PANTIP.COM : V5981538 ในกรณีอย่างนี้ ประกันไม่ต้องจ่ายเลยเหรอครับ [รถ-ประดับยนต์]

ในกรณีอย่างนี้ ประกันไม่ต้องจ่ายเลยเหรอครับ

บ.วิระยะประกันภัย.... บริษัทประกันที่เห็นแก่ตัวมาก+แย่มากๆ
> >> เนื่องด้วยเกิดเหตุการณ์เมื่อปลายเดือนสิงหาคม
> >> รถของพ่อเราเกิดอุบัติเหตุยางแตกจึงจอดรถข้างทางที่
> >> ถนน พระราม 2 และขณะนั้นได้มีรถขนแก๊สบริษัท Pride Logistic ซึ่งจะแซงรถ
> >> Container คัน
> >> หน้า ได้แซงซ้ายมา และชนรถของพ่อเรา ซึ่งจอดอยู่ข้างทาง
> >> ทำให้พ่อเราอาการสาหัสและไปเสียชีวิต
> >> ที่ รพ.บางกอก9 international และลุงคนที่นั่งรถพ่อมาด้วยต้องตัดขา
> >> ซึ่งในครอบครัวเราพ่อเรา
> >> เป็นคนหาเงินหลัก ไม่มีรายได้ทางอื่น แม่เราเป็นแม่บ้าน มีลูกสาว 3 คน
> >> เราเรียนธรรมศาสตร์ ,
> >> คนกลางเรียนที่ มศว , คนเล็ก เรียนที่ มพ.
> >> ซึ่งทางบริษัทรถขนแก๊สนี้ได้ทำประกันภัยไว้ 2 ที่คือ บ.
> >> วิริยะประกันภัย และ บ.นิวแฮมเชอร์ และจากการที่มีการเจรจากันที่
>สน.ท่าข้าม
> >> ทางร้อยเวรที่ดูแล
> >> เรื่อง ได้สรุปว่า บริษัทรถขนแก๊ส เป็นผู้ผิด
> >> เนื่องจากรถพ่อเราเกิดอุบัติเหตุสุดวิสัย ซึ่งทำให้ต้องจอด
> >> รถข้างทาง และเปลี่ยนยาง และรถขนแก๊สก้ได้แซงซ้าย ซึ่งผิดอยู่แล้ว
> >> ส่วนตัวบริษัทเองก็ยอมรับผิดแต่
> >> โดยดี แต่ ทางบริษัทวิระยะประกันภัย ได้ส่ง ภูริทัศน์ (พูดจาไม่ดีมากๆ) มา
> >> เค้าบอกว่า พ่อเราจอด
> >> รถมีกรวยกั้นหรือไม่ (ดูมันพูดดิ ใครจาไปพกไว้ )
> >> ถ้าอยากได้เงินค่ารักษา+ค่าชดเชยและสินไหมทด
> >> แทน ก็ไปฟ้องศาลเอา ศาลจะเป็นคนตัดสิน ร้อยเวรไม่ใช่คนตัดสินชี้ขาด
> >> ซึ่งทางเราจริงๆไม่ต้องการ
> >> ให้เรื่องถึงศาล อยากเจรจากันให้รู้เรื่องมากกว่า
> >> ซึ่งทางบริษัทรถขนแก๊สก็ยินดีเจรจา และนอกจากนั้น
> >> ทางบริษัทนี้ก็ไม่เคยช่วยออกค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำศพใดๆ ทั้งสิ้น
> >> และไม่เคยแสดงความใส่ใจเลย
> >> สักนิด พวกคุณๆลองคิดดูสิว่า
> >> ไหนจะค่าทำศพและค่าใช้จ่ายอื่นๆทีเกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียนของ
> >> เราหรือน้องเรา
>ทางบริษัทประกันไม่เคยสนใจบอกว่าถ้าอยากได้เงินให้ไปฟ้องศาล
> >> ถ้าต้องฟ้องศาล
> >> ระหว่างนี้พวกเราจะอยู่กันอย่างไร
> >> ส่วนบริษัทรถขนแก๊สยังแสดงน้ำใจช่วยค่าทำศพมาบ้าง แต่บริษัท
> >> วิริยะประกันภัย ไม่เลยแม้แต่บาทเดียว
> >> และอีกอย่างเมื่อทางเราติดต่อไปก็ไม่ได้รับสายหรือบอกว่าไม่ว่าง
> >> นัดคุยก็ไม่ค่อยยอมจะมา
> >> ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องทั้งหลายรับทราบไว้ว่า บ.วิริยะประกันภัย
> >> เป็นบริษัทที่ไม่ดูแลลูกค้าเลยเห็นแก่ตัว
> >> มาก ไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมกันเลยเอาเปรียบประชาชน คิดว่าไม่รู้เรื่องกฏหมาย
> >> ก็เอาเรื่องศาลมาขู่
> >> ให้ฟ้องศาลเอาเอง
> >> แล้วถ้าทางเราอาจไม่มีเงินเพื่อไปจ้างทนายและจ่ายค่าศาลหล่ะ เราต้องยอมรับ
> >> เงินที่ทางบริษัทนั้น หยิบยื่นให้เราเท่าไรก็ได้ยังงั้นหรือ
> >> แล้วถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับครอบครัวหรือคนใกล้
> >> ตัวท่านหล่ะ ท่านจะรู้สึกอย่างไรกับบริษัทประกันเช่นนี้
> >> อยากจะขอร้องให้ทุกๆคนช่วยกระจายข่าวนี้ไปด้วย
> >> เผื่อว่าทางผู้บริหารขั้นสูงของ บริษัท วิริยะประกัน
> >> ภัย จะมีมนุษยธรรมมากกว่านี้
>จะให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวเราได้มากกว่านี้
> >> จะมีความเห็นใจ
> >> ความยากลำบากของครอบครัวเรามากกว่านี้ มากกว่านาย ภูริทัศน์ ที่บริษัท
> >> วิริยะประกันภัยส่งมา
> >> เจรจากับทางเรา
> >> หากปาฏิหารย์มีจริง เราก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหรอก
> >> ไม่อยากเสียพ่อที่เรารักมากที่สุดไป
> >> พ่อที่คอยเลี้ยงพวกเรา ทั้ง 4 คน พ่อที่คอยเล่นกลับพวกเรา
> >> คอยเลี้ยงพวกเราจนเรื่อยมา แต่วันนี้กลับ
> >> ไม่มี..........พ่อที่เรารัก
> >> ../ จิราพรรณ
> >> ๐๔ ต.ค. ๒๕๕๐, ๑๙.๕๐ น.

ปล. ได้ข้อความ มาจาก FW Mail ครับอยากทราบในทางปฎิบัติว่า ฟ้องเสียค่าทนายหลายแสนจะได้กลับมาไหมนะ ไม่ได้เกิดขึ้นกับผมน่ะครับ

แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 50 12:54:13

จากคุณ : Deepseaman - [ 3 พ.ย. 50 00:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 24

อะมาให้ข้อมูลอีกนิดนะคับ เท่าที่พอทราบมา
คิดว่าคนซื้อประกันจะพอทราบว่า มันมีประกันชั้น 1 รับผิดชอบทั้งคู่กรณี แล้วก็รถประกัน แล้วมันก็จะมีระบบ knock for knock ก็คือ ถ้าชั้น 1 ชนกับชั้น 1 ใครจะผิด จะถูก ลูกค้าใครก็รับผิดชอบกันเองละคับ ไอส่วนที่ผิดถูกนั่นก็เอาไว้ใช้สำหรับ คิดเบี้ยลูกค้าในปีต่อไปนะคับ (ประวัติติดตัวไป ถึงปีหน้าจะเปลี่ยนบริษัทประกันก็เหอะ) นั่นแปลว่า บริษัทไหนมีรถทำประกันเยอะ ก็จะมีความเสี่ยงตรงนี้เยอะเป็นเงาตามตัวนะคับ เพราะลูกค้าเยอะ ก็ต้องรับผิดชอบเยอะ การจะมีกำไรก็ต้อง เก็บเบี้ยให้มากที่สุด จ่ายให้น้อยที่สุดน่ะคับ อยากรู้ว่าสถานะบริษัทประกันนั้นๆ เป็นงัย ลองเข้าไปที่เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้นะคับ เช่นกรมการประกันภัย หรือสามารถเข้าไปเช็คงบดุลของเค้าได้ว่า กำไร ขาดทุนเท่าไรในแต่ละปี ที่เว็บของกระทรวงพาณิชย์ มีจุดสังเกตง่ายๆ ว่าบริษัทไหนที่รับทำประกันให้แท็กซี่ หรือรถเมล์ บริษัทพวกนี้จะมีความเสียงสูงมาก เพราะเบี้ยน้อย แต่รับผิดชอบเยอะ ชนตูมตามขึ้นมาทีหนักครับ

ส่วนประเภท 2,3 อันนี้จะเหมือนกัน แตกต่างกันนิดหน่อย ไอที่ออกมาว่า 3+ นี่ระวังนิดนะคับตรวจสองให้ดีๆ แต่ก็ไม่อยากบอกอะไรมาก เพราะข้อมูลตรงนี้มีน้อย แต่ที่หลักๆ ก็คือ ต้องจ่ายให้คู่กรณีทั้งคู่ถ้าเป็นฝ่ายผิดนะคับ สำหรับกรณีนี้ ก็จ่ายเต็มๆ ละคับ คงไม่มีร้อยเวรคนไหนกล้าพอที่จะทำสำนวนให้ฝ่ายรถที่จอดอยู่เฉยๆเป็นฝ่ายผิดหรอกคับ หลักฐานมันฟ้องกันเห็นๆ อยู่แล้ว

มาว่ากันต่อเรื่อง พรบ. อันนี้เป็นประกันภัยภาคบังคับ รถทุกคัน ต้องมีไว้อยู่แล้ว สรุป พรบ. นี่หลีกเลียงการจ่ายไม่ได้นะคับ ไม่มีการจ่ายมาก จ่ายน้อยถ้าเกิดเสียชีวิต จ่ายเต็มจำนวนคับผม เบิกที่บริษัทไม่ได้ ก็เบิกกับกรมก่อนได้ครับ

อะมาว่าเรื่องของบริษัทประกันต่อ ผมจะไม่เอ่ยชื่อบริษัทประกันละ เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีพิพาท แต่ก็ให้ไปเดากันเอาเองละกันนะ
บริษัทนี้ จะมีนโยบายคือ ไม่ว่าจะเป็นรถคู่กรณีหรือ รถประกัน เค้าก็จะลากให้ไปเข้าอู่ในเครือเค้าทั้งหมดนะคับ ที่ใครเคยได้ยินมาว่าเคลมยาก นั่นอาจจะเป็นในกรณีที่เราต้องการจะซ่อมอู่อื่น หรือซ่อมอู่ในเครือ แต่ความเสียหายไม่ชัดเจนว่ามาจากอุบัติเหตุเช่นชนเสา ชนประตูอะไรเงี้ย อาจจะมียึกยักนิดหน่อย หรืออาจจะไม่สามารถเคลมรอบคันได้ เคลมได้ทีละ แผล สองแผล เคลมรอบคันต้องเสียตังค์เพิ่ม(อันนี้มีจุดนิดนึงนะคับ คือถ้ากรมธรรม์ของคุณระบุว่า ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก หรือเงื่อนไขอื่นๆ ในกรมธรรม์ สามารถเคลมรอบคันได้นะคับ ไม่เสียตังค์) การซ่อมอู่อื่นที่ไม่ใช่อู่ในเครือของเค้าจะค่อนข้างยุ่งยากเอามากๆๆๆๆ น่ะคับ แล้วที่เค้ายังสามารถพยุงตัวอยู่ได้ตอนนี้ก็เพราะ บริษัทประกันบริษัทนี้มี บริษัทในเครือที่ขายสีแล้วก็อุปการการซ่อม ที่จะบังคับให้อู่ในเครือต้องซื้อไปใช้นะคับ(ข้อมูลตัวนี้ต้องลองเช็คดูอีกทีนะคับ ตอนนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง)

ส่วนเรื่องของพนักงานเคลมนะคับ มันจะมีหลายแบบ คือแบบที่เป็นพนักงานของบริษัทประกันนั้นๆ เลย กับแบบพวก บริษัท serway ที่เป็นเหมือนมือปืนรับจ้างอะคับ รับเป็นพนักงานเคลมให้หลายบริษัทประกัน
ตัวผมเองเมื่อก่อนที่ทำงานก็จะเป็นพวกจบปริญญาตรีทั้งหมดนะคับ ใส่เชิร์ทผูกไทด์ แล้วถ้าพูดจาไม่ดีมีร้องเรียนเข้ามา โดนหนักคับ อันนี้เฉพาะที่เป็นพนักงานของบริษัทเองนะคับ ส่วนที่เป็น serway ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่สั่งสมมาละคับ ว่าจะดลบรรดาลให้ไปเจอกับคนแบบไหน แต่จะมีอยู่จุดหนึ่งที่พนักงานเคลมจะรู้กันดี เหมือนมือปืนหรือทหารรับจ้าง ที่จะรับรู้กันโดยทั่วไปว่า บริษัทประกัน บริษัทไหนสามารถทำได้ระดับไหน เค้าจะรู้เลยเวลาออกไปเคลมคับว่าสามารถพูดจาหรือ รับผิดชอบต่อความเสียหายได้ระดับไหน เช่น นาย ก เป็นพนักงาน serway ออกไปตรวจสอบความเสียหายของอุบัติเหตุ ในลักษณะเดียวกันให้กับ บริษัท A และ บริษัท B บริษัท A เป็นบริษัทฝรั่ง ทุนหนา เคลมง่าย เค้าก็จะสามารถพูดจาได้ดีกว่า เจรจาได้ง่ายกว่า เพราะเค้ารู้ว่าบริษัทนี้ รับผิดชอบได้ แต่กับ บริษัท B บริษัทนี้ เคลมยาก จุกจิดเรื่องการเบิกจ่าย เค้าก็จะรีบตัดบท ไม่พูดมาก ไม่เจรจามาก เพราะเค้าจะรู้ว่าพูดไปลูกค้าก็ไม่ได้อะไร ให้ไปติดต่อ บริษัทประกันเอาเอง แบบนี้เป็นต้นนะคับ ไอเรื่องของพนักงานเคลมนี่มันตอบไม่ได้หรอกคับ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลซะมากกว่า

เสริมอีกนิดนึงเรื่องของสถานะของบริษัท
มีข้อมูลคร่าวๆนะคับ ตัวเลขไม่แน่นอน แต่น่าจะพอทำให้เข้าใจได้ในระดับหนึ่งคือ หากคุณเปิดบริษัทประกันภัย ถ้ารับแต่ลูกค้ารถยนต์อย่างเดียว หรือรายได้หลักมาจากเบี้ยประกันรถยนต์ โอกาสเสียงสูงมากนะคับ เพราะคุณจะมีแต่รอลุ้นให้มูลค่าความเสียหายนอ้ยกว่า เบี้ยประกันภัยที่ได้รับนี่ยังไม่รวมเงินเดือนกับค่าบริหาร บริษัทที่จะอยู่ได้แล้วมีกำไรคือ ต้องมีอัตรารายได้หลักของบริษัทมาจากประกันภัยประเภทอื่น เช่น ประกันภัยสินค้า ประกันภัยทรัพย์สิน(บ้าน,สิ่งปลูกสร้าง,โกดัง เป็นต้น) ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคง (PA) อะไรพวกเนี้ย
มีกรณีศึกษาอีกนิดนึงเรื่องของคดีนะคับ ส่วนของคดีอาญา เป็นหน้าที่ของร้อยเวรที่จะทำสำนวนยื่นฟ้องนะคับ ให้ศาลตัดสินว่าใครผิด ใครถูก แค่นั้นคือจบ เว้นเสียแต่ว่าเราไม่พอใจจะฟ้องต่อ อันนี้คงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร
แต่ไอส่วนเรื่องของทางแพ่งฟ้องร้องค่าเสียหายนี่ ต้องไปฟ้องร้องกันเอาเองละคับจะได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับการต่อสู้กันในศาล แล้วก็ทนายของแต่ละฝ่าย

บริษัทไหนที่โฆษณาชวนเชื่อมากๆ ก็ระวังๆ กันหน่อยละกันนะคับ กว่าคุณจะรู้ตัวอีกที่ก็โน่นเลยตอนเกิดอุบัติเหตุ ตัวอย่างง่ายๆ กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมีรถใช้ระหว่างซ่อมเนี่ยรถที่เอามาให้ใช้จะเป็นความรับผิดชอบของอู่ประกันนะคับ เลยจะไม่ค่อยมีอู่ไหนอยากจะรับเท่าไร ผมแปลกใจมากนะคับที่เค้าออกมาโปรโมตซะยกใหญ่ เลยลองเช็คไปเช็คมาคือ ถ้ารถเข้าซ่อม อันไหนซ่อมได้ซ่อม(กันชนแตก แต่ไม่กระจาย ก็เย็บๆ หรือเชื่อม แล้วทำสี ไม่เปลี่ยนให้เป็นต้น) อะไหล่ก็ ของปลอมมั่ง ของเก่ามั่ง แล้วตัวบริษัทนี้เนี่ยก็มีข่าวว่าร่อแร่ ตั้งกะตอนที่ผมยังทำงานอยู่แล้วละคับอู่ประกันไม่ค่อยอยากจะรับกัน แล้วตอนนี้ก็เป็นอย่างที่เห็นๆ และเป็นข่าวอยู่นะคับ ใครที่ยังมีประกันอยู่กับบริษัทนี้ บอกได้เลยว่าทำใจเหอะคับ ไม่มีอู่ไหนรับ หรือถ้ารับ ก็จะให้ออกตังไปก่อนแล้วไปตั้งเบิกเอาเองอะนะ

เคล็ดลับในการเลือกบริษัทประกัน ง่ายๆนะคับ ลองสละเวลาไปสอบถามกับอู่ซ่อมรถ ที่เป็นอู่กลางประกันภัย ใกล้ๆ บ้านคุณ หรือที่คุณรู้จักนะคับ เค้าจะให้คำแนะนำได้ว่าบริษัทไหนดี เคลมง่าย บริการดี คุณก็จะสบายใจด้วยว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นมา ก็จะทำให้เราตัดปัญหาไปได้ เพราะอู่พวกนี้จะรู้ดีถึงข้อมูลที่จำเป็นทุกด้านนะคับ เช่นว่าบางบริษัทชื่อดีๆ แต่เค้าอาจจะไม่รับเพราะอะไร อาจจะเพราะตั้งเบิกยาก การเงินไม่ดี ประเมินค่าซ่อมต่ำกำไรน้อย หรือไม่คุ้มทุน จุกจิกเรื่องการเบิกอะไหล่ ซึ่งบริษัทประกันส่วนใหญ่จะเป็นคนซื้ออะไหล่ให้อู่นะคับ บางทีรถคุณอาจจะไม่เสียหายมาก แต่ต้องรออะไหล่จากทางบริษัทประกันยังไม่ส่งมาให้ ก็ต้องรอกันไปละคับ มันนอกเหนืออำนาจของทางอู่ แต่บางบริษัทที่ฐานะการเงินดี เคลมง่ายอู่เค้าจะบอกเลยคับว่าดี ประเมินความเสียหายให้สูง งานซ่อมก็จะออกมาดีด้วย เบิกอะไหล่ง่าย ส่งอะไหล่เร็วก็จะทำให้รถเสร็จเร็ว จอดไม่นาน
เอ่อ แล้วก็ประกันประเภท 1 นี่ บางบริษัทอาจจะไม่ knock for knock นะคับ เพราะบริษัทนั้นอาจจะแย่มากจนบริษัทอื่นไม่อยากไปยุ่งด้วย อันนี้ลำบากหน่อยนะคับเพราะบางทีอาจจะถึงขั้นถ้ารถคุณโดนบริษัทนี้ชน จะยังซ่อมไม่ได้จนกว่าจะได้รับการชดใช้จากบริษัทนี้ก่อนน่ะคับ
เอ่อแล้วก็ข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดนะคับ ทุนประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ไม่ใช่เอาไว้เป็นตัวเลขเล่นๆ นะคับ ถ้าระบุ 1ล้าน ก็ต้องรับผิดชอบ 1 ล้าน แล้วแต่ว่าศาลจะตัดสินให้เท่าไรนะคับ
ขอให้โชคดี

จากคุณ : น้ำมูกใส (น้ำมูกใส) - [ 3 พ.ย. 50 12:01:34 ]