ผมว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์พาหนะของตัวเองก็เจริญได้ ประเทศตะวันตกที่เจริญ ๆ หลายประเทศก็ไม่มีรถพาหนะนั่งไปไหนมาไหนเป็นของตัวเอง อย่างเช่น สวิส แคนาดา นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เดนมาร์ก เบลเยียม ฯลฯ
เราไม่ได้เด่นเรื่องของการทำรถยนต์พาหนะ เอาโนว์ฮาววิศวกรรมยานยนต์บางอย่างไปพัฒนายานพาหนะที่เป็นเครื่องมือการเกษตรหรือรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จะดีกว่า ลดการนำเข้าสินค้าต้นทุนจากต่างประเทศได้เยอะ ถ้าเราทำความเข้าใจเรื่องความได้เปรียบโดยการเปรียบเทียบ (Comparative Advantage) เราจะรู้เลยว่าบางทีเราไม่จำเป็นต้องรวยจากการขายรถยนต์เสมอไป ดีไม่ดี การเน้นพัฒนารถมันมีแต่จะทำให้เกิดค่าเสียโอกาสอย่างมากมายจากการพัฒนาภาคอื่นที่เป็นจุดแข็ง เช่น เกษตรกรรม อุตสาหกรรมเกษตร การแปรรูปวัสดุ สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรการเกษตร เป็นต้น ซึ่งถ้าเราพัฒนาจุดนี้ได้อย่างเข้มแข็ง แปรรูปสร้างมูลค่าให้สินค้าได้ เข้าถึงตลาดทั้ง Volume และ Hi-end รู้จักการลงทุนอย่างชาญฉลาด เคร่งครัดวินัยทางการเงิน และรักษาความลับทางการค้าดี ๆ ผมว่าไม่จำเป็นต้องสร้างรถก็ทำให้ประเทศเจริญได้
นั่นคือผมกำลังบอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะกับการเกษตรและอุตสาหกรรมเบาเป็นหลักอยู่แล้ว กิจกรรมทางเศรษฐกิจอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตรถือเป็นข้อได้เปรียบที่ซ่อนเร้นอยู่ของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหยิบมันมาใช้ให้เป็นต้นทุนที่เป็นประโยชน์ได้แค่ไหน ส่วนอุตสาหกรรมหนักก็พัฒนาแค่ในส่วนที่สามารถสู้ต่างชาติไหว เพราะไทยไม่ได้มีต้นทุนที่ดีพอทางด้านอุตสาหกรรมหนัก วัตถุดิบพวกแร่ธาตุต่าง ๆ ไทยเรามีน้อย เมื่อเทียบกับชาติต่าง ๆ ในอาเซียน ประเทศเราอยู่ปลาย ๆ ของสายแร่เค้าเท่านั้น ไม่เหมือนพวกพม่า (ทอง เงิน ทองแดง รัตนชาติ น้ำมัน) ลาว (เงิน นิกเกิล) เขมร (รัตนชาติ) มาเลเซีย (น้ำมัน ดีบุก) พวกนี้มีอยู่เพียบ เราควรพัฒนาให้เด่นในส่วนของเราจะดีที่สุด ผมบอกให้ก็ได้ รถยนต์มันเป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟือยและถึงจุดอิ่มตัวได้ง่ายเมื่อเทียบกับของอุปโภคบริโภคปัจจัยสี่ด้วยซ้ำ อย่างน้อยถ้าเราพัฒนาการเกษตรให้ก้าวหน้า ปรับปรุงความเป็นอยู่ของชาวนา เราคือครัวของโลก ถ้าเราพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอให้ก้าวหน้า มีหลากหลาย เข้าถึงตลาดได้ทุกระดับ เราคือโรงทอผ้าและร้านตัดเสื้อผ้าของโลก ถ้าเราพัฒนาด้านการไฟฟ้าให้ดี ๆ ส่งคนไปศึกษาที่ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส สวีเดนอย่างจริงจัง เราจะพอสู้กับประเทศอุตสาหกรรมได้มากขึ้น และถ้าเรารู้จักการแปรรูปวัสดุที่เยี่ยมพอ เราจะเด่นเรื่องเคมีภัณฑ์
ดูอย่างเนเธอร์แลนด์ก็ได้ เค้ามีรถไถ เครื่องมือเกษตรที่ทันสมัย รถบรรทุกก็เจ๋ง (DAF) เพราะเค้ารู้ดีว่าประเทศเค้านั้นมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจมาจากการเป็นเกษตรกรและพ่อค้าหน้าเลือด เค้าก็ต้องพัฒนาจุดนั้นให้แข็ง ถึงจะมีรถจากเยอรมันและฝรั่งเศสเข้าไปขายมากมาย เค้าก็ไม่ยี่หระ เค้าไม่ต้องตั้งกำแพงภาษีนำเข้ารถยนต์ก็รักษาดุลการค้าได้โดยการตั้งภาษีสินค้าในประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ภายในประเทศได้ ไม่บิดเบือนทางการค้าด้วย ไทยน่าจะดูแบบอย่างเนเธอร์แลนด์เอาไว้
ส่วนโปรตอน ผมบอกได้เลยว่ายังไงก็เจ๊งถ้าไม่มีคนมาซื้อต่อ เพราะยังไม่มีโนว์ฮาวใหม่ ๆ เลย อีกทั้งคนมาเลย์เองจะมีซักกี่คนที่เชี่ยวและมุ่งมั่นเรื่องนี้จริง ๆ ถึงขนาดเปิดสถาบันอาร์แอนด์ดีของบริษัททั้งด้านออกแบบรูปลักษณ์และพัฒนาทางวิศวกรรม ตัวเองทำได้อย่างมากแค่ตำข้าวสารกรอกหม้อเท่านั้น ตอนนี้ VW ก็กำลังยื้อเจรจาอยู่เพื่อขยายตลาด โปรตอนเองก็มีผู้บริหารบางพวกที่ต้องการระดมทุน แต่ก็ยังมีคนในรัฐบาลหลายคนที่ไม่เต็มใจนัก เนื่องจากกลัว "สมบัติชาติ" จะตกไปอยู่ในมือต่างด้าว จนต้องปกป้องโปรตอน แต่ก็ดันไปปกป้องมากเกินไปจนบริษัทตัวเองคิดว่ายังไงก็ทำได้เรื่อย ๆ ทำให้ไม่ดิ้นรน เป็นภาระรัฐบาลวันยังค่ำ และผมว่าถึงยังไงก็ไม่มีการค้าเสรีจริง ๆ ในโลกนี้ ยังคงมีการกีดกันทางการค้าอยู่วันยังค่ำเพราะผลประโยชน์ของชาติเป็นเรื่องสำคัญ ไม่มีทางเสรีได้แน่นอน มันแค่พร็อพพะกันด้าเอาไว้แหกหูตาสมาชิกประชาคมโลกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 03:07:25
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 03:06:21
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 03:04:26
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 02:59:20