วันเสาร์ที่ 21 พ.ค. 2548 ภรรยาของผม ได้ขับรถเก๋งส่วนบุคคล มีบุตร 2 คนเป็นผู้โดยสาร คือ บุตรสาวอายุ 10 ขวบและ บุตรชายอายุ8ขวบ
เกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนขั้นที่ 2 บริเวณ กม.ที่ 22+300 หน้าวัดบัวขวัญขาเข้า
ด้วยสาเหตุที่มีสิ่งของที่ตกจากรถที่ใช้ทางด่วนกีดขวางเส้นทาง
บุตรสาวได้รับบาดเจ็บแขนหัก ส่วนบุตรชายต้องเข้าห้องICUเนื่องจากขาหัก ฐานกะโหลกร้าว สมองบวมและตาซ้ายบอด
สิ่งของนั้นคือ ผ้าห่มนวม ขนาด 1.5*1.7 เมตร
ผมคาดว่ารถเสียหลักเพราะลื่นไถลขณะหักหลบ จึงมีสติที่จะหลบเนื่องจากขับมาไม่เร็ว
ภรรยาผมยืนยันว่าไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน เพราะถ้าเร็วกว่านี้คงต้องชนหรือทับไปเลย
แต่เนื่องจากผ้าห่มที่ม้วนเหมือนเสื่อพาดขวางกลางถนนที่เลนกลางของทางด่วน จึงหลบไม่พ้น และผ้านวมมีความหนาจึงลื่นไถล
ขณะนี้ฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายที่ศาลแพ่ง
เนื่องจากพบว่ามีการปล่อยให้รถที่บรรทุกไม่เรียบร้อยขึ้นใช้ทางด่วนตลอดเวลา 24 ชั่วโมงโดยไม่เข้มงวดในการป้องกัน
ศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้อง เนื่องจาก
-ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า สิ่งกีดขวางนั้นตกหล่นจากรถที่ผิดระเบียบ
-ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า สิ่งกีดขวางนั้นตกหล่นในเวลาใด นานเท่าใด
จึงไม่พิจารณาประเด็นอื่นๆ
ประเด็นที่จะบอกกล่าวกับเพื่อนๆพันทิพก็คือ ผมพบพิรุธดังนี้ครับ
เจ้าของทางด่วนและผู้รับสัมปทาน ทำหลักฐานเท็จในรายงานอุบัติเหตุ TR 041 ว่า
ไม่มีสิ่งกีดขวาง .................ตอนแรกพวกมันปฏิเสธไม่มี แต่ ผมมีพยานเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทางด่วนเก็บไป และถ่ายรูปมาได้
มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย............ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ทางด่วนตามไปที่โรงพยาบาล และเห็นลูกผมขาหัก แขนหัก เข้าห้องICU
ถนนเป็นทางลาดขึ้น...........พวกมันระบุเป็นทางตรง
คาดว่าขับรถเร็วเกินไป.......มันปฏิเสธว่าไม่มีภาพบันทึกไว้
(นอกจากนี้ยังมีเอกสารเท็จอื่นๆอีก ที่ถูกทำขึ้นมาภายหลังเพื่อที่จะพยายามให้สอดคล้องกัน แต่การทำของปลอมย่อมมีพิรุธให้จับได้ครับ)
ตำรวจเจ้าของคดี สภอ.ปากเกร็ด ไม่ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและไม่เคยไปพบผู้ขับขี่และผู้บาดเจ็บ
ผู้ขับขี่และผู้บาดเจ็บก็ไม่เคยมาพบตำรวจ ไม่เคยเซ็นรับข้อกล่าวหาที่สภอ.ปากเกร็ด และไม่เคยจ่ายค่าปรับ
แต่กลับมีหลักฐานการแจ้งข้อกล่าวหาว่าผู้ขับขี่ประมาท และ มีใบเสร็จค่าปรับ 500 บาท โดยมีการปลอมลายเซ็นนางจิราพรผู้ขับขี่
เจ้าของทางด่วนและผู้รับสัมปทาน จึงอ้างเป็นเหตุไม่รับผิดชอบ
ตำรวจเคยให้การไว้ที่ คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ว่า
ไม่ทราบว่ามีสิ่งกีดขวาง ไม่ทราบว่ามีคนเจ็บ จึงทำคดีเหมือนเป็นอุบัติเหตุทั่วไป
แต่มันให้การต่อศาลว่า ได้ตามไปที่โรงพยาบาลแต่ไม่พบ และภรรยาผมเป็นผู้ไปพบมันที่โรงพัก และจ่ายค่าปรับเองด้วย
หลังจากขึ้นศาลและมีการสืบพยานหลายปากจึงสามารถสรุปเรื่องได้ว่า
เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วน
เจ้าหน้าที่ทางด่วนจะรีบมาเก็บหลักฐานต่างๆไปซ่อน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยของทางด่วนจะเป็นผู้จัดการเคลียร์เส้นทางและทำบันทึกหลักฐานเท็จดังกล่าว
ประสานงานกับตำรวจเพื่อร่วมมือกันบิดเบือนคดี โยนความผิดให้ผู้ขับขี่ โดยการปลอมลายเซ็น แล้วเป่าคดี
-เคยร้องเรียนที่กรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎรแล้วแต่มีการยุบสภาเรื่องจึงไม่จบ(มีสำเนาเอกสาร) ตั้งแต่ปลายปี 48
(รองผู้ว่าการของการทางพิเศษ พูดในที่ประชุมว่า กรรมาธิการไม่มีอำนาจที่จะมาสั่งการใดๆได้)
-เคยร้องเรียนที่ผู้ตรวจการรัฐสภา และผู้ตรวจการรัฐสภาดำเนินการตามมาตรา 30 เสนอแนะไปที่กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ปลายปี 49
(ฝ่ายกฎหมายของการทางพิเศษ บอกว่าไม่ได้ดำเนินการใดๆหลังได้รับคำเสนอแนะและไม่จำเป็นต้องรายงานผลการดำเนินการด้วย)
ใครประสบอุบัติเหตุบนทางด่วนแล้วคิดว่าจะมีผู้รับผิดชอบง่ายๆ ก็ลองพิจารณากันดูนะครับ
เนื่องจากผมดำเนินการต่างๆ ทุกช่องทางจนแทบหมดแรงแล้ว และศาลชั้นต้นยกฟ้องด้วย
วันนี้ 8 พ.ย. 50 ยื่นอุทธรณ์ไปแล้วครับ
คัดบางส่วนของคำพิพากษามาให้อ่านกันครับ
เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆบ้าง
".......พยาน หลักฐานของโจทก์ทั้งสามยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะให้รับฟังข้อเท็จจริงได้อย่างแน่ชัดว่า ผ้านวมผืนใหญ่ตกหล่นจากรถยนต์ต้องห้ามตามกฎระเบียบกำหนดมาตรการดังกล่าวของจำเลยที่ ๑ ตามที่โจทก์ทั้งสามกล่าวยืนยันข้อเท็จจริงในคำฟ้อง เพราะข้อเท็จจริงเป็นไปได้เช่นกันว่า ผ้านวมผืนใหญ่อาจจะตกหล่นจากรถยนต์ประเภทอื่น........"
".......ส่วนในเหตุประการที่สอง จากพยานหลักฐานที่โจทก์ทั้งสามนำสืบไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผ้านวมผืนใหญ่ตกหล่นอยู่ในช่องทางเดินรถช่องที่ ๒ ตั้งแต่เวลาเท่าใดและตกหล่นอยู่นานเท่าใด เพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่า จำเลยทั้งสองปล่อยปละละเลย......."
".......ในขณะที่จำเลยทั้งสอง นำสืบข้อเท็จจริงร่วมกัน......."
"........ข้อเท็จจริงที่ได้ความจากทางนำสืบของจำเลยทั้งสองแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองได้ใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่ในการป้องกันรักษาความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจรในทางพิเศษแก่ผู้ใช้ทางพิเศษอย่างเพียงพอเท่าที่บบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว........"
".......จึงยังรับฟังข้อเท็จจริงไม่ได้ว่า เหตุที่เกิดเป็นเพราะความประมาทของจำเลยทั้งสอง ตามที่โจทก์ทั้งสามกล่าวอ้างในคำฟ้อง........"
".......พิพากษายยกฟ้องโจทก์ทั้งสาม........"
ไม่แน่ใจว่าเปิดเผยชื่อผู้พิพากษาได้หรือไม่?????
หลังจากมีคำพิพากษาออกมาแล้ว ผมได้สังเกตว่า
บนทางด่วนกลับมามีรถที่ดูแล้วน่าจะเกิดอันตรายมากขึ้น
มีของตกหล่นบนทางให้เห็นมากขึ้น
เมื่อสอบถามที่การทางพิเศษ ก็ได้ความว่า
ศาลได้พิพากษาแล้วว่าการทางพิเศษและผู้รับสัมปทานไม่ได้ประมาท
จึงไม่จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขใดๆ ในการป้องกันอุบัติเหตุให้มากไปกว่าเดิม
เนื่องจากทำได้ดีเพียงพอเท่าที่จำเป็นแล้ว
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 50 11:16:07
แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 50 14:26:23
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 50 17:29:55
จากคุณ :
ไม่แหลม
- [
24 ต.ค. 50 12:52:01
]