื่องดูดแรง ยิ่งบาง ถึงเจ้าของกระทู้ ถ้าเดินระบบดี เครื่องดับ ติ๊กที่ถังและหม้อจะไม่เปิด ถึงแม้กุญแจจะค้าง งั้นผมถามคุณเจ้าของกระทู้บ้าง คุณเคยให้คนตรวจสภาพท่อยางน้ำมันทุกจุดและเข็มขัดรัดทุกจุดของท่อน้ำมันเบนซินบ้างไหม กี่ปีแล้วไม่เคยดู กี่ปีแล้วไม่เคยเปลี่ยน ??????? คุณไม่กลัวเบนซินรั่วเหรอ ????? จากคุณ : LAMBDAJET - [ 18 ก.ย. 50 19:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อ้อ ถึงคุณช่างกล หนุ่ม เรื่องกดแล้วบาง ไม่ใช่ทุกคันที่ผมเจอ แต่เจอเยอะ ผมไม่ได้มาขัดแย้งคุณ แต่มาเล่าให้ฟังว่า เครื่องแกส มิกเซอร์ นั้นมีทั้งกดแล้วบาง กดแล้วหนา กดแล้ว นิ่ง มีสารพัดปัจจัย ที่จะเกิดต่างกัน ทั้งที่เครื่องรหัสเดียวกัน ในรถต่างคัน แต่มิกเซอร์ ขนาดเดียวกัน ผมเลยเลิกปั้นและสนใจมันแล้ว ในระบบมิกเซอร์ โลกนี้ต้องคุมด้วยอิเล็กทรอนิก ในสารพัดอย่าง หนีไม่พัน แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 50 18:27:06 จากคุณ : LAMBDAJET - [ 18 ก.ย. 50 21:55:46 ]