ความคิดเห็นที่ 1 ทำใจค่ะ.. ถ้าคุณไม่จ่าย คุณก็ต้องไปไล่เบี้ย กับทางญาติคุณนะค่ะ.. --" หรือไม่ก็ขอประนอมหนี้ ว่าคุณสามารถจ่ายได้เดือนละเท่าไหร่ .. เห้อ..... จากคุณ : TsuTaYa - [ 18 ต.ค. 50 16:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่อยากเป็นหนี้ แล้วไปค้ำทำไมครับ   การค้ำประกัน เท่ากับ ยอมรับภาระเอาตัวเข้าผูกพันเป็นหนี้ ในกรณีที่ลูกหนี้ผิดนัด  โดยส่วนใหญ่ เขาเขียนให้รับภาระเหมือนลูกหนี้กันเลยทีเดียว โดยเฉพาะที่คุณบอกว่า   .....แต่เราไม่ยอมผ่อนบอกให้ไปยึดเถอะ..รถก็ไม่เห็นใช้ที่ไหนก็ไม่รู้ยังจะมาให้ผ่อนอีกเดือนละ 8พันกว่าบาท.......... นี่ล่ะครับ ที่ผมบอกว่า เป็นเหตุผลส่วนตัวของแต่ละคน และมักจะคิดว่า เหตุผลนี้ เป็นเหตุผลที่ใช้ได้   แต่ทางกฎหมายมันใช้ไม่ได้ครับ เพราะคุณทำให้เจ้าหนี้เสียหาย   เนื่องจากเขาไว้เนื้อเชื่อใจคุณว่าคุณจะจ่าย ในกรณีที่ลูกหนี้เบี้ยว   คุณเล่นพูดอย่างนี้   ก็จะมีการค้ำไปทำไมล่ะครับ ท้ายทีสุด  ก็หนีไม่พ้น  ยังไงก้ต้องชำระหนี้อยู่ดี ทางที่ดี ก็หาทางประนีประนอม กับเขา  และผ่อนชำระไปจนหมด  แนะนำได้แค่นี้ครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 18 ต.ค. 50 16:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเขาไม่จ่าย เราก็ต้องจ่ายแทนครับ เพราะเราเป็นคนค้ำ คิดซะว่าเป็นความซวยก็แล้วกันครับที่ไปไว้ใจคนกันเอง เสียใจด้วยจริงๆครับ จากคุณ : april12_lvp - [ 18 ต.ค. 50 16:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าต้องจ่ายจริงๆ ก็คุยกับเค้าครับ  มันมีทางออกเสมอแหละครับไม่จำเป็นต้อง 7 วันหรอก  แต่เค้าบอกเพื่อให้เราเตรียมพร้อมรับมือน่ะครับ ป.ล.ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้นะ จากคุณ : foduck - [ 18 ต.ค. 50 16:33:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ... ความซวย ก้อนโต เลยครับ ... จากคุณ : ZANIKU - [ 18 ต.ค. 50 16:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ควรเจรจาลดหนี้ลงมาให้ได้มากที่สุด แล้วมาบังคับ พี่สะใภ้ กับ น้องๆมาชำระเสีย จากคุณ : นที - [ 18 ต.ค. 50 16:48:52 A:125.27.119.32 X: TicketID:072386 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆทีแรกน่าจะให้ไฟแนนซ์ส่งต่อมาให้เรา แล้วเราเอารถไปขายเต๊นท์มาจ่ายให้กับไฟแนนซ์ น่าจะมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มน้อยกว่านี้นะ เพราะรถที่เค้ายึดแล้วไฟแนนซ์ไปขายต่อเองส่วนใหญ่จะกดราคาครับ ทำให้ส่วนต่างมันมากกว่าปกติ เคยมีกรณีรถคันนึงยี่ห้อยอดนิยมในตลาด คนผ่อนผ่อนได้3ปีกว่า แล้วผ่อนต่อไม่ไหว คนค้ำก้อเลยให้ไฟแนนซ์ไปยึดรถมาแล้วคนค้ำบอกว่าจะส่งต่อเอง แต่คนค้ำเอาไปขายเต๊นท์ แล้วไปโปะชำระไฟแนนซ์ส่วนที่เหลือประมาณ10กว่างวดแล้วยังมีเงินเหลือเข้ากระเป๋าคนค้ำอีกเกือบแสนครับ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 17:05:02 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 17:03:23 จากคุณ : BBQ - [ 18 ต.ค. 50 17:03:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อย่าพึ่งเซ็นต์รับกับไฟแนนท์ ลองหาข้อมูลในนี้ก่อนครับ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาล ยอดหนี้ที่ชำระจะได้ลดลงมา จากคุณ : keab (keab_h) - [ 18 ต.ค. 50 17:11:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มีเวปเกี่ยวกับคนเป็นหนี้พวกนี้นะครับ  ลองหาดู  ทุกอย่างมีทางออก แล้วคุณก้ต้องไปไล่เบี้ยเอากับน้องสาวน้องเขยพี่สะใภ้คุณด้วย จากคุณ : หัวหยิกหน้ากร้อคอสั้นฟันเหยิน - [ 18 ต.ค. 50 17:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มันก็ทำใจยากนะ จะปฎิเสธ ญาติ ในเรื่องแบบนี้ - -" แบบนี้ต้องตามจิ๊กพี่สะใภ้ แหล่ะครับ หักเป็นหัก จากคุณ : ห้ามจอด (ห้ามจอด) - [ 18 ต.ค. 50 17:30:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ญาติ พี่น้องกัน ยังทำกันได้.... จากคุณ : บุญมีแต่กรรมบัง - [ 18 ต.ค. 50 17:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 :) มารับฟังการบ่น ด้วยคนคร๊าบ แย่จังเน๊อะ... เหมือนเอา EOS 5D +24-105/4L มาทุบทิ้งเลยอ่า จากคุณ : ThinkMan - [ 18 ต.ค. 50 18:00:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มันยังพอมีช่องทางครับ อันดับแรกเลย รถถูกยึดไป เขาเอารถไปประมูลขายทอดตลาด เขาได้ติดต่อคุณ หรือ มีจดหมายมาหาผู้เช่าซื้อไหม? ถ้าไม่มี กรณี เคสแบบนี้คุณต้องสู้ไปว่า ตัวคุณเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการขายทอดตลาดครั้งนี้ เขาต้องเปิดโอกาสให้คุณไปซื้อคืนมา  มิใช่เอาไปขายแล้วมาเรียก เงินจากเรา ถ้าคุณรู้ว่าจะต้องจ่ายถึงแสนสอง คุณเอาไปขายเองหรือไม่ก็หาเงินมา มาจ่ายงวดที่ค้างไม่ดีกว่าหรือ? อ๋อ! ที่สำคัญคุณต้องไปไล่ดูราคา มูลค่ารถคันนี้ในตลาด ว่าที่เขาขายไปนั้น ราคามันใกล้เคียงกันไหม? ใจเย็นๆ ค่อยๆแก้ ปัญหามีให้แก้ไข....คนบางคนเขาติดหนี้เป็นแสนล้านบาท เขายังฟันฝ่ามาได้เลย /// จากคุณ : ข้าวก่ำ - [ 18 ต.ค. 50 19:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 น่าจะมาถามที่นี่ก่อนนะครับ เพราะ เราให้ ไฟแนนซ์ ไป ยึดมาให้เราได้ครับ ตกลงกันได้ว่าแล้วเราจะขายไป หรือ เอาไว้ใช้เอง ก็ได้ สบายๆ น่าเสียดายๆ จากคุณ : NightWolf - [ 18 ต.ค. 50 19:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าเป็นรถใหม่ ผ่อนไม่ถึงปี ส่วนใหญ่จะขาดทุน เพราะเมื่อกลายเป็นมือสองราคาก็ตกลงไป 20-30% + หนี้ดอกเบี้ยและค่าปรับและค่าอะไรก็ตามที่เค้าอ้าง จึงทำให้เป็นหนี้เพิ่มอีก เอาง่ายๆ คุณลองไปถอยรถใหม่เงินสดออกมา อีก 6 เดือนลองเอาไปขายดูว่าจะเหลือเงินกลับมาเท่าไร หายไปเป็นแสนแน่นอน ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ หาคนซื้อยากกว่ารถมือหนึ่งอีก หากต้องการปล่อยไวมีแต่กดราคาลงครับ จากคุณ : xero (xero) - [ 18 ต.ค. 50 21:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แพงกว่า3ห่วงผมอี๊กก. จากคุณ : HMOM - [ 18 ต.ค. 50 21:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #13 ถูกนะครับ ลองเช็คดูก่อน ว่าขายได้ราคานั้นจริงไหม จริงๆ แล้ว ถ้าขายทอดตลาด ประมูล เค้าต้องเรียกเราด้วยนะครับ จากคุณ : Jade - [ 18 ต.ค. 50 22:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตาม คห.13 ครับ โดยปกติถ้ามีการยึดทรัพย์สิน ลูกหนี้มีสิทธิ์จะได้ประมูลทรัพย์สินนั้นครับ ถึงแม้รถที่ยึดไปและขายในราคาที่ใกล้เคียงตลาดแล้วยังไม่พอพวกค่าปัญญาอ่อนที่มันอ้างจะเก็บเรา คงต้องยอมจ้างทนาย คาดว่าไม่ควรเกิน 20000 บาท (เพราะเคสนี้คุณไม่ผิดค่าทนายไม่ควรแพงกว่านี้) ดำเนินเรื่องในลักษณะประนอมหนี้และขอความเมตตาจากศาล เนื่องจากคุณให้ความร่วมมือในการชำระหนี้ เงิน 120000 โอกาสที่จะต้องจ่ายต่ำมากครับ แต่เราต้องดำเนินเรื่องสู้หน่อย จากคุณ : FFF - [ 19 ต.ค. 50 02:21:29 A:58.8.116.123 X: TicketID:114299 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่มีจดหมายอะไรมาแจ้งเลยนะเรื่องขายรถเนี่ย มีจดหมายแจ้งเรื่องค่างวดที่ค้างชำระ 2 งวด แล้วก็มีคนโทรมาหาว่าให้ตามคนซื้อให้เพราะจะไม่ต่อสัญญา แต่ยึดไปตอนไหนไม่รู้ ไม่มีจดหมายไม่มีการโทรแจ้ง แล้วไปขายตอนไหนก็ไม่รู้... หรือเราเป็นคนค้ำถ้าเอาไปขายเค้าไม่ต้องแจ้ง จะแจ้งเฉพาะคนซื้อหรือเปล่า....งงอยู่เหมือนกัน จริงๆเราไม่อยากจะค้ำหรอกค่ะ เราปฏิเสธไปแล้วว่าเงินเดือนน้อย (หมื่นกว่าๆเอง) มีหนี้ส่วนตัวอยู่บ้าง (พวกบัตรของเราเอง) และเราก็ไม่ได้เป็นเจ้าบ้านด้วย แต่พี่ชายบอกว่า Statement ของพี่สะใภ้ดี มีเงินหมุนเยอะ(ขายของ) ไฟแนนซ์อนุมัติแล้วชัวร์ แค่ให้มีคนทำงานประจำค้ำเท่านั้นเอง แล้วเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ก็วิ่งมาให้เซ็นต์ชื่อถึงที่ทำงานเลยค่ะ (นครปฐม) เรายังว่าทำไมมันปล่อยง่ายจังนะ จากคุณ : จขกท (nongfasai) - [ 19 ต.ค. 50 07:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จริง ๆ แล้วการที่เค้ายึดรถไปขายทอดตลาด จะต้องแจ้งมายัง ผู้ซื้อและผู้ค้ำด้วย เพื่อให้ไปรับทราบราคาการประมูล หากไม่ พอใจในราคาที่ประมูลสามารถคัดค้านได้ ในกรณีนี้หากคุณไม่ ได้รับแจ้ง น่าจะแสดงว่าไฟแนนซ์ต้องมีอะไรลึก ๆ แล้วละครับ ตามที่ทุกท่านแนะนำครับ หาให้ได้ว่าใครประมูลและได้ประมูล ไปในราคาเท่าไร แล้วใช้เป็นข้อมูลต่อสู้ในชั้นศาลดีกว่า อย่าไปจ่าย ให้ไฟแนนซ์ เพราะโอกาสที่คุณจะชนะมีมาก ถึงยังไงก็จ่ายนิดหน่อย เท่านั้นครับ จากคุณ : รากราคะ - [ 19 ต.ค. 50 08:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พ่อเรา กำลังจะมีชะตากรรมแบบ จขกท เลย จากคุณ : ^Antz^ - [ 19 ต.ค. 50 09:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องค้ำประกันนี่สำคัญเลยครับ ที่บ้านก็เคยบอกไว้ว่าเรื่องนี้ห้ามเด็ดขาด จากคุณ : P910i - [ 19 ต.ค. 50 10:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอาใจช่วยครับ ค้ำประกันให้ญาตินี่แหละตัวดีเลย ไม่ค้ำก็หาว่าไม่มีน้ำใจ ญาติกันแค่นี้ช่วยกันไม่ได้ พอมีปัญหา ก็บอก โง่เองนี่ ไม่ได้มีใครเอาปืนจี้บังคับให้เซ็น ทุกทางย่อมมีทางออกครับ แต่จะจ่ายน้อยหรือจ่ายมาก ยังไงยังเอาเรื่องไฟแนนซ์ขายรถไม่แจ้งมาเป็นข้อต่อรองได้ครับ จากคุณ : Rath - [ 19 ต.ค. 50 13:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อย่าจ่าย อย่าเซ็นนะครับ ขั้นตอนคือ - เขาต้องฟ้องเอาเงินคืนจากคนซื้อก่อนนะครับ ถ้าเขาไม่จ่าย ก็ต้องฟ้องล้มละลายนะครับ - ถ้าคนซื้อล้มฯ ไปแล้วถึงมาฟ้องเรียกเงินจากเรานะครับ ลองไปปรึกษาทนายดูนะครับ จอหมายเรียกเก็บเงินก็เก็บๆ เอาไว้นะครับ กว่าเขาจะฟ้องกันเสร็จกับผู้ซื้อ เป็นปีนะครับ รอหมายศาง แล้วให้ศาลนัดไกล่เกลี่ยจะเสียเงินน้อยสุดนะครับ ที่สำคัญ อย่าเซ็นเอกสารไดๆ จากทางบริษัท โดยไม่ปรึกษาทนายนะครับ จากคุณ : ekv - [ 19 ต.ค. 50 15:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 25 กำลังจะอ้าปากบอกว่า  อย่าๆๆๆให้เขายึดไปนะ..................(น่าจะมาโพสที่นี่ก่อน เซ็ง )ไม่ทัน เคสนี้ถึงอย่างไรก็คงต้องชดใช้ครับ ถ้าเรื่องขึ้นศาลก็นานหน่อยแหละ แต่ระวังนะถ้าศาลให้คุณชดใช้ ดอกเบี้ยมันจะตามมาด้วย ตามความนานของคดี --- ตามความเห็นที่ 13 ครับดูจะมีทางออก นาทีนี้หลังชนฝาแหละ ไม่รู้ว่าคนที่ซื้อไปพวกเดียวกันหรือเปล่า ขายถูกกว่าราคากลาง  ไม่แจ้งขายทอดตลาดให้เราทราบ มันเป็นสิทธิ์ที่เราจะรู้กฏหมายก็เอื้ออยู่แล้วเรื่องนี่ ฉะนั้นพอมีหวังว่ารถนั้นถูกขายโดยไม่สมบูรณ์ สุดท้ายคุณคงต้องหาเงินมาชดใช้อยู่ดี  //  พี่สะใภ้  น้องสาว  น้าเขย  คุณ  120000 /4 = 30000  ครับ  แต่งานนนี้คุณรับเต็มๆ  //หรือโทรไปหาเขาประนอมหนี้แบ่งจ่าย มันยอมอยู่แล้ว เพราะเรื่องถึงศาลกว่าคดีจะจบนาน เผลอวุ่นวายอีกหากการขาย การยึดรถ มันเล่นไม่ซื้อแต่ต้น จากคุณ : www (nawinh) - [ 19 ต.ค. 50 18:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 19 ต.ค. 50 18:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คห 24 ครับ กรุณาอย่าแนะนำเช่นนี้ครับ ผิดอย่างร้ายแรง ไม่จำเป็นที่เขาต้องไปไล่เบี้ยคนซื้อก่อนครับ   ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันได้สละสิทธิเกี่ยงของตัวไปแล้วตั้งแต่เข้าทำสัญญาค้ำประกัน  และส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อย  ได้สละสิทธิไปแล้วแน่นอน จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 20 ต.ค. 50 20:33:46 ]