PANTIP.COM : V6153105 E 85…อีกหนึ่งทางเลือกแก้เอทานอลล้น []

ความคิดเห็นที่ 1

แม้ว่าจะมีการส่งเสริมการใช้เอทานอล ทั้งในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 ออกเทน 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 แต่ประเทศไทยยังมีวัตถุดิบและกำลังการผลิตเอทานอลเหลืออีกเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันกำลังการผลิตเอทานอลในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 1.4 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ความต้องการใช้เอทานอลในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ มีเพียง 0.6 ล้านลิตรต่อวัน และยังมีกำลังผลิตของโรงงานเอทานอลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกถึง 3 ล้านลิตรต่อวัน ดังนั้นจึงควรหาแนวทางในการเพิ่มโอกาสการใช้เอทานอลเป็นพลังงานให้มากขึ้น ทั้งการพิจารณานำมาผสมในน้ำมันดีเซลร้อยละ2เป็นน้ำมันดีโซฮอล์ จะช่วยเพิ่มการใช้เอทานอลได้มากกว่า ล้านลิตรต่อวัน หรือการส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ซึ่งเป็นน้ำมันที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ใน ยุโรปและสหรัฐอเมริกา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแก่ผู้บริโภคบ้านเรา ประเมินว่าถ้ามีการใช้ E85ทดแทนน้ำมันกลุ่มเบนซินเพียงร้อยละ 10 จะเพิ่มการใช้เอทานอลได้อีกกว่า 1.7 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเอทานอลล้นได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญราคา E85 น่าจะถูกกว่าน้ำมันเบนซิน95ได้มากถึง 7-8 บาทต่อลิตร

เนื่องจากรถยนต์ที่จะสามารถปรับเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมเอทานอลอยู่ในระดับต่างๆกันและสูงมากอย่าง E85 นั้นต้องเป็นรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ประเภท Flexi Fuel Vehicle (FFV) ซึ่งนอกจากต้องใช้วัสดุที่เหมาะสมกับน้ำมันที่มีเอทานอลสัดส่วนสูงแล้วยังต้องติดตั้งเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจจับปริมาณส่วนผสมของเอทานอล และมีระบบควบคุม(Engine Calibration Updates)ในการปรับแต่งการเผาไหม้เชื้อเพลิง นอกจากนี้อาจต้องเพิ่มสัดส่วนของน้ำมันเบนซินให้มีสัดส่วนที่ยึดหยุ่นมากขึ้น คืออาจอยู่ระหว่างร้อยละ 15-20 เพื่อช่วยเพิ่มความดันไอของ E85 ให้สูงขึ้นซึ่งจะทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ง่ายในทุกสภาพอากาศ ถ้าทางภาครัฐมีนโยบายการเพิ่มทางเลือกของประชาชนโดย E85 อย่างชัดเจน สิ่งที่ต้องรีบดำเนินการคือการกำหนดอัตราภาษีสรรสามิตของรถ FFVซึ่งคงต้องลดหย่อนลงมาอย่าง E20 เพื่อจูงใจให้บริษัทรถยนต์เริ่มทำตลาดรถ FFV ล่วงหน้า และให้มีจำนวนรถยนต์ในท้องถนนมากพอที่ผู้ค้าน้ำมันจะหันมาเปิดจำหน่ายE85

จากนโยบายด้านพลังงานของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ใช้หาเสียงในขณะนี้ ที่ต่างสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน และด้วยศักยภาพการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งเอทานอลและไบโอดีเซล เชื่อว่าสามารถพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นผู้นำพลังงานชีวภาพอันดับ1ของเอเซียได้ไม่ยากนัก ซึ่งหมายถึงต้อง มีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในระดับสูง ทดแทนการนำเข้าน้ำมันได้มาก สามารถเป็นแบบอย่างของการดำเนินนโยบาย การบริหารจัดการ การวิจัยพัฒนาที่ประสบผลสำเร็จแก่นานาประเทศ รวมทั้งช่วยชักจูงให้ประเทศต่างๆหันมาส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อช่วยเพิ่มตลาดส่งออกแก่ผู้ผลิตของไทย ประมาณการว่าประเทศไทยน่าจะมีศักยภาพที่จะใช้เชื้อเพลิงชีวภาพรวมๆกันทดแทนน้ำมันในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 10-14ใน 5 ปีจากนี้ไป(ขึ้นกับความสามารถของรัฐบาลใหม่ที่จะบริหารจัดการและผลักดันว่าจะจริงจังมากน้อยแค่ไหน) ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้ที่สูงขึ้นและประหยัดการนำเข้าน้ำมันได้สูงถึง 80,000ล้านบาทต่อปี

จากคุณ : โลกสวยด้วยมือเรา - [ 21 ธ.ค. 50 10:26:47 A:202.142.195.77 X: TicketID:110348 ]