ความคิดเห็นที่ 3
ตอบเป็นประเด็นอย่างนี้ดีกว่าครับ
1. 6000Kกับ8000K สว่างต่างกันเยอะมั้ยครับ ไม่เกี่ยวครับ เพราะค่าที่บอกเป็น K หรือองศาเคลวิน คือค่าความขาว 4500K ออกเหลืองประมาณแดดบ่ายสี่โมง 6000K ออกขาวอมฟ้าแล้ว 8000K นี่ม่วงไปเลย
ส่วนหน่วยวัดความสว่างคิดเป็นแรงเทียน ลักซ์ หรือวัตต์ ครับ
2. มีแบบไม่แยงตาชาวบ้านมั้ย มีครับ
โดยโคมจะต้องทำเพื่อบังคับแสงให้พุ่งเป็นเส้นตรง ที่เห็นชัดๆ ก็จะเป็นพวกไฟโปรเจคเตอร์ ถ้าเอาโคมธรรมดาไปใส่หลอดที่แสงออกขาวเยอะๆ ยังไงก็แยงตาครับ เพราะ
แสงสีขาว ความถี่สูงกว่า มีคุณสมบัติเลี้ยวแบนได้มากกว่า หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ฟุ้ง" ถ้าโคมถูกออกแบบให้บีบลำแสงที่ 4500K ให้กระจายออกกว้าง 30 ํ เมื่อนำโคมนี้ไปใส่หลอดที่ขาวขึ้น ก็จะกระจายแสงมากขึ้น เป็นเหตุให้แสงฟุ้ง และแยงตารถคันอื่น ทั้งคันที่อยู่ข้างหน้า และคันที่สวนมา
นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติที่ฟุ้งได้ง่ายของแสงขาว เมื่อส่องผ่านฝุ่น หรือน้ำฝน แสงจะฟุ้งไปทั่ว จนพลังงานสลายหายไป ส่งผลให้แสงที่ไปกระทบวัตถุน้อยลง แสงที่กระทบวัตถุน้อยอยู่แล้วนั้น ก็ยิ่งกลับมาสร้างภาพที่ตาเราน้อยลงไปอีก ดังนั้นรถที่ไฟขาวมากๆ ขับฝ่าสายฝน ฝุ่น หรือหมอก ก็เกือบเหมือนไม่ได้เปิดไฟ เพราะไฟที่เปิดจะสว่างฟุ้ง จนรถคันอื่นเห็นรถเราเป็นลูก ไม่ได้เห็นไฟเป็นดวง และเราเองก็ไม่เห็นภาพในแนวลำแสงของเราเองด้วย
สังเกตได้ว่า ไฟตัดหมอกของรถที่ลุยป่าจริงๆ จะเป็นสีเหลืองจนถึงเหลืองจัดทั้งสิ้น
ที่สำคัญ ดวงตาเราไวต่อสีเหลืองที่สุด การที่ไฟเป็นสีเหลืองจะทำให้ตามองภาพได้ชัดที่สุด เพราะเกิดความเปรียบต่างสูง
สังเกตอีกที ตอนขับผ่านถนนที่ใช้ไฟสีเหลือง เราจะขับได้ง่ายกว่าถนนที่เป็นไฟสีขาว หรือหลอดนีออน
สังเกตอีกสองที แว่นอีเกิ้ลอาย, แว่นตากลางคืน ที่โฆษณากันนักหนานั้น ล้วนแต่เป็นสีเหลืองทั้งสิ้น
?? แล้วทำไมรถรุ่นใหม่ทำไฟสีขาวล่ะ ?? ก็เพราะเทคโนโลยีที่จะผลิตหลอดไฟให้สว่าง (แรงเทียน) มากขนาดนั้น มันบังเอิญทำให้แสงสีขาวได้ง่ายกว่า และเมื่อทำออกมา ประชาชนก็ดันให้ความนิยมจนเป็นแฟชั่น ขายดิบขายดี ก็ทำกันมาเรื่อย
?? ถามว่า ถ้ามันใช้งานไม่ดี ได้แต่สวยทำไมขายดีล่ะ ?? งั้นถามกลับว่า รองเท้าส้นสูง ใช้งานได้ดีจริงหรือ เดินสบายจริงหรือ ใส่แล้ววิ่งได้เร็วหรือ ก็เห็นใส่แล้วสวยเท่านั้นนี่นา ทำไมถึงขายได้ล่ะ ก็เช่นเดียวกันครับ
จากคุณ :
จั๊กกะจี๋
- [
24 ก.ย. 50 19:03:05
]
|
|
|