ความคิดเห็นที่ 1 ผมก็เห็นด้วยตามที่คุณว่าครับ จากคุณ : SP (Naicollo) - [ 5 ต.ค. 50 01:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องนี้ เหมือนเป็นหัวข้อชูเรื่องเด่น ของ เจ้าไนโตรเจนเลย เพราะคนกลัวระเบิดมาก แต่ที่จริงแล้ว จากที่ผมใช้ ผมเห็นอย่างเดียวคือ ไม่เติมมาหลายเดือน ยางยังแข็งดีอยู่ครับ ลมยางแทบไม่ลดเลย จากคุณ : GOLF-B16A - [ 5 ต.ค. 50 01:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มันก็แค่คำโฆษณาครับ หลายๆอย่างโฆษณาว่าประหยัดน้ำมัน ทั้งที่ดูจากหลักการของมันแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเล้ยยยย จากคุณ : athlon1400 - [ 5 ต.ค. 50 03:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในโตรเจนเป็นสารมีเบากว่าอากาศมาก เพราะฉนั้นถ้าวิ่งในความเร็วสูงรถจะเบากว่าแต่เสถียรกว่าและเร็วกว่า แถมเวลาที่ล้อหมุนในความเร็วสูงจะมีแรงเสียดทานต่ำมากยางจึงไม่ร้อนเท่ากับอากาศ เพราะฉนั้นลมในโตรเจนจึงดีกับยางมากกว่าลมธรรมดาอย่างที่กล่าวไว๊ค๊าบพี่น้อง ปล.ที่กล่าวมาทั้งหมดผมเกรียนขึ้นมาทั้งหมดค๊าบผมมั่วมาเองทั้งนั้นหล่ะค๊าบพี่น้อง เงี๊ยะ ๆ จากคุณ : Fatdiary - [ 5 ต.ค. 50 03:47:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พอๆกันแหละ จากคุณ : maxibon - [ 5 ต.ค. 50 08:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขับรถใช้รถถูกกฎถูกหลัก ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันเป็นพิเศษเลยครับ รถมันก็อยู่กับเราได้เป็นสิบปี จากคุณ : เปลืองเงิน - [ 5 ต.ค. 50 08:49:12 A:125.25.193.105 X: TicketID:038237 ]

ความคิดเห็นที่ 7 http://www.getnitrogen.org/why/index.php มีคำอธิบายคร่าวๆ ครับ จากคุณ : es 2.0 (ES_BK) - [ 5 ต.ค. 50 09:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คงเป็นเรื่องที่ ไนโตรเจน ซึมออกช้ากว่า ลมจะอ่อนช้ากว่า เลยเอามาเป็นจุดโฆษณาเรื่องความปลอดภัยจากยางระเบิด ถ้าไปเจอคนที่เชื่อในโฆษณานี้มากๆ เลยไม่ตรวจดูลมเลย  ผมว่ายิ่งอันตรายหนักเข้าไปอีก จากคุณ : Poonoi - [ 5 ต.ค. 50 09:48:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สเปค ก็คือ สเปค ผู้ผลิตระบุมาว่าเช่นให้เติมลมยาง32ปอนด์ นั่นแปลว่ายางและนน.รถจะมีประสิทธิภาพดีสุดที่แรงดันลมนั้นๆ ในเมื่อน้องบอกว่าในโตรเจนจะไม่เปลี่ยนแรงดันขณะร้อนนั่นก็หมายความว่าน้องสามารถรักษาค่าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไว้ได้ตลอดด้วยไงครับ มันไม่ดียังไง โลกเขาวิ่งไปข้างหน้า รถแข่งระดับโลกก็ใช้กันถ้วนหน้า เครื่องบินก็ใช้เป็นกฏเลย รถบรรทุกหนักในยุโรปถูกบังคับต้องใช้ ผมไม่เข้าใจว่าจะไปค้านกันทำไม แต่ถ้าคิดว่าเราขับของเราไม่ได้ไปแข่งกับใครแล้วก็ขับลมธรรมดามาเป็นสิบปีก็ไม่เห็นเป็นอะไรไม่ต้องเปลืองเงินทอง เออ ถ้าคิดอย่างนี้ไม่ว่ากัน แต่อย่ามาค้านว่าไม่ดียังงั้งยังโง้นเดี๋ยวไม่ต้องใช้หรอกอินเตอรเนทเนี่ยมันสู้จดหมายไม่ได้หรอก จากคุณ : โจ้เชียงใหม่ (โจ้เชียงใหม่) - [ 5 ต.ค. 50 10:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เท่าที่ลองอ่านดูน่ะ โมเลกุลของอ๊อกซิเจนมันเล็กกว่าของไฮโดรเจน ระหว่างที่เราขับรถไปทำงาน แวะรับกิ๊ก พาเมียไปกินข้าว อ๊อกซิเจนมันซึมออกตามขอบ ผนังยางได้ง่ายและเร็วกว่าไนโตรเจน ยางเลยไม่แบน ลดอัตราเสี่ยงที่ยางจะระเบิด แต่ก็ต้องดูลมยางด้วย เหมือน Poonoi บอก อีกอย่างหนึ่งคือ ลมยางที่เราเติมกันปกติ อ๊อกซิน ผสมกับน้ำ มันทำให้เกิดอ๊อกไซด์ ทางเคมี ทำให้ยางเสื่อมอายุได้เร็ว แต่ถ้าเพิ่มปริมาณไฮโดรเจ่นจะช่วยยืดได้นิดหน่อย จากคุณ : One Kiss - [ 5 ต.ค. 50 10:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ระเบิดได้ เกิดจาก ออกซิเจน(จากอากาศ)+สารไฮโดรคาร์บอนจากยาง+ความร้อนถึงจุดวาบไฟ อีกกรณี เกิดจาก over pressure จากคุณ : ป๋า - [ 5 ต.ค. 50 11:06:12 A:203.146.104.32 X: TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นกระทู้เรื่องไนโตรเจนแล้วอดเข้ามาบอกไม่ได้ แม้ว่าไม่มีใครอยากเชื่อถือ หรือ เห็นเป็นข้อมูลที่น่าสนใจก็ตาม ว่า ผมใช้ลมไนโตรเจนมาหลายคัน คันล่าสุด รถนิวแลนเซอร์ ยาง 195/60 ขอบ 15 ยางติดรถมาตั้งแต่ป้ายแดงไม่เคยเปลี่ยน ยี่ห้อบริดสโตน รุ่น RE 88 ลายดอกก็คล้ายๆพวก GR 80 แต่รุ่นเก่าและล้าสมัยกว่า ไม่ได้เติมไนโตรเจนตั้งแต่ตอนแรก มาเติมเมื่อวิ่งไปได้สัก 2 หมื่นโล ปัจจุบันยางชุดวิ่งได้ 60,100 กม. โดยสภาพค่อนข้างนิ่มดี เสียงดังไม่มาก ผิดกับรถรุ่นเดียวกันคัน ยางแบบเดียวกัน ส่วนใหญ่ดังน่ารำคาญตอนไม่เกิน 3 หมื่นโล เข้า 4 หมื่นโลก็อยู่สภาพทนใช้แล้วครับ การใช้งานก็ใช้วิ่งต่างจังหวัดเป็นหลัก ความเร็ว 120 ขึ้นไป อาจจะนอกเรื่องกระทู้นิดนึง แต่เห็นเป็นผลของการใช้ไนโตรเจนเหมือนกันเลยเข้ามาบอกครับ ส่วนใช้แล้วมันจะช่วยไม่ให้ระเบิดหรือไม่ ไม่น่าเอามาโฆษณาครับ เพราะส่วนใหญ่คนใช้ยางคงไม่มีรอให้มันระเบิดหรอกครับ พอเห็นยางไม่ค่อยดีก็เปลี่ยนกันแล้ว จากคุณ : นที - [ 5 ต.ค. 50 11:15:58 A:125.27.119.28 X: TicketID:072386 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยครับ จากคุณ : TooNew - [ 5 ต.ค. 50 11:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ยางล้อเครื่องบินทุกลำในโลกนี้เติมก๊าซเฉื่อยแบบไนโตรเจนทั้งสิ้น..ไม่ได้เติมลมแบบปกติทั่วไปนะครับ..ไม่เสาะหาเอาเองว่าทำไม..ไม่อยากอธิบายครับ..ขี้เกียจพิมพ์ จากคุณ : มะขามหมู - [ 5 ต.ค. 50 11:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ลมไม่ค่อยซึมจริงๆนะคะ  นานๆ 2 -3 เดือนเติมทีค่ะ จากคุณ : สงสารน้องออส (ส่งเสียน้องออส) - [ 5 ต.ค. 50 12:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลมไนโตเจนใช้สำหรับรถแข่ง เครื่องบิน ที่มีแรงเสียดทานสูง รถบ้านปกติวิ่งยังไงยางก็ไม่มีทางระเบิดได้ นอกจากยางชำรุด บอกแค่เนี้ย จากคุณ : dragon smile - [ 5 ต.ค. 50 12:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าถามว่าดีกว่าไหม๊ผมว่าดีกว่านะครับ จะมากจะน้อยมันก็ดีกว่าแน่ๆ แค่ไม่กี่บาทถ้ามันดีกว่า ผมก็จะทำเพราะดีกว่านิดเดียวกับรถที่รัก ร้อยสองร้อย ทำไมจะเสียไม่ได้ ก็เรารักรถหนิ จากคุณ : giupomuj - [ 5 ต.ค. 50 13:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คือผมชอบคิดชอบลอง ก่อนที่จะเชื่อะไร เสียเงินไม่ว่าแต่ต้องได้ผลที่ดีขึ้นด้วย  มิเช่นนั้นมันจะกลายเป็นเสียค่าโง่ไป สำหรับลมไนโตรเจน  ผมว่าน้อยคนที่จะเสียเงินเติมลมไนโตรเจนเท่ากันผม เรื่องนิ่ม ที่คนชอบคุย  ผมลองแล้วมันกลับได้ผลว่า ลม N มันอมอาการ ทางเรียบๆจะนิ่มกว่า แต่ถ้าเจอทางไม่เรียบเจอการกระแทกจะแข็งกว่า ซึ่งตรงนี้ก็มีหลายคนรู้สึกเหมือนผม   แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากพูด เรื่องลมซึมออกช้า   ผมคิดที่ 1 psi อันนี้ที่ผมเจอมานานสุดก็อยู่ได้ 2 เดือน แต่ที่เจอบ่อยคือจะอยู่ในช่วง 1 เดือน ซึ่งอาจจะซึมออกช้ากว่าลมธรรมดา  ที่จะหายในช่วง 3-4 สัปดาห์ เรื่องที่คุณ นที ชอบพูดบ่อยๆ  ตอนนี้ผมเจอแล้วมันได้ผลตรงข้าม ยาง Ducaro ชุดก่อนโน้น  ผมใช้ได้เกิน 10,000km ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เสียงยางถึงจะเริ่มดัง มาชุดนี้ผมใช้ไปได้ 8000-9000 กับเวลาแค่ 3 เดือน  เสียงยางก็เริ่มดังแล้ว ทั้งๆที่ยางชุดนี้เติมลม N มาตั้งแต่แรก  แต่หลังจากนั้นผมเอาลมธรรมดาเติมผสมไป พอไปถ่วงยาง  ผมก็ถ่ายเป็นลม N ใหม่ ใน http://www.getnitrogen.org/why/index.php ผมก็อ่านมานาน  แต่เห็นผลที่ยกมามันไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไหร่ เขาอ้างว่า  ลมซึมออกช้าลง   ทำให้เสี่ยงระเบิดน้อยลง ซึ่งผมดูแล้ว  เหตุผลแบบนี้มันชวนให้ระเบิดได้ง่ายขึ้นอีก เพราะมันจะทำให้คนประมาท และละเลยการดูแลแรงดันลมยาง ในรัชดาเคยมีคนคุยว่าขับไป 3-4 เดือน ลมไม่เปลี่ยนเลยก็มี ไปๆมาๆก็จะกลายเป็นว่า 3-4 เดือน อาจจะวัดลมสักครั้งนึง ถ้าเกิดยางซึมแบบผิดปกติ  ก็จะทำให้ไม่รู้ก็ได้  แบบนี้จะอันตรายกว่าเยอะ จากคุณ : ton99 - [ 5 ต.ค. 50 13:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตามlinkในคคห.7มีบอกข้อดีเรื่อง Increased Safetyไว้ว่า "Under-inflated tires cause 90% of blowouts. Nitrogen provides more reliable pressure for reduced blowout potential." ซึ่งเป็นการขยายผลทางอ้อมจากการที่แรงดันลมยางไนโตรเจนลดช้ากว่าลมธรรมดา ข้อดีเรื่อง Increased Fuel Efficiency ก็เป็นการขยายผลทางอ้อมจากประเด็นแรงดันยางลดลงช้าเช่นเดียวกัน ทั้ง2ข้อดีถ้าเทียบกับการใช้ลมธรรมดาแล้วหมั่นเติมลมไม่ให้แรงดันลดลงต่ำเกินไปก็ถือว่าไม่ใช่ข้อแตกต่างโดยตรงครับ จากคุณ : akeb - [ 5 ต.ค. 50 13:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าหลายคนไม่รู้ว่า  ลมธรรมดา  มันมี N ประกอบอยู่ 80% แล้ว ที่เหลือก็เป็น O2  อีกราวๆ 20%   เศษเสี้ยวที่เหลือก็เป็นไอน้ำและกาซอย่างอื่น ลม N ได้มาจากการเอาลมธรรมดามากรองเอา O2 และอย่างอื่นออกไป ซึ่งก็ได้ความบริสุทธิ์แค่  95% ส่วนตอนที่เติมลมเข้าไปในยาง  ก็เป็นการผสมลมธรรมดา 1 ส่วน กับลม N  3 ส่วน ดังนั้นความปริสุทธิ์ของ N จะไปได้แค่ 85% เท่านั้น  คือเพิ่มจากเดิมแค่  5% ยกเว้นว่าจะมีการ Vac หรือการผสมเข้าออกหลายรอบ ก็จะได้ความบริสุทธิ์มากขึ้น สาเหตุที่เครื่องบินใช้ลม N เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการเกิดน้ำแข็งในขณะที่บินอยู่ที่สูงๆมีอุณหภูมิติดลบ และอีกเรื่องคือ ถ้าเกิดเหตุยางระเบิด  ลม N ที่ระเบิดออกจากยางก็จะไม่ช่วยให้ไฟติด ไม่ใช่ว่าเติมลม N แล้ว ยางจะไม่ระเบิด จากคุณ : ton99 - [ 5 ต.ค. 50 13:48:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเช็คลมยากทุกอาทิตย์เลยไม่สนใจเรื่องลมอ่อน ส่สนเรื่องเติมไนโตรเจน...ผมว่ามันไม่จำเป็นเสียเงินโดยใช่เหตุ ไม่มีบริษัทยางที่ไหนเค้าเจาะจงให้ใช้เลย จากคุณ : แมลงปอร่อแร่ - [ 5 ต.ค. 50 15:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คห.10 ไนโตรเจน ขนาดโมเลกุล 7 อ๊อกซิเจน      "              8 ครับ.... ตาม คห.ผม คิดว่า ความต่างระหว่าง ลมธรรมดา กับ ไนโตรเจน ต่างกันตรงที่ "ความบริสุทธิ์ ของแก๊ส" มากกว่าครับ ลมธรรมดา มีทั้งฝุ่นละออง ไอน้ำ ควัน ไอน้ำมัน ฯลฯ ปะปนอยู่ในโมเลกุลของแก๊ส เวลาเราเติมลมเข้าไปในล้อ (ลมธรรมดา) จะมีไอน้ำเข้าไปด้วย เวลามันโดนแรงอัดมากๆ (30 ปอนด์/ตร.นิ้ว) ไอน้ำจะควบแน่นเป็นหยดน้ำขึ้นมา อยู่ภายในล้อเรา ทำให้ปริมาณอากาศที่อัดเข้าไป น้อยลงกว่าความเป็นจริงครับ เพราะปริมาตรอากาศกลายเป็นของเหลว สมมุติ คุณเติมลมเข้าไป 100 หน่วย แต่ไอน้ำ+ฝุ่น+ละออง จับตัวรวมกันทำให้มิเตอร์แสดงแรงดันลม(ภายในล้อ) ออกมาเป็น 85 - 95   ทำให้ผู้เติม เติมลมเข้าไปมากกว่าเดิม 10 - 15 หน่วย ทำให้ปริมาณอากาศที่เข้าไปอยู่ในล้อเกิดการเบี่ยงเบนไปกว่าเดิม 15 หน่วย แล้วพอ เอารถออกวิ่ง ทางไกล หรือ วิ่งเร็วๆ เลี้ยวเร็วๆ ทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้นภายในล้อ คราวนี้ไอน้ำที่มันกลายเป็นหยดน้ำก็จะกลับมาเป็นไอน้ำอีกรอบ   ทำให้ แรงดันที่เติมไว้ 100 กลายเป็น 115 หน่วยขึ้น(ไม่นับการขยายตัวของอากาศ) อาจจะทำให้เกิดการระเบิดได้ครับ.....ย้ำว่า อาจจะ เท่านั้น ในรถยนต์ขับขี่ทั่วไปคงจะยาก แต่ในรถ บรรทุก รถกระบะ รถโดยสาร ที่บรรทุกน้ำหนักมากๆ วิ่งนานๆ โอกาสจะระเบิดมีสูง แต่ไนโตรเจนที่เอามาเติม เป็นแก๊ซบริสุทธิ์ 100% ไม่มีไอน้ำ หรือ ฝุ่นละอองอยู่ ทำให้มีการ ขยายตัวของอากาศในล้อ น้อยกว่าใช้ลมธรรมดาครับ จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 5 ต.ค. 50 15:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาหาความรู้ครับ เพราะว่าดูรถประจำก็เลยไม่กังวลเรืองระเบิดเท่าไร ข้อดีก็คือ ลมจะอยู่ได้นานกว่าอันนี้จริงครับ ที่บ้านใช้หลายคัน แต่ผมเติมไนโตรเจนคันนึง เลยได้ข้อเปรียบเทียบ ส่วนอายุของยางผมไม่เห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนครับ การขับขี่ อายุการใช้งาน สภาพถนนน่าจะมีผลต่อยางมากกว่า   สรุปจะเติมอะไร ก็หมั่นเช็คและดูแลรักษารถให้พร้อมครับ ปลอดภัยกว่า  (แม้ไม่ 100% ก็เหอะ) จากคุณ : neo-freeman - [ 5 ต.ค. 50 15:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คคห.21 "ไม่มีบริษัทยางที่ไหนเค้าเจาะจงให้ใช้เลย" อาจจะจริงครับ แต่ดูข้อมูลข้างล่างประกอบด้วยว่าบริษัทยางเขาแนะนำเกี่ยวกับลมไนโตรเจนไว้อย่างไรบ้าง มีทั้ง Bridgestone, Firestone Michelin, BF Goddrich, Uniroyal, Riken, Cavalier Goodyear, Dunlop, Kelly Ford expert Volvo http://nitrogentiremachine.com/Economic%20advantages%20for%20high%20Nitrogen%20purity.htm แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 50 16:39:57 จากคุณ : akeb - [ 5 ต.ค. 50 16:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอตัดบางquoteจากlinkตามคคห.24 มาให้ดูกัน - In 2003 Bridgestone took a stronger proactive position advocating dry, high purity nitrogen inflation (Should You Stop Putting Air In Your Tires, Vol 8, Issue 3, www.trucktires.com) - Michelin, BF Goodrich, Uniroyal, Riken, Cavalier issued a joint Technical Bulletin in November, 2003 which stated that, "Michelin supports the use of nitrogen on its ability to better retain air over a period of time". - Goodyear, in a June 14, 2004 Product Service Bulletin #2004-09 stated, "Goodyear supports the use of nitrogen, as an inflation gas, in all Goodyear, Dunlop, Kelly, and Associate Brand and Private Brand products, based on the ability for the tire to retain pressure for a longer period of time. The use of nitrogen will not affect the tire warranty". - In 2005, The Retread Information Bureau issued a news release, "Why Inflating Tires With Nitrogen Makes Sense" and included the statement, "By extending the useful life of a tire, retreading offers additional environmental benefits." - Air Liquide in France claimed a... "25% improvement in tire life since tires stay inflated longer because nitrogen migrates 3 times slower than air and nitrogen eliminates internal oxidation of the tire so more retreads can be achieved." Liquide claimed... 30% savings on tires and fuel. - In a September 20, 2004 technical article in the largest international rubber industry trade paper, Rubber and Plastics News, Dr. J Baldwin of Ford presented his peer reviewed findings "Passenger Tires Inflated With Nitrogen Age Slower". Some of his conclusions included, "lower permeability than oxygen (better gas mileage), more controlled inflation pressure due to the absence of moisture, expected improvement in structural durability due to significant reduction in rubber oxidation (oxidation caused by air from the cavity being forced into the tire carcass". - Herzlich, a tire industry consulting Chemical Engineer with 50 years industry experience stated in a Tire Business Article October 24, 2005 that "Nitrogen’s slower permeability characteristics coupled with its bone-dry nature may partially ameliorate some field abuse conditions, including long term inflation maintenance neglect, improper repairs and certain types of tire pressure monitor malfunctions. Even though high purity nitrogen is no guarantee of performance and will not undo the many forms of damage or abuse that can lead to tire failure, it offers a low cost, risk free and positive service opportunity that has finally become commercially and technically practical". - Volvo Cars Nederland RV in a press release "Nitrogen in Auto Tires Helps the Environment and Safety. Volvo Prefers Nitrogen in Auto Tires (Volvo Prefereert Stiksof in Autobanden)" Volvo stated that "scientific research has proven that the use of nitrogen as inflation gas for auto tires gives many advantages compared to normal compressed air. A tire with 20% under inflation uses 2 to 3% more fuel than a tire with the proper pressure. Volvo Cars Netherlands expects that the Volvo dealers will follow and implement this environmentally beneficial initiative ... every tire is eligible to be filled with nitrogen." Volvo is a division of Ford Motor Company. จากคุณ : akeb - [ 5 ต.ค. 50 16:38:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตามความเข้าใจผมนะครับ ไนโตรเจน เป็นก๊าซที่มีความเฉื่อยมากกว่าและมีน้ำหนักเบากว่าอากาศ (เฉื่อย หมายถึง ทำปฎิกิริยาทางเคมียากกว่า มีการเปลี่ยนแปลงได้ยาก หรือต้องใช้พลังงานสูงมากในการทำให้เกิดปฏิกริยา) ด้วยเหตุนี้ หากวิ่งในระยะทางที่เท่ากัน ยางที่เติมลมปกติ ซี่งมักจะมีความชื้นปนอยู่ด้วย จะมีการเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่า (การวิ่งเหมือนการใส่พลังงานเข้าไป เนื่องจากยางมีความร้อนเกิดขึ้นจากการเสียดสีกับถน) ต่างจาก ไนโตรเจน ที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้ ยางที่เติมไนโตรเจน จึงมีความดันที่คงที่กว่า ยางที่เติมลมธรรมดา เมื่อความดันคงที่ ก็จะทำให้ยางรถยนต์มีการขยายตัวต่ำไปด้วย ส่งผลให้รูปทรงของยางในระหว่างวิ่ง เปลี่ยนแปลงไม่มาก โครงสร้างยางก็ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ยืดอายุการใช้งานของยาง เมื่อโครงสร้างยางไม่เปลี่ยแปลงหน้าสัมผัสยางกับถนนก็จะคงที่ไปด้วย ทำให้มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น จากคุณ : เล็ก - [ 5 ต.ค. 50 16:39:15 A:203.147.39.125 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ใครก็ได้ช่วยแปลให้หน่อยจะเป็นพระคุณอย่างสูงเลยครับ จากคุณ : นที - [ 5 ต.ค. 50 16:57:52 A:125.27.119.43 X: TicketID:072386 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จัดให้ครับ - ปึ2003Bridgestoneออกมาแนะนำอย่างหนักแน่นขึ้นในการเติมลมด้วยไนโตรเจนแห้งและมีความบริสุทธิ์สูง - ปี2003 Michelin. BF Goodrich, Uniroyal, Riken, Cavalier ออกเอกสารทางเทคนิคร่วมกันว่าสนับการเติมลมไนโตรเจนบนพื้นฐานที่ทำให้ยางสามารถคงแรงดันได้นานกว่า - ปี2004 Goodyearออกเอกสารทางเทคนิคว่าGoodyearสนับสนุนการเติมลมไนโตรเจนกับผลิตภันฑ์ Goddyear, Dunlop, Kelly และของบริษัทในเครืออื่นๆบนพื้นฐานที่ทำให้ยางสามารถคงแรงดันได้นานกว่า การเติมลมไนโตรเจนไม่มีผลต่อการรับประกันคุณภาพสินค้า จากคุณ : akeb - [ 5 ต.ค. 50 18:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมไม่ค่อยสนใจว่าอะไร แต่ผมเติมไนโตรเจนมาตลอดตั้งแต่ที่ร้านยางข้างๆบ้านผมเค้าเอาเครื่องเติมลมไนโตรเจนมาติดตั้งให้บริการลูกค้าที่เปลี่ยนยางกับร้าน ก็เติมไนโตรเจนฟรีตลอดอายุยาง ข้อดี 1 นานๆเติมที ผมเช็คลมยางทุกครั้งที่ต้องขับรถทางไกล 2 เติมฟรี 3 เช็คลมยางฟรี (ก็อยู่ข้างบ้านนี่นา) 4 ลมยางไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก แม้ว่าขับทางไกลพันกว่า กม. แล้วขับกลับมาอีกพันกว่า กม.ลมยางก็ยังเท่าเดิม ข้อเสีย ยังไม่เจอสำหรับผม จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 5 ต.ค. 50 20:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 30 - ปี2005 องค์กรRetread Information Bureau ออกเอกสารเรื่อง”การเติมลมไนโตรเจนสมเหตุสมผลอย่างไร” ซึ่งกล่าวด้วยว่าการหล่อดอกใหม่ให้ประโยชน์ทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการยึดอายุการใช้งานของยางเส้นเดิมออกไป (จะหมายถึงการเติมลมไนโตรเจนสามารถยืดอายุของยางออกไปได้หรือเปล่า?) - บริษัทAir Liquideในฝรั่งเศส กล่าวว่า อายุใช้งานของยางเพิ่มขึ้น25%จากการที่ยางคงแรงดันลมได้นานกว่าเนื่องจากลมไนโตรเจนมีอัตราการรั่วซึมช้ากว่าลมธรรมดา3เท่าตัว และยางที่เติมลมไนโตรเจนปราศจากการเกิดออกซิเดชั่นซึ่งทำให้สามารถหล่อดอกซ้ำได้มากครั้งขึ้น และยังกล่าวว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยางและน้ำมันเชื่อเพลิงได้30% - ปี2004 ดร.Baldwinซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยางของบริษัทFordได้ลงบทความทางเทคนิคใน วรสารRubber and Plastics Newsซึ่งเป็นวรสารใหญ่ที่สุดในวงการอุตสาหกรรมยางว่า ยางรถเก๋งที่เติมลมไนโตรเจนเสื่อมสภาพช้ากว่า และ ไนโตรเจนมีการรั่วซึมต่ำกว่าออกซิเจน(ทำให้ประหยัดการกินน้ำมันกว่า), ควบคุมแรงดันลมยางได้ดีกว่าจากการที่ปราศจากความชื้น, คาดได้ว่าโครงสร้างของยางจะคงทนกว่าจากการที่เกิดการออกซิเดชั่นของยางลดลงอย่างมาก(ออกซิเดชั่นเกิดจากอากาศที่แทรกซึมเข้าไปในโครงยาง) - Herzlichซึ่งเป็นวิศวกรเคมีที่ปรึกษาทางอุตสาหกรรมยางมีประสบการณ์50ปีกล่าวในบทความธุรกิจยางปี2005ว่า คุณสมบัติการรั่วซึมที่ช้ากว่าของไนโตรเจนประกอบกับคุณสมบัติปราศจากความชื้นอาจช่วยให้ลดผลกระทบจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น การละเลยการตรวจเติมลมยางเป็นเวลานาน, การปะยางที่ไม่ถุกวิธี, และ อาการเครื่องวัดแรงดันลมยางเสีย ถึงแม้ว่าลมไนโตรเจนบริสุทธิ์จะไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ได้และไม่สามารถป้องกันผลกระทบจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสมต่างๆอันส่งผลให้ยางชำรุดได้อย่างสิ้นเชิง ลมไนโตรเจนก็ยังเป็นทางออกตัวช่วยในการรัภษาสภาพยางที่ราคาถูกและไม่มีความเสี่ยง(ข้อเสีย)ใดๆซึ่งมีความเป็นไปได้ในทางธุรกิจและทางปฏิบัติในที่สุด - Volvoเนเธอร์แลนด์ประกาศทางสื่อว่า การเติมลมไนโตรเจนช่วยด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย Volvoเลือกใช้ลมไนโตรเจนแทนลมธรรมดา การค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าการเติมลมไนโตรเจนให้ประโยชน์หลายอย่างเหนือลมธรรมดา รถที่ลมยางอ่อนไป20%กินน้ำมันสูงขึ้น2-3% Volvoคาดว่าตัวแทนจำหน่ายของVolvoจะนำความริเริ่มที่ส่งผลดีต่อสีงแวดล้อมนี้ไปใช้เช่นเดียวกัน : ยางทุกเส้นควรที่จะเติมไนโตรเจน ปล. ลิ้นห้อยเลย เพิ่งรู้ว่างานแปลนี่มันเหนื่อย ใครเห็นที่ผิดหรือแปลได้ตรงความหมายกว่าช่วยได้เลยนะครับ จากคุณ : akeb - [ 5 ต.ค. 50 20:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กลับมาอ่านอีกรอบ  เดี๋ยวมาอ่านอย่างละเอียดอีกที..อิอิ..ดีค่ะ มีความรู้ประดับหางอึ่งอีกแล้ว จากคุณ : สงสารน้องออส (ส่งเสียน้องออส) - [ 5 ต.ค. 50 21:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมก็ใช้ลมธรรมดา ตามปั๊มบ้าง ที่อู่บ้าง 1-2เดือนเติมทีเหมือนกัน เคยเห็นแม้วขับรถปิคอัพต่อคอกสูงไว้ขนผักมาขาย กดตัวเลขแรงดันลมไปที่ 90 แล้วก้เติมล้อหลัง  เล่นเอาผมเหวอไปเลย เพราะเห้นยางส่วนมากก็max แถวๆ 60-70 psi แต่ก็ไม่เห้นพวกนี้ขับแล้วยางระเบิดซักที จากคุณ : penn's - [ 5 ต.ค. 50 21:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ต้องขอบคุณ คุณ akeb เป็นอย่างสูงเลยครับ เพราะผมเองเคยบอกมาหลายรอบแล้วว่าผมไม่ได้อุปทานแน่ๆจากประสบการณ์ขับรถมา 22 ปี ขับรถใช้เองไม่ต่ำกว่า 10 คันครับ ผมเติมไนโตรเจนมาหลายคัน หลายชุด แต่ละชุดใช้จนเปลี่ยนยางชุดใหม่ถึงได้ข้อสรุป คือ ไม่ได้ทดลองใช้เวลาสั้นๆแล้วรีบสรุปครับ โดยสิ่งที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก คือ มันยืดคุณสมบัติของยางให้นานกว่าลมธรรมดาครับ สอดคล้องกับคำแปลด้านบนครับ เท่าที่ใช้มันไม่ได้หมายความว่าเมื่อเติมไนโตรเจนแล้วมันจะนิ่มเหมือนยางใหม่ 100 % ตลอดเวลานะครับ เท่าที่สังเกตมันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งคือช่วงคุณสมบัติของยางที่ประมาณ 1 หมื่นกิโลมีอาการเป็นอย่างไร มันจะคงสภาพประมาณนั้นๆได้นานกว่าลมปกติ ซึ่งลมปกติจะทำให้ยางเริ่มกระด้าง ดัง สักที่ประมาณ 3-4 หมื่นกิโล แต่เมื่อเติมไนโตรเจนจะให้ความรู้สึกแบบเดียวที่สัก 5 หมื่นโลขึ้นไปครับ อย่างเช่นรถผมตอนนี้วิ่ง 60,100 กิโลยังรู้สึกดีครับ ไม่กระเทือน ไม่ดัง รับได้ ดอกยังสวย ไม่แตกลายงา ทำให้ไม่ต้องรีบเปลี่ยนยาง แต่ยางที่ว่านี้ต้องเทียบกับยางรถบ้านทั่วไปนะครับ เช่น ER 60 , A 300 มิใช่เทียบกับยางหน้ากว้าง แก้มเตี้ย ครับ เพราะยางพวกนั้นมันอาจจะช่วยอะไรไม่ได้เลย มันช่วยทำให้ผมประหยัดเงินในกระเป๋าผมเองครับ เพราะปกติผมจะเปลี่ยนยางตอนทนดัง กระเทือนไหว ซึ่งมักอยู่ที่แถว 4 หมื่นกิโล เคยทนใช้ได้ไม่เกิน 4.3 หมื่นก็ไม่ไหวแล้วครับ แต่พอเติมไนโตรเจน มันยืดเวลาที่ผมจะจ่ายเงินค่ายางชุดใหม่ได้พอควรเลยนะครับ ใครเมื่อลองใช้แล้วให้สังเกตด้วยครับว่าเป็นเหมือนกันหรือเปล่า แต่ต้องใช้เวลาพิสูจน์นานหน่อยครับ จากคุณ : นที - [ 5 ต.ค. 50 22:30:58 A:203.113.32.14 X: TicketID:072386 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ penn's แค่ 90psi นั้นระดับประถมครับ  พวกมัธยม เขาว่ากันที่ 100  110 กันเลย ผมเลยบอกไงว่า  ลมธรรมดาขับยังไงแรงดันมันก็ไม่สูงจนระเบิดหรอก  ถ้าไม่ได้ขับไปลุยไฟ รถเก๋งบ้านๆ  เติมลม 30psi  ขับแล้วขึ้นไป 40psi ผมก็ว่ามันเวอร์เกินจริงแล้ว ยางเก๋งแรงดันแค่ 40psi  มันไม่ระเบิดแน่ จากคุณ : ton99 - [ 5 ต.ค. 50 22:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ยังข้องใจ ที่พูดถึงเรื่องทำปฏิกิริยากับยาง 1.ถึงด้านในจะเป็นไนโตรเจน ยังไงยางด้านนอกก็ต้องเจอกับลมปกติเจอO2อยู่แล้ว   บางคนบอกว่าดอกยังดี เนื้อยางไม่แตกลายงา ผมก็งง นั่นมันด้านนอกนิครับ ไม่ใช่ด้านใน ผมกลับมองว่า เทคโนโลยี โพลีเมอร์ เดี๋ยวนี้มันดีขึ้น เนื้อยางมันแกร่งทนทานมากขึ้นต่างหาก 3.ยางที่เติมลมธรรมดา ใช้ไป 4-5 ปี แกะออกมาด้านในก็เห็นในการมองด้วยตาก็ยัง OK ทั้งนั้น ดูๆแล้ว คนที่มั่นเช็คเติมลมยางประจำ ขับแบบปกติ ลมไนโตรเจนไม่มีความจำเป็น จากคุณ : Poonoi - [ 6 ต.ค. 50 13:03:40 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมเดาแบบมีหลักการและอิงตามคำแปลใน คห.30 นะครับ ตามข้อสงสัยของ คห.35 ที่ว่ายางด้านนอกมันสัมผัสกับลมปกติ มันจะแตกลายงาหรือ เสื่อมเร็วช้า ไม่น่าขึ้นกับการเติมลมไนโตรเจน แต่ในความเห็นผมที่น่าจะเกี่ยวข้องไนโตรเจนได้ คือ ยางรถยนต์ที่เราเห็นมันประกอบขึ้นมาทั้งเส้น อย่างน้อยต้องมีชั้นผ้าใบเรียงซ้อนกัหลายชั้นแล้วแต่การออบแบบ และใยเหล็กหรือเส้นลวดอีกเป็นมัดๆ ทีนี้ถ้าเคยเห็นรถที่พึ่งยางแตกใหม่ๆ จนเส้นลวดภายในทิ่มโผล่ออกมาให้เห็นจะสังเกตได้ว่ายางที่ใช้นานแล้ว เส้นลวดพวกนี้ขึ้นสนิมกันหมดหละครับทั้งๆที่เส้นลวดอยู่ภายในยางมียางห่อหุ้มแต่ก็ยังมีสนิม สาเหตุของสนิมก็น่าจะเกิดจากการแทรกซึมของความชื้น อากาศ ซึ่งความชื้นภายในยางที่เติมด้วยลมปกติก็มีส่วนด้วย ออกซิเจนก็น่าจะมีส่วนด้วย คือถึงแม้เติมไนโตรเจนก็ยังมีด้านนอกที่สัมผัสอากาศแทรกซึมเข้าไปได้ แต่ทำให้ช้ากว่าพวกที่เติมไนโตรเจน ทีนี่เส้นลวดมันจะเกี่ยวกับยางด้านนอกที่สัมผัสถนน หรือ ลมปกติได้อย่างไร เราลองนึกดูการประกอบยางทั้งเส้นขึ้นมา ผู้ผลิตต้องมีโครงสร้าง เส้นลวดใยเหล็ก ชั้นผ้าใบ เนื้อยาง พวกนี้เมื่อประกอบขึ้นมาแล้วเวลาหมุนบนนถนนด้วยความเร็ว 1 วินาที 1 นาที มันหมุนกลิ้งอยู่บนถนนกี่รอบแล้วแต่ว่าขับรถด้วยความเร็วขณะนั้นเท่าไร แรงเหวี่ยงที่กระทำซึ่งกันและกันของส่วนประกอบต่างๆของยางส่งผลส่งแรงถึงกันตลอดเวลาที่หมุน และเส้นลวดที่มีสภาพดีใหม่ๆ ย่อมมีการให้ตัวบิดตัว ยืดหยุ่น ดีกว่า เส้นลวดที่เริ่มมีสนิมเกาะมากกว่า เหมือนเราหยิบลวดตากผ้าใหม่ๆมาบิดเล่นไปมากย่อมให้ตัวดีกว่า ลวดตากผ้าที่เริ่มมีสนิมเกาะ ฉันใดก็ฉันนั้น ฉะนั้นจึงคิดได้ว่า ยางที่เส้นลวดให้ตัวดีกว่าย่อมส่งแรงเหวี่ยง แรงบิดตัวไปยังเนื้อยางด้านนอกที่เกาะผิวถนนได้ดีกว่า มีความยืดหยุ่นมากกว่า จึงทำให้เนื้อยางด้านนอกมีการยืดหยุ่นให้ตัวตามโครงด้านในดีตามไปด้วย ต่างจากยางที่เส้นลวดมีสนิมมากกว่าการให้ตัวน้อยออกไปทางทื่อๆ เวลาเหวี่ยงตัวส่งแรงไปถึงเนื้อยางๆด้านนอก เนื้อยางด้านนอกย่อมส่งแรงที่กระทำต่อผิวถนนแบบทื่อๆตามไปด้วยนานๆเข้าน่าจะทำให้เนื้อยางเสียเร็วกว่า คือไนโตรเจนเมื่อถึงเวลาก็ทำให้ยางเสื่อมเหมือนกัน แต่ว่าใช้เวลานานกว่า ซึ่งแต่ละคนคงมานั่งคิดเอาเองว่าคุ้มสำหรับท่านหรือไม่ แต่ที่ผมเคยใช้ จากยางเสียงดังรำคาญจนเปลี่ยนที่ประมาณ 4 หมื่นโล ทุกวันนี้เปลี่ยนที่ 6 หมื่น มาจะครั้งที่ 2 แล้วครับ คือ คันแรกตอนนั้นใช้แอคคอร์ด ใส่ยาง ER 60 ตอนนั้นก็มาดังรำคาญตอน 6 หมื่นโล อีกคันที่กำลังใช้อยู่ก็ใช้มาถึง 6 หมื่นโลก็ใกล้จะเปลี่ยนแล้วครับแต่เทียบแล้วความกระด้าง ดัง ดีกว่าสมัยไม่ได้ใช้ไนโตรเจนเยอะเลยครับ อันนี้ผมเดาเอาเองแบบมีเหตุผลนะครับ ใครเห็นเป็นอย่างอื่นก็ช่วยวิจารณ์ครับ จากคุณ : นที - [ วันเกิด PANTIP.COM 08:23:36 A:202.133.143.253 X: TicketID:072386 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สรุปได้แล้ว สำหรับผมอะนะ คือ เติมไปแล้วมันก็มีข้อดี ไม่ใช้ไม่มีผลอะไรเลย แต่ข้อดี ก็ไม่ได้สำคัญมากมาย จำเป็นบ้างสำหรับบางคน ไม่จำเป็นสำหรับบางคน บางคนว่าคุ้มมันก็คุ้ม บางคนคิดว่าไม่คุ้มมันก็ไม่คุ้ม ผมเองถ้าอารมณ์ รำคาญจุกจิกเรื่องมากวุ่นวาย ก็ไม่เติม แต่ถ้าอารมณ์ดี รักรถ อยากสนุก ก็เติม คิดง่ายจริงๆชิวิต 555 จากคุณ : หลายชื่อแล้ว - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:19:38 A:125.26.72.90 X: TicketID:063276 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าความชื้นมันจะซึม  มันซึมจากด้านนอกเข้าไปมันไม่ง่ายหรอครับ ความชื้นในยางมันก็แค่ไอๆ  ตั้งแต่ผมไปยืนดูเขาแกะยางมา  ยังไม่เคยเจอข้างในมันเปียกเลย แถมผิวก็ยังเรียบลื่น  ไม่มีรอยแตกลายงาอะไร ส่วนด้านนอกเอาไปขับลุยน้ำ  จอดแช่น้ำ  ใช้มา 3 ปี รอยแตกรายงาก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว จากคุณ : ton99 - [ วันเกิด PANTIP.COM 23:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตามที่ให้ความเห็นนะครับ ก็สันนิษฐานจากบทความที่แปลมา ซึ่งอ้างอิงการซึมเข้าไปของออกซิเจนเป็นเหตุให้เกิดออกซิเดชั่นเร็วกว่ายางที่เติมไนโตรเจน คงไม่ได้เน้นที่ความชื้นครับ จากคุณ : นที - [ 8 ต.ค. 50 10:39:05 A:125.27.119.174 X: TicketID:072386 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จะให้สรุปว่าทฤษฎีมันผิดเหรอครับ หรือสรุปว่า มันไม่มีผล ตามที่โฆษณา ต้องแยกให้ออกนะครับ ว่าทฤษฎีกันโฆษณาต่างกัน แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเติมแล้วไม่ทำให้มันแย่ลง ได้เท่าเดิมหรือดีขึ้นนิดหน่อย มันก็ขึ้นอยู่กับ ความต้องการส่วนบุคคลหล่ะครับ ผมคงเติมแน่ๆ ถ้าดีกว่าเดิม แค่สองร้อยเอง เอาความจริงมาบอกกันว่า มันจริงไหม ตามทฤษฎี จะเถียงทฤษฎีก็พิสูจน์มาได้ครับ จะได้เปลี่ยนแปลงทฤษฎีกัน แต่ถ้าบอกว่าไม่คุ้มค่า หรือไม่เห็นผลมาก ก็น่าจะบอกแค่นั้น ไม่ใช่ว่ามันไม่จริงหรือไม่ดี จากคุณ : buntoshi - [ 18 ต.ค. 50 23:23:12 ]