ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมคนในกทม. ถึงแสวงหา ไขว่ขว้าที่จะซื้อรถกันให้ได้ บางคนผ่อนกันจนลืมไปเลย ก็ทนผ่อน ผมเองค่อนข้างโชคดีครับที่ว่า หน้าบ้าน และที่ทำงานมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน ใช้เวลาเดินทางราวๆ 30 นาที.. นับจากตั้งแต่เดินออกจากหน้าบ้าน ไปจนถึงโต๊ะที่ทำงานครับ ผมเลยตัดสินใจขายรถ แล้วมาใช้ระบบขนส่งมวลชนแทน เพราะเดือนๆ นึงใช้จ่ายกับรถค่อนข้างมาก โดยเฉพาะค่าน้ำมัน บางทีก็เบื่อรถติด หาที่จอดรถไม่ได้ ค่าประกันรถ ค่าบำรุงรักษา ค่าจอดรถบางที่ก็แพงสุดๆ
แรกเริ่ม ก็คิดไว้ ไปทำงาน จันทร์-ศุกร์ ก็นั่งรถไฟฟ้าเอา ซื้อตั๋วเดือน BTS ก็ 600 บาท x2 ใบ.. ได้เดือนนึงพอดี รถไฟฟ้าใต้ดินก็ 900 บาทต่อเดือครับ ไปไหนไกลๆ ฝนตก มีของเยอะ กลับดึก.. รถไฟฟ้าไม่มี ก็นั่งแท็กซี่เอา วันหยุดอยากไปเที่ยวไกลๆ ก็เช่ารถ เอา
เดือนๆ หนึ่งเหลือเงินเยอะเลยครับ (เงินเดือนผมราวๆ 3x,xxx บวกรายได้อื่นๆ 5,xxx ) ก็สบายๆ ครับ ค่าใช้จ่าย ก็มีแค่ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ไม่มีหนี้สินอะไรให้ผ่อน.. กะว่าขายรถ แล้วจะเก็บไว้เงินดีกว่า (เริ่มงกละ)
แต่..
2 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่เป็นดังที่คิดเลยครับ รถไฟฟ้า BTS ตอนเช้าๆ คนแน่นมาก ต้องอาศัยว่าตื่นเช้าหน่อย ไม่งั้นกว่าจะได้ไปก็หลายรอบเลย ขึ้นไปก็เห็นปัญหาเดิมๆ ครับ คนไม่ค่อยขยับเข้าไปด้านในสักเท่าไหร่ ทำให้เข้าลำบาก โดยเฉพาะบริเวณตรงประตูทางออกอีกฝั่งที่ไม่ได้เปิดประตู คนจะไม่ค่อยขยับเข้าไป เจอคนแบกเป้แล้วไม่ค่อยระวังบ้าง น้องๆ นักเรียนเหงื่อซกๆ กลิ่นไม่พึงประสงค์ เจอคนชอบยืนพิงเสาบ้าง ยืนขวางประตูบ้าง ไม่เข้าคิวเวลาขึ้นบ้าง รถเวลาวิ่งมันแกว่งๆ พิลึก ไม่หาที่จับไม่ได้เลย จะล้มเอา เอ้อ สารพัด แต่สาวๆ น่ารักดีครับ อิอิ......
พอมาต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน เออ. น่าจะดีที่สุดแล้วมั้งครับ เพราะแม้ว่าจะแน่น แต่คันมันใหญ่ เข้าได้อยู่ อีกอย่าง แม้ว่าเราจะไม่เกาะอะไร ก็ยังยืนได้อยู่ครับ ไม่ค่อยแกว่งเหมือนรถ BTS แต่พักหลังๆ นี่จะเจอแบบว่า รถไฟคันที่จะวิ่งเข้าสถานีจะไม่จอดรับผู้โดยสาร ให้รอรถคันถัดไปซะงั้น..
วันไหนผมต้องไปทำธุระไกลๆ หรือมีของเยอะก็จะใช้แท๊กซี่ครับ ขึ้นรถไฟใต้ดินไม่ไหว แทบจะต้องนั่งแกะของให้ดู แต่ก็เข้าใจ เพื่อความปลอดภัย.. เฮ้อ..แท๊กซี่นี่ เวลาฝนตกไม่ค่อยไปกัน เรียกแล้วไม่ไปบ้าง ขึ้นไปแล้ว เจอรถเหม็นๆ ออกเปรี้ยวๆ บ้าง ทั้งที่สภาพภายนอกใหม่สุดๆ บางคันรู้เลยครับว่าเพิ่งสูบบุหรี่มา พวกนี้ไม่เท่าไหร่เรื่องกลิ่นพอไหว บางคันขับแบบเร่ง แล้วเบรค ตลอด เวียนหัวโคตร บางคันก็ขับปาดไปปาดมา น่ากลัว รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ปลอดภัยเลยครับ แต่ก็มีบางคันที่ดีนะครับ สองเดือนนี้ผมเจอแค่ 2 คันเอง ที่ขับดี แอร์เย็น รถสะอาด นอกนั้นไม่ได้เรื่อง
นอกจากนี้ผมยังลองขึ้นรถเมล์ด้วยครับ เดี๋ยวนี้ค่าโดยสารแพงจังนะครับ ได้ข่าวว่าขึ้นอีกแล้ว โอ้.. เมื่อวานจังๆ คนยังขึ้นกันไม่เสร็จเลย คนข้างหลังผมกำลังจะขึ้น พี่ท่านออกซะแล้ว โชคดีที่กระเป๋าเห็น เลยตะโกนบอกคนขับ แต่โชคร้ายครับที่คนขับพูดเชิงตำหนิ ว่าเมิงขึ้นมาทำไม ตรูจะไปแล้ว ตอนลงโอ้ ได้ลงนอกป้ายพี่ เพราะป้ายรถเมล์มีแท๊กซี่จอดขวาง รวมถึงรถตู้ด้วย แต่รถเมล์ก็ไม่ยอดไปต่อตูด จอดกลางถนนซะงั้น ตอนกลับลองอีกที ใกล้ถึงป้ายเหมือนจะไม่จอด เพราะวิ่งขวามาตลอด ใกล้ๆ ถึงปาดซ้ายเข้า โอ้..
วันหยุดจะไปเที่ยว.. เช่ารถดีกว่า เหมือนจะสะดวก แต่ก็ติดปัญหาที่บางที รถที่เราต้องการดันไม่มี ส่วนใหญ่จะเหลือที่แพงกว่าทั้งนั้น การรับและส่งรถ ก็ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขเวลา ถ้ากลับดึกๆ ก็นับข้ามเป็นอีกวัน เหมือนจะไม่แพง แต่รวมๆ แล้ว เอาเรื่องเหมือนกันคับ และรถเช่าราคาไม่แพงส่วนใหญ่ จะเป็นรุ่นที่ไม่ค่อยเน้นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเท่าไหร่ครับ ขับไปก็ต้องระวังน่าดู โดยรวมดีตรงที่ไม่ต้องเสียค่าดูแลนี่แหละ
สุดท้าย..
เดือนหน้านี้ ผมคงซื้อรถแล้วครับก็ไปดูในงาน motor expo นี่แหละ กลับไปใช้แบบเดิมดีกว่า ไม่ใช่กลัวลำบากหรอกครับ แต่ผมห่วงชีวิตผมมากกว่า รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย และคิดว่าคงไม่มีใครมาจัดการเรื่องพวกนี้ให้ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราที่รับผิดชอบเรื่องพวกนี้ ปกติท่านๆ ก็ไม่ใช้กันอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นจะเร่งรีบมาแก้ไขปัญหาอะไร ยังไงก็ไม่เดือดร้อน
พอดีกว่า เขียนมาซะยาวเลย ใครมีประสบการณ์เหมือนๆ ผมบ้าง มาแชร์กันได้ครับ
จากคุณ :
doreamon 
- [
15 ต.ค. 50 10:12:39
]
เพิ่งขายรถไปได้ 2 เดือน รู้ซึ้งถึงระบบขนส่งมวลชนในบ้านเรา (สุดๆ) เดือนหน้าจะซื้อรถใหม่ กลับมาใช้รถส่วนตัวเหมือนเดิมดีกว่
... เข้ามาดู
