ความคิดเห็นที่ 1 5w30 นี่คงไม่ไหวแล้วมั้งครับ เพราะรถค่อนข้างเก่าแล้ว ขนาด 0w40 ยังมีกินน้ำมันเครื่อง ถ้าใช้ตัวนี้จริงคงต้องเติมบ่อยแน่นอน ผมว่า 40 หรือ 50 นี่น่าจะเหมาะสมกับสถานะรถของคุณมากกว่า ถ้าน้ำมันข้นไป อาจดีเรื่องปกป้องเครื่องยนต์ที่อาจมีอาการหลวมมั่งเล็กน้อย แต่อาจต้องแลกด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องยี่ห้อนี่แนะนำยากครับ สำหรับผมเอง 0w40 ของ PTT นี่ก็โอเคมากแล้วครับ ตัวนี้เป็น SM อยู่แล้ว จากคุณ : SP (Naicollo) - [ 28 ก.ย. 50 01:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 "เลขตัวหลัง" ไม่ได้บอกว่าน้ำมันข้น/ใส น้ำมันเครื่องข้นหรือใส ต้องดู "เลขตัวหน้า" ตัวอย่าง 1) 5W30 2) 0w40 ข้อ 2) ใสกว่า จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 28 ก.ย. 50 07:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆ น้ำมันเครื่องในตัวเลือกของท่าน ใส่รถได้ทั้งนั้นแหละครับ ไม่ทำให้รถพังแต่อย่างใดครับ แต่ เลขข้างหน้า ยิ่งน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น สำหรับตอนสตาร์ท เครืองครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 28 ก.ย. 50 09:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สรุปแล้วแบบไหนดีครับ Total Quartz 5w30 หรือ 10w50 ตอนนี้ลังเล 5w30 แหะ น่าสนๆ เพราะ ไม่ใส ต่างจาก 0w40 ของ ptt เท่าไร (Total ก็ SM นะครับ ราคาพอๆ กัน) จากคุณ : woravit - [ 28 ก.ย. 50 10:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 PTT Performa Super Synthetic SAE 0W-40 Viscosity @ 100 oC, cSt   ===      12.7    อัตราการไหลของน้ำมันดีที่สุดในกลุ่มน้ำมันเครื่อง เบอร์ 40 ถ้าต่ำกว่า 12.5 จะเป็น น้ำมันเบอร์ 30 Viscosity Index ===         183 Cold-cranking Simulator, @ -35 oC, cP   ===   5,890   Flash Point , (COC) ,oC   ===      220   Pour Point , oC   ===         -54   Color         ===      - เปรียบเทียบ Mobil1 กระป๋องทอง 0W-40   SAE Grade         0W-40   cSt @ 100º C  === 14.3 Viscosity Index, ASTM D 2270 ===187   Pour Point, ºC, ASTM D 97  === -54   Flash Point, ºC, ASTM D 92 === 236   Density @15º C kg/l, ASTM D 4052 === 0.855 เปรียบเทียบ Castrol EDGE 0W-40 รุ่นใหม่ล่าสุด   SAE Grade         0W-40   cSt @ 100º C  === 13.5 Viscosity Index, ASTM D 2270 ===169   Pour Point, ºC,   === -54   Flash Point, ºC,  === 212   เปรียบเทียบ Castrol EDGE 5W-30 รุ่นใหม่ล่าสุด   SAE Grade         5W-30   cSt @ 100º C  === 12.0 น้ำมันเบอร์ 30 จะประมาณนี้ Viscosity Index, ASTM D 2270 ===165 ความแข็งแรงของฟิล์มน้ำมันต่ำกว่า Pour Point, ºC  === -38 Total Quartz 9000 SM         SAE GRADE              5W-30 Viscosity at 100°C === 12.01 Viscosity Index === 163 Pour Point    ===  -36 Flash Point   ===  227 Total Quartz 9000 SM     SAE GRADE            10W-50 Viscosity at 40°C === 115 Viscosity at 100°C === 17.18 Viscosity Index === 163 Pour Point === -36 Flash Point  === 230 เท่าที่อ่านจาก wiki นะครับ.. เลขตัวหน้า หมายถึงว่า ถ้าในอุณหภูมิตอนเครื่องเย็น (W=winter =  -18 องศา..) จะมีค่า SAE เท่ากับเลขตัวหน้าครับ.. ซึ่งถ้าน้ำมันปกติ ยิ่งเย็น ก็ยิ่งหนืด อะไรประมาณนั้นน่ะครับ ยิ่งตัวเลขข้างหน้ายิ่งน้อย ก็แสดงว่า ตอนเครื่องเย็นย่อมสตาร์ทได้ง่ายกว่า (เช่น ใช้บนดอยหนาวๆ น่ะคับ) แต่ถ้าที่อุณหภูมิปกติที่เครื่องทำงาน (ประมาณ100องศา) น้ำมันจะมีค่าความหนืดเท่ากับเลขตัวหลังครับ.. แล้วช่วงระหว่างเครื่องร้อน กับเครื่องเย็น ??? มันก็เหมือนกราฟมันตัดกันน่ะครับ แต่ถ้าถามว่า ตัดกันที่เท่าไหร่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ขึ้นอยู่กับน้ำมันเครื่องอ่ะคับ ซึ่งถ้าเลข ข้างหน้า W กับ หลัง W ยิ่งกว่าแสดงว่าเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพสูงคับ หรือดู Viscosity Index ก็ได้ครับ เป็นค่าความสามารถในการหล่อลื่น เมื่อ อุณหภูมิเพิ่ม Viscosity ก็จะลดลง   (Viscosity = ความหนืด) ถ้าค่า Viscosity Index สูงๆ แสดงว่า เวลาอุณหภูมิเพิ่ม Viscosity ก็จะเพิ่มน้อยอ่ะคับ (หรืออีกความหมายก็คือนิ่งกว่า) ทั้งๆที่น้ำมันปกติ จะหนืดมาก ตอนเย็น แล้วจะใส ตอนเครื่องร้อนน่ะครับ.. ที่น้ำมันเครื่องทำแบบนี้ได้ เพราะ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เขาใช้สารปรุงแต่งน่ะครับ.. ถ้าเทียบ 5W-30 กับ 0W-40  ตอนเครื่องเย็น 0W-40 จะใสกว่า แต่พอถึงจุดที่อุณหภูมิเครื่องทำงานแล้ว ตัว 5W-30 จะใสกว่าครับ ถ้าให้เทียบกับแล้ว แทบไม่ต่างครับ.. เพราะ 0W-40 ของ ปตท. นี่เรียกว่าใสจนจะเกือบเป็น SAE 30 น่ะครับ  ดูได้จากค่า viscosity ที่ 100องศา เวลาใช้จริง น้ำมันเครื่องอาจจะหายมากกว่าตอนใช้ PTT อีกนิดหน่อย เช่น จาก 3 มิล อาจจะเป็น 4 - 5 มิล.. อะไรแบบนี้น่ะคับ ซึ่งถ้าไม่ต่ำกว่าขีดล่างสุด ก็ไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ ข้อดีที่ตามมา จะเป็นในเรื่องของประหยัดน้ำมัน.. แต่การปกป้องเครื่องที่รอบสูงๆ ย่อมแย่กว่านะคับ แต่หากให้แนะนำ เรื่องน้ำมันเครื่องหายไปบ้าง แล้วอยากให้ดีขึ้นกว่านี้ ผมแนะนำให้ใช้ Mobil1  0W-40 หรือ Shell Helix Ultra 5W-40  มีค่า Viscosity index 187 เรียกได้ว่าสูงสุดๆล่ะครับ.. หนืดกว่า PTT นิดหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในช่วง SAE40 แต่ราคาก็แพงตามไปด้วยนะคับ ส่วนเบอร์ 50 ผมไม่แนะนำคับ เพราะว่าถ้าใช้ จะอืดเกินไปนะผมว่า แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 13:11:26 จากคุณ : kamthorn (kamthorn) - [ 28 ก.ย. 50 13:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่าใช้ 5W30 ก็น่าจะดีกว่าลื่นดี รถคุณเครื่องยังไม่หลวมและไม่ได้วิ่งแบบ 7-8 พันรอบตลอดเวลาและไม่ใช่เครื่องเทอร์โบ ความร้อนสะสมไม่ได้สูงมากมายอะไร ไม่น่ากังวลเรื่องว่ามันจะใสเกินไป อุณภูมิน้ำมันเครื่องน่าจะอยู่ในช่วง 90 ปลายๆอย่างมากก็ 100 เศษๆ องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง น้ำมันเกรดนี้ทนได้สบายมาก น้ำมันเครื่องที่มีค่า Viscosity Index ระดับ 140 -150 ขึ้นไปก็ถือว่าสูงแล้วครับ  อย่าไปดูที่ค่า Viscosity Index เพียงอย่างเดียวเพราะบางทีรถที่ใช้ น้ำมันเครื่องที่ Viscosity Index สูงๆแต่กลับพังง่ายกว่าหรือไม่ลื่นเท่าน้ำมันที่ Viscosity Index ต่ำกว่าก็มี ลองดูที่ยี่ห้อคุณภาพมาตรฐานในการผลิตประกอบด้วย น้ำมันหลายชนิดก็ผลิตในไทย แต่น้ำมันเครื่อง Total เป็นของนำเข้าคุณภาพค่อนข้างสูง ยังไงลองใช้ด้วยตัวเองแล้วตัดสินจะดีกว่าเพราะความชอบและความรู้สึกแต่ละคนไม่เหมือนกัน จากคุณ : DLR - [ 28 ก.ย. 50 16:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ข้นหรือใส ดูทั้ง 2 ตัวครับ แต่มันต่างสภาวะกัน หน้า W เป็นความหนืดเมื่ออุณหภูมิต่ำ จำได้ว่าทดสอบที่ -18 oC ส่วนตัวหลัง เป็นความหนืดที่อุณหภูมิ 100 oC เพราะฉะนั้นประเทศไทย เลือกซื้อ ดูแค่ตัวหลังครับ ถ้าเลขตัวหน้าจะมีผล ก็คือ ระยะช่วงของมันครับ ใกล้กันจะดีกว่า เช่น 5W40 ดีกว่า 0W40 จากคุณ : EITHER - [ 28 ก.ย. 50 23:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาให้ดูเล่นๆ จากคุณ : EITHER - [ 28 ก.ย. 50 23:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเทียบ 5W-30 กับ 0W-40  ตอนเครื่องเย็น 0W-40 จะใสกว่า แต่พอถึงจุดที่อุณหภูมิเครื่องทำงานแล้ว ตัว 5W-30 จะใสกว่าครับ >>>>>>>> มันน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ใช่ครับ วิธีทำน้ำมัน multi-grade ของเดิมๆ เขาทำอย่างนี้ (ตอนหลังใช้เทคนิค เพิ่มอัตราการไหลเมื่ออากาศเย็น มาช่วยครับ) 1) ใช้น้ำมันที่มีความใส = เลขตัวหน้า เช่น 0w 2) ใส่ VII viscosity index improver เช่น polymethacrylate มีลักษณะคล้ายเส้นด้าย เล็กๆ 3) ในขณะที่ "เย็น" มันจะขดตัวรวมกันเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ พอ"ร้อน"ขึ้น กลุ่มด้ายก็ค่อยๆ คลี่ออก กลายเป็น "เส้นยาว" 4) เส้นด้ายยาวๆ ทำหน้าที่เหมือนกับ "เหล็กเส้น" ที่เราเสริมคอนกรีต เพื่อเพิ่ม "แรงดึง" ===> ทำให้ฟิล์มน้ำมัน = แข็งแรง ทนแรงดึงได้ดี เทียบกับน้ำมันเครื่องเบอร์เดียวกับ = "เลขตัวหลัง" สรุป น้ำมันเครื่อง multi-grade 1) ความแข็งแรงของฟิล์มน้ำมัน ทนแรงดึงได้ดี เทียบกับ "เลขตัวหลัง" 2) แต่ความแข็งแรง ไม่ใช่เพราะน้ำมันมีความข้นใส "เพิ่มขึ้น" ดังนั้น การจะบอกว่า น้ำมันมัลติเกรด ตัวไหน ใสกว่ากัน จะต้องดูที่ "เลขตัวหน้า" ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 29 ก.ย. 50 06:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10 http://www.optraclub.com/board/forum_posts.asp?TID=7173&PN=1&TPN=1 ตามlinkนี้เลยครับ ของดีโปรโมชั่นโดนใจ หมื่นโลก็ยังลื่นเหมือนถ่ายตอนแรกๆคอนเฟิร์มครับ จากคุณ : ดอน วีโต้ คอลีโอเน่ - [ 29 ก.ย. 50 11:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เก็บๆๆ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ - [ 29 ก.ย. 50 15:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ความแข็งแรง ก็ดูที่ค่า VI ไม่ใช่หรอครับ ?? ยิ่งมาก ก็ยิ่งแข็งแรง.. ขึ้นอยู่กับ สารที่ใส่เพิ่มอะไรประมาณนั้นอ่ะคับ แต่ละยี่ห้อก็ไม่เหมือนกัน.. ซึ่งแต่ละตัวก็ไม่เท่ากัน..  แต่ไม่เกี่ยวว่าน้ำมันที่ข้นกว่า จะมีค่า VI สูงกว่าเสมอไปคับ.. ^_^ แต่ถ้าจะดูข้น ใส เอาเป็นว่า ผมหมายถึงว่า ข้น = หนืด , ใส = ไม่หนืด (หนืดน้อย..) ในเมื่อน้ำมันเครื่อง Multi-grade เป็นน้ำมันเครื่องที่มีค่า SAE ไม่คงที่ คือ เจาะจงว่า ค่าความหนืด = เลขตัวหนา (ที่ -18 องศา) กับ ค่าความหนืด = เลขตัวเลขหลัง (ที่ 100 องศา) แต่ช่วงระหว่างตรงนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันคับ.. ดังนั้น จะบอกว่า ข้น ใส ( ซึ่งก็คือ หนืด ไม่หนืด .. ก็ดูที่ค่าการไหล ไม่ใช่หรอครับ ??) เพราะถ้าใส ก็ไหลได้ดีกว่า น้ำมันที่ข้นๆ ?? ถ้าจะดูว่า น้ำมัน ใส หรือเปล่า ดูที่ค่า Viscosity ดีกว่าครับ (ซึ่งก็ต้องดูอุณหภูมิประกอบด้วยคับ เพราะว่า ที่อุณหภูมิ 40 องศา กับ 100 องศา ไม่เท่ากันอ่ะคับ..) Viscosity @ 100 oC, cSt   ===      12.7 แต่ถ้าเทียบคร่าวๆ ว่า เลขตัวหลังเท่ากัน แต่เลขตัวหน้าไม่เท่ากันอย่างนี้ ก็ถ้าเลขตัวหน้าน้อย ก็น่าจะใสกว่าอ่ะคับ.. แต่ให้ดีก็ดูค่า Viscosity เทียบไปเลยดีกว่าคับ.. ผมเข้าใจผิดตรงไหนหรอคับ ? แนะนำด้วยคับ - -ล แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 50 13:18:52 จากคุณ : kamthorn (kamthorn) - [ 30 ก.ย. 50 13:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ในเมื่อน้ำมันเครื่อง Multi-grade เป็นน้ำมันเครื่องที่มีค่า SAE ไม่คงที่ คือ เจาะจงว่า ค่าความหนืด = เลขตัวหนา (ที่ -18 องศา) กับ ค่าความหนืด = เลขตัวเลขหลัง (ที่ 100 องศา) >>>>>>>>>>> สำหรับ Multigrade   "เลขตัวหน้า" และ "เลขตัวหลัง" ไม่ได้ตั้งใจแสดง viscosity อย่างนั้นครับ "เลขตัวหน้า" แสดงการไหลได้ดี ที่อุณหภูมิได้ ต่ำ แค่ไหน ? "เลขตัวหลัง" แสดงค่าความแข็งแรงของฟิล์มน้ำมัน โดยค่าการไหลที่ 100ซี และ  HT/HS high temp / high shear Test @ 150 C ค่า HS จะบ่งลักษณะการใช้งานว่าเป็นงานหนัก หรือ งานเบา ดังนี้ 1) Light duty  high shear viscosity must meet a min. HT-HS limit to 2.9 cP 2) Heavy duty limit to 3.7 cP ตัวอย่างข้างล่างนี้ แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า เลขตัวหลัง= เท่ากัน แต่ ค่า HT-HS ไม่เท่ากัน ตัวหนึ่งใช้งาน light duty ในขณะที่อีกตัวเป็น Heavy duty SAE 0w-40  ค่า HT-HS = 2.9 cP SAE 15w-40  ค่า HT-HS = 3.7 cP ดังนั้น น้ำมัน Multi-grade เราจะดูเพียง "เลขตัวหลัง" ตัวเดียว เพื่อจะบอกความข้นใส... ไม่ได้ เลขตัวหน้ามีความสำคัญต่อความข้นใสของน้ำมัน ครับ Multi-grade นิยามเขาว่าอย่างนี้ครับ Multi-grade are defined by both of the following criteria 1) Maximum low temperature cranking and pumping viscosities corresponding to the W-grade (เลขตัวหน้า) 2) Maximum and Min "kinematic viscosity" at 100C and minimum high shear viscosity at 150C corresponding to the non-W grade (เลขตัวหลัง) "เลขตัวหน้า"  ตั้งใจแสดงว่า อุณหภูมิต่ำเท่าไร ที่น้ำมันตัวนี้ยังไหลได้ (cranking and pumping temperature ) "เลขตัวหลัง" แสดงลักษณะการใช้งาน ว่า light หรือ heavy จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 1 ต.ค. 50 05:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Viscosity @ 100 oC, cSt   ===      12.7 >>>>>>>>>> หน่วย cSt เป็นค่า Kinetic Viscosity ครับ 1) Kinetic-Viscosity กับ 2) Viscosity   2 ตัวนี้ไม่เหมือนกัน จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 1 ต.ค. 50 05:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความแข็งแรง ก็ดูที่ค่า VI ไม่ใช่หรอครับ >>>>>>>> Viscosity Index เป็นดัชนี บ่งชี้การเปลี่ยนแปลงความข้นใส เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันที่มีค่า VI สูง ก็ทนความร้อนได้ดีกว่า ค่าความข้นใสเปลี่ยนแปลง=น้อย ครับ เมื่ออยากให้มี VI สูง ก็ต้องใส่ additive VII = VI-Improver   น้ำมัน multi-grade  มี VII viscosity index improver ค่าความข้นใสจึงเปลี่ยนแปลง=น้อย เมื่อร้อนขึ้น @อุณหภูมิทำงาน 100 C  "ความข้นใส"ยังพยายามจะคงที่ (เท่าเดิม) ไม่ใช่ หนืดขึ้น ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 1 ต.ค. 50 06:05:30 ]