ความคิดเห็นที่ 1 ปกติเติมเท่าไหร่ครับ ก็เติมไปเท่านั้น ตอนยางเย็น พอมันร้อย มันจะขยายตัวไปถึงแรงดันหนึ่งๆ มันก็คงที่แล้ว พอยางเย็นมันก็ลดตัวเองมาที่เราเติม เรื่องยางต้องถามตาต้น ผมเติมตอนกลางคืนที่ปั๊ม37 จอดเข้าบ้านนอน ตอนเช้ามาวัดได้ประมาณ34-35 ผมก็ปล่อยออกจนเหลือ30 จบข่าว ปล.ได้วิธีการมาจากตาต้น จากคุณ : lustful - [ 8 ธ.ค. 50 08:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ารู้ว่าขับยาวๆ ก็แวะพักรถสัก 10 -20 นาที บ้างก็ได้ครับ จะได้พักทั้งรถ ทั้งเครื่อง ทั้งยาง และคนขับ..... จากคุณ : songyot001 - [ 8 ธ.ค. 50 08:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วลมไนโตรเจนมันเวิร์คมั๊ยครับ จากคุณ : BOPI - [ 8 ธ.ค. 50 09:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไนโตรเจน ตามหลักการมันก็ดี เพราะมีการขยายตัวเมื่อได้รับความร้อนต่ำกว่า หมายถึง วิ่งร้อนๆแล้วแรงดันลมยางเพิ่มน้อยกว่า เติมลมปกติ ก็จะช่วยลดอาการระเบิดได้ แต่ ... สมัยก่อนไม่มีไนโตรเจน หรือ รถที่บ้านคันที่ไม่ได้เติมไนโตรเจน ตียาว กทม. - ภูเก็ต ก็ไม่เห็นจะระเบิดนะครับ แค่เติมลมให้ได้ตามสเปค ไม่ต้องเติมเพิ่มด้วยครับ ที่สำคัญคือ ยางสภาพเป็นอย่างไร ถ้ายางยังใหม่ ไม่เกิน 2 ปีหรือ 50,000 กม. แค่เติมลมให้ได้ตามสเปค แค่นั้นเป็นจบ รับรองไม่ระเบิดครับ จากคุณ : เด็กบูรพา - [ 8 ธ.ค. 50 10:07:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แนะอย่่างที่คุณ lustful หละครับ ว่าเย็นวันก่อนวันเดินทาง(ถ้าเดินทางเช้า)ให้เข้าปั๊มเติมลมให้เยอะกว่าปกติไว้ครับ (สมมุติว่าปกติต้องเิติม 32 คุณก็ใส่ไปเลยครับ 36 พอถึงบ้านก็จอด) พอเช้าวันจะเดินทางให้เอาเอาลมออกให้เท่ากับที่ต้องการ(32) แล้วก็เดินทางได้ครับ จากคุณ : pinestand - [ 8 ธ.ค. 50 10:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยางสภาพปกติดี  ยังอยู่ในอายุการใช้งาน ไม่ต้องกลัวว่ายางร้อน แรงดันเพิ่มขึ้น จนยางระเบิดหรอครับ   รถที่วิ่งไกลๆ นานๆ แล้วยางระเบิดนั้น เกิดจาก ลมยางอ่อนเกินไป ทำให้แก้มยางบิดตัวมากๆ จนโครงสร้างยางเสียหาย  ทำให้ยางระเบิดครับ ในคู่มือรถ ทุกรุ่น จะแนะนำว่า ถ้าวิ่งไกลๆ ใช้ความเร็วสูงๆ ให้เติมลมยางแข็งกว่าปกติ จากคุณ : ปากหวาน - [ 8 ธ.ค. 50 10:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขับไปได้จนคุณหมดแรง น้ำมันหมดถังหล่ะครับ ไม่ต้องห่วง ยางมันมีการออกแบบให้คายความร้อนที่เหมาะสมอยู่แล้ว ขอให้เติมลมยางให้ถูกต้องแล้วกัน อย่าอ่อนเกิน ยางจะร้อนจัด และถ้าแข็งเกิน ก็ไมดี ยางอ่อนอันตรายกว่ายางแข็งครับ แต่แข็งเกินไปก็อันตรายอยู่ดี การออกแบบยางมันสามารถรับแรงดันสูงสุดได้เยอะครับ เยอะกว่าที่ตีไว้ข้างยางพอสมควร เช่น อาจจะตีไว้ที่ 52psi เอาเข้าจริงๆ 70 ยังไม่ระเบิดเลย แต่อย่าไปลองนะครับ หน้าแหกซะเปล่าๆ จากคุณ : BigA - [ 8 ธ.ค. 50 10:54:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบพระคุณทุกท่านมากครับ จากคุณ : BOPI - [ 8 ธ.ค. 50 11:05:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดูจากคู่มือรถก่อนว่าระบุแรงดันลมในการใช้ความเร็วสูงไว้มั๊ย ถ้ามีก็ใช้ตามนั้นเลย ถ้าไม่บอกใช้เพิ่มแรงดันลมจากแรงดันลมปกติตามคู่มือรถ2-5psi แรงดันลมที่ระบุเป็นแรงดันลมเย็น(ยังไม่ได้วิ่งหรือวิ่งมาไม่เกิน3กม.) แรงดันลมร้อน-ในการขับขี่จะสูงขึ้นในช่วง2-6psi ปกติอยู่แล้วอย่าไปปล่อยลมออกซึ่งจะกลายเป็นลมอ่อนไปทันทีซึงเป็นผลเสียมากกว่า  ยางที่ระเบิดส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากลมยางอ่อนกว่าเกณท์ที่เหมาะสม(แปรตามความเร็วและนน.บรรทุก) จากคุณ : akeb - [ 8 ธ.ค. 50 12:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้ายางมันสภาพดีๆ  มันไม่ระเบิดง่ายๆหรอกครับ ที่มันระเบิดกัน  มักจะเป็นพวกดันทุรังใช้ยางเสียมากกว่า ประเภทยางหมดสภาพแล้ว  แต่ชอบคุยว่าดอกยังดี  พวกนี้เสี่ยงมากๆ ยางดีๆ spec ให้เติม 30  ผมกล้าท้าให้ปล่อยเหลือ 25 ขับ กทม เชียงใหม่  มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ไปวัดลม  คนขับทั่วไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก อีกเรื่องนึงคือ spec ให้เติมเท่าไหร่  ก็ควรเติมไปราวๆเท่านั้นพอ เช่นบอกว่าให้เติม 30  ก็สามารถเติมได้ในช่วง 28-32 ได้แบบไม่มีผลอะไรมาก แต่ถ้าไปอัดเพิ่มตามความเชื่อแบบผิดๆ  ที่ชอบบอกว่าวิ่งทางไกลต้องเติมลมเยอะๆยางจะได้ไม่ระเบิด เช่นล่อเข้าไป 34  36    พวกนี้ลงข้างทางกันมาเยอะแล้ว เพราะยางยิ่งแข็งเกินไป  มันจะยิ่งเกาะถนนน้อยลง จากคุณ : ton99 - [ 8 ธ.ค. 50 15:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความกระจ่าง จากคุณ : BOPI - [ 8 ธ.ค. 50 15:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณton99ลองดูข้อมูลข้างล่างเกี่ยวกับลมยางครับ จากhttp://www.dunloptires.com/care/proper_inflation.html Under inflation is the most common cause of failures in any kind of tire and may result in severe cracking, component separation or "blowout," with unexpected loss of vehicle control and accident. Under inflation increases sidewall flexing and rolling resistance resulting in heat and mechanical damage. จากhttp://www.tiresafety.com/maintenance.asp (ของBridgestone) For continuous high speed driving, tire pressures should be increased by 3 to 5psi above the normal cold inflation recommended. จากคุณ : akeb - [ 8 ธ.ค. 50 19:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องลมยาง 25  ขับ กทม ถึง เชียงใหม่ ในชีวิตจริงมีเยอะแยะครับ ถ้ายางอยู่ในสภาพที่ดี  ผมรับรองว่าไปถึง แต่ไม่ได้บอกให้ใครไปทำตาม  เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร เพียงแต่พูด  เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่เป็นจริง อย่าไปยึดติดกับตัวหนังสือมาก ส่วนเรื่องเติมลมยางแข็ง ผมไม่รู้ว่าพวกนี้แนะนำให้คนไปตายหรือเปล่า ส่วนตัวผมเคยทำตามคำแนะนำของพวกนี้  แต่มันได้ผลที่ไม่ได้เรื่อง อย่าง Civic อันนี้บอกให้ยางหน้าเติมลมไว้ 30 ซึ่งปกติผมก็เติม 28-30  วิ่งทางไกลผมก็เติมเท่านั้น ผมเคยไปเติมที่ 32-33  แต่มันแข็งจนรถเสียการควบคุมที่ดีไป  การยึดเกาะก็แย่ลง ซึ่งมันไม่มีข้อดีอะไรเลย  แถมยังกระด้างอีก มาอีกคันเป็น Accord คันนี้ระบุแรงดันเอาไว้ 2 ค่า คือ < 160km/h ไว้ที่ 29 และ > 160km/h ไว้ที่ 32 มีหลายปีก่อนเคยเติมไว้ 32 แล้ววิ่งออกตจว ขับไปได้ไม่นานทนไม่ไหว  ต้องแวะจอดปั้มปล่อยลมออกอีก 2 เพราะที่ 32 นั้น มันแข็งเกินไปจนทำให้รถมันวิ่งวอกแวกควบคุมได้ลำบาก หลังจากนั้นผมก็เติม 29 30 31 ตามอารมณ์และสถานการณ์ว่าจะไปเจอทางขุขระขนาดไหน ยาง GIII ชุดเก่าผม ผมเคยเอาไปทดลองเบรคดู พบว่าที่แรงดันลมต่ำสุดที่ลองคือ 29   ล้อจะล็อคช้าที่สุด ที่แรงดันลมสูงกว่านั้น จะยิ่งล็อคได้เร็วขึ้น แต่ยางที่ลมอ่อน  จะมีข้อเสียคือจะรีดน้ำได้แย่กว่ายางที่ลมแข็ง สมัยก่อนผมขับไปกลับ กรุงเทพ ระยองประจำ ลมยางที่เติมก็แถวๆ 28-30 ช่วงบายพาสชลบุรี  ที่ทางโล่งๆผมก็วิ่ง 180-190 ยาว มาขึ้นบูรภาวิถีผมก็แช่หมดคันเร่งตั้งแต่ด่านรับบัตรยันด่านจ่ายเงิน ผมเคยขับเร็วสุดคือ17 นาที ด้วยลมยางแบบที่ผมเติม   ซึ่งก็ใช้ได้ดี  ไม่เคยระเบิด แต่ถ้าผมเติมไว้ 33 หรือ 35  รถผมคงหลุดออกไปฟาดกับกำแพงไปนานแล้วก็ได้ จากคุณ : ton99 - [ 8 ธ.ค. 50 22:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมแค่นำสิ่งที่บริษัทยางเขาค้นคว้าวิจัยแล้วว่าควรใช้ของเขาอย่างไรจึงจะปลอดภัยมาบอกต่อ จากคุณ : akeb - [ 9 ธ.ค. 50 00:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากhttp://opi.mt.gov:8010/Driver's%20Education/Curriculum%20Modules/Module%2016/M16%20Facts_Blowout.pdf While one might assume that all blowouts are caused by too much internal pressure bursting a weak spot in the tire, the main reason for them is just the opposite. Most blowouts are caused by too little air pressure allowing the tire to flex beyond its elastic limits until it overheats to the point where the rubber loses its bond to the internal fabric and steel cord reinforcement. จากคุณ : akeb - [ 9 ธ.ค. 50 00:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พูดตามตรงนะครับ ข้อมูลจากบริษัทยาง  บางทีก็กลับไปกลับมาขัดแย้งกันเอง เช่นเรื่อง ยางใหม่ใส่ล้อหน้าหรือล้อหลัง บางที่พูดอย่าง  บางที่พูดอีกอย่าง ขนาดยี่ห้อเดียวกันพูดตรงข้ามกันก็ยังมี  ตกลงไม่รู้ว่าใครพูดผิดหรือพูดถูก มันก็แบบที่คุณป๋าเคยบอกไว้แหละครับว่า "ปตท ก็มั่วได้" และทุกวันนี้เราก็เห็นว่า ปตทก็มั่วให้เราดูอยู่บ่อยๆ ต่อมาก็เลือกกันต่อว่าจะเชื่อใครมากกว่าระหว่างบริษัทยางกับบริษัทรถ บริษัทยางรู้เรื่องยางเป็นอย่างดี  แต่ไม่รู้ว่ายางจะเอาไปใส่ในรถรุ่นไหน ข้อมูลแรงดันลมจากบริษัทยางก็จะเห็นแต่แรงดันลมที่รับน้ำหนักได้สูงสุด ซึ่งในรถเก๋งทั่วไป   ไม่มีใครเติมด้วยแรงดันขนาดนั้นแน่ แต่บริษัทรถรู้ว่าจะเอายางรุ่นไหนมาใส่กับรถ   แล้วก็ต้องทดสอบมาระดับหนึ่งว่าควรใช้แรงดันลมขนาดไหน ถ้าเติมลมตามที่บริษัทรถแนะนำ  แล้วยางระเบิด  ผมว่าเราก็ไม่ต้องขับรถกันแล้ว คู่มือรถผมแต่ละคัน  ไม่มีเล่มไหนเขียนบอกเอาไว้เลยว่า เวลาวิ่งทางไกลต้องเติมลมเพิ่ม 3-5psi ที่บอกเยอะสุดก็บอกแค่ว่า <160km/h  กับ  >160km/h ซึ่งถนนเมืองไทยก็ใช่ว่าจะขับได้เกิน 160km/h เป็นเวลานานๆ ส่วนเรื่องวิ่งทางไกลให้เติมลมยางแข็ง เท่าที่ดูมา  ก็พูดกันลอยๆ  ไม่ได้มีผลทดสอบอะไรยืนยันที่ชัดเจนให้ดูสักที่ เห็นแต่บอกว่าให้เติมลมยางให้แข็งขึ้น 2psi 3psi 5psi บนถนนจริงๆ มันก็มีคนทำตามบ้างไม่ทำตามบ้าง ถ้าไม่ทำตามแล้วยางระเบิดจริง  ป่านนี้ผมว่าคงตายกันเกือบหมดถนนแล้ว เพราะบางคนใช้ลมที่อ่อนกว่า spec 2-3 psi ก็มี แต่สิ่งที่เห็นจริงคือ เติมลมยางแข็งตามที่แหล่งข้อมูลชอบพูดกัน  มันทำให้ยางเกาะถนนน้อยลง แล้วคนที่ทำตามแบบนั้น  ก็จะเห็นว่าเบรคแย่ลง  บางคนโชคร้ายรถก็อาจะหมุนได้ เรื่องลมยางอ่อนแล้วทำให้ยางระเบิด  อันนี้ผมยอมรับว่าจริง แต่มันต้องอ่อนมากๆ  แล้วก็ต้องบดมาเป็นเวลานาน ประเภท spec บอก 30  แล้วมีลมแค่ 25 มันก็ไม่ระเบิดหรอกครับ ถ้ายางไม่อยู่ในสภาพที่แย่ และผมก็ยังไม่เคยเห็น paper ตัวไหนบอกเอาไว้เลยว่า   ลมต้องอ่อนขนาดไหน ต้องวิ่งเป็นระยะทางขนาดไหน  เจอความขนาดไหน ยางถึงจะระเบิด ผมเคยดูรายการหนึ่ง  เขาพยายามจะทำให้ยางระเบิด ปล่อยลมอ่อนก็แล้วมันก็ยังไม่ยอมระเบิด   ตอนหลังผมจำได้ว่าต้องเอาอะไรมาทำให้ยางเสียหายมากๆมันถึงจะยอมระเบิด สำหรับผมเรื่องยางระเบิด ลมอ่อนไม่น่ากลัวเท่ากับสภาพของยางเอง ผมเห็นหลายคนชอบใช้ยางนานๆ  ใช้จนมันหมดสภาพผมว่ามันน่ากลัวกว่าเยอะ กับอีกพวกที่โดนตะบูหรือโดนบาดแล้วขับไปแบบไม่รู้ตัว พอขับไปนานๆเข้าแผลดังกล่าวมันก็ขยายใหญ่ขึ้น  ยางมันก็อาจจะระเบิดได้ อีกเรื่องนึงคือ คนไทย ชอบเติมลมกันที่ปั้ม  แล้วก็วัดกันที่ปั้ม ซึ่งแรงดันลมที่วัดได้นั้นโดยเฉลี่ยก็จะสูงกว่า  ตอนที่วัดตอนลมยางเย็นอยู่ 2psi ถ้าเกจ์วัดไม่เพี้ยน  ก็แสดงว่าคนไทยส่วนใหญ่ จะเติมลมยางอ่อนกว่าที่ควรจะเป็นอยู่อีก 2psi แต่บางคนอาจจะเติมลมตามที่บอกกัน  ถ้าเติมเพิ่มอีก 2-3psi ก็อาจจะเจ๊ากันพอดี สรุปว่าก็ไม่ได้เติมลมเพิ่มแต่อย่างใด และอีกอย่างคือ เกจ์วัดโดยทั่วไป  ถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวไหนวัดได้ตรงที่สุด อย่างของร้านยางตัวใหญ่ๆแพงๆ  แต่ละอันมันก็ขึ้นไม่เท่ากันอีก ทุกวันนี้ผมก็มีของผมพกเอาไว้อันนึง   แล้วก็เอาไปเทียบกับตัวอื่นๆขึ้นต่างกับของผมเท่าไหร่ ผมก็จำแค่ว่าที่แรงดันของเกจ์ผมขึ้นเท่าไหร่  แล้วยางให้คุณสมบัติกลับมายังไง แล้วก็เลือกใช้เอาว่าจะเติมที่เท่าไหร่   บางทีก็เติมเผื่อเกินเอาไว้หน่อย ใช้ๆไปไม่ถูกใจก็ค่อยไปปล่อยออก   บางทีล้อหลังลมเหลือแค่ 25psi ก็มี จากคุณ : ton99 - [ 9 ธ.ค. 50 02:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องเดิมทางไกล  แล้วเติมลมเพิ่ม คงต้องเลือกกันเอาระหว่าง กลัวยางระเบิด  เลยต้องเติมลมแข็ง แต่ต้องแลกกับเบรคที่แย่ลง  การเกาะถนนที่แย่ลง  การทรงตัวที่แย่ลง กับ เติมตามที่ใช้งานตามปกติ   ที่จะได้ระยะเบรค  การเกาะถนน  การทรงตัวที่คุ้นเคย เรื่องยางระเบิดมันไม่เป็นจริงอย่างที่หลายคนเขากลัวกัน จากคุณ : ton99 - [ 9 ธ.ค. 50 02:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รถผม spec ให้เติมลม 32 แต่ลดเหลือ 30 จะเบรกได้แรงกว่า ก่อนที่ ABS จะทำงาน   slalom แล้ว อาการรถ balance ดีกว่า เคยบ้าจี้ เติมลมเยอะๆ อัดไป 34 35 พวงมาลัยไว คมมาก ... เปลี่ยนเลน เบาๆ มันจะหลอกความรู้สึกว่า รถขับดี   แต่เข้าโค้งเต็มๆ  เกาะสู้ลมยาง 30 ไม่ได้ เบรก ABS ทำงานง่ายกว่า ลมยาง 30 และ oversteerง่ายขึ้น แต่ยางกลิ้งง่ายขึ้น ปล่อยคันเร่งแล้วรถไหล นานขึ้น สุดท้าย ผมเลือก ลมยาง 30 และยอมเปลืองน้ำมันอีกหน่อย ผมเลยคิดว่า spec ลมยาง ที่พูดๆกันนั้น ดูเป็นแค่ guideline ก็พอ สำหรับเวลาคิดไม่ออกจริงๆ  ก็เติมไปตามนั้นก่อน ถ้าลองเพิ่ม ลด แล้วได้ผลดีกว่า   ผมเอาตามนั้น ไม่ต้องยึดถือ spec มัน 100% เพราะรถผม เติมลมยาง 30 31 32 ให้ผลต่างกัน พอสมควร แต่กับรถอีกคันนึง เติม 30 31 32  จับความต่างได้น้อยมาก   จะต่างชัดๆ ก็ตอนอัด ถึง 34 จากคุณ : ถัง - [ 9 ธ.ค. 50 04:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องเพิ่มลมยางเอาเป็นว่า ที่เขาระบุให้เพิ่มลมยางเพิ่มเป็นกรณีใช้ความเร็วสูงต่อเนื่อง ซึ่งความเร็วสูงที่ว่าดูน่าจะระดับเกิน160กม/ชม ถ้าไม่ได้ขับเร็วระดับนั้นก็ไม่จำเป็นครับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก "Air Pressure/Load Adjustment for High Speed Driving" http://www.tirerack.com/tires/tiretech/techpage.jsp?techid=72 ตย.ยางrate H  ใช้ได้ถึงตวามเร็ว210กม/ชม Recommended High Speed Pressure & Load Capacity Adjustments For H-Speed Rated Tires Vehicle Top Speed Required Tire Pressure Increase Tire Load Capacity % of Branded Maximum H-Speed Rated Tire 35 psi O.E. Example   mph km/h psi bar % of value branded on sidewall psi lbs. 100  160     0   0                100%                        35 1000 106  170     1 0.06              100%                        36 1000 112  180     2 0.12              100%                        37 1000 118  190     3 0.18              100%                        38 1000 124  200     4 0.24              100%                        39 1000 130  210     5 0.30              100%                        40 1000 จากคุณ : akeb - [ 9 ธ.ค. 50 08:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พอดีผมร่ายยาวไปหน่อย  พี่เอกคงไม่โกรธกันนะครับ ตัวอย่างใน http://www.tirerack.com/tires/tiretech/general/airpress_loadadj_Hspeed.jsp ผมเข้าใจว่าเขาคิดจากน้ำหนักบรรทุกที่ 100% เลย ผมขอยกตัวอย่างเป็นเบอร์ 185/65R14 86H เลยละกัน เพราะยางเบอร์นี้ผมเคยใช้มานานพอสมควร Index86 มันรับน้ำหนักได้ 530kg รถผมเคยเอาไปชั่งน้ำหนักดู ล้อคู่หน้าน้ำหนักมันลง 650kg  คู่หลัง 450kg  (อันนี้ปัดเอาเพื่อให้คิดกันง่ายๆหน่อย) สมมติว่าน้ำหนักลงซ้ายขวาเท่ากันไปเลยละกัน ล้อหน้าน้ำหนักก็ลงข้างละ 325kg ล้อหลังน้ำหนักก็ลงข้างละ 225kg สมมติว่านั่งกัน 4 คนหนักคนละ 75kg   ผมจับน้ำหนักถ่วงลงล้อไปคนละล้อไปเลย ล้อหน้าก็จะมีน้ำหนักลงข้างละ 400kg ล้อหลังก็จะมีน้ำหนักลงข้างละ 300kg มันก็ยังห่างไกลกับ max load ของยางเยอะเลย ผมไปเปิดดู spec ของ xm1 เบอร์นี้ เขาบอกว่า Inflat. Pressure Max. Load อยู่ที่ 36psi จาก web ข้างบน เขาก็บอกว่า "NOTES: Never exceed the maximum cold inflation pressure branded on the tire's sidewall." นั้นแสดงว่าเติมลมได้สูงสุดได้ที่ 36psi ผมขอซี้ซั่วเทียบบัญญัติตายางค์ดูก่อน ที่น้ำหนัก 530kg ให้เติม 36psi จะได้ว่าที่น้ำหนัก 400kg ให้เติม 27psi จาก spec ให้เติม 30psi ก็ยังมากกว่าอยู่อีก 3psi ทำไมมันดันไปตรงกับตัวเลข 3psi ที่ให้เติมเพิ่มก็ไม่รู้แฮะ จากคุณ : ton99 - [ วันรัฐธรรมนูญ 01:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมลองคิดต่ออีก ลองคิดว่าขับแค่คนเดียวหรือนั่งแค่สองคน คิดเสียว่าน้ำหนักลงล้อหน้าเป็น 375kg แรงดันลมจะเหลือแค่ 25.5psi เติมเพิ่มอีก 4psi ตามตารางข้างบน เป็น 29.5psi   ก็ยังวิ่งที่ 200km/h ได้ หรือว่า  spec ที่ข้างประตูรถนั้น  ได้คิดน้ำหนักกับเรื่องความเร็วเอาไว้แล้ว? จากคุณ : ton99 - [ วันรัฐธรรมนูญ 01:10:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6108905/V6108905.html อันนี้เป็น Cedia  ผมว่ารถน่าจะหนักกว่า Civic96 ของผม แต่ดันให้เติมลมน้อยกว่าจนน่าตกใจ  ทั้งๆที่ใช้ยางเบอร์เดียวกัน จากคุณ : ton99 - [ วันรัฐธรรมนูญ 01:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โต้แย้งกันด้วยเหตุด้วยผลและรับฟังกัน ดีครับสามารถขยายมุมมองของทุกคนได้ครับ คคห.20 Inflat. Pressure Max. Load อยู่ที่ 36psi ไม่ไช่maximum allowable pressure ครับ ขอฝากไว้เท่านี้ก่อน อีกพักใหญ่ถึงจะว่างมาต่อครับ จากคุณ : akeb - [ วันรัฐธรรมนูญ 09:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ต่อจากคคห.23 Maximum Pressure คือค่าแรงดัน(เย็น)สูงสุดที่สามารถเติมได้ ค่านี้โดยทั่วไปจะระบุอยู่บนข้างยาง แต่ไม่ค่อยเห็นในspecยาง ของรถเก๋งทั่วไปอยู่ที่44หรือ51psi Inflation Pressure @Max. Load Capacity คือค่าแรงดันลมยางที่ให้น้ำหนักบรรทุกสูงสุด ค่านี้โดยทั่วไประบุในspecยางคู่กับค่าน้ำหนักบรรทุกสูงสุด แต่ไม่ได้ระบุบนข้างยาง ของรถเก๋งทั่วไปอยู่ที่36psiและไม่เกินค่าMax. Pressure โดยทั่วไปจะต่ำกว่า ในการใช้งานจริง ค่าน้ำหนักบรรทุกของยางจะแปรตามแรงดันลมที่เติม นน.บรรทุกสูงขึ้นเมื่อแรงดันลมสูงขึ้น (ดูจากตารางload capacity vs pressure) แต่เมื่อแรงดันลมสูงเกินค่าแรงดันลมยางที่ให้น้ำหนักบรรทุกสูงสุด ค่านน.บรรทุกของยางจะไม่เพิ่มสูงไปกว่าค่าน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่ระบุไว้บนขอบยางหรือspec คือสามารถเติมลมยางได้สูงกว่า36psi(แต่ยังไม่เกินMax. Pressure)แต่ไม่ทำให้ได้ค่านน.บรรทุกสูงขึ้นจากค่านน.บรรทุกสูงสุด ในทางกลับกัน ถ้าเติมลมยางต่ำกว่า36psiจะได้ค่านน.บรรทุกต่ำลงจากค่านน.บรรทุกสูงสุด ไว้จะหาตย.ตารางload capacity vs pressureให้ดูครับ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 50 15:01:45 จากคุณ : akeb - [ วันรัฐธรรมนูญ 14:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เหมือนผมเคยจะเห็นของ Michelin กับ Goodyear จะเขียนเอาไว้ว่า max pressure จะอยู่ที่ 44psi เหมือนกันครับ แบบนี้แสดงว่าจาก max load pressure ไปที่ max pressure ก็มีระยะห่างอีกพอสมควรเลยทีเดียว จากตารางข้างบน  ดูแล้วยังไงก็ลงไม่เติมเกิน max preesure เพราะเห็นเริ่มจาก 35  ไปสูงสุดก็แค่ 42.5 เท่านั้นเอง ผมสงสัยตรง Required Tire Pressure Increase ว่าเขามีที่มาอย่างไร ทำไม rate H  V ให้เติมเพิ่มแค่ step ละ 1psi พอเป็น rate W  Y ก็ให้เติมเพิ่มเป็น step ละ 1.5psi และแถม tate Z V W Y  ก็มีการลด load ลงมาด้วย ขอบคุณพี่เอกล่วงหน้าเลยครับสำหรับ ตารางload capacity vs pressure อันนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากรู้มานาน  แต่ไม่เห็นมีใครพูดถึงกันเลย ที่ผมรู้อยู่ก็เป็นจากการสังเกตุอย่างเดียว น้ำหนักมาก ต้องเติมลมมากขึ้น ถ้าน้ำหนักน้อยลง  ก็ต้องปล่อยลมออก จากคุณ : ton99 - [ วันรัฐธรรมนูญ 15:50:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 Guidelines for Selection of Replacement Tires อันนี้ละเอียดมากๆ และเน้นเรื่องload capacityซึ่งไม่เคยเห็นผู้ขายยางในไทยร้านไหนหรือเจ้าไหนพูดถึง คงถูกใจคุณton99นะครับ ก่อนอื่นขอย้ำว่า ลมยางมีผลต่อปัจจัยการใช้งานของรถในหลายๆด้านเช่น Ride, Load capacity, speed capacity, Traction (brake,accelrate,corner,dry,wet), vehicle stability, front/rear balance(under-over steer), handling, wear, Fuel economy/Rolling resistance,noise,road damage บริษัทรถเป็นผู้ออกแบบ/เลือกขนาดยางและลมยางให้กับรถแต่ละรุ่นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในทุกๆด้านตามความต้องการในการออกแบบของเขา การปรับเปลี่ยนใดๆจะมีผลกระทบในทุกๆด้าน คู่มือได้เตือนไว้ชัดเจนในหน้า4 ว่า    Always refer to and follow the vehicle manufacturer's replacement tire recommendations.    In some cases, a vehicle manufacturer may specifically advise against the application of replacement tires that are not the original size or type. Always refer to and follow these recommendations.    Under certain circumstances, a vehicle manufacturer may recommend or permit a specific optional tire size, type, inflation pressure, maximum speed, maximum load, etc.    Never select a tire with a smaller size, or with less load carrying capacity, than the tire specified on the vehicle tire placard. ********    Substitute tires should never be inflated below the pressure shown on the vehicle tire placard. ********    Never exceed the maximum load capacity and/or inflation pressure listed on the sidewall of the tire.    Never exceed the maximum load capacity and/or inflation pressure of the wheel.    Never utilize an unapproved wheel or one that does not meet the approved rim width range for the selected tire size.    Acceptable load capacity and/or overall tire diameter do not imply acceptable vehicle clearance. Body and chassis clearance must be checked on the vehicle's front and rear axles.    If a vehicle tire placard or vehicle owner's manual is not available, consult the vehicle or tire manufacturer for assistance. http://www.tiresafety.com/images/Tire%20Replacement%20Manual.pdf แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 50 18:41:20 จากคุณ : akeb - [ วันรัฐธรรมนูญ 18:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ถูกใจมากๆเลยครับ   ข้อมูลละเอียดยิบเลย    ให้ผมหาเองก็คงหาแบบนี้มาไม่ได้ ขอบคุณพี่เอกมากๆครับ ผมว่าตอนนี้ปริศนาเริ่มจะเฉยแล้วครับ อย่าง Civic96  น้ำหนักรวมคนที่ลงล้อหน้าจะอยู่ที่ 400kg จากตารางแรงดันลม  บอกเอาไว้ว่า ที่ 26psi  รับโหลดได้ 904 lb หรือ 410kg ถ้าวิ่งทางไกลให้เติมเพิ่มอีก 3 psi  ก็จะได้ 29 รถรุ่นนี้บอก spec ลมยางไว้ค่าเดียวที่ 30psi แสดงว่าที่ 30psi  ทางบริษัทรถน่าจะได้เผื่อเอาไว้ให้แล้ว ต่อมามาดู Accord98  น้ำหนักรวมคนที่ลงล้อหน่าจะอยู่ที่ 505kg จากตารางแรงดันลม  บอกเอาไว้ว่า ที่ 29psi  รับโหลดได้ 1135 lb หรือ 515 kg ถ้าใช้หลักบวกลมเพิ่มอีก 3 psi ก็จะเป็น 32psi รถรุ่นนี้บอก spec ลมยางเอาไว้ 2 ค่า คือ <160km/h ให้เติมที่ 29psi   และ  >160km/h  ให้เติมที่ 32psi อันนี้ก็เหมือนว่า  ทางบริษัทได้บอกเอาไว้สองค่าให้คนใช้ไปเลือกเติมตามการใช้งานเอาเอง จากคุณ : ton99 - [ วันรัฐธรรมนูญ 22:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รถผม 205/55R16 91W คนขับคนเดียว น้ำหนักลงเพลาหน้า 855kg ข้างละ = 427.5 kg = 942.47 lb 26 @ 1047 = 474.9 kg / 29 @ 1,135 30 @ 1,146 31 @ 1,190 32 @ 1,224 = 555.1 kg โรงงานแนะนำมาที่ 32 psi รถเดิม  วิ่งได้สุดราว 220km/h ได้ยาง V Rate ดังนั้น ต้องบวก 5 psi สำหรับ วิ่ง topspeed   และ รับ load ได้ 97% ของ max load (จาก http://www.tirerack.com/tires/tiretech/general/airpress_loadadj_Vspeed.jsp )   เป็น 31 psi ใกล้เคียงกับที่โรงงานแนะนำมา แสดงว่า เขาคิด เผื่อขาโหดไว้แล้ว และ บวกไว้ให้อีก 1 psi กันเหนียว คราวนี้ ถ้าเป็นยางผม ที่เป็น W Rate วิ่ง 220km/h ต้องเพิ่มลม 4.5 psi เป็น 30.5 psi รับ load ได้ 100% เต็ม จนถึง 240km/h ขอบคุณมากครับพี่เอก   ผมเองก็ไม่เคยคิดถึงข้อมูลพวกนี้เลยครับ จากคุณ : ถัง - [ 11 ธ.ค. 50 06:21:47 ]