ความคิดเห็นที่ 1 ที่ผมโพสกระทู้ว่า "เสียหายเป็นล้าน" หมายถึงความเสียหายโดยรวมที่เคยเกิดกับรถลูกค้าทั้งหมดนะครับ เพียงแค่ความเสียหายที่เกิดจากสมาชิก และ ญาติของเค้าข้างต้น ความเสียหายก็น่าจะหลายแสนอยู่แล้วนะครับ จากคุณ : Top27 - [ 12 ต.ค. 50 07:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านดูแล้วก็เห็นใจอะ แต่จะโทษเขาอย่างเดียวก็ไม่ได้นะ ผมไปกินข้าว ผมยังเลือกร้านที่มองเห็นรถตลอดเวลา ไปเที่ยวห้าง ซื้อของก็รีบไปแล้วรีบกลับ มีรถเหมือนมีทุกข์อะ ลองเคลมประกันดูไม่รู้จะได้หรือเปล่า ... จากคุณ : <---TUk---> - [ 12 ต.ค. 50 07:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ร้านอาหาร  ก็ต้องมีจรรยาบรรณ ซักนิดสิคะ อย่างน้อยก็ควรบอกลูกค้าให้มาขยับรถขึ้นไปไว้ที่ที่สูงกว่านี้ไม่ใช่หรือคะ แล้วตกลงใครจะรับผิดชอบเนี่ย...อย่างงี้...มีวางมวยกันหน่อยล่ะ จากคุณ : ใจเย็นที่สุดในบ้าน - [ 12 ต.ค. 50 08:00:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องอยู่แค่พนักงานลานจอดมักง่าย ผู้จัดการร้านมักง่ายไม่ยอมแจ้งลูกค้าว่าน้ำท่วมสูง ตอนที่อยู่ในร้านฝนไม่ได้ตกหนักแล้ว คาดว่าน้ำส่วนใหญ่มาจากการระบายน้ำจากถนนใหญ่ ซึ่งลูกค้าในร้านจะไม่มีทางรู้ตัวเลย ทางร้านเพียงแต่แจ้งให้ลูกค้าไปขยับรถ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากกว่านั้น กลับไม่ทำ หรือมีหน้าที่แค่ส่องไฟฉาย รอทิป ทีละ 20 บาท แค่นั้น? จากคุณ : marshmallow   - [ 11 ต.ค. 50 20:26:34 ] จากคุณ : Top27 - [ 12 ต.ค. 50 08:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มันอยู่ที่ การบริหารของร้านนี้ล่ะครับ ไล่มาตั้งแต่ตัวใหญ่ๆ ลงมา จากคุณ : หัวหอม++หัวเหม็น - [ 12 ต.ค. 50 08:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อือม... ช่วงนี้ฝนตก น้ำท่วมบ่อยๆ ไม่รู้ว่าที่อื่นๆ จะมีเป็นแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า... ช่วยกันโหวต ดันกระทู้ขึ้นไป ไว้เตือนๆกันน่าจะเป็นประโยชน์น่ะครับ... จากคุณ : Suraphan07 - [ 12 ต.ค. 50 09:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ใช่รถมันน่ะครับ....เลยไม่สนใจมาก คิดว่าเป็นรถอีแต๋นละมั้ง จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 12 ต.ค. 50 09:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 น้ำท่วม ไม่มีใครบอก ถ้าไฟไหม คงไม่ต้องบอกนะครับ  พากันวิ่งหนีตายไปตามๆกัน จากคุณ : taxi y2k - [ 12 ต.ค. 50 09:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอกก็ควรจะรู้ได้ด้วยสามัญสำนึกพื้นฐานธรรมดาๆ น้ำจะท่วมรถลูกค้าต่อหน้าต่อตาอย่างนี้ โอ้ย....เคืองแทนจริงๆ ไม่รู้ว่ามีสมองกันหรือเปล่า จะจำแม่น มังกรหลวงบางนา-ตราด จากคุณ : chem chem - [ 12 ต.ค. 50 09:09:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผู้เสียหาย มีสิทธิ ร้องต่อศาล เพื่อพิจารณาเรียกค่าเสียหาย + ค่าเสียโอกาส ตาม กฎหมาย ป.พ.พ.  ค่าใช้จ่าย ไม่น่าจะเกิน 2-3 หมื่น (มีสิทธิเรียกคืนภายหลังกรณีชนะคดี) แต่จะกลัวต้องเสียเวลา (หาผู้รับมอบอำนาจแทนก็ได้) ผู้ให้บริการ จะมาอ้างความไม่รับผิดชอบ เพื่อพ้นผิด ไม่น่าจะฟังขึ้น หรือง่ายหน่อย คือ ให้บริษัทประกัน ที่รับผิดชอบด้านกฎหมาย จัดการ ลองดูนะ  สู้ๆๆ ปล. อย่าลืม แจ้งความ บันทึกประจำวัน กับ ร้อยเวร ก่อน + รวบรวมใบเสร็จทุกใบ (ตัวจริง+ถ่ายเอกสารไว้) คืนเกิดเหตุ น่าจะจด เลขทะเบียนรถ ลูกค้าที่มาใช้บริการ เพื่อเป็นหลักฐานกรณี พยาน ถ่ายรูปสภาพการณ์ บรรยากาศ วันเกิดเหตุ เพื่อง่ายในการพิจารณาคดี ของ ศาล ขอขอบคุณ จากคุณ : rfu - [ 12 ต.ค. 50 09:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 รวมตัวกันฟ้องเลยครับ ทำแบบนี้แย่มากๆ เลย จากคุณ : ....... - [ 12 ต.ค. 50 09:35:53 A:203.113.70.72 X: TicketID:156351 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องความรับผิดชอบของร้าน ผมขอยังไม่ออกความเห็นนะครับ เพราะไม่รู้ว่า ในทางกฏหมาย เอาผิดอะไรเค้าได้มั้ย? ไม่แน่ใจว่า ร้านอาหารที่มีลานจอดให้บริการลูกค้า ต้องรับผิดชอบอะไรบ้างหรือเปล่า? แต่กรณีนี้ ที่ว่าน้ำท่วมเข้ารถจนเสียหาย น่าจะเคลมประกันภัยชั้น 1 ได้หรือเปล่าครับ? จากคุณ : P_Wut - [ 12 ต.ค. 50 10:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แนะนำให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด และเรียกค่าเสียหายสูงสุดโดยไม่มีการประณีประนอมยอมความเด็ดขาด เพราะความผิดพลาดแบบนี้มันโง่ และน่าจะเป็นการจงใจทำลายทรัพย์สิน มากกว่าจะบอกว่าประมาทเลินเล่อด้วยซ้ำ เพราะไม่มีสิทธิ์อ้างเลยว่า ไม่รู้ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าบุคลากรในร้านนี้ทุกคนรวมถึงเจ้าของร้านมันโง่จริงๆ จากคุณ : KCrazy16 - [ 12 ต.ค. 50 10:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เวรกรรม โดยปกติเด็กรับรถ เหนรถหรูๆๆเข้ามา วิ่งแย่งกันไปรับ แต่แค่วิ่งไปแจ้งเรื่องน้ำท่วม กลับไม่มี จากคุณ : ae110setbo - [ 12 ต.ค. 50 11:31:02 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เสียดายรถ  ไม่เคยคิดจะเข้าไปกินร้านนี้เลย จากคุณ : Mangpor number 14 - [ 12 ต.ค. 50 12:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แบบนี้น่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากทางร้านได้นะ จากคุณ : jj - [ 12 ต.ค. 50 12:35:47 A:203.156.91.216 X: TicketID:125520 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นความ มักง่ายของเจ้าของกิจการ เพราะ ลานจอดรถ ต่ำการระบายน้ำแย่ แต่ไม่มีการปรับปรุง เพราะคงกลัวเปลืองโดยใช่เหตุ สมควร ฟ้องให้ สำนึก จากคุณ : ก้นกบ - [ 12 ต.ค. 50 12:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความเห็นที่ 10 กับ 13 ครับ   เอาเฉพาะประเด็นเรื่องกฎหมายนะครับ  เรื่องการบริการ หรือความใส่ใจ  เอาไว้ถกกันทีหลัง รบกวนถามนิดนึงครับ ไม่ทราบจะใช้กฎหมายเรื่องอะไรไปจัดการเขาครับ ละเมิด หรือครับ ละเมิดอย่างไร นึกไม่ออก  เขาก็ไม่ได้เป็นคนทำให้น้ำท่วมเข้ารถ ฝากทรัพย์  ก็ยังไม่ใช่  เขาบริการลานจอดรถเฉยๆ  ต้องมีรับบัตรจอดรถหรือเปล่าครับ ร้านนี้ ทำให้เสียทรัพย์  ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้   นึกออกอย่างเดียว ลูกค้า ก่อนจอดรถ ก็เห็นน้ำท่วมบ้างแล้ว  และฝนก็ยังตกหนักอยู่  เสี่ยงภัยเข้าไปใช้บริการ   วานบอกด้วยครับ   แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 13:04:36 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 12 ต.ค. 50 12:57:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถามเล่นๆ ฮะ ส่วนมาก พวกราคากล่อง ECU~ พวกนี้มันตัวละเท่าไหร่ครับ เห็นมี BENZ E200 ด้วย จากคุณ : vn, man - [ 12 ต.ค. 50 12:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ฟอ้งร้องสิคับ นั่งเงียบสลอนแบบนี้ จากคุณ : ช่ง - [ 12 ต.ค. 50 13:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นใจเจ้าของรถ เจ้าของงาน กินเลี้ยงอย่างมีความสุข มีใครบ้างจอดรถไว้ เมื่อฝนตกแล้วเดินออกมาดู หรือเลื่อนรถหนีน้ำท่วม เป็นอุทาหร น่าจะแจ้งความไวเป็นหลักฐาน อ้อเวลาจ่ายเงินค่าอาหารให้เรียกใบเสร็จด้วย เพราะระบุวันเวลา จำนวนเงินที่จ่ายจริง เผื่อจะได้เอาไว้ยืนยันว่า วันนั้นมีงานเลี้ยงจริง และเสียหายจริง ประกันภัยชั้น 1 น่าจะเข้ามาดูแลรับผิดชอบ หรือให้คำแนะนำต่อลูกค้าด้วย อีกอย่าง ต้องไปร้องที่ สคบ. ให้เขาทราบด้วย เผื่อจะได้ออกกฎระเบียบเพิ่มเติมครอบคลุก เรากินและจอดรถในร้านเขา เขาต้องรับผิดชอบ หากเกิดถอยชนกัน หรือถูกงับแงะ ก็ต้องมีส่วนด้วย นอกจากจะขึ้นป้ายว่า หากเกิดความเสียหาย ทางร้านจะไม่รับผิดชอบ เป็นการเตือนลูกค้า แต่นี่มีพนักงานคอยบริการที่จอดรถ ยิ่งตอนกลับมาขึ้นรถ จะรอรับทิป ถ้าบริการดีก็น่าให้ บางแห่งไม่ทำอะไรเลย พอจะกลับมายืนจับประตูไม่ยอมปิดถ้าไม่ให้ทิป สคบ.คงไม่มีน้ำยา ทำอะไรไม่ได้ กรณีนี้อยากให้ฟ้องเป็นตัวอย่างครับ ลองปรึกษาฝ่ายกฏหมาย หรือทนายดู แล้วต่อไปไม่ต้องไปอุดหนุนเลย. จากคุณ : ธ.ธง (tomjohn) - [ 12 ต.ค. 50 14:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ว่าจะไปที่นี่หลายครั้งอยู่ แต่ก็ไม่ได้ไปค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าพนักงานกับเจ้าของร้านไม่มีจรรยาบรรณเลย จากคุณ : Hobbit - [ 12 ต.ค. 50 14:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 12 ต.ค. 50 14:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ... คุณลูกแม่โดมครับ #18 กรณีนี้ผมว่าว่าเป็นการละเมิดครับ ( ละเมิดโดยมีเหตุจากการประมาท ) เพราะทางร้านมีหน้าที่ "ให้บริการ" กับลูกค้าครับ การบริการที่ว่าไม่ใช่แค่ทำอาหารให้ลูกค้ารับประทานเท่านั้น แต่จะรวมไปถึงการต้อนรับ , การเสิร์ฟอาหาร, มารยาทในการพูดกับลูกค้า และแน่นอนว่ารวมไปถึงการให้บริการที่จอดรถด้วย ในส่วนของการบริการที่จอดรถนี้ ทางร้านซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ ทราบดีว่า เมื่อฝนตกหนักจะมีระดับน้ำท่วมสูงบริเวณลานจอดรถ โดยวิญญูชนพึงกระทำกัน คือต้องบอกกล่าวเตือนว่าอย่าไปจอดบริเวณนั้น หรือ หาเครื่องกั้นทางพร้อมป้าย เตือนเพื่อไม่ให้ลูกค้าไปจอดบริเวณนั้น แต่ทางร้านกลับละเลย รู้ทั้งรู้ แต่กลับเพิกเฉย มิได้ทำในสิ่งที่ควรกระทำ และไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดจากธรรมชาตินะครับ เหตุสุดวิสัยมันจะต้องเป็นสิ่งที่หลีกไม่ได้จริง ๆ เช่น เกิดแผ่นดินไหว พื้นบริเวณลาน จอดรถแยกออก ทำให้รถตกลงไปในดินที่แยกออกนั้น อันนี้เป็นเหตุสุดวิสัย แต่ถ้าทางร้านรู้อยู่แล้วว่าตรงพื้นที่นั้น ถ้าฝนตกหนักน้ำท่วมแน่นอน ถ้าบอกกับลูกค้า ก็สามารถเลี่ยงเหตุนี้ได้ อันนี้ก็คงอ้างว่าสุดวิสัยได้ลำบากล่ะครับ จากคุณ : Mr. Fusion - [ 12 ต.ค. 50 15:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แย่จัง โชคดีช่วงนี้ไม่มีเพื่อนแต่งงานที่นั่น จากคุณ : ป่ะป๊าสุดหล่อ - [ 12 ต.ค. 50 15:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ Fusion   หากคุณบอกว่า ละเมิดโดยการประมาท  แล้วทำให้เกิดความเสียหาย ผมว่า หลักการละเมิด มันก็ต้องมีการกระทำก่อน   1. ร้านเขาก็ไม่ได้เป็นคนปล่อยน้ำเข้าไป 2. ผู้ใช้บริการก็เห็นอยู่ก่อนแล้วว่า ฝนตกหนัก  น้ำขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว   รวมทั้ง ออกมาก็เห็นอีกว่า น้ำขึ้นไปมากกว่าเดิม ก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้น   จึงนำมาสู่ ผลที่ 3 มันจะเป็นละเมิดได้อย่างไร ผมอยากให้แยกให้ออกระหว่าง สิทธิและหน้าที่ทางกฎหมาย  กับ  สิทธิและหน้าที่ในทางสังคมนะครับ   ผมไม่เถียงว่า ในทางสังคม ทางร้านควรบอกลูกค้า   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  มันเป็นส่วนหนึ่งในความรับผิดชอบในการให้บริการต่อลูกค้า   แต่ความรับผิดชอบทางสังคม หรือ ความเหมาะสม  มันเป็นคนละเรื่องกับสิทธิหรือภาระหน้าที่ในทางกฎหมาย   ผมพอเข้าใจที่คุณ Fusion อธิบาย   แต่ผมคิดว่า นั่นเป็นเหตุผลในทางสังคมที่ถามหาความรับผิดชอบ   มากกว่าที่จะเป็นเหตุผลในทางกฎหมายที่จะทำให้ฟ้องร้องต่อศาลได้ สงสัยผมต้องกลับไปทบทวนกฎหมายเรื่องละเมิดบ้างแล้ว ชักจะลืมๆ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 15:24:30 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 12 ต.ค. 50 15:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ได้มั้ยอ่ะครับ เพราะว่าที่คุณ ฟิวชั่น บอกมามันน่าจะเข้าข่ายนี้ มากกว่าละเมิดน่ะครับ เพราะถ้าละเมิด มันหมายถึงการตั้งใจกระทำน่ะครับ จากคุณ : Niceguy_C (Niceguy_C3) - [ 12 ต.ค. 50 15:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมนึกไปถึงเรื่อง  ว่า   ร้านมีหน้าที่รับผิดในการให้บริการที่จอดรถมากน้อยแค่ไหน 1. ให้บริการที่จอดรถเฉยๆ 2. รับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นของทรัพย์สินด้วย หากเข้าข้อ 2  ร้านก็น่าจะผิด   แต่หากร้านสู้ว่า   ร้านให้บริการที่จอดรถเฉยๆ   เด็กรับรถเพียงแต่อำนวยความสะดวกในการจอดรถเท่านั้น ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อความเสียหาย   ซึ่งผมก็จำได้ว่า เคยเห็นฎีกาในทำนองนี้มาบ้าง  กรณีที่ห้างฯ ยกข้อต่อสู้เรื่องความรับผิดในการให้บริการที่จอดรถ กรณีรถยนต์สูญหาย  มีทั้งชนะ และ แพ้ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 12 ต.ค. 50 15:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 - ไม่ไปนานแล้วครับ ร้านนี้.... ปีก่อน ไปกินเลี้ยงกันทั้งครอบครัว..... (ราว 5-60 คน) เปิดห้องใหญ่..... ฝนก็ตกราวๆ นี้แหละครับ พอตกซักพัก น้ำท่วม (ไม่มากเท่าไร.....) ยัง.... ยังไม่พอ.... (งวดนี้ไม่เกี่ยวกับห้องน้ำ สาบานได้) นั่งๆ อยู่ ไฟดับ "พรึบ" หมดทั้งร้าน เอาล่ะซิครับ.... พวกผมก็ยังเฉยๆ กัน นึกว่า อีกซักพัก มันก็ติดน่า..... ยี่สิบนาทีผ่านไป ไฟก็ยังไม่มา แล้วก็มี กัปตัน เดินมาบอกว่า ต้องปิดร้านแล้วครับ ท่าท่างจะดับนาน..... เพราะแถบนี้ดับหมด ผม และญาติๆ ก็เซ็ง ตอนแรกคิดว่า เออ ช่างมัน ไปกินที่อื่นต่อก็ได้ฟะ.... (ก็มีสั่งอาหารมาบ้างแล้ว แล้วเสริฟแล้วซัก 2-3 อย่าง) พอบิลมาเท่านั้นแหละ ควันออกหูเลย.... พวกเล่นคิดราคาห้อง + คาราโอเกะ เต็มคืน...... แถมอาหาร ก็จะคิดรายการที่ยังไม่ได้เสริฟอีก พวกผมเลยไปว๊าก กับผู้จัดการ จนสุดท้าย จ่ายแค่ค่าอาหารที่มาแล้ว ส่วนค่าห้อง ค่า โอเกะ ถ้าคิดก็บ้าแล้ว นั่ง ตรูด ยังไม่ทันร้อนเลย แล้วยังต้องลุยน้ำ ออกมาเอารถอีก... ลาขาด ไม่เผาผีครับ ร้านแบบนี้....... จากคุณ : - License To Kill - - [ 12 ต.ค. 50 15:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ละเมิดค่ะ มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่า ผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น 1. จงใจ หรือ ประมาทเลินเล่อ 2. กระทำต่อบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหาย แก่ ร่างกาย หรือทรัพย์สิน 3. ต้องชดใช้ค่าเสียหาย สินไหมทดแทน 1. จงใจ หรือไม่นั้น ทางร้านต้องทรายดีว่า เกิดเหตุฝนตกหนัก แล้วจะมีน้ำท่วม.. ส่วน จะอ้างว่า ไม่รู้ว่าจะมีน้ำท่วมนั้น คำอ้างนั้น อาจกล่าวไม่ได้ หรือ อาจอ้างว่า ไม่ทรายว่า น้ำจะท่วมสูงถึงระดับนั้น สามารถ กล้างอ้างได้ แต่ก็ยังอยู่ ในความ เลินเล่อ ของทางร้าน 2. เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ((รถ แน่นอน)) 3. ชดใช้ค่าเสียหาย..!! จากคุณ : giang_au - [ 12 ต.ค. 50 15:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ^^ ^^ 1. จงใจ หรือไม่นั้น ทางร้านต้องทรายดีว่า เกิดเหตุฝนตกหนัก แล้วจะมีน้ำท่วม.. ส่วน จะอ้างว่า ไม่รู้ว่าจะมีน้ำท่วมนั้น คำอ้างนั้น อาจกล่าวไม่ได้ หรือ อาจอ้างว่า ไม่ทรายว่า น้ำจะท่วมสูงถึงระดับนั้น สามารถ กล้างอ้างได้ แต่ก็ยังอยู่ ในความ เลินเล่อ ของทางร้าน ............................................ 1. ทำไม ร้านกล่าวอ้างไม่ได้ครับ  ว่า ไม่รู้ว่าน้ำท่วม 2. ร้านกล่าวอ้างได้มั้ยครับว่า   คนทั่วไปก็ต้องระวังว่า ฝนตกขนาดนี้ น้ำอาจท่วม 3. ทำไมถึงยังอยู่ในความเลินเล่อของทางร้าน   ทั้งสามข้อ  ล้วนสงสัย  หากว่า ร้านมีหน้าที่ให้บริการที่จอดรถเท่านั้น   เวลาให้คำแนะนำทางกฎหมาย  อยากให้ใส่เหตุผลด้วยนะครับ  คนทั่วๆไปเขาจะได้รับทราบและเข้าใจด้วย   แม้กระทั่งตอบข้อสอบ แบบนี้ ไม่ได้คะแนนครับ ฟันธง โดยไม่ปรับบท ดูตัวอย่างที่ Mr.Fusion เขียนนะครับ  ไม่ได้บอกว่า หลักกฎหมายถูกหรือไม่ แต่เขาปรับบทได้ครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 12 ต.ค. 50 16:23:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ marsmallow เค้าได้บอกไว้แล้วไม่ใช่หรือครับว่า "ตอนเข้าไปรับประทานอาหารนะ ฝนตกไม่หนักแล้ว" น้ำที่ท่วมเป็นน้ำที่ใหลมาจากที่อื่น .. . . "2. ผู้ใช้บริการก็เห็นอยู่ก่อนแล้วว่า ฝนตกหนัก  น้ำขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว   รวมทั้ง ออกมาก็เห็นอีกว่า น้ำขึ้นไปมากกว่าเดิม ก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้น  " ผมไม่ได้เป็นนักกฏหมาย แต่ผมก็ไม่เข้าใจภาษาของคุณลูกแม่โดมว่า "ก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้นคืออะไร????" ก็น้ำท่วมไปแล้ว ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว และผู้เสียหายก็ไม่ได้นิ่งเฉย "ปล่อยให้เกิดขึ้น" เค้าก็เดินทางไปดูทรัพย์ของเค้าทันทีนี่ครับ? . . ในฐานะบุคคลที่ไม่ได้เรียนกฏหมายเช่นผม ผมว่าภาษากฏหมายนะ ดิ้นได้ครับ ขึ้นอยู่กับการแปลความมากกว่า หากกฏหมายมีพื้นฐานมาจากการที่ต้องการที่จะทำให้สังคมสงบสุข การตีความก็น่าจะเกี่ยวข้องกับ "สิทธิและหน้าที่ในทางสังคม(ที่วิญญูชนพึงปฏิบัติ)นะครับ" โดยความเคารพ จากคุณ : Top27 - [ 12 ต.ค. 50 17:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ Top 27  กรุณาอย่าเข้าใจผิด ผมเห็นแนะนำกันมากมาย ให้ฟ้องนั่น ฟ้องนี่  ผมเพียงแต่อยากทราบว่า เวลาฟ้อง เอาเหตุผลในทางกฎหมายอะไรเข้าสู้ครับ เหตุผลทางสังคมมันไม่พอครับ   ผมเห็นด้วยว่า ร้านน่าจะมีความรับผิดชอบ  แต่มันเป็นเรื่องในทางสังคม ในทางกฎหมาย ทุกคนต่างมีสิทธิและภาระหน้าที่ของตนอยู่   หากคุณคิดว่า เขาละเมิดคุณ คุณก็ต้องพิสูจน์ว่า เขาละเมิดอย่างไร  ในใจผมก็นึกว่า เขาน่าจะต้องรับผิด (หมายถึงทางร้าน)  แต่ผมก็นึกกฎหมายไม่ออกว่า จะเอากฎหมายข้อไหนไปฟ้องร้องเขา ผมถึงอยากให้เข้าใจหลักกฎหมายกันเสียก่อน ที่จะไปเป็นเรื่องเป็นราว ขึ้นศาล  และเสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ     ใจผมก็นึกว่า เด็กที่ร้านน่าจะ(ต้องใช้คำว่า น่าจะ) ไปบอก  แต่หากคุณจะฟ้องร้องเขา คุณก็ต้องมีเหตุผลประกอบว่า  เขามีภาระหน้าที่ต้องเข้าไปบอกคุณหรือไม่   ตรงนี้ไงครับ ที่เรียกว่า เหตุผลในทางกฎหมาย ไม่ใช่เหตุผลส่วนบุคคล   ทำไมครับที่ผมถึงได้เปิดประเด็นเรื่องเหตุผลในทางกฎหมาย   เพราะการมีเรื่องมีราว มันมีคู่กรณี  มีสองฝ่าย   ดังนั้น  ต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง  ฝ่ายร้าน  เขาก็มีเหตุผลของเขาที่จะต่อสู้ และเขาก็มีสิทธิของเขาเช่นกัน  หากต่างคนต่างใช้เหตุผลของตนเอง แล้วจะมีกฎหมายไว้ทำไมครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 12 ต.ค. 50 17:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สมมุตินะครับ ว่าถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ ถ้าผมไปเที่ยวเชียงใหม่ ช่วงนั้นมีฝนตกติดต่อหลายวัน ระดับน้ำในแม่น้ำปิงสูงปริ่มขอบถนน   แล้วผมไปจอดกินอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ  จู่ๆ ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างผิดปกติ เพราะน้ำเหนือไหลบ่าลงมาเป็นจำนวนมากอันเนื่องจากฝนตกหนักเมื่อคืน  ผมเป็นคนกรุงเทพ ไม่มีประสบการณ์จากการเห็นน้ำบ่ามาอย่างรวดเร็ว  ลูกจ้างในร้านอาหาร ก็อาจเป็นแรงงานรับจ้าง ที่มาจากภาคอื่น และไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องน้ำเหนือไหลบ่ามาก่อนแต่อย่างใด ต่างคนก็เฉยเมย คิดว่า ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น  แล้วภายในเวลาไม่นาน น้ำจากแม่น้ำก็ท่วมลานจอดรถ จนทำให้รถผมเสียหาย  ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมจะไปร้องเอาโทษ หรือเอาผิดจากร้านอาหารได้ไหมครับ ลองเปรียบเทียบกับกรณีที่เกิดขึ้นในกระทู้นี้ครับ จากคุณ : SengKun - [ 12 ต.ค. 50 18:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ... อืม ... ถ้าจะเอาข้อกฎหมายก็ ลองหาจุดเริ่มจากตัวลูกจ้างที่ลานจอดรถดูก่อนนะครับ ผมอ่านแล้วได้ความว่าน่าจะเป็นเด็กโบกรถของทางร้านนั่นเอง ลูกจ้าง ณ ลานจอด ปฏิบัติหน้าที่ในงานของนายจ้าง(ร้านอาหาร) หน้าที่คือ ดูแลการจราจร, อำนวยความสะดวก, ความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ และ รถที่จอดไว้ด้วย ดังนั้นความประมาท , เลินเล่อ ของลูกจ้าง ณ ลานจอด ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามงาน ของนายจ้าง นายจ้าง(ทางร้านอาหาร) จึงต้องร่วมรับผิด การที่พนักงาน ณ ลานจอด เห็นระดับน้ำท่วมสูงขึ้นมากจนถึงจุดที่น่าจะต้องแจ้ง กับทางร้านเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับลูกค้ามาเลื่อนรถของตนเองให้พ้นจากพื้นที่น้ำท่วมสูง แต่พนักงาน ณ ลานจอด ไม่ได้ทำในจุดนี้ น่าจะถือว่าละเลยต่อหน้าที่ได้นะครับ คุณลูกแม่โดมเห็นด้วยหรือเปล่า? จากคุณ : Mr. Fusion - [ 12 ต.ค. 50 18:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ... #34 case ของคุณ ลูกค้าเฉยเมย เพราะไม่มีคนมาแจ้งว่าน้ำมันสูงขึ้นครับ ถึงลูกจ้างจะมาใหม่ แต่ถ้าคนเราไม่เคยเห็นระดับน้ำเพิ่มขึ้นเร็ว ๆ มาก่อน แล้วจู่ ๆ ได้เห็น คุณจะไม่ไปถามกับพนักงานพื้นที่ หรือเจ้าของร้านหรือครับว่า "....พี่ ๆ ผมเห็นน้ำมันขึ้นเร็วแบบนี้เป็นปกติของที่นี่หรือเปล่าครับ?? .... " ผมมองว่า case นี้ ทางร้านก็ยังบกพร่องอยู่ดีนะครับ เพราะ ลูกจ้างเฉยเมย จากคุณ : Mr. Fusion - [ 12 ต.ค. 50 18:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มันต่ำขนาดนั้นเลย? แบบว่าผมไม่เคยไปน่ะ จากคุณ : MitsuGrandis - [ 12 ต.ค. 50 22:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 38 วันนั้นฝนตกหนักมากๆทั่วกรุงเทพนะคุณ แถวรามนี่ น้ำท่วมถึงหน้าอก นึกไม่ออกว่าคุณจะขับรถไปจอดไว้ที่ไหนไม่ให้น้ำท่วม จากคุณ : a - [ 12 ต.ค. 50 22:49:03 A:124.121.147.153 X: TicketID:007819 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ก็รู้ๆอยู่ว่า กรุงเทพเวลาฝนตกหนักๆ มันก็มักจะน้ำท่วม ท่านเป็นเจ้าของรถ กลับไม่ดูแลรถของท่านเอง พอเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็มาโบ้ยหาคนรับผิดชอบ ถ้ารถท่านเจอขูด ท่านก็คงโบ้ยร้านอาหารเหมือนกันมั๊ง ผมกลับมองว่ามันเป็นอุบัติเหตุมากกว่า คำตอบอาจดูขัดใจใครหลายคนบ้าง แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ทรัพย์สินของเรา เราต้องดูแลเองให้ดีที่สุด จะไปเชื่อใจคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด จากคุณ : ทาคุจัง - [ 12 ต.ค. 50 22:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมเข้าใจว่า พนักงานลานจอดรถ  คงเข้าใจว่า  ประตูรถ  มันคงผนึกแน่น เหมือนประตูเรือดำน้ำ ต่อให้น้ำสูงแค่ไหน  น้ำก็ไม่เข้า รถคงไม่เสียมั้ง จากคุณ : drof - [ 12 ต.ค. 50 23:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สนับสนุนตาม มุมมอง ของ ท่าน fusion และรู้สึกดีใจ ที่ ท่าน ลูกแม่โดม มีมุมมองที่ต่าง (ข้อสังเกต) เพื่อจะทำให้เพื่อนๆ เห็นมุมมองต่างๆ มากขึ้น ลักษณะนี้ ขอยกตัวอย่างที่ เจ้าทุกข์ มิสามารถเอาผิดกับผู้ประกอบการ (เจ้าของร้าน)ได้ นั่นคือ ภัยธรรมชาติที่เกิดทันทีทันใดโดยมิได้คาดการณ์ล่วงหน้า เช่น เหตุการณ์ Tsunami มาทันที ( ไม่มีปี่มีขลุ่ย ) ความเสียหายมหาศาล ทั้งทรัพย์สิน ร่างกายและจิตใจ หรือ ตัวอย่าง รถ จากทางด่วน ตกลงมาใส่รถลูกค้าบริเวณที่จอดรถที่ทางร้านจัดไว้ให้บริการ เกิดได้รับความเสียหาย ยังนี้ ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ขอเสริม ท่าน fusion   .... ลูกจ้าง ทำหน้าที่ ดูแลรถ เปรียบเสมือนแทนนายจ้างอย่างมิต้องสงสัย เพราะฉะนั้น ถือว่า ประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย กระบวนการทางกฎหมาย มี ผู้ร้อง/ผู้เสียหาย/ (เจ้าทุกข์) ผู้ถูกร้อง/จำเลย  ตำรวจ ทนาย อัยการ ศาล บางครั้ง ผู้เกี่ยวข้อง อาจมีความเห็นไม่ส่งสำนวนฟ้องก็ย่อมได้ แต่เรามองว่า ยังพอมีช่องทาง เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี และศาลท่านจะได้ดุลยพินิจในการตัดสินคดี ตามองค์ประกอบของเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พยานแวดล้อม เรามองว่า กฎหมายที่บัญญัติ ขึ้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อ สร้างความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ทั้ง ฝ่ายผู้เสียหาย และผู้ถูกกล่าวหา   ปล. หลักใหญ่สำคัญ คือ เรื่อง " เจตนา " ต้องพิจารณาเป็นองค์ประกอบด้วยนะ ขอขอบคุณ จากคุณ : rfu - [ 12 ต.ค. 50 23:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ใช่ครับ คุณgiang_au ตามปพพ. ม.420 ที่วางหลักว่า "ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่...ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่า ผู้นั้นทำละเมิด ..." ผมว่าน่าจะเข้าละเมิดอย่างแน่นอน และก็น่าจะเข้าเรื่อง ฝากทรัพย์ ด้วย ตาม ม.659 และตามคำพิพากษาฎีกาที่เคยเรียนมา (ไม่แน่นัก) p.s. พึ่งรู้นะนี่ ว่ามีนะกกฎหมายในนี้หลายคน อะจึ๋ยย.. จากคุณ : ฬbar - [ 13 ต.ค. 50 00:06:28 A:58.8.34.62 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณทาคุจังครับ ผมว่า อุบัติเหตุ ... ต้องเป็นสิ่งที่ "คาดไม่ถึง" นะครับ เช่นจอดรถอยู่แล้วรถข้างหลังถอยมาชนรถเรา อันนี้จะไปว่าเค้ามันก็ไม่ได้ เพราะต่อให้เค้ามาเตือน ความเสียหายก็เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถป้องกันอะไรได้ แต่หากเป็นกรณี "น้ำค่อยๆท่วมสูงขึ้น" นี่ ... ผมเชื่อว่าวันนั้น "ไม่ใช่เป็นวันแรก" ที่น้ำท่วมหนักที่มังกรหลวง ... ทางร้านย่อมต้องเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เนื่องจากไม่มีลูกค้าผู้เสียหายคนใหนจริงจังเอาเรื่อง ... ทางร้านก็เลยดูเป็นเรื่อง "ปกติ" ไป ไม่ได้ใส่ใจแก้ปัญหาอะไร (ทางแก้ที่ง่ายที่สุดคือติดป้ายเตือนก็ไม่มี ... เรื่องจะยกหนุนให้สูงขึ้นเวลาหน้าแล้งก็ไม่ต้องพูดถึงครับ) ปัญหาของ"ประเทศไทย"ก็คือ แต่ละคนมักจะละเลยหน้าที่ของตนเองนี่แหละครับ มักจะคิดว่า "ไม่เป็นไร" หรือ "ธุระไม่ใช่(หากไม่ใช่ทรัพย์สินของเรา)" ทำให้ปัญหาที่น่าจะแก้ไข หรือ ป้องกันได้ เกิดขึ้นอย่างซ้ำซากตลอดเวลา เชื่อว่าปัญหารถเสียที่มังกรหลวงก็จะมีต่อไปอีกเรื่อยๆแน่นอนครับ จากคุณ : Top27 - [ 13 ต.ค. 50 08:32:30 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ Fusion ครับ  ที่คุณบอกว่า .................ลูกจ้าง ณ ลานจอด ปฏิบัติหน้าที่ในงานของนายจ้าง(ร้านอาหาร) หน้าที่คือ ดูแลการจราจร, อำนวยความสะดวก, ความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ และ รถที่จอดไว้ด้วย ดังนั้นความประมาท , เลินเล่อ ของลูกจ้าง ณ ลานจอด ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามงาน ของนายจ้าง นายจ้าง(ทางร้านอาหาร) จึงต้องร่วมรับผิด ......................... ตรงนี้ล่ะครับที่ผมแย้งและคิดว่าอาจทำให้คนทั่วไปสับสนในเรื่องภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล  เหตุใดคุณ Fusion ถึงได้ไปกำหนดหน้าที่ของร้านอาหารโดยต้องดูแลความปลอดภัยในลานจอดรถ หรือ ความปลอดภัยลูกค้า ครับ   ตรงนี้ล่ะครับที่ผมเห็นแตกต่าง  ผมไม่เห็นมีหน้าที่ในทางกฎหมายข้อไหนใน ปพพ. หรือ ป.อ.ที่จะระบุให้ร้านค้ารับผิดได้   ดังนั้น เราจึงมองต่างกัน  ผมจึงมองว่าไม่ละเมิด  คุณ Fusion ลองนึกตัวกฎหมายที่บัญญัติหน้าที่ตรงนี้ไว้หน่อยนะครับ  หรือว่า มีระบุในกฎหมายย่อย  พรบ.อะไรสักอย่าง หรือบทบัญญัติเทศบาล หรือกฎระเบียบข้อบังคับ  อันนี้ผมไม่ทราบ   แต่ผมว่าเราเข้าใจตรงกันว่า    จะเป็นละเมิดได้  ต้องมีการกระทำเสียก่อน  ซึ่งการกระทำนั้น อาจจะเป็นการกระทำ หรือ งดเว้นกระทำ (กรณีที่มีหน้าที่ต้องกระทำ)   ผมเข้าใจว่า คุณ Fusion เห็นว่า กรณีนี้ มีหน้าที่ต้องกระทำ แต่งดเว้นการกระทำ จึงถือว่าละเมิด     เพียงแต่ผมเห็นว่า  ไม่มีกฎหมายข้อไหนบัญญัติหน้าที่ให้ร้านอาหารต้องรับผิดในความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเหตุปัจจัยภายนอก  ผมจึงเห็นว่า การละเว้นการกระทำของลูกจ้าง  ไม่เป็นละเมิด เพราะไม่ได้มีหน้าที่ตั้งแต่ต้น การปรับบทกฎหมายเข้ากับข้อเท็จจริงมีส่วนสำคัญก็จริง   แต่การวางหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงนั้น สำคัญกว่าครับ  ตอนนี้ ผมถึงถามว่า  เอาหลักกฎหมายข้อไหนที่ไปบอกว่า เขามีหน้าที่  ย้ำนะครับ หลักกฎหมาย  ไม่ใช่ ความรู้สึกนึกคิดของสังคม แล้วไปบอกว่า วิญญูชนควรรู้ ควรทราบ และควรทำ  เพราะจะอ้างวิญญูชน  มันต้องผ่านหลักกฎหมายให้ได้ก่อนครับ ที่ผมพยายามพูดอยู่นี่ เพราะว่า  ทุกอย่างมันก็มีสองด้าน  ต้องมองให้ครบ  สิทธิมันก็มาพร้อมกับหน้าที่ ภาระ และความรับผิด   ของใครสัดส่วนเท่าไร ก็ต้องว่ากันไปตามหลักกฎหมาย  เพราะหากจะอ้างหลักสังคมแล้ว ความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคนไม่เท่ากัน  บางคนอาจมีวิจารณญานน้อยกว่าอีกคน  อาจมีเหตุผลในการตัดสินใจที่แตกต่างจากอีกคน ดังนั้น มันจึงยากที่จะวัดความถูกต้องในด้วยความรู้สึกของคนครับ   ทั้งหมดนี้  มิได้หมายความว่า ผมจะไปสนับสนุนทางร้านให้นิ่งเฉย ดูดายในสิ่งที่เกิดขึ้น    สำหรับผมแล้ว   เมื่อรับทราบปัญหา  ผมคิดว่า ร้านนี้ ผมคงไม่ไปใช้บริการแน่นอน ทั้งเรื่อง น้ำท่วม และเรื่อง ห้องคาราโอเกะ(ไฟดับ)  เพราะโดยส่วนตัวผมคิดว่า การที่เราเป็นผู้ประกอบการ ให้บริการ เรามีภาระหน้าที่ทางสังคมที่ต้องรับผิดชอบเอาใจใส่ลูกค้า   ร้านไหนไม่มีตรงนี้  ผมก็ไม่ขอใช้บริการครับ    แต่อย่าลืมว่า  หากจะต้องไปไล่เบี้ยเอาผิด  มันต้องไปว่ากันด้วยหลักกฎหมายครับ ไม่ใช้หลักการของตัวเอง แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 50 11:08:56 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 13 ต.ค. 50 10:06:35 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เก็บไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ  แต่ น่าจะถ่ารูปให้เห็นหน่อยว่า ระดับที่ท่วม มันสูงแค่ไหน แต่ผมก็งง ว่า ทำไม แค่เข้ามาบอกลูกค้า นี่ทำไม่ได้ งง จริงๆ ไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายของลูกค้าเลย แต่มองมุมกลับ อาจเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนดูแลลานจอดรถ ก็ได้ ทำใจครับ ต่อไประวังกันดีๆ ละกัน จากคุณ : Bee o Y (songyot001) - [ 13 ต.ค. 50 11:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่เห็นเกี่ยวกับร้านเขาเลย เหอ ที่จอดรถน้ำท่วม ปัญหามันอยู่ที่ผู้จอดรถ ไม่ใช่ร้านอาหาร จากคุณ : จิ้งจอกเงิน - [ 13 ต.ค. 50 22:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ที่จอดรถของร้านอาหาร เกี่ยวกับร้านอาหารค่ะเพราะเป็นpropertyของเค้า จากคุณ : CaliGirl - [ 14 ต.ค. 50 13:51:35 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ผมจบกฏหมายมา ทำงานเป็นทนายมาสิบสองปีแล้ว กรณีนี้ร้านอาหารผิด แต่ขี้เกียดเถียงพวกเรียนไม่จบ มาแถน่ารำคาญ ไปศึกษาเอาเองนะ จะได้ฉลาด เรื่องง่ายๆ เหมือนปอกกล้วย จากคุณ : โบเด้ - [ 14 ต.ค. 50 16:07:18 A:58.8.238.63 X: TicketID:157794 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เห็นความเสียหายต่อทรัพย์สินของลูกค้า นิ่งเฉย ไม่บอกกล่าว เข้าข่ายความผิดอะไรสักอย่าง แน่ๆ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 15 ต.ค. 50 07:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เป็นทนายมาถึง สิบสองปี  ยังเขียนภาษาไทยไม่ถูกเลย แถมมิได้เข้ามาให้ความเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่แถ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 15 ต.ค. 50 08:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 51 .... พื้นที่อยู่ในความครอบครองดูแลของเจ้าของสถานที่ ..... ปัดความรับผิดชอบ ไม่ได้หรอก ....      ......! จากคุณ : tumauto (tumauto) - [ 15 ต.ค. 50 08:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผม  ....โจคับ....     ขอยืนไว้อาลัยให้กับ  คุณทนาย ความคิดเห็นที่ 48 คุณโบเด้    ครับ การร่ำเรียนมาสูง  เรียนรู้วิชากฏหมายของคุณ อย่างน้อยๆ ต้องจบปริญญาตรีหล่ะ  มันหล่อหลอมให้คุณคิดได้เช่นนั้นหรือ??? ถ้าคุณเป็นทนายจริงๆ  ช่วยอธิบายหน่อยซิ  ว่า กรณีอย่างนี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร คุณเห็น ลูกแม่โดม  กับ  คุณฟิวชั่น  ค้นหาเหตุและผลมาเปรียบเทียบกันมั้ย?? ผมเชื่อว่า ทั้งสองท่านนั้น   ไม่ได้มีอาชีพเป็นทนาย อย่างคุณ แต่ทั้งสองก็ยังถกกันในตัวบทกฏหมายในกรณีอย่างนี้ ถ้าคุณจะเข้ามาตอบโดยยึดถือความคิดเช่นนั้น   อย่าพิมพ์มาเลยครับ ไอ้คำว่า ผมจบกฏหมายมา ทำงานเป็นทนายมาสิบสองปีแล้ว เพราะวรรคแรกที่คุณเขียนมา  เมื่อเทียบกับวิสัยทัศน์ วรรคล่างๆ ของคุณแล้ว [b]มันน่าสมเพชครับ #ลบบางข้อความครับ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 50 09:22:06 จากคุณ : ....โจคับ.... - [ 15 ต.ค. 50 09:21:09 ]

ความคิดเห็นที่ 53 “กรุงเทพธุรกิจ” ได้โอกาสสัมภาษณ์ ดร.ธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายธุรกิจโดยเฉพาะเพื่อเป็นการชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน ของกฎหมายไทย พร้อมทั้งชี้แนวทางในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายไทยด้วย เขา ชี้ให้เห็นว่าหากพิจารณาตัวบทกฎหมายของไทยที่มีอยู่แล้วนั้นถือได้ว่ามีความสมบูรณ์ในระดับมาตรฐาน ถึงขนาดที่สามารถส่งประกวดกับประเทศอื่นๆ ได้ แต่ปัญหาที่สำคัญของกฎหมายไทยคือกระบวนการนำกฎหมายไปใช้ หรือการตีความกฎหมายต่างๆ ที่มักจะใช้ไปในทางที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง หรือการใช้ตัวบทกฎหมายที่มีเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายข้ออื่น “คนที่ใช้กฎหมายต่างหากที่มีปัญหา ใช้กฎหมายในลักษณะตามตัวอักษร ไม่ได้มองดูเนื้อหา มองข้อกฎหมายโดยไม่ได้หยิบเอาหลักพื้นฐาน ที่เป็นหลักสุจริตมาจับ” ดร.ธิติพันธุ์ กล่าว ^ ^ ^ ^ เห็นด้วยกับอาจารย์ธิติพันธุ์ มากๆครับ และผมเห็นว่าน่าจะนำมาปรับใช้กับกรณีนี้ได้ด้วยตามที่ Mr. Fusion ได้ให้ความเห็นไว้ครับ จากคุณ : Top27 - [ 15 ต.ค. 50 10:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คุณ Top 27 ครับ กรณีนี้เป็นคนละเรื่องกันครับ  ไม่เกี่ยวกับการตีความเอื้อประโยชน์เลยครับ  แต่กฎหมายเรื่องนี้ ก็มิได้ไปตีความตามตัวอักษรแต่อย่างใด   เขาดูเนื้อหาอยู่แล้ว   ซึ่งตรงนี้  กำลังถกถึงหลักการว่า ความรับผิดของร้านจะครอบคลุมไปถึงอย่างไร เท่าไร ไม่ใช่เฉพาะกรณีน้ำท่วมลานจอด แต่ครอบรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ   ซึ่งในเมืองไทย เขากำหนดไว้ในกฎหมายเฉพาะในหลายๆกรณีเช่น  เกี่ยวกับสุขอนามัย  สาธารณสุข เขาก็มีควบคุมไว้เรื่อง ผู้ประกอบการขายอาหาร   เกี่ยวกับความปลอดภัยในตัวโครงสร้างอาคาร เขาก็มีควบคุมไว้ในกฎหมายอาคารที่เปิดเข้าออกได้สาธารณะ   มันมีคุ้มครองเป็นเรื่องๆอยู่แล้ว ถ้าจะบอกให้ถูกคือ  เราเองนั่นล่ะครับ  อย่าไปตีความให้กว้างและครอบไปหมดทุกเรื่อง  โดยหลงลืมภาระหน้าที่ของตัวเราด้วย  ไม่งั้นในสังคมก็มีแต่การโทษเป็นความผิดคนอื่นร่ำไป โดยไม่ได้สนใจภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเลย จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 15 ต.ค. 50 10:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมเห็นด้วยกับท่านข้างบน กฏหมายเราดีอยู่แล้ว แต่การบังคับใช้กฏหมาย การตีความอะไรพวกนี้ ยังไม่ดี ถ้าเราเร่งแก้ไขการบังคับใช้กฏหมายให้ดีขึ้นจะดีมาก กรณีที่จอดรถน้ำท่วมอย่างนี้ ดูง่ายๆแบบชาวบ้าน ตีความได้ไม่ยากเลย เอ็งเห็นรถข้ากำลังจะถูกน้ำท่วม กลับเฉยเสีย ปล่อยให้รถพังไปต่อหน้าต่อตา ความผิดชัดเจน ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 15 ต.ค. 50 11:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แล้วอย่างกรณีที่ไปพักที่โรงแรมแล้วรถหาย หรือไปช๊อปที่ห้างฯ แล้วรถหาย ซึ่งทั้ง 2 กรณีศาลตัดสินให้ทางโรงแรมหรือห้างฯ เป็นผู้ชดใช้ค่าความเสียหาย เพราะถือที่จอดรถรวมอยู่ในการบริการด้วย จะคล้ายกับกรณีนี้ไหมค่ะ เพราะทางผู้เสียหายไปทานอาหารที่ร้าน โดยที่ทางร้านมีที่จอดรถรวมอยู่ด้วยก็น่าจะนับรวมไปกับการบริการด้วยรึป่าวค่ะ พอดีไม่ได้จบกฎหมายมาค่ะ วานผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะค่ะ จากคุณ : หนมโมจิ - [ 15 ต.ค. 50 14:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 57 กรณีโรงแรม กับ ห้าง นั้นแตกต่างกัน  ทั้ง 2 กรณีนั้นมีการรับบัตรจอดรถ หรือ มีการคิดเงินค่าที่จอดรถ  อาจถือได้ว่า เป็นการรับฝากทรัพย์  กรณีร้านอาหาร เขาบริการที่จอด  ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย   อย่างไรก็ตาม  กรณีที่รับบัตรจอด แต่ไม่มีการคิดค่าบริการ  ศาลก็เคยตัดสินมาแล้วว่า ไม่รับผิดชอบในความเสียหาย  ถ้าจำไม่ผิด เข้าใจว่า กรณี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  แม้มีการรับบัตรจอดรถ แต่มิได้คิดค่าบริการ  จึงไม่เป็นรับฝากทรัพย์ เป็นเพียงแต่ ให้บริการที่จอดรถเท่านั้น จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 15 ต.ค. 50 14:35:00 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมไม่ได้เรียนกฏหมาย ผมก็ไม่เอาเรื่องกฏหมายมาถกเถีงนะครับ แต่ในความคิดผม การบริการของทางร้านอาหารมันก็ต้องรวมถึง การบริการให้ความสะดวกปลอดภัยของผู้ที่มาใช้บริการ รวมถึงรถ ของผู้ที่มาใช้บริการด้วย ไม่ใช่ว่าเราไปจอดอยู่ริมถนนแล้วก็ เดินเข้ามาใช้บริการพอรถเกิดความเสียหายแล้วจะไปร้องเรียน กับทางร้านก็ไม่ใช่ แต่นี่รถจอดอยู่ในลานจอดรถของทางร้าน เด็กโบกรถของทางร้านก็ต้องแจ้งทางร้านอาหารว่าน้ำใกล้จะท่วมรถ ให้เจ้าของรถรีบมาเคลื่อนย้ายรถด้วยถึงจะถูกต้องนะครับ กรณีนี้ผมว่าต้องเรียกร้องค่าเสียหายครับ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 50 15:06:37 จากคุณ : mareoil - [ 15 ต.ค. 50 14:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 59 กรณีนี้ต้องดูหลายๆ อย่าง 1. กรณีที่ร้านจัดสถานที่จอดรถไว้บริการลูกค้า และที่จอดรถดังกล่าวเคยเกิดน้ำท่วมจนรถขอลูกค้าเสียหายมาแล้ว ยังปล่อยปะละเลยไม่มีการติดป้ายเตือน ปรับปรุงสถานที่ให้ดีขึ้น หรือจัดพนักงานไว้คอยแนะนำ กรณีนี้ไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ทางร้านจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เป็นเหตุโดยประมาท(เข้าข่ายละเมิด) เพราะฉะนั้น ผิดตาม ปพพ.420 ตามที่Mr ฟิวส์ชั่นอธิบายถูกต้องแล้วครับ 2.  แต่ถ้าไม่เคยเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ก็ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เช่นกรณีสินามิ  กรณีนี้ต้องดูว่าประกัยภัยรถคุณครอบคลุมหรือไม่ ถ้าครอบคลุมก็เรียกค่าเสียที่ประกันครับ ถ้าเป็นกรณีที่ 1 จ้างทนายฟ้องได้เลย แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 50 16:21:52 จากคุณ : jesada9191 - [ 15 ต.ค. 50 16:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 60 จากที่อ่านมาทั้งหมดแล้ว...ผมว่า...ประเด็นมันเริ่มบีบเข้ามาที่ว่า ในแง่ของกฎหมาย ร้านอาหารหรือพนักงานของร้าน ได้มีพฤติการณ์ที่จะถือว่า "กระทำละเมิด" ต่อลูกค้าหรือไม่ ซึ่งการตีความกฎหมายแพ่ง ต่างจากกฎหมายอาญา คือไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ว่าต้องตีความอย่างเคร่งครัด การตีความกฎหมายที่จะมาบังคับใช้จึงจะต้องตีความในทางที่จะก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ดังนั้น เมื่อดูจากรูปการณ์แล้ว   ร้านอาหารนี้น่าจะทราบจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าเมื่อฝนตกหนักจะมีน้ำท่วมเข้าลานจอดรถ แต่ไม่มีการเตือน  ไม่ว่าจะเป็นการติดป้าย  หรือ ให้พนักงานประกาศแจ้งลูกค้าเมื่อเห็นน้ำท่วมสูง ในส่วนของพนักงานดูแลลานจอดรถ  ก็ถือว่าเป็นลูกจ้างของทางร้าน (หรือจะมองว่าเป็นตัวแทนก็ได้) พฤติการณ์ที่ปรากฏคือเป็นผู้ที่ทางร้านจัดให้ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการจอดรถ และดูแลลานจอด แต่พนักงานก็นิ่งเฉย เนื่องจากคิดว่าน้ำท่วมเป็นเรื่องปกติ  แต่ก็ต้องถือว่าประมาทด้วย ด้วยเหตุนี้ แม้ร้านอาหารจะมีวัตถุประสงค์หลักในการขายอาหาร แต่พฤติการณ์ในการดำเนินงานของร้านอาหารและพนักงานที่ปรากฏ ถือได้ว่าให้บริการที่จอดรถและดูแลความปลอดภัยของรถด้วย ดังนั้น การที่พนักงานของร้านไม่แจ้งเตือนให้ลูกค้าทราบว่าน้ำกำลังท่วมสูงในลานจอดรถ จึงเป็นการเพิกเฉยต่อการป้องกันผลร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ถือว่าได้ละเลยการกระทำหน้าที่ซึ่งถือได้ว่าเป็นหน้าที่โดยปริยาย และเป็นสิ่งที่วิญญูชนจะพึงกระทำ   จึงถือเป็นการประมาทเลินเล่อ ในส่วนของลูกค้า  เมื่อไปใช้บริการร้านอาหาร ซึ่งมีที่จอดรถ และมีพนักงานบริการอำนวยความสะดวกในการจอดรถ ก็ย่อมเข้าใจโดยปกติวิสัยว่าร้านอาหารได้จัดให้พนักงานดังกล่าวมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้รถตนเองด้วย และหากลูกค้าไม่อาจคาดเห็นได้ว่าเมื่อฝนตกหนักแล้วจะมีน้ำท่วมสูงมากในลานจอดรถ จึงไม่อาจถือว่าลูกค้าเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ  หรือเพิกเฉยต่อการป้องกันผลร้ายที่อาจเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ผมจึงเห็นว่า ร้านอาหารได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อ ซึ่งการกระทำในที่นี้ก็คือ การงดเว้นกระทำหน้าที่ซึ่งเป็นหน้าที่โดยปริยายนั่นเอง ในแง่ของความรับผิดชอบทางสังคม เมื่อมองแล้วก็จะพบว่า แม้ร้านอาหารดังกล่าวจะเป็นที่ส่วนบุคคล  มิใช่หน่วยงานราชการ   แต่ก็เป็นสถานที่ที่มีผู้เข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน หากร้านอาหารไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เลย   ในอนาคตก็จะมีผู้เสียหายจากเหตุการน้ำท่วมลานจอดรถอีกหลายราย เพราะจากพฤติการณ์ที่ผ่านมา แสดงให้เห้นว่าทางร้านอาหารก็จะเพิกเฉยต่อไป   ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขบริเวณลานจอดรถ หรือทำการแจ้งเตือนลูกค้า ดังนั้น จึงเป็นการสมควรที่จะต้องให้ร้านอาหารรับผิด  เพื่อกระตุ้นเตือนให้เกิดการปรับปรุงความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 15 ต.ค. 50 17:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ^^ ^^ นี่คือสิ่งที่ผมพยายามจะถามมาตลอด เหตุใด คุณๆ ถึงไปสรุปว่า  .....ด้วยเหตุนี้ แม้ร้านอาหารจะมีวัตถุประสงค์หลักในการขายอาหาร แต่พฤติการณ์ในการดำเนินงานของร้านอาหารและพนักงานที่ปรากฏ ถือได้ว่าให้บริการที่จอดรถและดูแลความปลอดภัยของรถด้วย............ หน้าที่ตามกฎหมายตรงไหนที่บอกว่า ร้านต้องรักษาความปลอดภัยของรถที่มาจอด   จะเป็นละเมิดจากการงดเว้นกระทำได้  ก็ต้องมีภาระหน้าที่ที่ต้องกระทำมาก่อนนะครับ เรื่องฎีกา รถหายในลานจอดรถของห้าง นั้น ประเด็นสำคัญเขาดูตรง 1. มีการรับบัตรจอดรถ และตรวจบัตรจอดรถเป็นสำคัญตอนเข้า ตอนออก 2. มีการคิดค่าจอดรถ  จึงเสมือนเป็นการรับฝากทรัพย์ สำหรับร้านนี้   มีการรับบัตรจอดรถ หรือ คิดค่าบริการจอดรถหรือไม่ครับ สำหรับเรื่องลูกจ้างน่ะ  เห็นตรงกับ Mr.Fusion แต่แรกแล้วว่า    หากนายจ้าง(ร้าน) มีภาระหน้าทีต้องรับผิดเรื่องความปลอดภัยรถที่มาจอด   การกระทำของลูกจ้างก็ผูกพันนายจ้างด้วยอยู่แล้ว   ผมไม่เห็นเป็นประเด็นต้องถกกันอีก ยอมรับว่า   เหตุผลน่าสนใจ  เพียงแต่  อยากรับทราบข้อกฎหมายเพิ่มเติม ถึง กรณีทีคุณระบุภาะหน้าที่ของร้านให้ต้องรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สิน  พอมีที่อ้างอิง พอมีที่มาที่ไปมั้ยครับ   ว่า   ไปอิงจากที่ใดครับ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 50 18:09:40 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 15 ต.ค. 50 18:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ผมว่าบางทีที่เราเอาชื่อสถาบันที่เราเรียนร่วมกับคนอื่นมาตั้งก็อันตรายต่อตัวเราและสถาบันนะครับ เวลาพลาดมันจะพาปลาทั้งข้องตายไปด้วย คิดให้ดีครับ จากคุณ : รู้สึกไม่ดี - [ 15 ต.ค. 50 19:30:36 A:125.25.42.167 X: TicketID:156927 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผมว่าคำตอบของคนที่ให้เหตุผลว่าร้านต้องรับผิดชอบก็ชัดเจนมากอยู่แล้วนะครับ ในความรู้สึกของคนที่ไม่รู้กฏหมายเช่นผม จากคุณ : Top27 - [ 15 ต.ค. 50 21:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อย่างไรก็ตาม  กรณีที่รับบัตรจอด แต่ไม่มีการคิดค่าบริการ  ศาลก็เคยตัดสินมาแล้วว่า ไม่รับผิดชอบในความเสียหาย - ถ้าจำไม่ผิด เคยมีข่าวกรณีรถหายที่ โลตัส หรือบิ๊กซี นีแหละ ที่มีการแลกบัตรเข้าห้าง แล้วรถหาย คู่กรณีไปฟ้อง ศาลให้ทางห้างต้องชดใช้ค่าเสียหายนะครับ ถึงแม้จะไม่มีการเก็บเงินก็ตาม หลังจากเกิดกรณีนี้ ทางบิ๊กซี (ห้างอื่นด้วยมั๊ง) ก็ได้มีการติดตั้งกล้องถ่ายวีดีโอ ถ่ายรูปตอนยื่นบัตรจอดรถ เอารถออกจากห้างทันทีเลยครับ จากคุณ : monjangja - [ 16 ต.ค. 50 01:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ Top 27   กรุณาฟังให้เข้าใจ ถ้าเอาความรู้สึกส่วนตัวเข้าจับ  ผมก็เห็นด้วยกับคุณว่า ร้านควรจะแจ้งลูกค้า  และร้านควรมีความรับผิดชอบอย่างหนึ่งอย่างใด ผมกำลังถาม คุณๆที่เขารู้กฎหมายว่า ในกรณีนี้  หากเราจะเอาเรื่องร้านค้า  เราจะเอาหลักกฎหมายอันไหนไปฟ้องร้องเขา  หรือคุณคิดว่า ใช้หลักความรู้สึกของคนไม่รู้กฎหมาย ก็สามารถฟ้องศาลได้   หากหลายคนจะอ่านให้ดี   ผมพยายามถาม พยายามอ้างอิง หลักกฎหมาย เพื่อถกกันในเชิงวิชาการ   เมื่อสามารถค้นหาได้  เราก็จะได้เป็นกรณีตัวอย่าง  ไว้เป็นความรุ้สำหรับทุกคน เพื่อเรียกร้องสิทธิของเรา   ไม่ได้ตั้งตัวไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามพวกคุณ และไปเข้ากับทางร้าน   ผมเพียงแต่บอกว่า  ไอ้ที่คิดว่าจะฟ้องน่ะ ( เข้าใจนะครับ ว่าฟ้องศาล  ไม่ใช่แค่บ่นแต่ในนี้ว่า ร้านควรรับผิดชอบ)   มีหลักกฎหมายใดที่เขาเขียนว่าร้านต้องรับผิดหรือไม่  ให้ช่วยๆกันหา    อย่าเอาแต่หลักความรู้สึก  แล้วไปเขียนว่า ร้านต้องรับอย่างนั้นอย่างนี้  ไม่งั้นส่งฟ้องไป  ก็มีแต่เสียเงิน เสียเวลา   ไหนๆจะฟ้องแล้ว ก็ให้มันรัดกุม  และเป็นแนวทางคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเรา คิดว่า คงจะเพียงพอต่อความเห็นแล้ว   เขียนชัดขนาดนี้  หากใครยังอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็จนปัญญา   สำหรับ คห 62  ถ้าไม่มีอะไรจะเขียน จะคิด จะเสนอแนะ  ไม่พูดเสีย คงไม่มีใครว่าคุณเป็นใบ้นะครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 16 ต.ค. 50 08:18:42 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณลูกแม่โดมครับ คุณบอกผมกรุณาฟังให้เข้าใจ ... อืม ... ผมก็บอกแล้วผมไม่ได้เรียนทางกฎหมาย ดังนั้นผมจะมาถกเถียงกับคุณในแง่กฏหมายได้อย่างใดกัน? แต่จากการอ่านแล้วผมเห็นว่าความเห็นของคุณเด็กข้างห้างฯ / Mr. Fusion น่าจะเป็น "หลักกฎหมายที่ดีและเป็นธรรม" กับผู้เสียหาย ในความรู้สึกของคนที่ไม่รู้กฏหมายเช่นผม ส่วนจะหากฏหมายข้อให้มาฟ้องร้าน ผมจะไปรู้ได้อย่างไร? เพราะผมไม่ได้เรียนมา ส่วนความเห็นของคุณนั้น ผมฟังแล้วครับ ... แต่มันขาด Common Sense ไป . . เพราะในความเห็นของคุณที่ 26 คุณกล่าวไว้ว่า "1. ร้านเขาก็ไม่ได้เป็นคนปล่อยน้ำเข้าไป 2. ผู้ใช้บริการก็เห็นอยู่ก่อนแล้วว่า ฝนตกหนัก  น้ำขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว   รวมทั้ง ออกมาก็เห็นอีกว่า น้ำขึ้นไปมากกว่าเดิม ก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้น" ในข้อ1. ต้องให้ร้านปล่อยน้ำเข้าไปหรือครับ? ถึงจะฟ้องร้องเค้าได้ ในข้อ2. ลองไปอ่านกระทู้ให้ละเอียดกว่านี้จะพบว่า ตอนผู้เสียหายเข้าไปในร้าน "ฝนซาแล้ว" และ "น้ำท่วมสูงประมาณ 1 นิ้วครึ่ง" เท่านั้น และที่สำคัญเมื่อออกมาแล้ว ผู้เสียหายได้ยินเด็กเฝ้ารถพูดอย่างนั้น ก็รีบเข้าไปสำรวจความเสียหายต่อรถของเค้าทันที ตรงใหนครับที่บอกว่า "ก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้น" ???? . . ในความเห็นที่ 31 คุณกล่าวไว้ว่า "1. ทำไม ร้านกล่าวอ้างไม่ได้ครับ  ว่า ไม่รู้ว่าน้ำท่วม 2. ร้านกล่าวอ้างได้มั้ยครับว่า   คนทั่วไปก็ต้องระวังว่า ฝนตกขนาดนี้ น้ำอาจท่วม 3. ทำไมถึงยังอยู่ในความเลินเล่อของทางร้าน  " ในข้อ 1. ผมเชื่อว่ามังกรหลวงไม่ได้ที่ต่ำได้ภายในปีเดียว ถนนบางนาตราดช่วงดังกล่าวก็ไม่ได้มีการยกระดับสูงขึ้นทันที ดังนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกแน่นอน และร้าน "ต้องมีประสบการณ์รถลูกค้าเสียมาก่อนแน่อนนอยู่แล้ว ไม่สามารถอ้างได้ว่า "ไม่รู้ว่าน้ำจะไม่ท่วม" ข้อ 2 . หากร้านอ้างว่าฝนตกขนาดนี้น้ำอาจท่วม ..... ก็แสดงว่า หากร้านคาดหวังว่า"ขนาดผู้บริโภคที่นานๆไปใช้บริการร้านสักที" ควรจะรู้ว่าน้ำท่วมและควรจะระวังตามสมควร ...... แล้ว .... ร้านอาหารซึ่งพบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวมาหลายครั้งแล้ว "จะไม่รู้หรือครับ? จะไม่ต้องระวังหรือครับว่าน้ำอาจท่วมรถลูกค้า" ..... หากร้านอ้างแบบนี้ ..... คำกล่าวของร้านก็จะไปขัดกับคำแย้งของร้านในข้อที่ 1. สำหรับข้อ3. หากอ่านข้อ 1. และ ข้อ 2. มาแล้วคงจะไม่ต้องสงสัยมั้งครับว่า "ทำไมถึงอยู่ในความเลินเล่อของร้าน" . . ความรู้สึกของผมคือ "คุณอ่านกระทู้ไม่แตก" ตั้งแต่ต้น ... คุณ"เข้าใจข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน" ตั้งแต่ต้น ดังนั้นคำอ้างของคุณ "จึงขาดน้ำหนัก" ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว คุณให้คนอื่นบอกว่าว่า "กฎหมายข้อใหน?" ที่จะเอาผิดกับร้านอาหารได้ ซึ่งก็มีหลายคนได้ให้ความเห็นถึง "หลัก" กฏหมายที่น่าจะเอาผิดกับร้านอาหารได้อยู่หลายท่าน แต่คุณยังคงถามถึง "ข้อใหน?" "ข้อใหน?" อยู่ โดยไม่ได้เอาหลักการมาอ้างแต่อย่างใด? กรณีคุณอ้างฏีกาถึงความรับผิด-ไม่รับผิดต่อการฝากรถยนต์ คุณก็ไม่ได้ยกตัวอย่างฎีกาเหล่านั้นมาให้เห็นด้วยเช่นเดียวกัน ผมเชื่อว่า หากเรามี "หลัก" กฎหมายที่ดี ควบคู่ไปกับ "การตีความ" ที่เหมาะสม เราจะสามารถบังคับใช้กฏหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะต้องระบุความผิดเป็นข้อๆชัดเจนทุกอย่างถึงจะฟ้องร้องได้ เพราะไม่อย่างนั้นต่อให้เขียนกฏหมายสักเท่าใหร่ก็คงจะไม่เพียงพอต่อฐานความผิดแน่ๆ หากต้องตีความกฎหมายแบบนั้น จากคุณ : Top27 - [ 16 ต.ค. 50 09:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เรียนคุณลูกแม่โดม กรณีที่จะเอาเรื่องร้านผมได้แสดงความเห็น59 ประเภทสั่นๆ และเข้าใจง่ายๆ(ใช้ภาษาชาวบ้าน) ให้ดูแค่ 2 กรณีก็พอ แต่เท่าที่ จขกท. โพส์ตเข้ามา น่าจะเป็นไปได้ว่าร้านมังกรหลวงรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่ดำเนินการแก้ไข ปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีก จึงเข้าข่ายประมาท เพราะฉะนั้นก็ผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 (รายละเอียดมาตราอยู่ใน คห.42) และในส่วนฎีกาเรื่องการจอดรถในห้างตามความเห็นที่ 64 ถูกต้องถ้าจำไม่ผิดจะเป็นห้างคาร์ฟู ครับ จากคุณ : jesada9191 - [ 16 ต.ค. 50 09:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อืม...กระทู้นี้ก็ถือเป็นอีกกระทู้ที่น่าสนใจมากๆ มีการถกเถียงในเรื่องข้อกฎหมาย และ คุณธรรมทางสังคมควบคู่กันไปด้วย ผมเองก็จำหลักกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ได้ชัดเจนว่าหลักการตีความแบบนี้มันชื่ออะไร อาจจะเป็นหลักกฎหมายโรมันที่เขียนเป็นภาษาละติน หรือ อาจจะเป็นหลักการตีความที่ศาลฎีกาของไทยได้เคยวางเอาไว้เองก็ได้ แม้ว่าระบบกฎหมายไทยจะใช้แบบประมวลกฎหมาย (Civil Law หรือ Code Law) แต่จากการที่ศาลยุติธรรมของไทยได้นำแนวทางของกฎหมาย Common  Law มาใช้กับการตีความกฎหมายตั้งแต่สมัยปฏิรูปการศาลในรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งระบบกฎหมายแบบ Common  Law นั้น จะอิงอยู่กับทฤษฎีหลักกฎหมายธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สภาพการตีความกฎหมายของศาลไทย มีลักษณะในการตีความเพื่อสร้างความเป็นธรรม แม้จะไม่มีตัวบทกฎหมายเขียนอ้างอิงไว้ชัดเจน แม้ผลของคำพิพากษาฎีกาจะไม่ผูกมัดศาลในคดีอื่นๆ แต่ก็กลายเป็นเสมือนกับการสร้างหลักกฎหมายให้ศาลในคดีหลังๆ ต้องดำเนินตามอยู่มาก ดังนั้น สรุปได้ว่าที่ผ่านๆมา แม้ตัวบทกฎหมายจะเขียนไว้ไม่ชัดเจน  แต่ศาลฎีกาก็พิจารณาพิพากษาโดยดูจากพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดี และพยายามตีความเพื่อสร้างความเป็นธรรม  หรือแม้แต่สร้างหลักกฎหมายขึ้นมาด้วย จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 16 ต.ค. 50 10:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 69 Vote! จากคุณ : Covent Garden - [ 16 ต.ค. 50 12:28:33 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เคยมีฏีกานะคะที่ที่รับฝากรถจะต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆที่เกิดจากการรับฝากนันถึงแม้จะไม่ได้เก็บเงินก็ตาม เรื่องของข้อกฏหมายที่ว่าจะเอาผิดกับร้านฐานละเมิดได้มั้ย ตามที่เรียนมานะคะ(ยังไม่จบเน้อ >_< ) ทางร้านเค้าได้จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูกค้าที่มารับบริการจากร้านเค้า จึงอาจถือได้ว่าเค้ารับฝากรถของลูกค้าไว้ เพราะยกกรณีเหมือนห้าง เค้าได้จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูกค้าในการมารับบริการจากห้าง หากมีความเสียหายใดๆเกิดขึ้นกับทรัพย์สินของลูกค้าทางห้างต้องรับผิด กรณีนี้ไม่ต้องพิจารณาว่ามีการเก็บค่าธรรมเนียมในการรับฝากหรือมีบัตรหรือไม่ โดยทางห้างจะปฏิเสธไม่รับผิดได้ก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าได้ทำการสมควรแก่เหตุเฉกเช่นวิญญูชนควรจะกระทำในการนั้น หรือหากปกป้องอย่างไรภัยนั้นก็ย่อมเกิดอยู่ดี เช่นภัยธรรมชาติต่างๆ  แต่จากข้อเท็จจริงทางร้านได้จัดเตรียมที่ไว้ให้ลูกค้าจอดรถ และเปิดให้จอดรถตรงนั้นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ซึ่งก็ควรทราบจากประสบการณ์ได้อยู่แล้ว่าถ้าฝนตกหนักส่วนของที่จอดรถจะมีน้ำท่วม แต่ทางร้าน(เด็กรับรถ) กลับเพิกเฉยไม่แจ้งให้ลูกค้าที่จอดรถอยู่ได้รู้ถึงภัยนั้น เพราะถ้าหากลูกค้ารู้ก็คงไม่เกิดความเสียหายขึ้น เด็กรับรถถือว่าเป็นตัวแทนของนายจ้าง นายจ้างจึงต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้าง ร้านมังกรหลวงจึงต้องรับผิดต่อลูกค้าในวันนั้น คุณลูกแม่โดมไม่ต้องกลัวหรอกค่ะว่าจะไม่มีข้อกฏหมายไปเอาผิดกับร้านร้านไม่ได้ เหมือนที่คุณเด็กข้างห้างฯ บอกค่ะ กฏหมายแพ่งให้ตีความตามเจตนารมณ์ของกฏหมายไปพร้อมกับการตีความตามอักษรค่ะ อีกทั้งถึงประเทศไทยจะใช้หลักแบบ Cilvil Law(ตัดสินตามประมวลกฏหมาย) แต่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องหลายๆคดีที่ผู้พิพากษาเอาคำพิพากษาศาลฎีกามาเป็นหลักในการพิจารณาค่ะ ไม่รู้ตอบตรงประเด็นหรือปล่า ง่วงๆเบลอๆ อิอิ เสียดายช่วงนี้ปิดเทอมไม่งั้นจะไปถามอาจารย์ให้ ^^ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 50 05:18:37 จากคุณ : เจ้าหญิงของเฟิร์ส - [ 17 ต.ค. 50 05:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ไม่ได้เรียนกฎหมายครับ แต่สงสัยว่าเอาประเด็นทำไมไม่แจ้งมาใช้ได้หรือเปล่า เพราะถ้าแจ้งแล้วทางร้านไม่มีที่จอดรถพอ ลูกค้าคงเลือกเช็คบิลออกจากร้านแทน ซึ่งทางร้านจะเสียผลประโยชน์ ทำให้ไม่ไปแจ้งลูกค้า จากคุณ : 821 (บัตรผ่าน 821) - [ 17 ต.ค. 50 08:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 72 กระทู้ดีมีสาระ ถกกันด้วยเหตุผล ขอโหวตครับ จากคุณ : chocoatt - [ 17 ต.ค. 50 10:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เอ่อ ผมก้อไม่ได้เรียนกฏหมายนะคับ ผมดีใจที่ได้เห็นความคิดเห้นทุกคนในนี้ และผมสรุปได้ว่า ไม่ม่ใครผิดครับ กฏหมาย อันเดียวกัน แต่ !!! ทนายแต่ละคน ตีไม่เหมือนกัน แล้วแต่ใครจะจ้างฝ่ายไหนจะจ้าง ผมคิดว่างั้นนะ มิน่าทนายเก่งๆ ไม่ใช่ กฏหมายเก่งๆ ครับ ปล. ผมเข้าใจถูกไหมครับ ?? จากคุณ : MachineGun - [ 17 ต.ค. 50 10:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 74 มาทักทายคุณ Top 27 ค่ะ ชอบจังกระทู้ดีๆแบบนี้ พอดีไม่รู้ข้อกฎหมาย เลยขอแสดงความเห็นใจมายังผู้เสียหายทุกท่าน โดยส่วนตัวคิดว่า ทางร้านน่าจะมีส่วนรับผิดชอบบ้างนะคะ โหวตค่ะ จากคุณ : อิงกมล - [ 17 ต.ค. 50 11:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 75 Super Fusion ~ จากคุณ : cookiecompany - [ 17 ต.ค. 50 12:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 76 กระทู้ดีๆ ต้องโหวต จากคุณ : ~@แมงม่วนแมน@~ - [ 17 ต.ค. 50 12:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าเพิ่งเกิดเป็นครั้งแรก (เช่น ท่อแตก ทำให้น้ำท่วม)>> ร้านอาหารไม่ต้องรับผิด เพราะถือว่าสุดวิสัย เหมือนน้ำป่าไหล ซึนามิเข้า ถ้าเคยเกิดเป็นประจำ >> ร้านอาหารต้องรับผิด เพราะถือว่าประมาทเลินเล่อ ถ้าน้ำท่วมแล้วเด็กวิ่งไปเตือน >> ร้านอาหารไม่ต้องรับผิด   ถ้าน้ำท่วมแล้วเด็กทำเฉยๆ ให้เจ้าของมาพบเองว่ารถโดนน้ำท่วม >> ร้านต้องรับผิด ถือว่าประมาทเลินเล่อ ส่วนประเด็นเรื่องเด็กแนะนำว่าน้ำจะไม่เข้ารถให้กลับไปกินข้าวต่อ  ไม่อาจจะเอามาอ้างได้ เป็นเรื่องวิจารณญาณของเจ้าของรถ (ซึ่งควรมีความรู้สูงกว่าเด็กรับรถ) จะต้องวิเคราะห์เอาเองว่าน้ำจะเข้าหรือไม่เข้า จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 17 ต.ค. 50 13:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เข้ามาอ่านเพื่อเป็นความรู้ค่ะ รู้สึกดีค่ะ หลายท่านโต้กันด้วยเหตุผล vote ค่ะ จากคุณ : extrajeab - [ 17 ต.ค. 50 14:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ร้านนี้ประมาทจริง ๆ แฮะ มาช่วย vote ครับ จากคุณ : เงินเดือนสามพันขับวอลโว่ - [ 17 ต.ค. 50 14:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ประกาศไปให้ทั่วๆ เลิกอุดหนุนได้แล้ว หน้าเงิน ไม่ละอายใจบ้างรึได้เงินจากความสูญเสียของคนอื่น จากคุณ : XTRON - [ 17 ต.ค. 50 15:03:07 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มีใครถ่ายรูปไว้บ้างมั๊ยคะ อยากดูรูปอ่ะค่ะ น่าเอาไปลงหนังสือพิมพ์ ให้ร้านเน่าไปเลยอ่ะ จากคุณ : แม่ปังคุง - [ 17 ต.ค. 50 15:16:00 A:210.1.12.130 X: TicketID:136874 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เคยได้ดูรายการไรไม่รู้  ที่เป็นทนายพี่น้อง หรือ ฝาแฝด ช่อง ITV เรื่องจอดรถในห้าง ถึงไม่เสียตังค่าจอด  หรือบัตรจอดจะระบุว่า ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหาย แต่สุดท้าย... กฏหมายพลิก  ต้องชดใช้ค่าเสียหาย... _____________________________________ เป็นกระทู้ที่ดี  ทั้ง 2 ฝ่าย ว่ากันด้วยเหตุผล... เพื่อประโยชน์ของ ผู้เสียหาย จากคุณ : Cadenza_V - [ 17 ต.ค. 50 15:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ทางร้านน่าจะมีการเตือนบ้างนะไม่ใช่ปล่อยไปเฉยๆ โหวต จากคุณ : kumandthong - [ 17 ต.ค. 50 15:49:26 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ฟ้องตาม 420 ประกอบ 425     เหตุจากประมาทเลินเล่อ  แต่ต้องพิสูจน์ให้ศาลเชื่อให้ได้ว่า  ที่ตรงนั้นเมื่อฝนตก น้ำจะท่วมเป็นประจำ และลูกจ้างไม่ได้วิ่งมาบอกหรือเพิกเฉย และคำว่า"หน้าที่ตามกฎหมาย"'ตามคคห.ที่ 61 ลูกแม่โดมถามมานั้น  หน้าที่ตามที่กล่าวมา อาจเกิดได้หลายทางครับ เช่น 1. หน้าที่ตามกฎหมาย คือ มีบัญญัติไว้เลยให้บุคคลพึงกระทำ 2. หน้าที่ตามคำสั่งหรือระเบียบปฏิบัติ 3. หน้าที่ตามสัญญา 4. หน้าที่ตามวิชาชีพ (อันที่ว่ามาไม่ขออธิบายครับขี้เกียจพิมพ์) แต่ที่สำคัญ คือ อันนี้ 5. หน้าที่ตามความสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดขึ้น...หน้าที่นี้อาจเริ่มต้นมาจากการไม่มีหน้าที่ใดๆต่อกันเลย.....แต่ในที่สุด ได้มีการกระทำให้เกิดความสัมพันธ์อันจะต้องกระทำต่อกันเพื่อให้ลุล่วงไป.....ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของหน้าที่ซึ่งเกิดจากการขันอาสา รับเข้าช่วยเหลือหรือกระทำการใดๆ โดยสมัครใจมิได้มีข้อตกลงหรือกฎหมายใดๆบังคับให้ต้องกระทำ................................ ---การเปิดร้านขายอาหาร และ ได้จัดให้มีที่จอดรถมีเด็กคอยโบกว่าให้จอดตรงไหน (ถือว่ารับฝากรถโดยปริยาย)ได้เกิดหน้าที่ที่ทางร้านจะต้องใช้ความระมัดระวังให้การดูแลไม่ให้เกิดความเสียหายต่อรถของลูกค้าแล้ว.....ดูแลตามวิสัยหรือพฤติการณ์ในระดับของวิญญูชนพึงกระทำ     แต่ถ้าทนายไปฟ้องเรื่องฝากทรัพย์ก็จบเห่...ศาลยกฟ้องแน่นอน จากคุณ : ลูกเป็ดตกมัน - [ 17 ต.ค. 50 16:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ^^ ^^ นี่ล่ะครับ ที่ผมต้องการ  คือ  คำอธิบายเพิ่มเติมว่า หน้าที่เหล่านั้นมันมาได้อย่างไร  มันฟังแล้วพอเป็นเหตุเป็นผล    มากกว่าที่บอกว่า  การมีเด็กรับรถ ถือว่า ......       อันนี้ดูเหมือนคิดเอาเอง  เพราะในเมื่อหน้าที่ตามกฎหมายตรงๆไม่มี   มันก็ต้องมีเหตุมีผลที่สัมพันธ์กับความคิดส่วนตัวที่จะพอให้ศาลรับฟัง   ซึ่งคุณลูกเป็ดอธิบายได้กระจ่างครับ ขอบคุณคุณลูกเป็ดครับ ---การเปิดร้านขายอาหาร และ ได้จัดให้มีที่จอดรถมีเด็กคอยโบกว่าให้จอดตรงไหน (ถือว่ารับฝากรถโดยปริยาย)ได้เกิดหน้าที่ที่ทางร้านจะต้องใช้ความระมัดระวังให้การดูแลไม่ให้เกิดความเสียหายต่อรถของลูกค้าแล้ว.....ดูแลตามวิสัยหรือพฤติการณ์ในระดับของวิญญูชนพึงกระทำ   ร้านเขาจะอ้างได้มั้ยครับ ว่าหน้าที่ตามที่ว่าน่ะ  เขามีหน้ามีผูกพันแค่ให้อำนวยความสะดวกในการจอดรถเท่านั้น มิได้ถือว่ารับฝากรถ   หรือว่า อ้างไม่ได้  มีเด็กโบกรถปุ้บ เท่ากับผูกพันปั๊บว่า ต้องถือว่ารับฝากรถด้วย ไม่แน่ใจว่า  จะเข้าท่าหรือเปล่า    หากว่าผมจะสมมติมี พนักงานต้อนรับคอยเปิดประตูเข้าร้าน และพนักงานที่พาลูกค้าเดินไปนั่งที่โต๊ะ     หากมีคนเดินเข้ามาแทงลูกค้าภายในร้าน  จะถือได้มั้ยว่า  พนักงานสองประเทภนี้ มีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยลูกค้าด้วย  มิใช่เด็กเปิดประตูอย่างเดียว ลองอภิปรายกันดู  ผมก็ว่าน่าสนใจนะ  หน้าที่ตามพฤติกรรมที่ควรจะผูกพัน     แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 50 16:59:27 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 50 16:53:58 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 50 16:48:32 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 17 ต.ค. 50 16:34:28 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อยากเน้นในเรื่องที่ชอบมีการปิดป้ายไว้ว่า จะไม่รับประกันความเสียหายที่ เกิดจากการใช้บริการที่จอดรถ  Fact .ไม่ว่าสถานที่ใดๆ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม  หรือแม้แต่มหาวิทยาลัย  ต้องรับผิดทั้งนั้นค่ะ ศาลฏีกาได้เคยตัดสิน และใช้เป็นบรรทัดฐานมาโดยตลอด    ส่วนกรณีร้านอาหารนี้  น้ำท่วมเป็นเหตุสุดวิสัยก็จริงอยู่  และได้สร้างความ เสียหาย เกิดขึ้นแก่ลูกค้าด้วย ทางร้านจะปฏิเสธไม่ได้ถึงความผิดนี้ เนื่องจาก พนักงานขาดไร้ซึ่งสำนึกในการดูแลให้บริการลูกค้า  ซึ่งเป็นสิ่งที่วิญญูชน พึงกระทำ น้ำท่วมเกิดได้  เตือนลูกค้าทำได้ สิ่งที่ขาดไป นั่นล่ะที่ต้องชดใช้   ***กฎหมาย มีไว้ใช้เพื่อให้เกิดความยุติธรรม เท่าเทียมกันในสังคม*** จากคุณ : ด้วยดินสอและน้ำตา - [ 17 ต.ค. 50 17:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ^^ ^^ เอ  ผมไม่มั่นใจนะว่า ศาลฎีกา ยึดมาโดยตลอด     เท่าที่จำได้  ผมว่ามีสองแนว  ในเรื่อง ไม่รับผิดชอบทรัพย์สิน   ลองดูตัวอย่างของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   เดี๋ยวผมต้องลองไปค้นกฎหมายก่อน   สำหรับประเด็นที่ เรื่องร้านต้องรับผิดชอบ  เด็กขาดจิตสำนึก อะไรพวกนี้     อย่างที่เรียนไว้ตั้งแต่ต้น   มันต้องมีภาระหน้าที่ก่อน   ซึ่งผมคิดว่า   ตามที่คุณลูกเป็ดเขาอธิบาย  มันพอเป็นหลักการได้ครับ   น่าสนใจเลยทีเดียว   ผมเชื่อว่า หลายๆคนในที่นี้เป็นนักกฎหมาย   ลองอธิบายให้คนอื่นๆเขาเข้าใจกันด้วยหลักการจะดีกว่ามั้ย   อย่าใช้ความรู้สึกเข้าจับแต่อย่างเดียว แล้วบอกว่า ถือว่า...........      หรือ ต้อง...........   เพราะจะดำเนินการในชั้นศาล  หลักการมันต้องมาก่อนความรู้สึก     ผมยังจำที่อาจารย์สอนได้  เวลาอธิบายกฎหมาย ตอบข้อสอบ ปรับบท    อย่าพูดลอยๆ โดยเอาข้อเท็จจริงมาพูด แล้วบอกว่า ถือว่าอย่างนั้น ถือว่าอย่างนี้     คุณไม่ใช่ศาล คุณจะมาถือว่า ไม่ได้     คุณต้องอธิบายเหตุผลประกอบให้มันเป็นเหตุเป็นผลกัน และเหตุผลนั้น ก็ต้องเป็นเหตุผลในทางกฎหมาย  เหมือนที่คุณลูกเป็ดเขาอธิบาย    แม้กระทั่งศาลเอง เวลาเขียนคำพิพากษา  เขาก็จะไม่มา ถือว่าอย่างนั้น ถือว่าอย่างนี้ โดยไม่ให้เหตุผลประกอบ ยกตัวอย่างนะครับ 1. การที่ร้านได้จัดให้มีบริการที่จอดรถและยังมอบหมายหน้าที่ให้ลูกจ้างไปบริการโบกรถให้กับลูกค้านั้น  เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดหน้าที่ภาระผูกพันกัน .....    บลา บลา บลา  (ตามที่คุณลูกเป็ดอธิบาย)   ดังนั้นอาจถือได้ว่า  ร้านมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบในความปลอดภัย .............. กับอีก 1 ตัวอย่าง 2. การที่ร้านจัดให้มีบริการที่จอดรถ ถือว่า ร้านมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบในความเสียหาย ..............   หรือ การที่ร้านจัดให้มีเด็กบริการรับรถ  ถือว่าร้านมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในความเสียหาย ............. ผมว่า สองกรณี มันฟังต่างกันมากนะครับ   แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 50 17:28:14 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 17 ต.ค. 50 17:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 88 โหวตครับ จากคุณ : พิกกี้เม้าส์ - [ 17 ต.ค. 50 19:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ถามเรื่องการตัดสินคดีครับ ในกรณีเดียวกัน ถ้าขึ้นศาลโดยผู้พิพากษาต่างคนกัน มีบ้างไหมครับที่ผลตัดสินออกมาต่างกัน??? จากคุณ : นฤน - [ 17 ต.ค. 50 19:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ช่วยโหวตครับ... เพื่อให้สังคมช่วยกันดูแลกันและกันให้มากกว่านี้... จรรยาบรรณทุกวิชาชีพควรจะมีครับ...ผมถือว่าเป็นจริยธรรมเบื้องต้น...ที่พึงมี ขอบคุณที่มาส่งข่าวให้ทราบครับ จากคุณ : aaa_a...ครับผม - [ 17 ต.ค. 50 19:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จาก คคห.85 ครับ ไม่แน่ใจว่า  จะเข้าท่าหรือเปล่า    หากว่าผมจะสมมติมี พนักงานต้อนรับคอยเปิดประตูเข้าร้าน และพนักงานที่พาลูกค้าเดินไปนั่งที่โต๊ะ     หากมีคนเดินเข้ามาแทงลูกค้าภายในร้าน  จะถือได้มั้ยว่า  พนักงานสองประเทภนี้ มีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยลูกค้าด้วย  มิใช่เด็กเปิดประตูอย่างเดียว  ****หน้าที่บางอย่างที่เรียกว่าหน้าที่ตามศีลธรรม  มีลักษณะคล้ายๆกับหน้าที่ที่ต้องพึงกระทำ  เช่น หน้าที่ตาม ป.อาญา ม. 374 "ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิต  ซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น  แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น  ต้องระวางโทษ...... " ..........หน้าที่นี้เป็นเรื่องในฐานะพลเมืองดีพึงกระทำ  ซึ่งกฎหมายถือว่าเป็นการผิดศีลธรรม  กฎหมายเอาผิดเพียงเล็กน้อยแต่ยังไม่ถือว่าเป็นการงดเว้นการกระทำอันเป็นละเมิด  เพราะเราไม่มีหน้าที่ที่จะต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นมิให้เกิดขึ้น    ศาลเองมักจะไม่วินิจฉัยคดีโดยการชี้ชัดลงไปว่าศาลใช้หลักใดในการวินิจฉัย  ดังนั้นการตีความหมายจะตีความให้เคร่งครัดลงไปไม่ได้  จะต้องดูความเป็นเหตุเป็นผลกันพอสมควรครับ จากคุณ : ลูกเป็ดตกมัน - [ 17 ต.ค. 50 19:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ...หากว่าผมจะสมมติมี พนักงานต้อนรับคอยเปิดประตูเข้าร้าน และพนักงานที่พาลูกค้าเดินไปนั่งที่โต๊ะ     หากมีคนเดินเข้ามาแทงลูกค้าภายในร้าน  จะถือได้มั้ยว่า  พนักงานสองประเทภนี้ มีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยลูกค้าด้วย  มิใช่เด็กเปิดประตูอย่างเดียว... ---------------------------------------------------------------------------- แบบนี้มันไกลเกินไปแล้วครับ ก่อนอื่นต้องดูว่าตามปกติประเพณีแล้ว บุคคลที่กล่าวมามีหน้าที่โดยปริยายหรือไม่ในการที่จะต้องดูแลความปลอดภัยของลูกค้าจากการถูกผู้อื่นทำร้ายร่างกาย ซึ่งคงแทบจะไม่มีที่ไหนในโลกที่บ๋อยต้องดูแลลูกค้าขนาดนั้นครับ เพราะฉะนั้น  ถ้าลูกค้าถูกแทงตาย  ก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของบ๋อย  ร้านอาหารก็ไม่ต้องร่วมรับผิดฐานละเมิดกับบ๋อย เว้นแต่กรณีที่ว่าถ้าทางร้านอาหารคาดเห็นได้อยู่ว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นแล้วไม่ยอมแจ้งเตือนลูกค้า เช่น ทางร้านรู้อยู่ว่ามีคนท่าทางสติไม่ค่อยดีถือมีดมาเดินอยู่หน้าร้านร้องตะโกนบอกว่าจะฆ่าคนที่มากินอาหารในร้านให้หมด แล้วคนบ้าก็วิ่งหนีไป  ซักพักนึงก็กลับมานั่งซึมเซื่องอยู่หน้าร้านอีก ถ้าทางร้านไม่แจ้งตำรวจ  แล้วก็ไม่เตือนลูกค้าว่ามีคนบ้ามาอาละวาด แล้วอยู่ๆ คนบ้าก็ชักมีดวิ่งเข้าไปแทงลูกค้าในร้าน   แบบนี้ผมมองว่าทางร้านมีความรับผิดด้วยเพราะ ร้านอาหารก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนอันเป็นวิสัยที่วิญญูชนจะพึงกระทำ   คือการแจ้งเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น หรือถ้าข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็น ลูกค้าถูกประตูร้านฟาดหัวแตกเพราะคนเปิดประตูไม่ได้มองให้ดี ขณะเปิดประตูให้ลูกค้าก็มัวแต่คุยโทรศัพท์กับแฟนไปด้วย   หรือ ลูกค้าถูกน้ำแกงร้อนๆ หกลวกหน้าเพราะบ๋อยซุ่มซ่าม แบบนี้หน้าที่ของคนที่ต้องเปิดประตู ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ประตูไปฟาดโดนหน้าลูกค้า บ๋อยเสิร์ฟอาหารก็ต้องระวังไม่ให้อาหารหกใส่ลูกค้า ถ้าทำผิดพลาดไปจากหน้าที่ความรับผิดชอบ  แล้วเกิดความเสียหายขึ้น ก็จะส่งผลให้เกิดความรับผิดขึ้นมาได้กับตัวบ๋อย  และร้านอาหาร จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 17 ต.ค. 50 20:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 93 คือ ดินสอร้างไปนานเลย วิชากฎหมาย มาจนตอนนี้สาขาที่เรียนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักนิด ขอเวลาสักคืนค่ะ เดี๋ยวจะมาร่วมอภิปรายด้วยอีกรอบ จากคุณ : ด้วยดินสอและน้ำตา - [ 17 ต.ค. 50 20:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ร้านผิด...........ครับ ต้องรับผิดชอบ จากคุณ : ซุงวู - [ 17 ต.ค. 50 20:53:20 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ผมจะตอบในฐานะเจ้าของกิจการแล้วกันนะ อย่าโกรธ เมื่อเหตุการณ์เกิดแล้ว ผิดถูกอย่างไร ผมคงสู้เอาตัวรอดเต็มที่ 1. ผมจะบอกศาลว่า น้ำท่วมครั้งนี้ เกิดจากฝนตกหนักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าน้ำจะท่วมหนักขนาดถึงหัวเขา จึงไม่รับผิดชอบค่าเสียหายใดๆ 2. ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีน้ำท่วนลานจอดรถสูง แค่เจิ่งนองเล็กน้อยตามธรรมดา ไม่เคยมีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถยนต์ที่มาจอด ให้ลองไปสืบประวัติดูซิ ว่าเคยใครแจ้งความไว้ไหม 3. คณะเจ้าของรถ เป็นลูกค้าที่เคยมาใช้บริการก่อนหลายครั้ง ก็ไม่เคยประสพปัญหาน้ำท่วมหนักจนรถเสียหาย ครั้งนี้ฝนตกหนัก และน้ำหลากมาจากที่อื่น ซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อน ร้านจะไปรู้ได้ไง ถ้าจะฟ้องต้องไปฟ้อง กทม ที่ทำงานชุ่ย ท่อตัน 4. ถ้าเจ้าของรถอ้างว่า เจ้าของร้านควรรู้ว่าน้ำท่วมประจำ ดังนั้นต้องแจ้งเตือนลูกค้า ผมก็จะอ้างว่า ก็มันไม่เคยท่วมนี่ แล้วจะรู้ได้อย่างไร 5. น้ำไหลมาท่วมพื้นที่เหมือนน้ำป่า ไม่รู้ว่ามาจากไหน เด็กๆในร้านไม่เคยเจอมาก่อน เลยตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน 6. ถ้าลูกค้ายืนยันว่า ลานจอดรถนี้เคยมีน้ำท่วมหนักคล้ายคลึงกันมาก่อน ผมก็จะบอกว่า ถ้ารู้แล้วจะ ยังเอามาจอดทำไม หรือทำไมไม่ย้ายเอง 7. หากผมตัดสินใจสู้คดีขนาดที่ว่าไป ผมคงต้องทำใจว่า ผมเริ่มนับถอยหลังปิดกิจการไปพร้อมกัน เพราะชื่อเสียงร้านจะเสียหาย จากปากต่อปาก ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากของการทำธุรกิจร้านอาหาร ทางออกที่ผมจะเลือกทำจริงๆ คือ ไปขอโทษลูกค้า แล้วพยายามไกล่เกลี่ย พร้อมอ้อนวอนให้ลูกค้าหาทางเจรจากับประกัน (ถ้ามี) จากนั้นก็ช่วยจ่ายในส่วนที่ประกันไม่ยอมให้ เช่นซักพรม ทำความสะอาดต่างๆนานา และอาจให้ทนายของร้าน (คงมีแน่นอน) ช่วยเจรจาการเคลมประกันต่างๆให้เจ้าของรถอีกแรง อย่างนี้ได้ทั้งชื่อทั้งกล่อง จากคุณ : น้าติ่ง - [ 17 ต.ค. 50 21:38:31 A:124.121.35.219 X: TicketID:099606 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อยากถามว่าถ้ารถคันที่เสียหาย   ถ้ามีประกันชั้น1       เราน่าจะเคลมความเสียหายทั้งหลายกับบริษัทประกันได้ใช่ไหม         ส่วนรถที่ไม่มีประกัน    ท่านทนายก็ชี้แจงเหตุผลกันต่อไป.... จากคุณ : เซี่ยวซุ่น (เซี่ยวซุ่น) - [ 17 ต.ค. 50 23:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ต้องดูว่าประกันครอบคลุมภัยธรรมชาติหรือไม่ครับ กรณีนี้ต้องพิสูจน์เจตนาในการละเลยด้วยอย่างที่คุณติ่งพูดว่า รู้หรือไม่รู้ 1. รู้รึไม่ว่าน้ำจะท่วม  2. เด็กรู้หรือไม่ว่าน้ำท่วมเท่าไหร่แล้วรถจะพัง เพราะคนที่ไม่เคยมีรถก็ไม่รู้จริงๆนะครับ เมื่อสามวันก่อน ที่จอดรถ RCA ใต้ดินก็ท่วมเอามากๆแถวโซนจี แต่โชคดีที่ยังไม่ถึง ท้องรถ ในกรณีนี้ ถ้าเกิดน้ำเกิดท่วมถึงท้องรถจริงๆ แต่รถมีจำนวนมากจนยาม ไม่สามารถไปตามเจ้าของได้หมด RCA จะผิดไหมครับ ส่วนผมมีคำถามอีกข้อก็คือ ร้านอาหารหรือผับหลายๆร้านนั้น เด็กที่มาโบกรถ ไม่ได้เงินจากร้าน(ไม่ได้เป็นพนักงานร้าน)ด้วยซ้ำ แต่ขอมาโบกเอง อย่างงี้ จะทำอย่างไรครับ จากคุณ : k_patchara - [ 18 ต.ค. 50 00:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เว้นแต่กรณีที่ว่าถ้าทางร้านอาหารคาดเห็นได้อยู่ว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นแล้วไม่ยอมแจ้งเตือนลูกค้า +----- ประมาณว่า พนักงานถูพื้นในร้านแล้วมันลื่น แต่ไม่ติดป้ายเตือนไว้ คนลื่นหัวแตกโดนฟ้องจ่ายค่าเสียหายใช่ไหม จากคุณ : สมป๊อป - [ 18 ต.ค. 50 01:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 99 พ้ม ว่าร้าน เอาตัวรอด ได้แหงๆ..อ้าง ไม่รู้มาก่อน... คหสต.นะ... จากคุณ : ลิงจ๊ากจ๊าก - [ 18 ต.ค. 50 01:25:04 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ความคิดเห็นที่ 73   เอ่อ ผมก้อไม่ได้เรียนกฏหมายนะคับ ผมดีใจที่ได้เห็นความคิดเห้นทุกคนในนี้ และผมสรุปได้ว่า ไม่ม่ใครผิดครับ กฏหมาย อันเดียวกัน แต่ !!! ทนายแต่ละคน ตีไม่เหมือนกัน แล้วแต่ใครจะจ้างฝ่ายไหนจะจ้าง ผมคิดว่างั้นนะ มิน่าทนายเก่งๆ ไม่ใช่ กฏหมายเก่งๆ ครับ ปล. ผมเข้าใจถูกไหมครับ ?? จากคุณ : MachineGun  - [ 17 ต.ค. 50 10:54:16 ] ----------------------------------------------------------------------------- ขอโหวต........... มิฉะนั้นคุณจะไม่เคยได้ยิน......ทนายโจร อัยการสั่งไม่ฟ้อง......เพราะตำรวจทำสำนวณอ่อน ทนายขวัญใจคนยาก มีตังค์ง้างได้หมดในสมัยนี้......... ตั้งแต่นักการเมือง....ตำรวจ....ยันทนายโจร จากคุณ : sagurahi - [ 18 ต.ค. 50 08:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 101 vote....... จากคุณ : XTRON - [ 18 ต.ค. 50 09:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ตอบคุณ ความคิดเห็นที่ 98 ถ้าเป็นบางประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง  เช่น อเมริกา การที่พื้นลื่นเพราะพนักงานถูพื้นไม่หมด  และไม่มีป้ายเตือน แล้วทำให้ลูกค้าล้มหัวแตก ร้านค้าที่โดนฟ้องนั้น  ศาลสั่งให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนกันอานไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้น จะสังเกตได้ว่าเดี๋ยวนี้ตามร้านอาหารส่วนใหญ่  โดยเฉพาะที่เป็นแบรนด์นอก เช่นพวก KFC Pizza hut ฯลฯ มักจะมีป้ายเตือนว่าระวังพื้นลื่น เพื่อป้องกันปัญหาการถูกฟ้องแบบนี้ไงครับ ส่วนประเทศไทยเรานั้น  มักจะไม่ค่อยมีใครฟ้องกัน  เพราะกระบวนการมักยุ่งยาก และวัฒนธรรม กับนิสัยใจคอของคนไทย ที่เป็นคนง่ายๆ สบายๆ มีความอะลุ่มอล่วย แค่พื้นลื่นหัวแตก  ถ้าทางร้านขอโทษ หรือจ่ายค่ายาให้สักหน่อย  ก็ไม่ค่อยติดใจเอาความไปฟ้องคดีแล้ว เพราะถ้าฟ้องจริงๆ มันเสียเวลา  เสียค่าทนาย  ต้องพิสูจน์กันยุ่งยาก  ค่าเสียหายจะคุ้มค่าทนายหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยไม่ค่อยมีคดีแบบนี้มาสู่ศาลให้เห็นกันนัก นอกจากประเภทร้านอาหารไม่ยอมขอโทษ และลูกค้าเป็นคนมีตังค์ แต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี เลยฟ้องคดีเพื่อสั่งสอน จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 18 ต.ค. 50 09:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เป็นสุดยอดกระทู้แห่งการใช้เหตุผลและหลักการ ชอบมากและเป็นประโยชน์มากครับ... ขอบคุณคุณลูกแม่โดมมากๆ ที่ช่วยให้ความรู้มากมายกับคนที่ไม่ค่อยรู้กฎหมายอย่างผม ส่วนตัวผมคิดว่าด้วยข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ผมยังตอบตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ว่าทางร้านผิดและต้องรับผิดชอบหรือไม่??? แต่ถ้าผมเป็นทนายฝ่ายเจ้าของรถ  ผมจะพยายามหาเหตุผลประกอบอย่างน้อยก็ 2 ข้อนี้ เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าร้านอาหารผิดจริง 1. พิสูจน์ให้ได้ว่าเหตุนี้เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่  โดยไปย้อนดูประวัติ รูปถ่ายในสถานที่นั้นหรือพื้นที่ติดกัน หรือหลักฐานอื่นๆ อันทำให้เชื่อได้ว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และชี้ประเด็นไปที่ร้านอาหารประมาทเลินเล่อ 2. พิสูจน์ให้ได้ว่ารถของลูกค้าที่จอดอยู่ในลานจอดรถของร้าน ถือเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ทางร้านต้องใช้ความระมัดระวังให้การดูแลไม่ให้เกิดความเสียหายต่อรถของลูกค้า ตามที่คุณลูกเป็ดตกมันบอกไว้ ถ้าพิสูจน์ 2 ข้อนี้ได้เจ้าของร้านอาหารเตรียมจ่ายตังค์ได้เลยครับ จากคุณ : TooNew - [ 18 ต.ค. 50 10:22:42 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ^ ^ ขนาดซื้อกาแฟแมคแล้วทำลวกมือ ยังฟ้องจนแมคต้องแปะไว้ข้างแก้วว่า HOT ! เลยครับ จากคุณ : jaima - [ 18 ต.ค. 50 10:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เข้ามาดู  ช่วงนี้คงไม่มีตังค์เข้าร้านหรูหรอก  กำลังจน จากคุณ : ติ๊กติ๊ก - [ 18 ต.ค. 50 11:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 106 แวะเข้ามายืนยันว่า ลานจอดรถของร้านนี้อยู่ต่ำกว่าระดับถนนจริงๆ น่าจะต่ำกว่าทางคู่ขนานของถนนบางนา-ตราดไม่น้อยกว่าครึ่งเมตร   เคยไปนั่งกินที่ร้านนี้  ขนาดฝนตกหนักครึ่งชั่วโมง  น้ำมันยังท่วมขังถึงขอบยางด้านล่าง    เจ้าของร้านต้องรู้แน่ๆละว่าฝนตกหนัก  ลานจอดรถจะมีปัญหา แต่ที่เค้ายังไม่ทำอะไรเพราะว่ารายได้หลักของร้านนี้มาจากพวกทัวร์ น้ำท่วมแค่นี้รถทัวร์ไม่มีปัญหาหรอก แต่สงสัยอย่างนึงว่า น่าจะมาถกเรื่องเคลมประกันชั้น1กันบ้างนะครับ ที่ว่ารถในกระทู้นี้พังกันหลายคัน ส่วนใหญ่เป็นรถยุโรปหรือญี่ปุ่นรุ่นท๊อป คิดว่าทุกคันมีประกันชั้น1   ก็น่าจะเคลมการซ่อมนี้ได้ น้ำท่วมเพราะฝนตกหนักในเขตกรุงเทพอย่างนี้   ไม่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติร้ายแรงที่บริษัทประกันจะปัดความรับผิดชอบไปได้ ถกกันแต่เรื่องความรับผิดชอบของทางร้านอาหารอย่างเดียว  บริษัทที่รับประกันภัยชั้น1ก็รอดตัว สบายซิครับ ปล.หากอยากรู้ว่าทางร้านอาหารจะต้องรับผิดชอบหรือไม่? ถ้าประกันยอมรับเคลมค่าเสียหายทั้งหมด   เชื่อว่าบริษัทประกันก็จะไปฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทางร้านอาหารอีกละครับ จากคุณ : เสือปลาขี้เมา - [ 18 ต.ค. 50 11:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ไม่ได้เข้ามานาน.. กระทู้แนะนำแล้ว!!  .. จากคุณ : giang_au - [ 18 ต.ค. 50 12:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เรื่องแบบนี้ไม่เกิดกับตัวเองไม่รู้หรอกครับ น่าเห็นใจครับ ผมคนนึงละครับที่เคยน้ำท่วมเกือบๆมิดเบาะนั่งเลย จากคุณ : 4G63T_CK2 (4G63T_CK2) - [ 18 ต.ค. 50 12:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 109 แต่สงสัยอย่างนึงว่า น่าจะมาถกเรื่องเคลมประกันชั้น1กันบ้างนะครับ ที่ว่ารถในกระทู้นี้พังกันหลายคัน ส่วนใหญ่เป็นรถยุโรปหรือญี่ปุ่นรุ่นท๊อป คิดว่าทุกคันมีประกันชั้น1   ก็น่าจะเคลมการซ่อมนี้ได้ น้ำท่วมเพราะฝนตกหนักในเขตกรุงเทพอย่างนี้   ไม่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติร้ายแรงที่บริษัทประกันจะปัดความรับผิดชอบไปได้ ถกกันแต่เรื่องความรับผิดชอบของทางร้านอาหารอย่างเดียว  บริษัทที่รับประกันภัยชั้น1ก็รอดตัว สบายซิครับ ปล.หากอยากรู้ว่าทางร้านอาหารจะต้องรับผิดชอบหรือไม่? ถ้าประกันยอมรับเคลมค่าเสียหายทั้งหมด   เชื่อว่าบริษัทประกันก็จะไปฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทางร้านอาหารอีกละครับ จากคุณ : เสือปลาขี้เมา จากประสบการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่เจอมากับตัว ผมไปพักที่โรงแรมรอยัลการ์เดนรีสอร์ท หัวหิน ผมขอออกชื่อนะครับเพราะปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนเชนไปแล้ว บริเวณลานจอดรถต่ำกว่าระดับถนนและอาคารโรงแรมประมาณระดับเอว เย็นวันนั้นฝนตกตลอดและตกหนักในตอนกลางคืน เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำทะเลหนุนสูง  ทำให้น้ำท่วมลานจอดรถ ผมสังเกตตอนกลับจากทานอาหารเย็น มีน้ำขังอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร  แต่พอกลางดึกไฟดับ จึงออกจากห้องมาดูความเป็นไป  ฝนก็ยังตกอยู่  พอมาดูรถ ปรากฏว่าน้ำท่วมระดับขอบล่างของประตู หรือประมาณครึ่งล้อรถ  ผมจึงรีบไปย้ายขึ้นมาหนีน้ำ  และมาต่อว่าพนักงานโรงแรมว่าทำไมไม่แจ้ง ได้รับคำตอบว่า ไม่ทราบว่ารถเป็นของห้องใดบ้าง ไม่กล้าปลุกแขก  เป็นเหตุผลที่เหลือเชื่อมาก  ผมย้ายรถเป็นคันที่สอง  อีกหลายคันลงมาเมื่อน้ำท่วมไปครึ่งคันรถแล้ว ต้องใช้วิธีการไสรถขึ้นมา เซ็งครับ โรงแรมไม่รับผิดชอบใดๆเลย  ค่าที่พักค่าอาหารที่ต้องแกร่วอยู่อีก 1 วันก็ต้องจ่ายปรกติ สุดท้ายผมตัดสินใจกลับบ้าน แล้วโทรปรึกษาบริษัทประกันรถยนต์  ประกันส่งรถไปลากจากหัวหินมาทำที่อู่ที่จังหวัดผม สรุปเคลมประกันได้ เพราะถือเป็นอุบัติเหตุ  แต่ผมไม่แน่ใจกรมธรรม์รุ่นใหม่ๆของบริษัท จะยกเว้นภัยธรรมชาติหรือไม่ เพราะมีการแข่งขันเรื่องราคากันสูง จากคุณ : thiefcat - [ 18 ต.ค. 50 12:45:57 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ผมพยายามยกตัวอย่างให้ว่า   การที่บางคนบอกว่า  เด็กรถ โบกรถให้เข้าที่จอด  หรือ เปิดปิดประตูรถให้  แล้วบอกว่า เท่ากับต้องรับผิดในความเสียหายของรถ   ตอนฝนตก    มันก็เหมือนกับ  มีพนักงานเปิดประตู หรือพนักงานต้อนรับนำแขกไปโต๊ะ  หาที่นั่งให้   แล้วมีคนเข้ามาทำร้าย  หรือเข้ามาขโมยของ ตอนที่ลูกค้าไม่นั่งโต๊ะปล่อยกระเป๋าไว้ตามลำพัง   แล้วบอกว่า เขาต้องรับผิดชอบในความปลอดภัย   ลองคิดดูให้ดี เหมือนกันเป๊ะ  อำนวยความสะดวกและบริการลูกค้าเหมือนกัน  คนนึงยืนลานจอดรถ  คุณๆบอกว่า ต้องดูแลรถให้ด้วย  คนนึง ยืนหน้าประตู  ก็แสดงว่า ต้องดูแลในร้านด้วย    หากจะใช้ตรรกะเดียวกัน   เพราะเป็นหน้าที่ที่คุณคิดว่ามันควรจะเป็น   เอาเถอะครับ  ผมว่า ผมชัดเจนมากแล้ว  และได้เตือนทุกคนแล้ว  คงจะจบได้เพียงเท่านี้   ไม่มีประเด็นกฎหมายอื่นใดเพิ่มเติม   อย่างไรก็ดี  หลังจากที่ผมได้สอบถามท่านๆ หลายหลายท่าน แล้ว     ท่านบอกว่า  หากผู้เสียหายเขาคิดว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็เห็นควรที่จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม  ดีเสียอีกครับ  ทนายเขาจะได้มีงานทำ   และขอแนะนำว่า    หากจะเขียนฟ้อง  อย่าเขียนแค่ข้อเท็จจริงแล้วสรุปว่า ถือว่า..... หรือ ต้องเป็นหน้าที่ ........    นะครับ    ไม่งั้น เสียเงินฟรีให้ทนายครับ   ( ท่านแนะนำมาครับ ) ลืมบอกไปครับ    ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาแสดงความเห็นอย่างมีเหตุมีผล   ก็ได้ความรู้เพิ่มเติมกันไปครับ     แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 14:40:05 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 14:03:03 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 18 ต.ค. 50 13:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 111 V O T E ! ! จากคุณ : maxibon - [ 18 ต.ค. 50 14:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 112 อ่าน กระทู้นี้ แล้วมันส์จริง ๆ .... จากคุณ : ... กระซิบรัก จากความทรงจำ ... - [ 18 ต.ค. 50 14:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ประเด็นจาก จขกท ผมว่า ร้านค้าผิดครับ ยังไงก็ผิด ผิดที่ไม่บอกลูกค้า ถ้ามันท่วมแบบนี้ประจำมันก็ควรจะรู้กันอยู่แล้ว จากคุณ : กาแลนท์เขียวเมืองนนท์ - [ 18 ต.ค. 50 14:44:45 ]

ความคิดเห็นที่ 114 โหวตให้ละกัน จากคุณ : supercc - [ 18 ต.ค. 50 15:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ร่วมกันโหวตครับ  คนที่ไม่รู้จะได้ไม่หลงเข้าไปใช้บริการ ร้านอาหารที่เห็นแก่ได้ โดยไม่สนความเดือนร้อนของผู้อื่น จากคุณ : mareoil - [ 18 ต.ค. 50 16:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ชอบครับ มีสาระมากๆ ครับ แอบขำ Super Fusion ของคุณ cookiecompany (ประชดหรือนั่น) ...555 สำหรับน้าติ่งครับ # 95 เห็นแล้วชื่นใจครับ  เป็นเจ้าของกิจการที่น่านับถือ ผมเห็นใจครับถ้ามันเกิดขึ้นกับร้านผมเองก็คงคิดหนักครับงานนี้ แต่เห็นวิธีการช่วยเหลือลูกค้าของน้าติ่งแล้วก็รู้สึกชื่นชมครับ ไว้จะแวะมาอ่านใหม่นะ จากคุณ : ฮาวอายู - [ 18 ต.ค. 50 18:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 117 มันโว้ยยยยยยย! ไม่รู้คุณ ลูกแม่โดม เรียนละเมิดกับอ.อนันต์ ป่าว สุดยอดยาก แต่เราได้แค่ 60 กว่าๆ เป็นสิบปีแล้ว เอาข้อกฏหมายดีกว่า ข้อเท็จจริงเถียงกันตายไม่มีจบ ฏีกาก็ไม่มีเทียบเคียงด้วย พอดีอ่านผ่านๆ มีบางคนบอกว่าเป็น ประมาททำให้เสียทรัพย์ เราสะดุด เพราะว่า กฏหมายอาญาฐาน ประมาททำให้เสียทรัพย์ไม่มีนะครับ บุคคลจะรับผิดทางอาญาได้ ก็ต่อเมื่อมีกฏหมายระบุว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ประเทศไทย ป.อาญาไม่มีความผิดฐานนี้นะครับ (ข้อสอบ มธ. หลายสมัย) ตามข้อเท็จจริงนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ (เราไม่ใช่ผู้พิพากษา ถึงใช่ก็ไม่สามารถตัดสินได้เพราะไม่ใช่ผู้พิพากษาในคดี) ผมมองว่าเป็น ฝากทรัพย์ ในการบริการร้านอาหาร ย่อมต้องมีบริการอย่างอื่นประกอบด้วย ไม่ใช่ว่ามากินอาหารแล้วเจ้าของร้านแค่เอาอาหารมาให้เรากินอย่างเดียว ยังต้องรวมไปถึงการให้บริการอื่นๆ เพื่อความสะดวกและสะอาดถูกสุขลักษณะอนามัยของลูกค้าด้วย ฉะนั้นทางร้านจะต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า หากลูกค้านำรถเข้ามาจอดในบริเวณร้านเพื่อจะมาใช้บริการอาหารโดยเสียค่าบริการอาหาร ต่อมาเกิดความเสียหายต่อรถของลูกค้า ซึ่งอยู่ในความดูแลของร้านอาหาร ทางร้านก็ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้รับฝากทรัพย์ อีกประการหนึ่งคือ(ตามข้อเท็จจริงนะ) เมื่อทางร้านทราบว่าฝนกำลังตกหนัก เห็นว่า น้ำกำลังจะท่วมรถ กลับยังเพิกเฉย ไม่บอกให้เจ้าของรถทราบ เพื่อดำเนินการปัดป้องไม่ให้ความเสียหายเช่นว่านั้นเกิดขึ้น ตามความเห็นของผม ทางร้านจะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น ในฐานะที่ผิดหน้าที่ผู้รับฝากทรัพย์ จ้า.... จากคุณ : Bad Camp On Elme - [ 18 ต.ค. 50 18:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เหมือนดูทนายทั้งฝั่งโจทย์กับจำเลยโต้กันในศาล จากคุณ : HMOM - [ 18 ต.ค. 50 21:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เห็นด้วยกับคุณลูกแม่โดมค่ะ การที่จะบอกว่าผิดมันต้องบอกด้วยว่าผิดข้อไหนอย่างไร เหมือนอย่างข่าว ที่ตำรวจจับผู้หญิงนุ่งสั้นขี่รถมอเตอร์ไซด์ แล้วยึดใบขับขี่ โดยไม่บอกว่าผิดกฎจราจรข้อไหนอย่างไร อ้างแต่ว่าแต่งกายไม่รัดกุมอย่างนี้ มันพอจะเปรียบเทียบกันได้มัยค่ะ เห็นใจคุณลูกแม่โดมค่ะ พยายามจะพูดถึงข้อกฏหมาย แต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้ความรู้สึกมาตัดสินซะมากกว่าน่ะค่ะ จากคุณ : maecetra - [ 18 ต.ค. 50 22:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ทางร้านผิด  อาญาครับ  รอพวกนักกฎหมายมาตอบ  ผมอ้างมาตราไม่ค่อยเก่ง แต่ผิดชัวร์ จากคุณ : X_BM - [ 18 ต.ค. 50 22:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 121 "ผมพยายามยกตัวอย่างให้ว่า   การที่บางคนบอกว่า  เด็กรถ โบกรถให้เข้าที่จอด  หรือ เปิดปิดประตูรถให้  แล้วบอกว่า เท่ากับต้องรับผิดในความเสียหายของรถ   ตอนฝนตก    มันก็เหมือนกับ  มีพนักงานเปิดประตู หรือพนักงานต้อนรับนำแขกไปโต๊ะ  หาที่นั่งให้   แล้วมีคนเข้ามาทำร้าย  หรือเข้ามาขโมยของ ตอนที่ลูกค้าไม่นั่งโต๊ะปล่อยกระเป๋าไว้ตามลำพัง   แล้วบอกว่า เขาต้องรับผิดชอบในความปลอดภัย" รู้สึกว่าอันนี้เรียกว่าประมาทอย่างร้ายแรงครับ พลิกได้ว่าเป็นความผิดที่วางกระเป๋าทิ้งไว้  ส่วนมีคนมาทำร้าย ก็ไม่เกี่ยวกับทางร้านครับ เพราะว่า การเข้ามาทำร้ายอาจเป็นเหตุสุดวิสัยได้ 2 ประเด็นนี้ ถ้าฟ้องร้องกันให้ร้านรับผิดนี่ ทางร้านจะได้ได้เปรียบมาก (อยากบอกว่าร้านไม่ผิดเหมือนกัน) ส่วน เรื่องรถจมน้ำเนี่ย ทางร้านรู้อยู่แล้วว่าฝนตกแล้วน้ำท่วมเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่แจ้งเตือนลูกค้าให้ระวัง หรือว่า มาย้ายรถเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเนี่ยครับ  ถ้าฟ้องร้องกันฝ่ายเจ้าของรถผู้เสียหาย ได้เปรียบ มากมายเลยครับ จากคุณ : X_BM - [ 18 ต.ค. 50 22:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ผมขอให้ความเห็นนิดนึงนะครับ (แย้งคุณลูกโดมนิดนึง) เรื่องการจอดรถ หากสถานที่ ต้องดูที่เจตนา เป็นหลักครับ ถ้าจอดรถในที่ๆมีการรับบัตรแล้วอยู่ดีๆรถหาย แล้วบัตรยังอยู่กับคุณ แต่รถดันหาย จะถือว่าผู้ให้บริการจอดรถนั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงครับ เคยมีเคสอย่างงี้ฟ้องแล้วชนะครับ ทำไมบัตรไม่มียังปล่อยให้รถออกไปได้ หากเอาบัตรนั้นไว้ในรถแล้วรถหาย ผู้ให้บริการจอดรถไม่ต้องรับผิดชอบครับ เพราะถือว่าไม่ได้ประมาทอย่างร้ายแรง เค้าทำตามหน้าที่ปกติ (คิดตามหลักเลยนะครับ ถ้าทางที่จอดรถรับผิดชอบหมด บางคนอาจคิดไม่ดีเสียบกุญแจ แถมทิ้งบัตรไว้ ก็ไม่ต้องกลัวสิครับ เพราะที่จอดรถต้องรับผิดชอบ) ส่วนเคสของ จขกท นั้นคงจะต้องดูก่อนละครับ ว่า ทางร้านมีการทราบมาก่อนว่า กรณีฝนตกอย่างงี้เคยมีน้ำท่วมแบบนี้มาก่อน เป็นประจำแล้วหรือไม่ ? หากตอบว่าใช่ มีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ครับ เพราะถือว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เพียงแต่เค้าจะยอมรับเหรอครับ ? ผมว่ายากน่ะครับ หากเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ คงยากครับ ผมไม่ใช่นักกฏหมายครับ ฉะนั้นเคสนี้ออกหัวหรือก้อยก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 00:14:31 จากคุณ : แมวน้ำงื้ดๆ - [ 19 ต.ค. 50 00:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 123 vote ขอนอกประเด็นนิดครับ อย่างห้างส่วนใหญ่ที่ใช้ระบบกล้องในการเข้าออกนี่ ถ้ารถเราหายหรือโดนทุบเอาของ เขารับผิดชอบบ้างไหมอ่ะครับ จากคุณ : [kv] - [ 19 ต.ค. 50 04:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ที่นี่ เป็นอย่างนี้มานานแล้วครับ เมื่อ 3-4 ปีก่อน ผมก็ไปกินที่นี่กับญาติพี่น้อง (ที่บ้านชอบไปกินที่นี่) ปรากฏว่ามีฝนตกหนัก น้ำท่วมสูงเลยหัวเข่า (พื้นที่ลานจอดรถอยู่ต่ำกว่าถนนบางนา-ตราดมาก) ไม่มีพนักงานของร้านบอกลูกค้าเลย น้ำเข้าในรถระบบกันขโมย TVSS เสียหายหมด ที่แย่กว่านั้นคือไม่มีพนักงานหน้าไหนออกมาดูแลช่วยเหลือลูกค้า หลบหน้ากันหมด สรุป ต้องเปลี่ยนระบบกันขโมย TVSS และรื้อพรมมาซัก เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ 10,000 บาท เลยสาปส่งเลิกไปร้านนี้เด็ดขาด แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 10:29:29 จากคุณ : เลิก (ฉันนี่แหละคือฉัน) - [ 19 ต.ค. 50 10:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 125 . . . กระทู้ดี มีความรู้มากๆเลยครับ ^_^ .... . จากคุณ : bb_area - [ 19 ต.ค. 50 10:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เป็นทุกที่และครับ สมัยนี้คนมันมักง่ายเห็นแก่ตัว ชุ่ยๆ กันไปตามเรื่อง ไว้ใจใครไม่ได้แล้ว ต้องค่อยพึ่งตัวเอง สังเกตเองครับ แล้งคุณละเคยถ้าตัวเองไหม ถ้าเป็นคุณบ้าง(ในเรื่องอื่นๆนะ) คุณเป็นแบบคนชุ่ยๆพวกนี้หรือเปล่า เหอ แบบว่าคุณเคยเปรยคำพวกนี้ไหม - เรื่องของxง -ช่วยไม่ได้ จากคุณ : ตรงไปตรงมา (pjaNNy69) - [ 19 ต.ค. 50 12:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ถึงภัตตาคารมังกรหลวง คุณต้องปรับปรุงพื้นที่แล้วนะครับ โดยเฉพาะในเรื่องของการระบายน้ำบริเวณที่จอดรถลูกค้า จากคุณ : . - [ 19 ต.ค. 50 13:16:26 A:58.64.100.147 X: ]

ความคิดเห็นที่ 128 ผลจะออกมางัยนะ ผิด หรือ ไม่ จากคุณ : อยากรู้ (labcom) - [ 19 ต.ค. 50 13:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 129 เห็นแก่ได้ ถ้าเหตุเกิดเป็นวันแรกที่มีน้ำท่วมแบบผิดปกติก็สุดวิสัย อย่างนี้เรียกว่ารู้แต่ปิดบังเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เห็นแก่ตัว จากคุณ : XTRON - [ 19 ต.ค. 50 14:37:00 ]

ความคิดเห็นที่ 130 การถกเถียงของนักกฎหมายเป็นสิ่งที่ดีครับดีครับว่ากันไปตามความคิดของแต่ละคนครับต่างคนต่างมุมมองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแต่ธงจากปัญหานี้ก็รู้ๆกันอยู่แล้วใช่ไหมครับท่านทั้งหลายแต่การถกเถียงกันเป็นสิ่งที่พึงกระทำของนักกฎหมายกันอยู่แล้วดีครับจะได้เอาความรู้แลกเปลี่ยนกัน (เข้ามาดูด้วยอีกคน) จากคุณ : เด็กนิติ (VenusF) - [ 19 ต.ค. 50 14:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 131 โหวตโลด จากคุณ : _ไม้ป่าเดียวกัน_ - [ 19 ต.ค. 50 14:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ขอตัวไปเรียนกฏหมายอีกใบก่อนนะครับ ถึงจะมีชีวิตอยู่ในประเทศไทยได้อย่างมีความสุข ไม่เสียเปรียบคนอื่น ...... จากคุณ : 15ค่ำเดือน11 - [ 19 ต.ค. 50 16:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ผมว่าจากข้อเท็จจริงทั้งหมด น่าจะต้องดูด้วยอีกว่าจากวิสัย และพฤติการณ์ในขณะนั้นเจ้าของร้านสามารถคาดเห็นได้หรือไม่ว่าน้ำจะท่วมได้ขนาดนั้น (จะไม่กล่าวถึงพนักงานเฝ้า หรือโบก เพราะเป็นลูกจ้างของเจ้าของร้านและเหตุเกิดในขณะกระทำงานที่จ้าง) ที่ผมอ่านจากข้อเท็จที่ จขกท บอกมาอ่ะนะ ผมว่ายังไม่สามารถฟันธงได้อ่ะครับว่าความรับผิดตกเป็นพับแก่ใคร ถ้าเจ้าของร้านรู้ถึงการที่น้ำจะท่วมได้ขณะนั้น เช่น มีการแจ้งให้เจ้าของร้านทราบว่าจะมีการระบายน้ำ หรือปกติน้ำทั่วสูงขนาดนี้เวลาที่ฝนตกหนักเป็นประจำแต่หาได้แจ้งแก่ลูกค้าไม่ เจ้าของร้านก็จำต้องรับผิดในค่าเสียหายทดแทนในเรื่องค่าเสียหาย เสียเวลา อะไรก็ว่าไป แต่ถ้ากล่าวไม่ได้ว่าเจ้าของร้านคาดเห็นว่าน้ำจะท่วมหรือเหตุสุดวิสัยว่างั้น  หรือลูกค้ารู้ดีว่าน้ำจะท่วมรถเสียหายแต่ยังจะจอดอีก(สมมุติ) ความเสียหายนั้นก็ตกเป็นพับแก่ลูกค้าไป ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมเจ้าของร้านจะต้องรับผิด(หากผิดจริง) มองง่ายๆคือทางร้านได้จัดที่จอดรถไว้บริการให้แก่ลูกค้าขณะใช้บริการ จึงพึงอนุมานได้ว่าเป็นหน้าที่โดยปริยายที่เจ้าของร้านจะต้องจัดมาตรการดูแลทรัพย์ของลูกค้า เพราะหากไม่จัดที่จอดรถไว้ ลูกค้าอาจจะไปหาที่ปลอดภัยจอดรถเองก็ได้  ต่อมาเกิดน้ำท่วม(หากเจ้าของร้านรู้ว่าน้ำจะท่วมจนรถเสีย)แล้วไม่แจ้ง หรือลูกจ้าง(พนักงานเฝ้ารถ) ไม่ไปบอกแก่เจ้าของรถ หรือปัดป้องภยันตรายนั้นเสีย ก็จะถือได้ว่ากระทำการโดยละเมิด (จงใจหรือประมาทว่ากันไป) ซึ่งลูกจ้างกระทำงานในการที่จ้าง(คือปฏิบัติหน้าที่เฝ้ารถตามที่จ้างให้เฝ้าอยู่)นายจ้างหรือเจ้าของร้านก็ต้องร่วมรับผิดด้วยครับ ***ขยายจาก คห 104 ฏีกาของต่างประเทศประมาณว่า มีคนแก่คนนึงซื้อกาแฟร้อนมา แล้วทำหลุดมือราดหน้าตักตัวเองได้แผลพุพอง จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายร้านที่ขายให้ จนชนะคดีได้เงินไปหลายล้าน เนื่องด้วยทนายให้ความว่าน้ำร้อนที่ชงกาแฟร้อนเกินไป ความร้อนปกติที่ชงกันจะไม่ทำให้เกิดแผลได้ขนาดนี้  .. ประมาณนั้น ปล.ผมอาจจะเขียนอะไรผิดไปบ้างก็ติได้นะครับ เพิ่งเรียนได้ปี2 เอง เหอๆ แต่ผมว่ากระทู้นี้ดีนะครับ ได้ความรู้กับหลายมุมมอง + วิธีปรับบทของแต่ละคนได้ศึกษาด้วย   ขอบคุณครับ จากคุณ : tecrkung - [ 19 ต.ค. 50 17:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 134 กระทู้สุดยอด โหวต จากคุณ : boatboat - [ 19 ต.ค. 50 23:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 135 1. ที่จอดรถ มีผลต่อผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการหรือไม่ 2. จะเก็บค่าเช่าที่จอดรถหรือไม่เก็บผมคิดว่าไมเกี่ยว เพราะค่าที่จอดรถและเด็กบริการดูแลที่จอดรถนั้นรวมอยู่ในต้นทุน คิดรวมไปกับค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว ผมคิดว่ารวมอยู่ในการบริการนะครับ คิดดูว่าถ้าไม่มีที่จอดรถ รายได้ของร้านจะเป็นยังไงถ้าเทียบกัน ดังนั้นที่จอดรถมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องโดยตรงกัน กับรายได้ของร้านอาหาร คิดว่ายังไงก็ต้องรับผิดชอบครับ เพระว่าค่าจอดรถก็คิดรวมไปกับค่าอาหารไปเรียบร้อยแล้ว เหมือนเป็นการรับฝากทรัพย์ ผู้ที่รับฝากก็ต้องรับผิดชอบครับถ้าเกิดความเสียหายต่อทรัพย์ จากคุณ : .............................. - [ 20 ต.ค. 50 00:51:07 A:58.8.52.67 X: TicketID:087386 ]

ความคิดเห็นที่ 136 เราชอบความคิดเห็นของคุณน้าติ่ง ใน #95 ค่ะ   ดูฉลาด และ เรียลลิสติคดี ส่วนความคิดเห็นของพวกบรรดานักกฎหมายต่างๆ  อย่างเช่น คุณ ลูกแม่โดม เราฝากถามถึง ข้อความประโยคนี้หน่อยค่ะ  เวลาที่เราไปจอดรถในสถานที่บริการต่างๆ  ที่ไม่ได้เก็บค่าจอดรถ (ซึ่งถือเป็นการฝากทรัพย์ )  แล้วมีข้อความว่า "  ให้บริการ จอดรถ  แต่ไม่รับผิดชอบทรัพย์สินในรถ " ตรงนี้  เป็นเหตุเป็นผล    มีความหมายกับในกรณีนี้บ้างไหมคะ แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 50 09:26:08 จากคุณ : ผีเสื้อแสงจันทร์ ตะวันแสงดาว - [ 20 ต.ค. 50 09:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ขอรบกวนแตกประเด็นหน่อยครับ ถามด้วยความอยากรู้ "ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร และจะทำอย่างไรครับ" ขอแบบจริงใจนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : KwanGnawK - [ 20 ต.ค. 50 12:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 138 งานนี้ผมไม่เชื่อว่า น้ำจะท่วมแบบปุบปับได้แน่นอน ถึงฝนตกแรงแค่ไหนก็เถอะ น้ำมันจะต้องค่อยๆขึ้นมาแน่ๆ แล้วทำไม ร้านจึงไม่ยอมปิดเสียงเพลง แล้วเปลี่ยนมาเป็นการประชาสัมพันธ์เหตุด่วน คนที่มากินอาหารที่ภัตตาคารนี้ คงไม่มีใครเดินมากินหรอกครับ ไม่นั่งแท็กซี่ก็คงเอารถมาเองอยู่แล้ว ให้ผมมองเจตนาจริงๆ น่าจะเป็นแบบนี้ ฝนตกหนักมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างๆ ก็ไม่อยากที่จะเปียกและไปดู (ต่างคนต่างคิดว่า น้ำคงจะท่วมแหละ แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ทรัพย์สินเสียหาย) ดังนั้นเคสนี้ ถึงผมไม่ใช่นักกฎหมายก็เถอะ ก็พอมองภาพออกว่า มันเป็นสิ่งที่ทางร้าน ประมาทเลินเล่อ แน่นอน หรือไม่ก็ ละทิ้งหน้าที่ๆ ควรจะต้องทำ เปรียบเสมือน มีคนประสบอุบัติเหตุ แล้วมีหมอหรือพยาบาลอยู่ตรงนั้น(มีอุปกรณ์เบื้องต้นด้วย) แต่ไม่ยอมที่จะช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น จนทำให้บุคคลดังกล่าวเสียชีวิต ถึงแม้ว่าหมอและพยาบาลคนนั้นจะไม่ได้เป็นคนทำก็เถอะ ติดคุกนะครับ ในฐานะที่สามารถช่วยเหลือได้ แต่หลีกเลี่ยง ยังไงผมจะคอยติดตามเคสนี้ไปเรื่อยๆ จากคุณ : ปลาวาฬสีฟ้า..หางกุด - [ 20 ต.ค. 50 13:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 139 "ผมพยายามยกตัวอย่างให้ว่า   การที่บางคนบอกว่า  เด็กรถ โบกรถให้เข้าที่จอด  หรือ เปิดปิดประตูรถให้  แล้วบอกว่า เท่ากับต้องรับผิดในความเสียหายของรถ   ตอนฝนตก    มันก็เหมือนกับ  มีพนักงานเปิดประตู หรือพนักงานต้อนรับนำแขกไปโต๊ะ  หาที่นั่งให้   แล้วมีคนเข้ามาทำร้าย  หรือเข้ามาขโมยของ ตอนที่ลูกค้าไม่นั่งโต๊ะปล่อยกระเป๋าไว้ตามลำพัง   แล้วบอกว่า เขาต้องรับผิดชอบในความปลอดภัย   ลองคิดดูให้ดี เหมือนกันเป๊ะ  อำนวยความสะดวกและบริการลูกค้าเหมือนกัน  คนนึงยืนลานจอดรถ  คุณๆบอกว่า ต้องดูแลรถให้ด้วย  คนนึง ยืนหน้าประตู  ก็แสดงว่า ต้องดูแลในร้านด้วย    หากจะใช้ตรรกะเดียวกัน..." ^^^ ไม่เหมือนกันครับ ใช้ตรรกะแบบนี้ผมว่าไม่ถูกนัก พนักงานรับรถกับพนักงานต้อนรับ หน้าที่แตกต่างกันไม่ใช่หรือครับ? จากคุณ : PSYCHO GUN - [ 20 ต.ค. 50 14:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ถ้าคุณขับรถออกจากบ้าน  เพื่อนบ้านขออาศัยรถคุณไปตลาดด้วย   ระหว่างทางคุณขับรถเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น  ต่างคนต่างประมาท เพื่อนบ้านคุณขาหัก  คุณแขนหัก   ในที่สุดคุณถูกเพื่อนบ้านฟ้องต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งฐานละเมิด   ชดใช้ค่าเสียหายให้เพื่อนบ้านเต็มๆ ถ้ามองจากความรู้สึกของคนทั่วไป  คุณก็ซวยจริงๆ แต่ต้องพิจารณาต่อว่า   ทำไมกฎหมายถึงต้องให้คุณรับผิด ความรับผิดเรื่องละเมิดอันเกิดจากความประมาท  พิจารณาจากอะไร   กรณีตามเรื่องของจขกท.  ในความเห็นผม   ถ้านำสืบให้ศาลเห็นได้ว่า ลูกจ้างของทางร้าน  ซึ่งมีหน้าที่ดูแลบริเวณลานจอดรถ หน้าที่หลักคือหาที่จอดรถให้ลูกค้า   หน้าที่รองก็น่าจะต้องรวมถึงดูแลรอบๆรถของลูกค้าด้วย     เช่นถ้ามีรถคันอื่นมาเฉี่ยวชน   มีคนจะขโมยรถหรืองัดเอาสิ่งของในรถ   ลูกจ้างจะอยู่เฉยๆ  ไม่รู้ไม่ชี้ได้หรือไม่ เรื่องน้ำท่วมก็น่าจะทำนองเดียวกัน  หากมองเห็นน้ำค่อยๆมีระดับสูงขึ้น ซึ่งคนทั่วไปหากเห็นเช่นนี้ต้องรีบเคลื่อนย้ายรถ   เพราะกลัวรถเสียหาย แต่ลูกจ้างกลับรู้สึกเฉยๆ  ไม่รีบหาทางแจ้งเจ้าของรถซึ่งเป็นลูกค้าของร้าน ก็น่าจะต้องถือว่าประมาท   เพราะรู้อยู่แล้วว่าความเสียหายกำลังจะเกิดขึ้น   ยังปล่อยให้เกิดขึ้น   จะปัดความรับผิดว่าไม่มีหน้าที่  ก็คงจะฟังไม่ได้ แม้แต่กรณีรับคนขึ้นรถ   คุณไม่มีผลประโยชน์   ยังต้องรับผิดเลย ขอเป็นความเห็นส่วนหนึ่งแล้วกันนะครับ     คุณลูกแม่โดม  หลักการดี   แต่ในแง่ของการพิจารณาคดีในขั้นศาล   มีอะไรที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอีกมาก   ในมุมมองของทนายความอย่างผม  หากจะนำคดีขึ้นสู่ศาล   ถ้าข้อเท็จจริงยังไม่สามารถปรับกับข้อกฎหมายได้แน่นอน  หรือยังไม่ฎีกาสนับสนุนตรงๆ   ต้องว่ากันด้วยหลักกฎหมายเบื้องต้นก่อนครับ   แล้วค่อยว่ากันหลังจากจำเลยยื่นคำให้การสู้คดีอีกที แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 50 20:20:08 จากคุณ : เรือนปั้นหยา (พ่อปั้นหยา) - [ 20 ต.ค. 50 20:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 141 คห 139 ต่างกันอย่างไรครับ   พนักงานรับรถ หน้าที่  โบกรถให้เข้าไปจอด   พนักงานต้อนรับ  นำทางลูกค้าไปที่โต๊ะ   ทั้งสองคน ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกลูกค้า เข้าไปใช้บริการ ตอบคุณที่เข้ามาถามเรื่อง คำว่า  ให้บริการที่จอดรถ ไม่รับผิดชอบทรัพย์สินในรถ นะครับ   แม้ว่าจะมีข้อความเขียนไว้เช่นนี้  ผู้ให้บริการที่จอดรถ ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากความรับผิดไปได้ครับ  หากกรณีดังกล่าวตีความว่าเป็นการรับฝากทรัพย์ สำหรับความเห็นของคุณเรือนปั้นหยา นี่ล่ะครับ คือ สิ่งที่ผมต้องการจะบอก  อย่าไปใช้ความรู้สึกตัดสิน  เอาหลักกฎหมายก่อน แล้วจะได้ฟ้องอย่างรัดกุม  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่อง การรับฝากรถ  จะเขียนลอยๆ บอกว่า ถือว่าเป็นหน้าที  อย่างนั้นก็หวานหมู  ศาลตัดสินง่าย  และคนฟ้องก็เสียค่าใช้จ่าย เสียเวลา   แต่ท่านๆที่ผมลองถามเรื่องนี้ดู บอกว่า ดีครับ ทุกคนจะได้มีงานทำ ทนายได้รับงาน ศาลได้ค่าธรรมเนียม แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 50 20:59:40 จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 20 ต.ค. 50 20:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ผมไม่ได้เรียนกฏหมายมาเลยนะครับ (เคยแต่ในวิชาสังคม) ใช้ความรู้สึกคิด  การยึดมั่นแต่ในหลักกฏหมาย มันรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องจักรยังไงยังงั้น กฏหมายจะแยกออกจากความรู้สึกทางสังคมได้เหรอครับ  กฏหมายไม่ได้ร่างจากบรรทันฐานของสังคม จากวัฒนธรรม ประเพณี และศีลธรรมเหรอครับ ผมไม่อยากให้ยึดเพียงแต่ตัวบทกฏหมายมากเกินไป จนละเลยความรู้สึกของผู้เสียหาย เพราะทางร้าน สามารถป้องกันเหตุเกิดนี้ได้ แต่ไม่พยายามที่จะทำ ปล. ผมเข้าใจที่ คุณลูกแม่โดมว่านะครับ ว่าถ้าจะฟ้องต้องดูให้ดีๆ เพราะมันคือความเป็นจริืงของโลกใบนี้ ที่ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริง จากคุณ : EITHER - [ 20 ต.ค. 50 22:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ผมเดินหลงเข้ามาในศาลาประชาคมรึเปล่าครับ....อิอิ จากคุณ : ~<<traction_control>>~ - [ 20 ต.ค. 50 23:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 144 งั้นประเด็นก็อยู่ที่ว่า น้ำท่วมครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรือเปล่า คุณลูกแม่โดม... หากทางร้านทราบว่า บางคืนวันศุกร์ จะมีกลุ่มวัยรุ่น พกมีด เข้ามาแทงลูกค้าเป็นประจำ ทางร้านก็ยังไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่เตือนลูกค้า ไม่มีอาวุธในร้าน ไม่โทรแจ้งตำรวจ แม้จะเห็นว่า กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้น มารวมตัวกันที่หน้าร้านแล้ว สุดท้ายแล้ว กลุ่มวัยรุ่นนั้นก็บุกเข้ามาเหมือนปกติ และแทงลูกค้าปางตาย พร้อมได้ทรัพย์สินไปตามปกติ ปีนึงเกิดซัก 4-5 ครั้ง ถามว่าแบบนี้ ร้านต้องรับผิดชอบไหม??? เหตุเกิดภายนอก? คนมาปล้นร้าน ร้านไม่มีหน้าที่เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัย? ก็แค่ขายอาหาร ลูกค้าเข้ามากินบ่อย วันเสาร์ อาทิตย์ บางทีก็มาวันศุกร์บ้าง แต่ไม่ดึกขนาดนี้ อันนี้พอดีดึกพอเหมาะ.... ==================================== เปรียบเทียบกรณีลานจอด มากินบ่อย แต่ฝนไม่ตก หรือถึงตก ก็ไม่หนัก วันนี้ประจวบเหมาะ น้ำท่วมรถพังพอดี ทางร้านรู้อยู่แล้ว เพราะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ไม่เตือน เพราะกลัวเสียผลประโยชน์ อาจจะท่วมตั้งแต่สั่งกับข้าวไป 3 อย่าง เช็คบิลมา 200-300 บาท.... ====================== ปล. ไม่ใช่นักกฏหมาย แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 50 09:44:06 จากคุณ : Just Comment - [ 21 ต.ค. 50 09:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 145 1.พนักงานต้อนรับ นำลูกค้าเข้าไปนั่งที่โต๊ะแล้วสมมุติเกิดเก้าอี้ชำรุดหักลูกค้าก้นกระแทกกระดูกสันหลังเคลือนกรณีแบบนี้เจ้าของร้านต้องรับผิดชอบค่ารักษาหรือไม่??? 2.พนักงานรับรถ โบกรถลูกค้าเข้าไปจอดแล้วถูกน้ำท่วมเสียหายเจ้าของร้านควรรับผิดชอบค่าซ่อมหรือไม่??? ผมว่าถ้าข้อ 1 ร้านผิด ข้อ 2 ร้านก็ต้องผิดด้วยเหมือนกัน แต่ถ้า 1 ไม่ผิด 2 ก็คงไม่ผิดด้วยมั่ง จากคุณ : รถหรือคนก็เหมือนกัน - [ 21 ต.ค. 50 13:36:51 A:203.156.91.85 X: TicketID:125520 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ถึง คห 145 ครับ ข้อ 1 ผิดชัวร์ เป็นความรับผิดในสถานประกอบการ์ณครับ แต่ข้อ 2 ต้องตีความกันต่อครับ ลองอ่าน คห ผมบนๆ ดูครับ จากคุณ : แมวน้ำงื้ดๆ - [ 21 ต.ค. 50 14:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 147 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เปิดร้านอาหาร...อย่าทำที่จอดรถให้ลูกค้า จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ...อิอิ จากคุณ : TooNew - [ 21 ต.ค. 50 16:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 148 นานาทัศนะ ใครว่าร้านไม่รุ้ไม่เห็นไม่ได้ตั้งใจ ก็ไปอุดหนุนเขา ไม่เห็นค้วยก็ไม่ไปกินเขา เลือกเอาเอง เวรกรรมมีจริงนะ จากคุณ : XTRON - [ 21 ต.ค. 50 16:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 149 คดีนี้ ถ้าถามผมว่าฟ้องได้ไหม ฟ้องได้แน่นอนครับ แต่ฟ้องแล้วคนฟ้องจะแพ้หรือชนะ บอกไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับความสามรถของทนายที่ฟ้อง กับความสามารถของทนายจำเลย ที่เข้ามาต่อสู้คดี แต่เรื่องอย่างนี้ อย่างไงก็ต้องสามศาลแน่นอน ความเห็นในแง่ของกฎหมาย เถียงกันอย่างไรก็ไม่มีวันจบครับ แม้แต่ในองค์คณะของศาลฎีกา แทบจะทุกปัญหา ก็จะแบ่งความเห็นออกเป็นสองฝ่าย บางครั้งเรียกประชุมใหญ่ ความเห็นของทั้งสองฝ่ายเท่ากัน ต้องตัดสินกันที่ต้องให้ประธานมาเป็นคนตัดสินชี้ขาดก็ยังเคยมี คนที่เรียนกฎหมายมา จะรู้ดีว่า การถกเถียงกันในข้อกฎหมาย ทำให้ฉลาดขึ้นครับ แต่ต้องขัดแย้งกันแค่แนวความคิดนะครับ อย่าให้มีอารมณ์ลามไปในเรื่องอื่น จากคุณ : (เคยเรียนกฎหมายมาบ้าง) (ใช่แล้ว.....ผมเองครับ) - [ 21 ต.ค. 50 19:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ไม่มีความเห็น เพราะไม่รู้จริงครับ มีแต่ความรู้สึก ตามคุณธรรม แต่ก็ขอบคุณทุกท่านนะครับ ยอมรับว่าสนุก ได้ประโยชน์ แต่ก็ต้องเสียใจกับเจ้าของรถด้วยนะครับ จากคุณ : เดวิดเจียง - [ 21 ต.ค. 50 20:02:33 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ลงชื่อโหวตค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้ เพิ่มความคิดเยอะเลย จากคุณ : ชิวเทียน - [ 22 ต.ค. 50 05:33:10 ]

ความคิดเห็นที่ 152 ถ้าไปกินข้าว หรูซะขนาดนั้น อาหารแพงขนาดนี้ แล้วน้ำท่วมรถ ตอนเข้าไปพนักงานมาโค้งเปิดประตูให้ ตอนออกมาท่วมไปครึ่งคัน ไม่มีใครสน ไม่ไปดีกว่าค่ะ เสียดายเงิน เสียอารมณ์ ปล. แค่ความคิดเห็นจากคนธรรมดาคนหนึ่ง จากคุณ : Prednisolone - [ 22 ต.ค. 50 10:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ตามมาอ่านอีกที จากคุณ : cookiecompany - [ 22 ต.ค. 50 12:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 154 ตามมาอ่านอีกรอบ.....กลายเป็นกระทู้แนะนำไปซะแล้ว... แต่ขอไม่ออกความเห็นเพิ่มเติมอีก...เพราะผมแสดงความเห็นไปเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : เด็กข้างห้างฯ - [ 22 ต.ค. 50 13:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ต้องบอกว่า กระทู้นี้ ให้ความรู้เรื่องกฎหมายกับผมมากจริงๆ .........ขอบคุณครับ....... จากคุณ : Khoonnum - [ 22 ต.ค. 50 17:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 156 ร้านไม่รู้จริงๆรึเปล่าครับ มาตอบในนี้หน่อยได้ไหม จากคุณ : XTRON - [ 22 ต.ค. 50 18:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ฮ่าๆๆๆๆ สนุกจังเลยครับ สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนกฏหมายอย่างผม .. ไปกันใหญ่เลย .. ฮ่าๆๆๆ ยิ่งยกตัวอย่างเปรียบเทียบยิ่งสนุก .. ผมเห็นด้วยกับ 145 นะ .. ถ้ามีคนบ้าซักคน เดินเ้ข้ามาแทงลูกค้าตาย ...  เจ้าของร้านไม่ต้องรับผิดชอบ .. แต่ ... ถ้าเค้าปล่อยตัวออกมา ( สมมติว่าปล่อย  หรือยังไงก็แล้วแต่  มันออกมาได้อ่ะ )  แล้ว ก็ เดินมาแทง ลูกค้าร้านเดิมตายอีก .. แล้ววันนึง ... มันก็เดินมาจากไหนไม่รู้ .. มาแทงลูกค้าคนที่ 3 ตายอีก .. แล้ววันนี้ .. มันก็เดินมาอีก ...  เจ้าของร้าน  เด็กในร้าน ( ที่ผ่านเหตุการณ์ทั้ง 3 มา )  ไม่ทำไร  ไม่เตือน ไม่บอก .. ปล่อยให้มันมาแทงลูกค้าคนที่ 4.. ฮ่าๆๆๆ ....   แล้วบอกว่าไม่ผิด .. มันมาแทงของมันเอง.. ร้านปล่าวให้มันแทง .. สนุกจังเลย ..  ยิ่งอ่าน ยิ่งคิด  ผมยิ่งตลก .. ฮ่าๆๆๆๆ ปล.ปนเศร้าถ้าผมหรือ คนที่ผมรัก เป็นคนที่ 4 จากคุณ : ทุ่มเท - [ 22 ต.ค. 50 18:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 158 คุณลูกแม่โดม เป็นเพื่อนท่าน หรือแฟนท่าน  หรือนิติกรของท่านครับ หรือว่า เป็น "ท่าน" ผมรู้จักท่านหลายคน และมีบางคนมีรูปแบบไลฟสไตล์ในอินเตอร์เนต แบบคุณลูกแม่โดม ที่ถามเพราะ เห็นย้ำหลายครั้งว่า ท่านได้ถามท่านๆ หลายท่านแล้ว และท่านว่าอย่างโน้น อย่างนี้ ให้ร่างฟ้องแบบนี้ อย่าร่างฟ้องเป็นฝากทรัพย์ ( อันที่จริง ทนายคนไหนฟ้องฝากทรัพย์ ก็ควรไปทำงานอย่างอื่นดีกว่า ไม่อัพเดทฎีกาเลยนิ เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป ทั้งในแวดวงการศึกษา และการทำงาน) ไม่ฟันธงให้ไปเลยหล่ะครับ ข้อเท็จจริงพอที่จะฟันธงแล้วกระมัง อย่างนี้ มีปัญหาอะไร ผมพอฝากเรียนถามท่านได้มั้ย ช่วยกระซิบหน่อยว่า คดีมีทางสู้ได้ไหม  ถ้าถามได้คำตอบแบบกระซิบในกระทู้ จะได้ไม่เสียเงินจ้างพวกทนาย เป็นกุศลให้ผู้ไม่รู้กฎหมายอีกด้วย เสียดายที่พวกท่านที่เป็นเพื่อนผม ไม่ยอมบอกอะไรเลย เอาแต่ยิ้ม กิน แล้วก็เคี้ยว เปลืองจัง (แก้ พิมพ์ผิดพลาด ผิดหลงเล็กน้อย) แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 50 04:07:46 จากคุณ : gotjz - [ วันปิยมหาราช 04:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 159 โหวตครับ จากคุณ : Inlaw Man - [ วันปิยมหาราช 11:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 160 กลับมาอ่านอีกที.......ยาวเฟื้อย ....... จากคุณ : ลูกเป็ดตกมัน - [ วันปิยมหาราช 20:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ห้องรถ แต่ถกกฏหมาย ก็ดีครับ ห้องกฎหมาย ดันไปรวมกับการเมืองซะแล้้ว จากคุณ : โหน่ง side-N - [ 24 ต.ค. 50 01:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 162 น่าจะชนะนะครับ ลองคิดดูเล่นๆว่าทางร้านจะตอบคำถามเหล่านี้ว่ายังไง ทำไมรู้ก็รู้อยู่แล้วว่าน้ำมันจะท่วมรถแล้วไม่รีบไปบอกลูกค้า เสียหายก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้ามีรถชนกันในลานจอดรถโดยที่มีพนักงานเห็น ต้องรีบแจ้งลูกค้าหรือไม่ ถ้ามีคนบ้าเดินเข้ามาทุบทำความเสียหายแก่รถลูกค้าทีละคันๆ ต้องรีบแจ้งลูกค้าหรือไม่ หรือรอจนมันทุบเสร็จคันสุดท้าย โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ พนักงานไม่ต้องรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของลูกค้าหรอกครับ แค่คอยสอดส่องดูแลทรัพย์ของลูกค้าตามกำลังความสามารถและแจ้งเหตุให้ลูกค้าทราบโดยเร็วที่สุด แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว จากคุณ : S(2) - [ 24 ต.ค. 50 06:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 163 โหวต  ให้สังคมตัดสิน เป็นส่วนตัวว่าจะอุดหนุนเขาหรือไม่ ฟ้องร้องกันไปร้านอาจไม่ผิด เจ้าของรถผิดใช่ไหม ก็ไม่ใช่ใครผิดหว่า คิดเอาเอง จากคุณ : XTRON - [ 24 ต.ค. 50 10:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 164 เรื่องกฎหมายไม่ได้แยกต่างหากจากความเป็นธรรมนะครับ กฎหมายหลายๆ  เรื่องก็มีที่มาจากความยุติธรรม หมายถึงยุติด้วยความเป็นธรรม ท่านๆ ทั้งหลายโปรดพิจารณา จากคุณ : falsi - [ 24 ต.ค. 50 16:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 165 โหวตให้เรื่องนี้ทราบกันอย่างแพร่หลาย จะได้มีผู้มาให้ข้อมูล แสดงความเห็น นอกนั้นคงแล้วแต่วิจารณญานของแต่ละท่านครับ จากคุณ : THAMJAIRUK - [ 24 ต.ค. 50 21:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 166 อ่านแล้วตาลาย (เพิ่งเข้าห้องนี้เป็นครั้งแรก เค้ามีสาระกันขนาดนี้เลยหรือ วันๆเราก็อยู่แต่เฉลิม ดาราคนนู้น นักร้องคนนี้ มีความสุขกันสิ่งบันเทิง = =') แต่อ่านแล้วแบบ เสียใจอ่าค่ะ มันเอาผิดร้านไม่ได้จริงๆเหรอคะในแง่กฏหมายอ่ะ จริงๆน้ำท่วมแบบนี้น้ำมันคง "เพิ่มระดับขึ้นทีละนิด" คงไม่น่าสูงพรึ่บมาเหมือนสึนามิใช่ไหมคะ แล้วร้านจะอ้างว่าไม่คิดว่าจะท่วมสูงขนาดนี้ได้จริงๆเหรอคะ?? เพราะเค้าก็ต้องเห็นดิ(หมายถึงเด็กที่ลานจอดรถ)ว่าน้ำมันสูงมาครึ่งล้อแล้วนะ ท่วมล้อแล้วนะ ถึงประตูแล้วนะ บลาๆๆ อย่างงี้อ่ะ สงสัยค่ะ (ปล. เราไม่มีความรู้อะไรกับกฏหมายเลยซักนิดเดียวนะคะ เพราะยังเป็นนักเรียนม.ปลายอยู่ เรียนสังคมเรื่องกฏหมายคะแนนสอบก็แค่พอผ่าน) PS,แก้คำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 15:04:03 จากคุณ : nobodiiez - [ 25 ต.ค. 50 15:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ใครผิด ใครถูก ป. ป้า ไม่รู้ รู้แต่ว่าภัตตาคารนี้เสียหมาไปแล้ว เพราะความงี่เง่าในการควบคุมดูแลพนักงานดูแลรถ ส่วนในแง่กฎหมาย ป. ป้า ในฐานะที่ไม่ได้เรียนมาทางนี้เลย ขอบอกว่าถ้ากฎหมายเมืองไทยพิจารณาตัดสินให้เจ้าของร้านไม่ผิด ประเทศไทยก็ล้าหลังด้อยพัฒนามากๆ อันนี้ตอบในฐานะวิศวกรในมุมมองของคำว่า Make Sense คำว่า Make Sense ในประเทศที่เขาเป็นอารยะ เขาจะเข้าใจกันได้ง่ายๆ ส่วนในอนารยะประเทศก็จะมีคนประเภทศรีธนญชัยเยอะ หมายถึงคนไม่ดีหาเหตุปัดความรับผิดชอบโดยอ้างโน่นอ้างนี่ไปได้ การพิจารณาคดีความในระบบลูกขุนเขาจึงมีคนหลากหลายอาชีพเข้ามาประกอบรวมกันเป็นคณะลูกขุน เพื่อตอบคำถามไอ้คำว่า Make Sense เนี่ยแหล่ะ เพราะคอมมอนเซ้นต์ของคนๆเดียว เขาไม่เรียกว่าคอมมอนเซ้นต์ค่ะ ต้องหาคอนเซนซัสกันหน่อยกระมัง ปล. ต้องขอโทษที่ต้องใช้คำปะกิต เพราะนึกคำไทยที่มาอธิบายเรื่องนี้ไม่ออก ปล.1 อึ้งกับมิสตเตอร์ฟิวส์ม๊ากกกกมากค่ะ ชื่นชมๆ นึกว่าตอบเป็นแค่ เข้ามาดู อ่ะเอิ๊กส์ๆๆๆ จากคุณ : -=.Gay-E-Cha.=- - [ 23 ธ.ค. 50 13:59:11 ]