ความคิดเห็นที่ 9
ผมเอารีวิวรถผมมาให้ลองอ่านแล้วกันนะครับ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ปล.เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลครับ
วันนี้พอมีเวลาว่าง ก็เลยรีวิวรถตัวเองเล่นๆซะหน่อยดีกว่าครับ *********Jazz I-DSI 06************ เริ่มแรกนะครับ ความรู้สึกก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเจ้ารถคันนี้มาเป็นรถคู่กาย ผมรู้จักเจ้ารถคันนี้ก่อนที่จะเปิดตัวในไทยประมาณครึ่งปี ด้วยการดูทางหนังสือรถและทางอินเตอร์เน็ต ผมว่ารูปลักษณ์มันดูป้อมๆ พองๆ แปลกๆ ดูสั้นๆยังไงไม่รู้ หลังจากนั้นก็มีโฆษณาซึ่งน้องพอลล่าเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของ Honda Jazz (หนุ่มๆติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง) จำได้ว่าตอนนั้นอยากได้มากเลย เจ้ารถรุ่นนี้สีแดงนี่มันติดตาจริงๆ แต่เนื่องด้วยตอนนั้นยังเป็นนักศึกษายังไม่มีรายได้อะไรก็เลยได้แต่มอง
ถัดมาหลังจากนั้นประมาณ 3 ปี ผมมีความจำเป็นที่จะต้องใช้รถยนต์สักคันเพื่อใช้เดินทางมาทำงาน (คันเก่าคือ Honda accord ปี 87 ขับมาทำงานได้เดือนแรกเดือนเดียว เจอค่าน้ำมันไป 8,000 บาท T T) ก่อนหน้าที่จะซื้อเจ้านี่ก็ลองมองดูรถยนต์มือสองในงบราวๆสัก สามแสนบาทเพื่อเอามาติดแก๊ส แต่ประเด็นนี้ก็ตกกระป๋องไป หลังจากไปเสนอให้ธนาคารประจำบ้าน (คุณแม่) เนื่องจากท่านกลัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของถังแก๊ส
ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเลือกรถที่มีคุณสมบัติดังนี้ 1.ราคาไม่แพงมากนัก อยู่ระดับ3-4 แสน 2.ต้องเป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน เพราะผมต้องใช้รถเดินทางวันละประมาณ 100 กิโลฯ 3.เดินทางออกต่างจังหวัดได้ไม่มีปัญหา 4.ภายในต้องนั่งสบาย โดยเฉพาะตำแหน่งคนขับ
หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ก็เริ่มมองดูรถมือสองอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เจอที่ถูกใจ ถึงตอนนี้เริ่มลังเลระหว่างรถใหม่ในราคาประมาณ5-6 แสนบาท(ถ้าออกรถใหม่ก็จะต้องผ่อนเองด้วย) วันหนึ่งมีเหตุให้ได้ขับรถที่ทำงาน (VIOS) จากชลบุรี-แหลมฉบัง หลังการขับผมค่อนข้างเมื่อยขามาก เพราะว่าที่รองขามันสั้นมาก ส่วนเรื่องฟิลลิ่งการขับขี่ ผมว่าพอใช้ได้ วิ่ง 110++ ก็ยังค่อนข้างนิ่งอยู่(ปกติผมขับรถไม่เร็วครับ) หลังจากนั้นก็ลองไปขับ Jazz ดู ทดลองขับประมาณ 10 นาทีและผมก็ตัดสินใจเลยที่จะเลือกเจ้านี่
ถ้าถามว่าเพราะอะไรถึงตัดสินใจได้เร็วขนาดนั้น มันก็เหมือนกับเราเจอใครซักคนที่เราคิดว่าใช่น่ะครับ ผมลองขับแล้วค่อนข้างประทับใจทีเดียว ที่ความเร็วประมาณ 100 ++ ถือว่าโคลงไม่มากอย่างที่ผมคิด รถพุ่งเร็วกว่าที่คิด อีกจุดคือ วัสดุมันให้สัมผัสที่ดีกว่าวีออส อย่างรู้สึกได้ แต่ประเด็นหลักที่ทำให้ผมตัดสินใจก็คือ เบาะนั่งครับ มันสบายกว่า VIOS
หลังจากนั้นก็กลับไปคุยกับคุณแม่อีกครั้งว่าตัดสินใจแน่แล้วว่าจะซื้อ Jazz ซึ่งประเด็นนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะว่าท่านก็ชอบ Jazz เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สรุปว่า Win-Win ครับ ผมก็หาศูนย์ฯที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด หลังจากโทรฯสอบถามประมาณ 5 ที่ ก็สรุปได้ออกรถที่วอง สาขาพญาไท
มีเรื่องโจ๊กตอนหลังรับรถเสร็จครับ ผมแวะเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊มใกล้ๆกับศูนย์วอง พญาไท ขับรถเลี้ยวเข้าไปถึงปั๊มก็บอกน้องเด็กปั๊มว่าเต็มถัง หลังจากนั้นก็เอื้อมมือจะไปเปิดฝาถังน้ำมัน ทันใดนั้น เฮ้ย หาที่เปิดถังน้ำมันไม่เจอแฮะ ตำแหน่งปกติก็ไม่อยู่ ใต้คอนโซลก็ไม่มี แล้วมันเปิดฝาถังน้ำมันตรงไหนวะเนี่ย หลังจากที่ผมเงอะงะซักครู่ ผมก็เหลือบมองน้องเด็กปั๊ม อ้าวทำไมมันเปิดถังน้ำมันได้ล่ะนั่น เล่นเอางงไปซะหน่อย - - ' ท้ายที่สุดถึงบางอ้อ มันล็อคพร้อมกับตอนล็อครถนี่เอง ถ้าเราปลดล็อคถังน้ำมันถึงจะเปิดได้
เอาล่ะมาเข้าเรื่องที่เกี่ยวกับตัวรถกันดีกว่านะครับ Jazzจัดเป็นในระดับรถซับคอมแพค ซึ่งในกลุ่มนี้ก็มี VIOS,Yaris ของโตโยต้า Cityของฮอนด้า,Aveo ของเชฟวี่และPicanto ของเกีย ซึ่งก็เป็นที่รู้ๆกันว่าผู้นำตลาดก็คือ VIOS นั่นเอง Jazz ถูกออกแบบมาในรูปแบบของซับคอมแพคแบบ Mini MPV เป็นรถห้าประตูที่รูปทรงเป็นทรงกล่อง ซึ่งเหมาะสำหรับพลพรรคที่บ้าขนของเยอะๆมากทีเดียว
รูปร่างภายนอก ด้านหน้าค่อนสั้น และไฟออกโปนๆ เหมือนกับกบเหมือนกัน (แต่ไม่ใช่เจ้าชายกบนะครับ)
ทัศนวิสัยจัดได้ว่าดีทีเดียว มึมุมบอดไม่มากเท่าไหร่ ยกเว้นด้านหลังฝั่งคนขับ ผมเคยเกือบชนมาแล้วทีหนึ่ง เพราะมองไม่เห็นรถนี่แหละ
ห้องเครื่องขนาดค่อนข้างเล็ก แออัดทีเดียว
ด้านหลังเด่นสุดก็คงจะเป็นไฟท้ายนี่แหละ ประตูด้านหลังเป็นแบบยกขึ้นครับ ขนของได้สะดวกดีครับ
ภายในวัสดุที่ใช้ส่วนมากเป็นพลาสติกขึ้นรูป ลวดลายเหมือนกับลูกกอล์ฟ ให้สัมผัสที่แย่กว่ารถคันเก่าของผมอย่างรู้สึกได้
เบาะนั่งด้านหน้า รุ่นที่ผมใช้ปรับความสูง-ต่ำไม่ได้ ความสบายก็พอใช้ได้ รองรับต้นขาได้ยาวกว่า VIOS อย่างรู้สึกได้แต่ก็ค่อนข้างเมื่อยถ้าขับทางไกล
ตอนโซลหน้ามีที่เก็บของเยอะดี คนที่มีของจุกจิกนี่น่าจะชอบกันครับ โดยเฉพาะถ้าเป็นสาวๆ ที่ชอบซื้อของจุกจิก
Head room มีเหลือเฟือ สำหรับคนที่สูง 165 cm.อย่างผม
ไฟเพดานสว่างน้อยไปหน่อย ที่บังแดดมีกระจกด้านคนขับที่เดียว (แทบจะไม่เคยใช้งานเลย)
Leg room ก็เหลือพอสมควร สำหรับที่นั่งด้านหลัง ถ้าปรับเบาะหน้าให้สบาย (ผมปรับระดับที่ผมขับแล้วสบายที่สุด)
ด้านหลังเบาะค่อนข้างตั้งตรง นั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ พื้นที่วางขาเหลือเพียงพอ
จุดเด่นอีกจุดหนึ่งของ Jazz ก็คือสามารถที่จะพับเบาะได้หลายรูปแบบ ทั้งแบนราบเน้นขนของที่มีความยาว และตั้งตรงเพื่อเน้นของที่มีความสูง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกเจ้านี่ เพราะว่าที่บ้านผมบางครั้งต้องขนของเยอะครับ
เอาล่ะมาดูขุมพลังกันบ้างดีกว่าครับ ตอนก่อนซื้อรถก็ได้หาข้อมูลระหว่างตัว i-dsi กับตัว vtec หลังจากเปรียบเทียบแล้ว ผมตัดสินใจเอาตัว i-dsi เรื่องแรงม้าผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะว่าไม่ได้ใช้สมบุกสมบันอะไร 88 แรงม้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่สาเหตุหลักก็มาจากไลฟ์สไตล์ของตัวผมเองครับ ที่ไม่ใช่คนที่ขับรถเร็ว และเจ้าตัว i-dsi ก็มีแรงบิดในรอบต่ำได้ดีกว่า ซึ่งผมน่าจะใช้ประโยชน์ตรงนี้มากกว่า
เกียร์เป็น Auto-CVT 7 speed ครับ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์นิ่มนวลดี การกระตุกค่อนข้างน้อย สมรรถนะจัดว่าใช้ได้ อัตราเร่งอาจจะอืดอาดไปสักหน่อย ช่วง 80ขึ้นไปนี่จะอืดมากทีเดียว แต่ก็เพียงพอสำหรับไลฟ์สไตล์คนขับรถช้าอย่างผมแล้วครับ ตัวเลข 0-100 ไม่ได้จับมาให้นะครับ แต่คาดคะเนว่าน่าจะอยู่ระหว่าง 13-14 วินาที
ความรู้สึกหลังพวงมาลัย การขับขี่ให้ความคล่องตัวสูง ด้วยขนาดที่ยาวเพียง 3.8 เมตร ขับซอกแซกในเมืองได้สนุกทีเดียว Jazz เป็นรถที่พวงมาลัยคมใช้ได้เลยครับ เรียกว่าหักปุ๊บเลี้ยวปั๊บเลยทีเดียว น้ำหนักค่อนข้างเบา เหมาะที่จะขับในเมือง แต่ถ้าขับเร็วจะพบว่าน้ำหนักเบาหวิวเลย ไม่ค่อยให้ความมั่นใจเวลาที่ใช้ความเร็วสูงๆ ส่วนช่วงล่างนี่ค่อนข้างกระด้างทีเดียว เทียบกับรถคันเก่าผมแล้วเจ้านี่จัดว่ากระด้างกว่ากันเยอะ
ด้านอัตราสิ้นเปลืองนั้น ลักษณะการขับขี่ของผมคือวิ่งในเมืองประมาณ 10 กิโลฯ หลังจากนั้นก็เข้าสู่ถนนสายหลัก ทำความเร็วเฉลี่ยประมาณ 110 อีก 40 กิโลฯ ข้อมูลปัจจุบันของรถผมนะครับ: ตอนนี้ผ่านการใช้งานมาแล้ว 10 เดือน กับระยะทางประมาณ 3.3 หมื่นกิโลฯ เบนซิน 91 ได้ประมาณ 15 กิโล/ลิตร แก๊สโซฮอล 95 ได้ประมาณ 16 กิโล/ลิตร ซึ่งผมก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมแก๊สโซฮอลโซฮอลถึงประหยัดกว่า แต่ว่าสิ่งที่ได้แถมมากับความประหยัดของแก๊สโซฮอล ก็คือความอืดครับ รถอืดอย่างรู้สึกได้ หลังจากที่ผมให้โอกาสแก๊สโซฮอลมา 4 ถัง ก็ได้ผลเหมือนกันครับ สรุปว่าต่อไปก็คงเลือกที่จะเติม เบนซิน 91 แหละครับ
ด้านเสียงรบกวนจากภายนอกนั้นค่อนข้างดังทีเดียว การเก็บเสียงทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ อีกจุดก็คือเวลาฝนตกเสียงเม็ดฝนสัมผัสหลังคานี่ค่อนข้างดัง เครื่องเสียงพอฟังได้ คุณภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่
บทสรุปข้อดี-ข้อเสียของ Honda Jazz ในมุมมองของผมนะครับ ข้อดี 1.ประหยัดน้ำมันมากๆ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 15 กิโล/ลิตร 2.ความคล่องตัวสูงเมื่อขับขี่ในเมือง จัดได้ว่าขับได้สนุกทีเดียว 3.สามารถขนของได้มากกว่าที่คิด เนื่องจากความอเนกประสงค์ของเบาะ 4.ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างถูก
ข้อเสีย 1.ช่วงล่างแข็งเกินไป กระเด้งกระดอนพอสมควร 2.เบาะหลังนั่งไม่สบายเลย ตั้งตรงมากเกินไป 3.การเก็บเสียงรบกวนทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อตอนฝนตก 4.เมื่อใช้ความเร็วสูง (เกิน 110 ขึ้นไป) รถค่อนข้างโคลงทีเดียว 5.พวงมาลัยมัน้ำหนักเบาไปนิด น่าจะหนักกว่านี้สักหน่อย 6.เกียร์มีเสียงหอนตั้งแต่วันแรกที่ออกรถมา เข้าศูนย์ฯก็บอกว่าเป็นปกติ
ด้านความคุ้มค่าและความพอใจในตัวรถ ความคุ้มค่า เต็ม 10 ผมให้ 7 นะครับ ผมมองว่าราคาของเจ้านี่ ไม่น่าจะเกินห้าแสนครับ วัสดุที่เอามาใช้นี่จัดว่าแย่ทีเดียว ให้สัมผัสที่แข็งกระด้าง(ยี่ห้ออื่นก็เป็นแบบนี้ แต่ผมวัดจากราคาเป็นหลักนะครับ) แต่ด้านความพอใจในตัวรถนี่ เต็ม 10 ผมให้ 9 ครับ ผมมองว่าด้วยตัวรถที่เล็กๆ ให้ความประหยัดดีสมความต้องการ ความอเนกประสงค์ของการปรับเบาะ โดยรวมค่อนข้างพอใจมาก ส่วนศูนย์บริการ ผมเข้าที่วอง พญาไทก็พอใจทีเดียว แต่ล้างรถไม่เกลี้ยงเท่าไหร่ ส่วนศูนย์ที่แปดริ้ว คงจะไม่เข้าไปอีกแล้ว ไม่ประทับใจในการบริการเลยครับ
สุดท้ายนะครับ สำหรับเจ้ารถคันนี้ ผมเคยขับจากชลบุรี-เชียงใหม่มาแล้ว ใช้เวลาเดินทาง 11 ชั่วโมง ออกเดินทางตีห้าถึงเชียงใหม่ตอนสี่โมงเย็น ขับด้วยความเร็วไม่เกิน 110 แวะพักตลอดทางเพราะว่าคนขับและคนนั่งเมื่อย (พักที่อยุธยา,นครสวรรค์,ตาก) และในทริปนั้น ก็ได้ลองเอาเจ้านี่ขึ้นดอยอินทนนท์มาแล้ว ซึ่งก็ไม่มีปัญหาครับ ขาขึ้นนี่สบายๆ แต่ตอนกลับนี่ต้องปรับมาใช้เกียร์แบบ manual เอง เพื่อป้องกันผ้าเบรคไหม้ครับ (ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ก็ตรงนี้แหละครับสำหรับเจ้าเกียร์ออโต้ที่สามารถเลือกโหมดได้) สำหรับการเดินทางทริปนั้น การสิ้นเปลืองทำได้ที่ 16.66 กิโล/ลิตรครับ (ตัวเลขดูดีใช่มั๊ยครับ แต่ตัวเงินนี่โดนไปซะสามพันบาท - -')
จากคุณ :
mongolia
- [
24 ก.ย. 50 10:43:22
]
|
|
|