ความคิดเห็นที่ 1 2KD-FTV 102 แรงม้า แรงบิด 200N-m/1400-3400RPM ขอแก้นะครับ จากคุณ : onlineroad - [ 30 ธ.ค. 50 19:05:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Flat Torque คือ แรงบิดแบบต่อเนื่องครับ http://www.phithan-toyota.com/newphithan/article_detail.php?article_id=76&category_id=1&read=1 จากคุณ : Preceda2 - [ 30 ธ.ค. 50 20:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คือแรงบิดมาเร็ว เช่น 1400 รอบต่อนาทีและคงแรงบิดที่สูงๆ แบบนี้ (flat = เรียบเป็นแนวตรง) ไปเรื่อยจนถึง 3400 รอบ ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย ขับสบายกว่า จากคุณ : K.Senior - [ 30 ธ.ค. 50 22:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ได้แปลว่าเปลี่ยนเกียรืได้ง่ายเพราะแรงบิดช่วงกว้าง ทำให้ไม่สะดุดเวลาบรรทุกของหนักหรอกรึ จากคุณ : ของมีคม - [ 30 ธ.ค. 50 23:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แรงกว่า ขับง่ายกว่า ยิ่งดีเซลออฟโรดนี่ใช่เลย เพราะถ้าไม่ใช่ Flat torque จะขับปีนป่ายยากกว่า กดเบาไป-ไต่ไม่ขึ้น กดหนักไป-ล้อฟรี ถ้าเป็น M/T วิธีทดลองก็ง่ายๆ เลยครับ หาทางโล่งๆ ขับให้ความเร็วลอยตัวซัก 20-40 ก็พอ เลี้ยงรอบให้อยู่แถว 1,000 รอบ เกียร์ 2 หรือ 3 กำลังดี แล้วกระทืบคันเร่งให้สุด แล้วดูอาการตอบสนอง ว่ารอบเครื่อง"เริ่มกวาด" และรถ"เริ่มพุ่ง"ช่วงไหน ถ้าเริ่มดึงได้แถว 1,500-3,500 ก็น่าจะใช่เลย ถ้าไม่ใช่ flat torque ก็แบบ Triton ที่บ้านเลย กระทืบลงไปตรง 1,000 รอบ มันค่อยๆ กระดึบๆ พอถึง 2,000 รอบนี่ดึงปรื๊ดเลย แล้วก็ไปหมดลมแถว 3,000 ต้นๆ หลังจากนั้นพอกดไปยัน 4,500 รตน.แล้วก็มีแต่เสียง กับอาการไหลไปเรื่อยๆ จากคุณ : lookkaew_lechery - [ 30 ธ.ค. 50 23:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เครื่องพวกนี้ถ้าขึ้นไดโน แรงบิดมันก็ไม่ flat แบบกราฟที่เอามาให้เราดู สาเหตุที่มันเป็น flat  มันเกิดจากความพยายามทำให้แรงบิดมันเป็น flat เอาตั้งแต่ Turbo แปรผันที่คอยส่งไอดีให้ได้ VE ระดับเดียวกัน ซึ่งความจริงถ้าปล่อยให้มันอัดลมได้เต็มๆตามที่มันอัดได้  แรงบิดมันก็จะเป็นทรงภูเขา มาจนถึงการปรับน้ำมันเพื่อให้ได้แรงบิดคงที่ ลองดูผลกราฟไดโนพวก Vigo ที่ปลดล็อคกล่องเพื่อเพิ่มแรง จะเห็นว่าแรงบิดมันไม่ได้ flat แล้ว  มันจะกลับมาเป็นทรงภูเขาเหมือนเดิม จากคุณ : ton99 - [ 30 ธ.ค. 50 23:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 flat(ราบเรียบ คงที่ สมำเสมอ) เอามาจากการ plot กราฟ แรงบิดครับ หมายถึง แรงบิดที่รอบ เท่านั้น ไปถึง รอบเท่านี้ แรงบิด อัตราเร่งจะมาแบบคงที่ พอเลยช่วงรอบที่ว่าไป แรงบิดอาจจะตกแล้วก็ได้ หรือถ้ายังหมุนไม่ได้รอบที่กำหนด แรงอาจจะยังไม่มี เท่าที่ขับดู รถผมจะพุ่งที่สุด และ พุ่งอย่างต่อเนื่อง ในช่วง flat torque นี่แหล่ะ เลยไปก็ไม่พุ่งแล้ว จากคุณ : p (pabada) - [ วันสิ้นปี 02:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เครื่อง D4D ของโตโยต้า 1KD-FTV 163 แรงม้า แรงบิด 343N-m/1400-3200RPM 2KD-FTV 120 แรงม้า แรงบิด 200N-m/1400-3400RPM หรือของอีซุซุ 4JJ1-TC 146แรงม้า แรงบิด 294N-m/1400-3400RPM ทั้งสามเครื่องยนต์ที่กล่าวนี้ถือว่ามี FLAT TORQUEใช่มั้ยครับ >>>>>>>> ใช่ครับ สเปคแบบนี้ เป็น Flat Torque ครับ ที่ทำ Flat Torque เพื่อให้รถมี Elastic ดี ยิ่ง torque มารอบต่ำ ยิ่งมี Elastic ดี แบบรถ อมก. เครื่องใหญ่ๆ สมัยก่อน เขาทำเกียร์แค่ 3 เกียร์ เพราะเครื่องใหญ่มีแรงบิดดี และ elastic ดี ขับสบาย ตามที่คุณ K Sernior บอกว่า ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ เครื่อง B ของ Cummins (อมก.) ก็เซตหัวฉีดให้ได้แรงบิด Flat Torque พอเป็นอย่างนี้ ก็มีคำถามตามมาว่า ทำไมช่วงปลายๆ กราฟ ถึงทำให้ Torque ตกลง ที่ทำแบบนี้ เขาต้องการให้เกิด Torque rise การขับขี่ก็มีประสิทธิภาพดีขึ้น ตัวอย่าง รถบรรทุกหนัก ขับมาด้วยความเร็วระดับหนึ่ง พอเจอถนนเป็นเนินสูงขึ้น รอบเครื่องค่อยๆลดลง (นึกภาพออกนะครับ) เมื่อรอบลดลง ขณะเดียวกัน แรงบิดจะเพิ่มขึ้นเอง รถก็จะมีพลังขึ้นเนินได้ โดยคนขับไม่ต้องเติมคันเร่ง ครับ อย่างนี้ เรียกว่า Torque Rise ถ้าดูสเปครถบรรทุก จะมีคำนี้ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ วันสิ้นปี 10:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราจะสามารถรู้ได้ไหมว่ารถเรามี FLAT TORQUE หรือไม่ถ้าไม่ดูจากสเปกรถ >>>>>>>>>>>> ได้ ครับ จากข้อมูลนี้ อัตราเร่ง ==> ต้องการใช้ "แรงบิด" จากข้อมูลข้างบน ทดลองเหยียบจม ตั้งแต่รอบ 1000 rpm ความเร็วจะค่อยกระดืบๆ เร็วขึ้น พอถึง 1400 rpm รถจะเริ่มเร่งได้กระฉับกระเฉง และอัตราเร่งต่อเนื่องไปเรื่อย พอถึง 3000 rpm อัตราเร่งก็ค่อยๆแผ่วไป ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ วันสิ้นปี 11:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อมูลปึ๊กมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ขอถามต่ออีกทีนะครับ รถที่มี flat torque จำเป็นต้องมีเทอร์โบแบบแปรผันมั้ยครับ หรือถ้าไม่มีเทอร์โบแปรผันก็สามารถออกแบบให้เป็น flat torque ได้ จากคุณ : onlineroad - [ วันสิ้นปี 13:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มีความรู้อย่างละเอียดด้านนี้ แต่เท่าที่เห็น ระบบอัดอากาศธรรมดาสามารถทำ flat torque ได้ แต่เห็นเฉพาะกับเครื่องเบนซินที่มีวาล์วแปรผ้น หรือถ้าเป็นดีเซลเทอร์โบธรรมดาก็พอมีบ้าง แต่เกิดจากการตั้งใจปรับแต่งปริมาณการจ่ายน้ำมัน/รับอากาศให้คงที่ เพื่อให้แรงบิดดูเนียน ไม่กระโชกโฮกฮาก แต่เทอร์โบแปรผันถือเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้าง flat torque เลย เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ power band กว้าง รอรอบน้อย ซึ่งเทอร์โบไม่แปรผันสามารถสร้าง max torque ได้ที่รอบเครื่องจุดเดียวเท่านั้น จากคุณ : lookkaew_lechery - [ วันสิ้นปี 21:04:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 2KD-FTV 102 แรงม้า แรงบิด 200N-m/1400-3400RPM ขอแก้นะครับ จากคุณ : onlineroad  - [ 30 ธ.ค. 50 19:05:18 ] เครื่องตัวนี้(ไม่มีอินเตอคูล)ส่วนใหญ่อยู่ในกระบะตอนเดียว  ไม่มีเทอร์โบแปรผัน น่าจะflat torque ด้วยโปรแกรมจ่ายน้ำมันจากกล่องควบคุมครับ จากคุณ : jazzzz - [ วันสิ้นปี 21:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 flat torque ควบคุมได้ โดยโปรแกรมจ่ายน้ำมัน และแรงดันเทอร์โบ(จ่ายอากาศ) ทำให้ออกแบบ ระบบส่งกำลังได้ขนาดพอเหมาะ ขนาดเครื่องยนต์ได้พอเหมาะ ไม่ต้องเผื่อตอนแรงบิดสูงสุด ทำให้รถไม่แพงมาก จากคุณ : ป๋า - [ วันสิ้นปี 23:38:00 A:unknown X:203.149.16.34 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วย กับ คุณ ป๋า แรงบิดไม่มีทาง flat ได้นอกจากจงใจควบคุม ตัดยอดภูเขาทิ้ง เพื่อลดต้นทุนวิศวกรรมอื่นๆที่จะตามมาตามความแรงของรถ รถผมเป็นตัวอย่างชัดเจนมาก .. ผมใช้รถ เบนซิน ที่แรงบิดเป็นเส้นตรง ตั้งแต่ 1950 rpm. ไปจนถึง 5000 สองร้อยกว่าแรงม้า รถคันนี้ใช้ ไป 100,000 กม แรงกว่าตอนป้ายแดงมาก ทุกครั้งที่เอาเข้า ศูนย์บริการ ทุก 20,000 กม. ก็จะอืดเหมือนเดิม แต่ใช้ไป ใช้ไป จะแรงขึ้นเรื่อยๆ ขนาด 220 กม/ชม. กด ยังหลังแทบติดเบาะ ช่วงออกจาก ศูนย์ ใหม่ๆ ทุกครั้ง เกิน 200 ก็เหนื่อย แล้ว ตอนนี้ช่วงใหนที่รถแรง มากๆ ต้องวเอา เข้าศูนย์ให้เช็ค กลัวพัง จากคุณ : Joe - [ 1 ม.ค. 51 09:33:37 A:58.9.144.45 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จงใจควบคุม ตัดยอดภูเขาทิ้ง เพื่อลดต้นทุนวิศวกรรมอื่นๆที่จะตามมาตามความแรงของรถ >>>>>>>> ใครออกแบบเครื่องยนต์ แล้วกลัวเครื่องจะแรงมาก ถึงกับต้อง "บอนไซ" ไว้ ผมว่า.... เป็นความคิดที่ประหลาดมาก จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 2 ม.ค. 51 07:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมใช้รถ เบนซิน ที่แรงบิดเป็นเส้นตรง ตั้งแต่ 1950 rpm. ไปจนถึง 5000 สองร้อยกว่าแรงม้า >>>>>>>> นี่ก็แปลก เครื่องเบนซินแรงบิดเป็นเส้นตรง เส้นตรงขึ้นฟ้า หรือ เส้นตรงขอบฟ้า ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 2 ม.ค. 51 07:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รถคันนี้ใช้ ไป 100,000 กม แรงกว่าตอนป้ายแดงมาก ... แต่ใช้ไป ใช้ไป จะแรงขึ้นเรื่อยๆ >>>>>>> อันนี้ไม่แปลก ก็ .. ม้าของคุณมันโตขึ้นทุกวัน คุณให้มันกินดีเกินไป ระวังม้าจะอ้วนเกินไป   จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 2 ม.ค. 51 07:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 14 สงสัยจะเป็น Porsche 911 twin-turbo หรือ Subaru twin-turbo จากคุณ : ป๋า - [ 2 ม.ค. 51 08:13:08 A:unknown X:203.149.16.34 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Subaru 2-stage twin turbo http://www.cw-gas.com/th/index.php?option=com_content&task=view&id=60&Itemid=1 จากคุณ : ป๋า - [ 2 ม.ค. 51 08:26:49 A:unknown X:203.149.16.34 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 20 http://www.isuzu-tis.com/2008/product/mu-7-engine.html รุ่นเกียร์ออโต ถูกควบคุมแรงบิดให้ต่ำกว่าเกียร์ ธรรมดา จากคุณ : ป๋า - [ 2 ม.ค. 51 08:44:20 A:unknown X:203.149.16.34 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 21 FLAT TORQUE ในเครื่องยนต์ดีเซลหมายความว่าอะไรครับ หมายถึงเครื่องยนต์ จะให้แรงบิดอย่างสม่ำเสมอ เช่น 1KD-FTV 163 แรงม้า แรงบิด 343N-m/1400-3200RPM ที่รอบ 1400-3200RPM จะให้แรงบิด 343N-m แรงบิดนี้น่าจะเป็นค่าเฉลี่ยน่ะครับไม่แน่ใจ เพราะถ้าเอาไปวัดจริงๆ จะได้ แรงบิดสูงสุดที่ 400 กว่า N-m แรงบิด(TORQUE ) = แรง(F) x รัศมีตามแนวแรง ( r) ที่รอบ 1400-3200RPM จะให้แรงบิด 343N-m (นิวตัน-เมตร) ถ้ากำหนดให้ รัศมีตามแนวแรง ( r) เท่ากับ 1 เมตร เพราะฉนั้น แรง(F) เท่ากับ 343 N (นิวตัน) แรง(F) = มวล (m) x อัตราเร่ง (a) เพราะฉนั้น อัตราเร่ง (a) = แรง(F) / มวล (m) ถ้า มวล (m) คือน้ำหนักของรถที่มีค่าคงที่ เพราะฉนั้น ที่รอบ 1400-3200RPM  แรง(F) เท่ากับ 343 N (นิวตัน) จะได้อัตราเร่ง (a) คงที่สม่ำเสมอ ง่ายๆ ก็คืออัตราเร่ง (a) ดีตั้งแต่รอบต้นยันปลาย อัตราเร่ง (a) จะดีได้ ตามสูตรน่ะครับ อัตราเร่ง (a) = แรง(F) / มวล (m) ก็ต้องลดน้ำหนักของรถ หรือเพิ่มแรง แรง(F) โดยการเพิ่มน้ำมัน + อากาศ จากคุณ : เฉื่อยฉ่ำ (เฉื่อยฉ่ำ) - [ 2 ม.ค. 51 10:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ป๋ายังสุดยอดเหมือนเดิมนะครับ จากคุณ : ตามมาดู - [ 2 ม.ค. 51 16:37:28 A:210.246.64.162 X: TicketID:131513 ]

ความคิดเห็นที่ 23 FLAT TORQUE ก็คือ แรงบิดที่ราบเรียบในช่วงกว้างครับ โดยปรกติแล้ว เครื่องยนต์ทั่วไป จะให้แรงบิดสูงสุดในรอบเครื่อง เพียงจุดเดียวเท่านั้นครับผม อาจจะเป็น ๒๕๐๐ รอบต่อนาที อะไร ทำนองนี้ครับ แต่ ด้วยความพยายามของเทคโนโลยี ก็พยายามที่ จะทำให้ แรงบิดของเครื่องยนต์นั้นๆ มีค่าสูงสุดต่อเนื่องไปนานๆ ยาวๆ ครับผม ถึงแม้นว่า การทำแบบนี้ จะไม่ได้เพิ่มแรงม้าให้เครื่องยนต์ แต่ ... มันก็ทำให้ เครื่องยนต์ตัวนั้น มีกำลังออกมาอย่างต่อเนื่อง และลด อาการรอรอบลงได้อย่างดีทีเดียวครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 2 ม.ค. 51 17:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Hi K. ช่างกล - หนุ่ม การตอนแรงม้ารถยนต์ ไม่ใช่เรื่องตลก รถคันนี้ spec ก่อนตอนแรงม้าเพื่อลดภาษีนำเข้าคือ 230 กว่า แรงม้า tq 350nm. กราฟแรงบิดในสมุดคู่มือ คือ 350nm flat (แบบไม้บรรทัดขีดเลย ไม่มีโค้ง) ตั้วแต่ 1950 rpm ถึง 5000 rpm ปลายๆ spec เพิ่มเติมตามสมุดคู่มือ และ ช่างเยอรมันประจำศูนย์บริการบอกตรงกันคือ overboost 280 แรงม้า ได้ 30 วินาทีเมื่อกดคันเร่งเต็ม เคยถามช่างเยอรมันคนนี้ว่าทำไมไม่ปล่อยเลยตามเลย 280 แรงม้า ตอนนั้นคาดว่าจะได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่อง driveability แต่กลับได้คำตอบว่า รถจะแพงขึ้นอีก ... เนื่องจาก ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนในเครื่องยนต์บางตัวเพื่อให้เครื่องทนเท่าเดิม พร้อมทั้งต้องหาเกีบร์ใหม่มาใส่ (แพง) แต่เบรกยังรับได้สบายไม่ต้องเปลี่ยน แถมหยิบเครื่องคิดเลขมาจิ้มให้ดูอีกว่า ถ้าไม่ ตอนไว้ แรงบิดจะขึ้นไปเท่าไร ซึ่งเกินกลังของเกียร์ ออโต้ ZF ตัวนี้ .... รถคันนี้ใช้ turbo แค่ลูกเดียว และกำลังอัดก็สูงมากกว่ารถเบนซินที่ใช้ turbo ทั่งไป สงสัยจะใช้ turbo ลูกเล็กๆอยากให้ boost เร็วๆ ..เลยต้องคอยตอนไว้เมื่อรอบจัดขึ้น ง่ายสุด.......ย่อหน้านี้เดาเอาเองล้วนๆ ....!!!!สารภาพ .. จึงเดาต่อไปว่า รถอื่นอาจใช้ concept เดียวกัน turbo เล็ก = boost เร็ว และรีบตอนไว้ไม่ให้กระจาย = ง่ายสุด ถูกสุด และเรื่องรถแรงขึ้นเมื่อห่างอู่ก็ไม่ ตลก ช่วงห่างศูนย์บริการนานๆ เกย์ turbo จะ boost ขึ้นไปถึง 2.3 bar ทุกครั้งที่กระทืบมิด ช่วงนี้รถจะแรงมากๆ ...แต่กลัวพัง ต้องคอยอ่านเกย์ระวังเอาเอง แต่แวลาที่พึ่งฟิตเครื่องออกจากศูนย์ใหม่ๆ เกย์ จะขึ้น ไม่เกิน bar กว่าๆ ไม่ว่าจะกดขนาดใหน ช่วงนี้จะอืดกว่าตอนเครื่องโทรมๆเยอะ และมีรุ่นเดียวกันอย่างน้อยอีก หนึ่งคันที่มีอาการเดียวกันนี้ จากคุณ : Joe - [ 2 ม.ค. 51 18:03:59 A:58.10.27.162 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 25 Hi K. ช่างกล - หนุ่ม การตอนแรงม้ารถยนต์ ไม่ใช่เรื่องตลก รถคันนี้ spec ก่อนตอนแรงม้าเพื่อลดภาษีนำเข้าคือ 230 กว่า แรงม้า tq 350nm. กราฟแรงบิดในสมุดคู่มือ คือ 350nm flat (แบบไม้บรรทัดขีดเลย ไม่มีโค้ง) ตั้วแต่ 1950 rpm ถึง 5000 rpm ปลายๆ spec เพิ่มเติมตามสมุดคู่มือ และ ช่างเยอรมันประจำศูนย์บริการบอกตรงกันคือ overboost 280 แรงม้า ได้ 30 วินาทีเมื่อกดคันเร่งเต็ม เคยถามช่างเยอรมันคนนี้ว่าทำไมไม่ปล่อยเลยตามเลย 280 แรงม้า ตอนนั้นคาดว่าจะได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่อง driveability แต่กลับได้คำตอบว่า รถจะแพงขึ้นอีก ... เนื่องจาก ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนในเครื่องยนต์บางตัวเพื่อให้เครื่องทนเท่าเดิม พร้อมทั้งต้องหาเกีบร์ใหม่มาใส่ (แพง) แต่เบรกยังรับได้สบายไม่ต้องเปลี่ยน แถมหยิบเครื่องคิดเลขมาจิ้มให้ดูอีกว่า ถ้าไม่ ตอนไว้ แรงบิดจะขึ้นไปเท่าไร ซึ่งเกินกลังของเกียร์ ออโต้ ZF ตัวนี้ .... รถคันนี้ใช้ turbo แค่ลูกเดียว และกำลังอัดก็สูงมากกว่ารถเบนซินที่ใช้ turbo ทั่งไป สงสัยจะใช้ turbo ลูกเล็กๆอยากให้ boost เร็วๆ ..เลยต้องคอยตอนไว้เมื่อรอบจัดขึ้น ง่ายสุด.......ย่อหน้านี้เดาเอาเองล้วนๆ ....!!!!สารภาพ .. จึงเดาต่อไปว่า รถอื่นอาจใช้ concept เดียวกัน turbo เล็ก = boost เร็ว และรีบตอนไว้ไม่ให้กระจาย = ง่ายสุด ถูกสุด และเรื่องรถแรงขึ้นเมื่อห่างอู่ก็ไม่ ตลก ช่วงห่างศูนย์บริการนานๆ เกย์ turbo จะ boost ขึ้นไปถึง 2.3 bar ทุกครั้งที่กระทืบมิด ช่วงนี้รถจะแรงมากๆ ...แต่กลัวพัง ต้องคอยอ่านเกย์ระวังเอาเอง แต่แวลาที่พึ่งฟิตเครื่องออกจากศูนย์ใหม่ๆ เกย์ จะขึ้น ไม่เกิน bar กว่าๆ ไม่ว่าจะกดขนาดใหน ช่วงนี้จะอืดกว่าตอนเครื่องโทรมๆเยอะ และมีรุ่นเดียวกันอย่างน้อยอีก หนึ่งคันที่มีอาการเดียวกันนี้ จากคุณ : Joe - [ 2 ม.ค. 51 18:04:50 A:58.10.27.162 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 26 Hi K. ช่างกล - หนุ่ม การตอนแรงม้ารถยนต์ ไม่ใช่เรื่องตลก รถคันนี้ spec ก่อนตอนแรงม้าเพื่อลดภาษีนำเข้าคือ 230 กว่า แรงม้า tq 350nm. กราฟแรงบิดในสมุดคู่มือ คือ 350nm flat (แบบไม้บรรทัดขีดเลย ไม่มีโค้ง) ตั้วแต่ 1950 rpm ถึง 5000 rpm ปลายๆ spec เพิ่มเติมตามสมุดคู่มือ และ ช่างเยอรมันประจำศูนย์บริการบอกตรงกันคือ overboost 280 แรงม้า ได้ 30 วินาทีเมื่อกดคันเร่งเต็ม เคยถามช่างเยอรมันคนนี้ว่าทำไมไม่ปล่อยเลยตามเลย 280 แรงม้า ตอนนั้นคาดว่าจะได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่อง driveability แต่กลับได้คำตอบว่า รถจะแพงขึ้นอีก ... เนื่องจาก ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนในเครื่องยนต์บางตัวเพื่อให้เครื่องทนเท่าเดิม พร้อมทั้งต้องหาเกีบร์ใหม่มาใส่ (แพง) แต่เบรกยังรับได้สบายไม่ต้องเปลี่ยน แถมหยิบเครื่องคิดเลขมาจิ้มให้ดูอีกว่า ถ้าไม่ ตอนไว้ แรงบิดจะขึ้นไปเท่าไร ซึ่งเกินกลังของเกียร์ ออโต้ ZF ตัวนี้ .... รถคันนี้ใช้ turbo แค่ลูกเดียว และกำลังอัดก็สูงมากกว่ารถเบนซินที่ใช้ turbo ทั่งไป สงสัยจะใช้ turbo ลูกเล็กๆอยากให้ boost เร็วๆ ..เลยต้องคอยตอนไว้เมื่อรอบจัดขึ้น ง่ายสุด.......ย่อหน้านี้เดาเอาเองล้วนๆ ....!!!!สารภาพ .. จึงเดาต่อไปว่า รถอื่นอาจใช้ concept เดียวกัน turbo เล็ก = boost เร็ว และรีบตอนไว้ไม่ให้กระจาย = ง่ายสุด ถูกสุด และเรื่องรถแรงขึ้นเมื่อห่างอู่ก็ไม่ ตลก ช่วงห่างศูนย์บริการนานๆ เกย์ turbo จะ boost ขึ้นไปถึง 2.3 bar ทุกครั้งที่กระทืบมิด ช่วงนี้รถจะแรงมากๆ ...แต่กลัวพัง ต้องคอยอ่านเกย์ระวังเอาเอง แต่แวลาที่พึ่งฟิตเครื่องออกจากศูนย์ใหม่ๆ เกย์ จะขึ้น ไม่เกิน bar กว่าๆ ไม่ว่าจะกดขนาดใหน ช่วงนี้จะอืดกว่าตอนเครื่องโทรมๆเยอะ และมีรุ่นเดียวกันอย่างน้อยอีก หนึ่งคันที่มีอาการเดียวกันนี้ จากคุณ : Joe - [ 2 ม.ค. 51 18:05:02 A:58.10.27.162 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 27 งงกับรถคุณ Joe อืม แปลกดี มีแรงมากขึ้นบ้าง แรงเป็นปกติบ้าง ตกลงรถคุณ Joe คือรถอะไรอะครับ อยากทราบ เผื่อใครจะได้ช่วยกันวิเคราะห์แรงบิดได้ถูก ว่าแต่แรงบิดดีจัง นอนมายังกับซูเปอร์ชาร์จแน่ะ จากคุณ : lookkaew_lechery - [ 2 ม.ค. 51 19:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอเดาว่ารถคุณjoe น่าจะเป็นAUDI S6ครับ จากคุณ : jazzzz - [ 3 ม.ค. 51 00:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ทำไมใช้ไปนานๆแล้วบูสต์ถึงไหลได้ ชิ้นส่วนไหนมันมีปัญหาหรือครับ จากคุณ : ton99 - [ 3 ม.ค. 51 03:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 30 การตอนแรงม้ารถยนต์ ไม่ใช่เรื่องตลก รถคันนี้ spec ก่อนตอนแรงม้าเพื่อลดภาษีนำเข้าคือ 230 กว่า แรงม้า tq 350nm. >>>>>>> มีเหตุผล .... จะลักไก่ เพื่อให้เสียเบี้ยประกันถูกๆ ... เป็นไปได้ ครับ คือ เบี้ยประกันเมืองฝรั่ง เขาคิดจาก max-HP  ********(1) แต่ไม่ได้คิดจาก  max-Torque ..........********(2) ว่าแต่คุณไปจ้างนักสืบที่ไหนสืบว่า "ก่อนตอนแรงม้า" เป็นเท่าไร ครับ ? ------------ กราฟแรงบิดในสมุดคู่มือ คือ 350nm flat (แบบไม้บรรทัดขีดเลย ไม่มีโค้ง) ตั้วแต่ 1950 rpm ถึง 5000 rpm ปลายๆ >>>>>>>>>>> คุณก็เหมาไปว่า flat-torque เพราะเขาตัดยอดภูเขาของ max-torque เพื่อจะ "ตอนแรงม้า"  ...... เข้าใจคิดดี แต่คิดผิด เพราะการทำอย่างนี้ไม่ทำให้ max-HP ลดลง ******* (3) ------------------------- spec เพิ่มเติมตามสมุดคู่มือ และ ช่างเยอรมันประจำศูนย์บริการบอกตรงกันคือ overboost 280 แรงม้า ได้ 30 วินาทีเมื่อกดคันเร่งเต็ม >>>>>>>>>>> ถ้าระบุใน spec สมุดคู่มือ == จริง  *******(4) ช่างประจำศูนย์ หรือ ช่างประจำโรงงานที่ไหน จะกล้าบอก "ไม่ตรงกัน" ครับ ======> ตกลงเครื่องตัวนี้ "ไม่ได้ตอนแรงม้าเอาไว้" คือไม่มีการ "ควบคุม max-HP" แต่อย่างใด เพราะ คนขับสามารถ Overload (หรือ Overboost) ได้ด้วยการกดคันเร่งเต็มที่ ........ ก็คุณบอกว่า "คู่มือ + ช่างฝา-หรั่งประจำศูนย์" บอกนี่ครับ -------------------- เคยถามช่างเยอรมันคนนี้ว่าทำไมไม่ปล่อยเลยตามเลย 280 แรงม้า ตอนนั้นคาดว่าจะได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่อง driveability แต่กลับได้คำตอบว่า รถจะแพงขึ้นอีก ... เนื่องจาก ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนในเครื่องยนต์บางตัวเพื่อให้เครื่องทนเท่าเดิม พร้อมทั้งต้องหาเกีบร์ใหม่มาใส่ (แพง) >>>>>>>>>>> คุณเชื่อหรือครับ ? ..... ถามจริงๆ เถอะครับ ....คุณเชื่อว่าวิศวกรเยอรมันออกแบบอย่างนี้เหรอ ? ถ้ารถคุณเป็นรถแข่งซิครับ ... ค่อยน่าฟังหน่อย แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 51 06:27:41 แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 51 06:26:12 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 3 ม.ค. 51 06:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่ได้จ้างนักสืบที่ใหน จะเขียนแดกดันกันไปทำไม คิดอะไรอยู่ในใจหรือ ก็ spec รุ่นที่ขายใน ต่างประเทศมัน 230 แต่ในไทย 219 แรง ภาษีนำเข้าไทย ตั้งแต่ 220 แรงม้าขึ้น จะเสีย เพิ่ม. สรุป..ไม่ได้จ้างนักสืบ 3) คุมแรงบิดไม่มีผลกับแรงม้า ? เครื่อง ที่มี 1)แรงบิด 350nm ที่ 5000 รอบ กับเครื่องที่มี 2)แรงบิด 450nm. ที่ 5000 รอบ เครื่อง 2 ตัวนี้ที่ 5000 รอบมีแรงม้าเท่ากันใหม ? ...เคยเรียนมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ว่า (ง่ายสุด กรณีที่รู้ tq อยู่แล้ว) hpนรับเกิน 1000nm. สรุบ ผมยังไม่ได้ข้อมูลใหม่ ที่จะทำให้ผมเลิกเชื่อว่า วิธีที่จะทำ driveability ง่ายที่สุด ถูกสุดคือการ เอา turob เล็กๆ boost เร็วๆ เต็มๆตั้งแต่รอบต่ำๆ และคุมแรงดันไว้ และใช้ electronic และ การควบคุม การจ่ายน้ำมัน มาคอยเสริฟ จากคุณ : Joe - [ 3 ม.ค. 51 10:13:33 A:58.10.27.123 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 32 k. ช่างกล-หนุ่ม เอ้อ เขียนตกไป ที่เปรียบเทียบข้อ 3 ความรู้โบราณในอดีตจำได้ว่า (เอาgเฉพาะกรณ๊ที่มีค่า tq ในมือ) hp=(ft-lb) x RPM/5252 ดังนั้น เครืองที่ 2 แรงม้าจะมากกว่าตัวแรก ราวๆ 20% 4) ถ้าไม่ตอนแรง แล้วทำไมอณุญาติให้ใช้ได้แค่ 30 วิ. ผมยังเชื่อเจ้าช่างเยอรมันนั้นอยู่ เพราะผมหาเหตุจูงใจของเขาที่จะโกหกผมไม่เจอ ไม่รูจะโหกทำไม ..ที่คุยกันนั้นประมาณเกือบ 10 ปีมาแล้ว แต่ยังจำได้เขาให้ข้อมูลว่า ZF auto รุ่นนี้ รับได้แค่ 400nm. เกียร์รุ่นนี้โบราณเกือบ 20 ปีมาแล้ว สมัยนี้ MB AMG รุ่น 2007 (พวกใช้ TUROB or super charg1) ยังมีการจำกัดแรงบิด และระบุไว้ชัดเจนว่ายังไม่มี เกียร์ auto ในตลาด ที่รับแรงบิดเครื่องเขาได้ จากคุณ : Joe - [ 3 ม.ค. 51 10:28:53 A:58.10.27.123 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณโจ คุณเชื่อช่างเยอรมันนะดีแล้วครับ เขาน่าจะรู้ดีที่สุด ดีกว่าคนอื่นๆ ช่างที่นั่นไม่เหมือนช่างไทยจอมมั่ว... จากคุณ : เหนือฟ้ายังมีฟ้า - [ 3 ม.ค. 51 14:41:09 A:125.25.155.252 X: TicketID:131513 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอแย้งหน่อยนะครับ ปกติเครื่องถึงจะ flat torque ก็จริง แต่ max hp มันจะอยู่ที่รอบสูงกว่าช่วง flat นะครับ /// เอ้อ เขียนตกไป ที่เปรียบเทียบข้อ 3 ความรู้โบราณในอดีตจำได้ว่า (เอาgเฉพาะกรณ๊ที่มีค่า tq ในมือ) hp=(ft-lb) x RPM/5252 ดังนั้น เครืองที่ 2 แรงม้าจะมากกว่าตัวแรก ราวๆ 20% /// สูตรที่ว่านี้เป็นสูตรที่เทียบแรงม้าแรงบิดที่รอบหนึ่งๆ ไม่ได้บอกว่า max torque เท่านี้  max hp จะได้เท่านั้นนะครับ อย่างรถคันที่ว่านี้ max hp คงมาไม่ต่ำกว่า 5000rpm ดังนั้นต่อให้มันปลดล็อคจาก flat ไป  max hp มันก็ไม่ได้เพิ่ม ปกติวิธีตอนม้า  ที่บริษัทรถชอบใช้กัน คือการท่วมน้ำมันที่รอบสูงไปเยอะๆ เมื่อ A/F มันหนาเกินไป  แรงม้ามันก็จะตกลงมาเอง แต่ถ้าเป็นเครื่อง turbo และมีแรงม้าเกินไปมากๆ  อาจจะไปลดบูสต์ตรงช่วงปลายลง แต่บางทีบริษัทรถก็ใช้วิธีลักไก่   คือไม่ได้ตอนม้าจริงๆหรอก คันที่ตอนม้าจริงๆก็คือคันที่ส่งไปตรวจครั้งแรก   ส่วนคันที่ขายจริงๆก็ไม่ได้ตอนแล้ว อีกเรื่องที่ผมสงสัยคือ  สามารถไหลไป 280 ม้าได้ 30 วิ ปกติ max hp มันก็มีอยู่แค่ช่วงรอบนึงเท่านั้น  ถ้าลากรอบเลยไปม้ามันก็จะตก ดังนั้นผมยังนึกไม่ออกว่าจะเรียก 280ม้า ออกมาได้ 30 วิ  ได้ยังไง จากคุณ : ton99 - [ 4 ม.ค. 51 01:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอแย้งหน่อยนะครับ ปกติเครื่องถึงจะ flat torque ก็จริง แต่ max hp มันจะอยู่ที่รอบสูงกว่าช่วง flat นะครับ >>>>>>>>> ก็เพราะ max-HP มันไม่ได้อยู่ที่ max-Torque นี่แหละ ผมถึงติงว่าคุณ joe เข้าใจผิด //.. ...ว่า flat-torque เพราะเขาตัดยอดภูเขาของ max-torque เพื่อจะ "ตอนแรงม้า"  ...... เข้าใจคิดดี แต่คิดผิด เพราะการทำอย่างนี้ไม่ทำให้ max-HP ลดลง ******* (3) ...// แต่คุณ Joe ยังไม่เข้าใจ สงสัยจะต้องพูดภาษาเยอรมัน มั่ง   จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 ม.ค. 51 05:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 3) คุมแรงบิดไม่มีผลกับแรงม้า ? เครื่อง ที่มี 1)แรงบิด 350nm ที่ 5000 รอบ กับเครื่องที่มี 2)แรงบิด 450nm. ที่ 5000 รอบ เครื่อง 2 ตัวนี้ที่ 5000 รอบมีแรงม้าเท่ากันใหม ? ...เคยเรียนมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ว่า (ง่ายสุด กรณีที่รู้ tq อยู่แล้ว) hpนรับเกิน 1000nm. >>>>>>>>>> ผมไม่ได้พูดว่า "คุมแรงบิดไม่มีผลกับแรงม้า"  ...... (1) ผมบอกว่า "ถ้าตัดยอด max-torque ออกทำให้เป็น flat-torque การตัด max-torque ทิ้ง อย่างนี้ไม่มีผลกับ max-HP " ....... (2) อย่ามั่ว เพราะ (1) กับ (2) ความหมาย=ไม่เหมือนกัน จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 ม.ค. 51 05:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 1)แรงบิด 350nm ที่ 5000 รอบ 2)แรงบิด 450nm. ที่ 5000 รอบ เครื่อง 2 ตัวนี้ที่ 5000 รอบมีแรงม้าเท่ากันใหม ? >>>>>>>>>>> แน่นอน ครับ ข้อ 2 มี max HP มากกว่า แล้ว 1) คุณว่า .... max-Torque มันอยู่ที่รอบเท่าไร ครับ ? 2) ตัด max-Torque ทิ้งเพื่อทำให้กราฟกลายเป็น Flat-torque คุณตัด torque ตรงไหนครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 ม.ค. 51 05:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จาก คห. 30 คุณก็เหมาไปว่า flat-torque เพราะเขาตัดยอดภูเขาของ max-torque เพื่อจะ "ตอนแรงม้า"  ...... เข้าใจคิดดี แต่คิดผิด เพราะการทำอย่างนี้ไม่ทำให้ max-HP ลดลง ******* (3) >>>>>>>>>>> ผมพูดผิดตรงไหนครับ ? จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 ม.ค. 51 05:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 39 4) ถ้าไม่ตอนแรง แล้วทำไมอณุญาติให้ใช้ได้แค่ 30 วิ. >>>>>>>>>>> ผมถึงถามคุณว่า ถ้า"ตอนแรงม้า" แล้ว ทำไมคุณถึงเหยียบให้"แรงเกิน" ได้ เล่าครับ ? "ตอนแรงม้า" กะลิงที่ไหน ถึงปล่อยให้คุณเหยียบได้แรงม้ามากขึ้น ครับ ? จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 ม.ค. 51 05:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 40 4) ถ้าไม่ตอนแรง แล้วทำไมอณุญาติให้ใช้ได้แค่ 30 วิ. >>>>>>>>>> Rated HP อย่างนี้ เป็นการ rated HP แบบ  intermitent หมายความว่า Max-HP จำกัดให้ใช้ได้ชั่วคราว คือ 30 วิ หมายเหตุ intermittent แปลว่า not continuous จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 ม.ค. 51 06:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แล้วทำไมอณุญาติให้ใช้ได้แค่ 30 วิ. >>>>>>> เป็นคำถามที่ดีมาก  ป่อย ป่อย ป่อย ... ผมเคยชี้แจงเรื่อง max-intermittent HP ให้ นายช่างใหญ่ กรมอู่ทหารเรือ ... เมื่อ 20กว่าปีแล้ว   หลังจากนั้น   กองทัพเรือทำสัญญาสั่งเครื่องเรือ 20 เครื่องโดยใช้งบผูกพัน ครับ ก่อนอื่น.... ขอทำความเข้าใจ ดังนี้ ที่คุณ joe บอกว่า "ช่างฝรั่งเยอรมัน + user manual" เขาห้ามไม่ให้ใช้เกิน 30 วิ ถามว่า ถ้าใช้เกิน 30 วิ จะเป็นอย่างไร ? 1) เครื่องพัง 2) เกียร์พัง หรือ 3) อะไรพัง สักอย่าง ขออนุญาตถาม เพื่อต่อยอดความเข้าใจ คุณ joe คงไม่อยากเอาไปอ้าง แค่ "ช่างเยอรมันบอก" หรือ "ตำราบอก"  จริงไหม ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 ม.ค. 51 06:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ใช่ตอนแรงม้า ครับ แต่เป็นการตอนแรงบิด แรงบิด ต้องไม่เกินความสามารถของเกียร์ และระบบส่งกำลังที่จะรับได้ จากคุณ : ป๋า - [ 4 ม.ค. 51 08:18:06 A:10.212.212.129 X:203.149.16.42 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 43 k. ช่างกล-หนุ่ม ความเข้าใจของผมครงกับที่ คุณ ป๋า กับ ton99 เขียนมาทุกอย่าง ส่วนที่คุณ ton99 ถามว่าทำไม boost ใหลได้ อันนี้ไม่ทราบแน่ชัด แต่พอเดาได้ แต่ไม่กล้าออกความเห็น ส่วนของคุณ ช่างกล ผมจับประเด็นได้ 3 ประเด็น ที่เห็นไม่ตรงกัน 1) ผมโกมั่วข้อมูล (ดูจากสำนวนและโทนที่เขียน ไม่น่าแปลเป็นอื่นได้) อันนี้ไม่ถือสา ถือซะว่าผมได้ความรู้เพิ่มทุกปีจาก web นี้ 2) เชื่อว่า flat tq เกิดขึ้นเอง ตามข้อจำกัดทางด้านวิศวกรรม ไม่มีทางที่ผู้ผลิตจงใจคุม 4) ไม่เชื่อว่า (สำหรับรถบ้านนั้น) แรงดัน turob และ tq มีผลต่อชิ้นส่วนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องไปคุม ผมเคยเก็บกราฟแรงบิด รถคันนี้ (เคยลงใน magazine ของ UK เมื่อ ประมาณปี 92-94 ) ที่แสดงกราฟเส้นประ ของแรงบิด ซึ่งเป็น การฟภูเขาธรรมดา ไป peak ที่แถวๆ 400nm++ (จำไม่ค่อยได้แล้ว) ในช่วง over boost 30 วินั้น ส่วนเส้นล่าง เป็นเส้นทึบ คือเส้นแรงบิด เรียบสนิทตั้งแต่ 1950 rpm. .... อย่างนี้ผมต้องแปลว่า ช่วง flatมือนกัน และ porche turob รุ่น 2005 หรือ 2006 ก็มีกราฟเส้นประภูเขานี้เหมือนกัน จากคุณ : Joe - [ 4 ม.ค. 51 13:36:30 A:58.10.27.34 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอถามต่อนะครับ หลังจากที่บูสต์ไหล แล้วเข้าไปที่ศูนย์ ทางช่างที่ศูนย์เขาทำยังไง ถึงกลับมาเหมือนเดิมครับ จากคุณ : ton99 - [ 4 ม.ค. 51 21:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความเข้าใจของผมครงกับที่ คุณ ป๋า กับ ton99 เขียนมาทุกอย่าง >>>>>>> โต้แย้งเรื่องเทคนิค คุณต้องหาเหตุผลเทคนิคมาโต้ซิครับ pop-vote เอามาอ้างไม่ได้หรอกครับ   ที่สำคัญ   ความเข้าใจที่คุณอ้างว่าตรงกับคุณ 2 คนนั้น ผมไม่เห็นตรงกับคุณ Joe อย่างไร ประเด็นที่คุณ Joe บอกว่า peak shaving ให้กราฟแรงบิดเป็น flat-torque เพื่อจะ "ตอนแรงม้า" -คุณ ton คห. 34 บอก ...ต่อให้มันปลดล็อคจาก flat ไป  max hp มันก็ไม่ได้เพิ่ม ปกติวิธีตอนม้า  ที่บริษัทรถชอบใช้กัน คือการท่วมน้ำมันที่รอบสูงไปเยอะๆ เมื่อ A/F มันหนาเกินไป  แรงม้ามันก็จะตกลงมาเอง -คุณป๋า(ของคุณ) ความคิดเห็นที่ 42  บอก ไม่ใช่ตอนแรงม้า ครับ และประเด็นที่ผมพยายามบอกคุณ คือ คุณเข้าใจผิด ที่ว่า .... Flat-Torque ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อ "ตอนแรงม้า" จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 ม.ค. 51 06:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านกันยืดยาวเลย ใครก็ได้ ตอบผมที ผมเข้าใจว่า - ตอนแรงบิด เป็นเรื่อง "จริง" ที่ว่าจริง คือเป็นการตอนแรงบิดเพื่อลดภาระกับชุดเกียร์อัตโนมัติ ไม่ได้ตอนเพื่อลดภาษีหรือค่าใช้จ่ายในการนำรถมาขายแต่อย่างใด - Overboost เป็นยังไงครับ มีด้วยหรือ ที่ว่า กดเรียกม้า Overboost ไปได้แค่ 30 วิ' - flat torque จริงๆ แล้วมันไม่ได้ flat แต่แรงบิดบนกราฟ เกิดจากการแสดงผลแบบพล็อตจุดเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีขึ้นมีลงนิดหน่อย แต่สามารถอนุมานได้ว่าแรงบิดมีประมาณ 30.xx - 30.yy Kg.-m. ที่รอบ 2000 - 5000 บริษัทรถเลยลากแรงบิดเป็นเส้นตรงที่ 2000 - 5000 รตน. แล้วบอกว่ามีแรงบิด 30.6 แทน ใช่ไหมครับ - ข้อนี้สงสัยมากเลย รถที่มีแรงบิดสูงสุดที่ 3600 รตน. แปลว่าที่ 3600 รตน.ที่บูสท์เต็มตามที่ตั้งหรือยังครับ หรือว่าเป็นเพราะที่รอบ 3600 รตน. เป็นจุดที่ "ชนกัน" ของประสิทธิภาพในการสร้างแรงบิดสูงสุดของตัวเครื่องยนต์เอง+แรงเสริมของ Turbo ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 51 09:49:22 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 51 09:44:48 จากคุณ : lookkaew_lechery - [ 5 ม.ค. 51 09:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนแรงบิดให้เป็น flat torque  มันไม่มีผลกับแรงม้าสูงสุดครับ ดังนั้นเรื่องภาษีจริงไม่เกี่ยวกับ flat torque แต่อย่าง Accord 3.0 ตัวที่แล้ว   ตัวนี้โดนตอนแรงม้าแรงบิดในช่วงรอบสูงทิ้งไป ไม่ได้ตอนแล้วเป็น flat torque   เพื่อไม่ให้แรงม้าเกินพิกัดภาษี ปกติที่แรงบิดสูงสุดบูสต์ก็จะมาเต็มแล้วครับ สำหรับเครื่อง turbo แรงบิดมันจะวิ่งตามแรงบูสต์เป็นหลัก จากคุณ : ton99 - [ 5 ม.ค. 51 11:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ^ ^ คห. 47 ตอบถูกต้อง จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 ม.ค. 51 20:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 49 การตอนแรงบิดเพื่อลดภาระกับชุดเกียร์อัตโนมัติ ไม่ได้ตอนเพื่อลดภาษีหรือค่าใช้จ่ายในการนำรถมาขายแต่อย่างใด >>>>>>>> ตามปกติ "ตอนแรงม้า"  เพื่อลดภาษี คือให้อยู่ในพิกัดหนึ่ง ถ้าแรงม้าเกิน จะเสียภาษีขยับเป็นอีกพิกัดที่สูงกว่ามาก หรือ ตอนแรงม้าเพื่อลดเบี้ยประกัน คือ ประกันรถในต่างประเทศเขาคิดตามแรงม้า --การตอนแรงบิด (ลดลงไม่กี่เปอร์เซนต์ ) ไม่ค่อยมีผลที่จะทำให้เกียร์รับไม่ไหว หรอกครับ ในกรณีรถคุณ Joe ที่บอกว่า overboost ได้อีก 10 วิ เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า "เกียร์ยังทนไหว" ถ้าเกียร์ทนโหลดระดับนี้ไม่ไหวจริงๆ วัสดุเมื่อถูกโหลดถึง Yield Point มันก็พังเลย ไม่ใช่...รอให้โหลดเกิน 10 วิ ถึงจะพัง ....  ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 ม.ค. 51 20:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 50 มีด้วยหรือ ที่ว่า กดเรียกม้า Overboost ไปได้แค่ 30 วิ' >>>>>>>>> เครื่องยนต์บาง application เขาจะ rated HP ที่ยอมให้ overload ได้ X % และ load ได้นานเป็นเวลาเท่าไร ครับ แค่ 30 วิ ผมไม่เคยเห็น ที่สำคัญที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ถ้า load เกินเวลาที่กำหนดล่ะ .... จะเกิดอะไรขึ้น ? ซึ่งผมตั้งคำถามคุณ Joe  คห. 41 ครับ ผมถามเพื่อจะต่อยอดความเข้าใจ ไม่ได้ลองภูมิ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 ม.ค. 51 20:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ไม่ควรใช้คำว่า ตอน ตอนใช้วิธีตัดอัณฑะ ควรใช้คำว่าจำกัด (Limit) จากคุณ : ป๋า - [ 5 ม.ค. 51 21:27:26 A:unknown X:203.149.16.36 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เครื่องดีเซลคอมมอนเรลที่ทำขายกันเป็น Flat Torque นั้น เขาไม่ได้ตัดยอดภูเขาออก แต่เขาใช้ความฉลาดที่มากขึ้นของกล่อง + เทอร์โบแปรผันที่สามารถทำให้เรียกบูสต์ได้เร็วขึ้น . . . มาช่วยเติมแรงบิดในช่วงรอบต่ำให้มันขึ้นไปไกล้ยอดบนได้เร็วขึ้น เติมเนินก่อนถึงยอดให้เต็มเร็วจนดู Flat ได้ประโยชน์ มากกว่าไปตัดยอดเพื่อให้มัน Flat ครับ จากคุณ : A-Z - [ 5 ม.ค. 51 22:33:42 A:203.113.34.8 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 53 - สรุปว่าการตัดอัณฑะแรงบิดรถ Turbo ที่ใช้ในเกียร์อัตโนมัติบางตัว ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องเกียร์รับไม่ไหว งั้นผมขอเปลี่ยนเหตุผลเป็น "เพื่อให้ขับง่ายขึ้น และคงความนุ่มนวลในแบบเกียร์อัตโนมัติ" ถูกต้องมั้ยครับ - อันนี้เครื่องเบนซินนะครับ จาก คห. 47 ทำให้ผมเข้าใจว่า แรงบิดมาเต็มต่อเมื่อบูสท์เต็มแล้ว แปลว่า รอบเครื่องหลังจากนั้น แรงบิดจะไหลลงเรื่อยๆ Turbo ทำหน้าที่แค่คงแรงบิดไว้ไม่ให้ตกไปมาก แรงจากเครื่องยนต์จะออกมาทำหน้าที่ต่อแทน ว่าพื้นฐานเครื่องเดิมเป็นยังไง รอบจัดมั้ย พอจะสร้างแรงบิดที่เหลือได้เท่าไหร่  อย่างเครื่อง 6G72 ที่ใช้ทวินเทอร์โบ 280 แรงม้า/6,000 รตน.แรงบิด 43.6 KG-m ที่รอบแค่ 2,500 รอบเอง เค้าปั้นแรงบิดกันยังไงให้มันมาเร็วๆ อะครับ ในเมื่อพื้นฐานเป็นเครื่องชักสั้นดันเร็วแบบโอเวอร์สแควร์ 6 สูบ 24 วาล์ว ไม่มีระบบวาล์วแปรผันด้วย อย่างนี้รอบปลายแรงจะตกไปเลยใช่มั้ยครับ จากคุณ : lookkaew_lechery - [ 6 ม.ค. 51 00:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบพี่ A-Z  ผมว่ามันตัดยอดเขาออกมากกว่าครับ เครื่องพวกนี้จับเอาไปใส่กล่องปลดล็อค   กราฟแรงบิดจะขึ้นมาเป็นภูเขา ไม่เรียบเหมือน spec แล้ว และจะได้ช่วงปลายที่ไปไกลขึ้น  แรงม้าเลยขึ้นมากตามไปด้วย ยอดแรงบิดจาก 340 ขึ้นไประดับ 400 500 หรือ 600 ก็ยังมี สำหรับ turbo ลูกเดิม จากคุณ : ton99 - [ 6 ม.ค. 51 00:34:57 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้าอยากรู้ว่าเครื่องรุ่นไหนเป็น flat torque ก็ลองเอากราฟ torque/rpm มาดู ถ้าเห็นเป็นหน้าตาแบบยอดภูกระดึงไม่ใช่ยอดเอฟเวอร์เรสล่ะก็ เป็น flat torque แน่นอน ผมมองว่าถ้าเป็นรถ high performance ที่ต้องการ de-tuned ลงมา คงพยายามไปตัดยอด เอฟเวอร์เรสลง แต่ยอดเอฟเวอร์เรสที่ตัดแล้ว มันก็ยังสูงกว่ายอดภูกระดึงมากอยู่ดี ส่วนรถบ้านปกติกราฟน่าจะเป็นประมาณดอยสุเทพ ก็เลยพยายามจะเรียก torque รอบต่ำๆให้เพิ่มขึ้นด้วยระบบ variable valve / เทอร์โบแปรผัน สารพัด ก็เป็นการทำให้ดอยสุเทพมีสภาพเป็นภูกระดึงแทน เครื่องยนต์ทุกชนิดมีรอบการทำงานที่เหมาะสมของมัน ถ้าไม่เอาปัจจัยอื่นไปช่วยมันเลย ถ้าเอาแรงบิดดีที่รอบต่ำ พอรอบสูงแรงบิดก็จะไม่ดี ถ้าเอาแรงบิดรอบสูงดี ก็จะเสียแรงบิดรอบต่ำ ก็อาจจะเลือกแบบหลัง แล้วไปหาวิธีสารพัดจะช่วยตอนรอบต่ำแทน หรือจะเลือกแบบแรงบิดกลางๆดี แล้วไปหาทางช่วยทั้งรอบต่ำรอบสูงเอาก็แล้วแต่จะคิดกันไป แต่บางคนก็ออกแบบเครื่องให้เป็น wide power band ได้ตั้งแต่เครื่องนั้นเกิดมาเลยก็มี จากคุณ : S(2) - [ 6 ม.ค. 51 05:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 56 การควบคุม torque สำหรับ เครื่องดีเซล และ เบนซิน ...ไม่เหมือนกัน ดังนี้ 1) เครื่องดีเซลตามธรรมชาติ ดูดอากาศเปล่าๆเข้าเครื่อง และ ไอดีไม่ได้ pre-mixed แค่ควบคุมการฉีดน้ำมัน ก็สามารถคุม Torque ได้ตามต้องการ 2) เครื่องเบนซิน ดูดไอดีเข้าไปแบบ pre-mixed จะ mix ในท่อไอดี หรือ mix ที่ไหน ก็ตามใจ เครื่องเบนซิน ไม่สามารถคุมแรงบิดจากกล่อง ECU เพียงอย่างเดียว ต้องใช้อะไรมาช่วยควบคุมไอดี เช่น เทอร์โบ หรือ Vtec จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 05:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ผมว่าที่บริษัทรถไม่ได้ให้เครื่องยนต์สร้าง torque ออกมาได้สูงสุดเหมือนตอนไปปลดกล่องแล้ว เนืื่องจากเรื่องของ reliability มากกว่าครับ เครื่องดีเซลถูกใช้กับงานหนักเป็นหลักแล้วก็ถูกใช้งานเยอะซะด้วยสิ ถ้าวิ่งแสนโลต้องยกเครือง สูบทะลุ ก้านขาดก็ตงไม่ไหวเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่ทำให้เป็น Flat torque ตามทฤษฎีนั่นไม่ยากครับ ทำให้ volumetric efficiency ของไอดีเท่ากันตลอดตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูงด้วยการใช้เทอร์โบแปรผันเป็นตัวช่วย กับการจ่ายน้ำมันที่หนาเล็กน้อยก็จะทำให้แรงบิดเป็น Flat torque ได้ครับ ส่วนที่รอบปลายๆทำไม Torque ตกผมว่าส่วนนึงเพราะ เครื่องยนต์ในรอบปลายต้องการปริมาณอากาศมากขึ้นแต่อากาศที่เข้าเครื่องมันถึงลิมิทแล้ว Volumetric Efficiency ลดลงทอร์คก็ลดลงครับ จากคุณ : ariel atom - [ 6 ม.ค. 51 05:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ถ้าเป็นรถ high performance ที่ต้องการ de-tuned ลงมา คงพยายามไปตัดยอด เอฟเวอร์เรสลง แต่ยอดเอฟเวอร์เรสที่ตัดแล้ว มันก็ยังสูงกว่ายอดภูกระดึงมากอยู่ดี >>>>>>>>> ถ้าคุณตัด peak torque ออก จะเสีย performance อัตราเร่ง ไหม ? น่าจะไป Limit ที่ยอด HP ดีกว่า จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 05:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ส่วนที่รอบปลายๆทำไม Torque ตกผมว่าส่วนนึงเพราะ เครื่องยนต์ในรอบปลายต้องการปริมาณอากาศมากขึ้นแต่อากาศที่เข้าเครื่องมันถึงลิมิทแล้ว Volumetric Efficiency ลดลงทอร์คก็ลดลงครับ >>>>>>>> ใช่ครับ เครื่องเบนซินจะเป็นอย่างนั้น แต่เครื่องดีเซล ไม่ใช่ ครับ เพราะดีเซลโดยธรรมชาติมี Air oversupply ปริมาณอากาศเข้าเครื่องเหลือเฟือ จะทำให้ Torque ไปสุดที่ max rpm ก็ทำได้ .... ผมเคยมีกราฟแรงบิดของเครื่องแบบนี้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 05:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ^ ^ มีคนนอนดึก + ตื่นเช้า หลายคน จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 05:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ฮ่าๆๆ อยู่อังกฤษครับผม เลยยังไม่นอนอีตา S(2) ก็ด้วย เห็นอีกกระทู้คุณช่างกลพูดเรื่อง E10 กับ  E20 ผมสงสัยหน่อยครับว่าทำไปจะใช้ E10 หรือ E20 แล้วให้ไปเปลี่ยนกำลังอัดครับ แทนที่จะเปลี่ยน AF ratio  http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6193882/V6193882.html แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 51 05:44:10 จากคุณ : ariel atom - [ 6 ม.ค. 51 05:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ^ ยอมรับ ผิด ครับ ผมตามไปตอบตาม url แล้ว จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 09:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 63 คุณช่างกล-หนุ่ม ใน คห.59 หมายความว่า เครื่องดีเซลใช้รอบน้อยกว่า เต็มที่ก็ 4 พันกว่ารอบ หมายถึงแรงดูดไอดีมากพอจะสร้างแรงบิดดีๆ ได้แม้รอบจะสูงมาก แต่กับเบนซินเดี๋ยวนี้ว่ากัน 8-9 พันรอบ รถบ้านๆ ก็ 6-7 พันรอบกันแล้ว หมายความว่าที่รอบสูงๆ ขนาดนั้น เครื่องยนต์ไม่สามารถดูดอากาศเข้าไปได้มากกว่านี้แล้ว แรงบิดจึงค่อยๆ สวนทางกับแรงม้าใช่มั้ยครับ จากคุณ : lookkaew_lechery - [ 6 ม.ค. 51 09:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณครับผม ผมคิดว่าผมเข้าใจผิดเหมือนกันครับ ไม่ได้จับผิดคุณช่างกลนะครับ :) จากคุณ : ariel atom - [ 6 ม.ค. 51 09:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ^ ครับ ผม จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 10:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เครื่องดีเซลส่วนมากรอบไม่สูงมาก เพราะช่วงชักมันยาวครับ ลองสักเกตสเปกของ Bore x Stroke ดูได้ครับ ถ้ารอบเครื่องสูงมากๆ ความเร็วเฉลี่่ยของลูกสูบก็มากตามไปด้วย ซึ่งก็ทำให้ก้าน ลูก ข้อ ต้องรับแรงมากขึ้นไปด้วยครับ และรอบสูงๆ เครื่องดีเซลทำงานไม่ได้เพราะมันจุดระเบิดไม่ทัน เผาน้ำมันไม่ทัน เพราะไม่มีหัวเทียนมาช่วยจุดระเบิดครับ แต่ torque ของเครื่องดีเซลมีเยอะ เพราะกำลังอัดมันเยอะมากๆ 20-25:1  ในขณะที่เบนซินนั่นราวๆ 8.5-13 :1 ตอบ คห63 ครับผมรู้แต่เครื่องเบนซินนะครับ เครื่องดีเซลอาจจะต้องรอคุณช่างกลครับ เครื่องจะมี Torque มากที่สุดเมื่อ volumetric efficiency มีมากที่สุด (ปริมาณไอดีที่เข้าไปในกระบอกสูบในจังหวะดูด ) Volumetric efficiency มากที่สุดทำให้ไอดีที่ถูกจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ขยายตัวได้รุนแรงที่สุดและมีแรงดันลูกสูบลงมากที่สุด Torque จึงเยอะที่สุดครับ ดังนั้น torque จึงสามารถทำให้มันเป็น Flat torque ได้ จากการใช้เทอโบแปรผัน ให้บูสมาเร็ว ตั้งแต่รอบต่ำๆ และไม่อั้นในรอบสูง(ลองดุสเปกของ SAAB 93 SS ดูนะ รุ่นนี้เป็น Flat torque ครับ) แรงม้าขึ้นถึงสูงสุดเมื่อไอดีวิ่งด้วยเร็วเท่าความเร็วเสียง (Choke) ส่วนมากไอดีจะมีความเร็วเท่าเสียงที่บริเวณวาล์วครับ เพราแถวๆนั้นมีพื้นที่ให้ไอดีวิ่งผ่านค่อนข้างน้อยทำให้ไอดีมีความเร็วสูงขึ้นครับ เมื่อความเร็วเท่าเสียงแล้วแรงม๊าจะไปสูงสุดที่รอบเครื่องนั้นแล้วแรงมัาก็จะเริ่มตกลงครับ สังเกตได้จากกฏการแข่งรถต่างๆ บางครั้งมีการกำหนดขนาด  restrictor เพื่อกำหนดแรงม้าไม่ให้เกินกำหนดครับ อย่างเช่น Rally เป็นต้น แรงม้าไม่ได้ต่างอะไรกับ Mitsubishi Evolution ธรรมดาเลย แต่ Torque ต่างกันกับรถบ้านเยอะเลย แรงมัาที่รอบต่างๆสามารถคำนวนได้จากสูตรในคห 34 เลยครับ จากคุณ : ariel atom - [ 6 ม.ค. 51 10:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณ ข่าง กล คห.45 ผมไม่ได้เขียนในช่างใหนเลยว่า flat-tq เพื่อ จำกัด max hp.???? ..... ผมเริ่มที่ กระทู้ no.14 เขียนไว้ชัดเจนมากๆกว่า เป็นการ ควบคุม tq. เพื่อลดภาระชิ้นส่วน (ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ hp) และถัดมาก็ได้ยก ตย.ให้ดูว่าเป็นเกียร์ไง ... หรือนายช่างไป สับสนกับ การเล่น 20 คำถามของผมว่า การฟแรงบิด flat ตั้งแต่ 1950 rpm นี้เป็น ของ รถคันหนึ่ง ที่ถูก จำกัดแรงม้าไว้เพื่อลดภาษีนำเข้า และก็มีคนทายถูกจริงๆว่ารถอะไร.. และวิธีที่จะเลี่ยงภาษ๊แรงมารถไม่มี turob ผมเห็นด้วยกับ k.ton99 ทุกประการในแง่เทคนิค แต่ในแง่ปฎิบัติจริง ผมว่า ผู้นำเข้าน่าจะไม่ทำอะไรเลยด้วยซ้ำแค่แจ้งตัวเลขในกระดาษให้ต่ำลง !!! มีใหครู้ความจริงบ้าง และใช่ครับ ที่คุณ คห. 47 ว่า เกียร์ถ้า > max limit จะพังทันทีไม่สน duration ถูกครับ แต่ เวลาผู้ผลิตชิ้นส่วน กำหนด spec เขากำหนดเป็น seafty operation range หรือเป็น maxium limit ? คำถามนี้ ใครตอบได้ช่วยตอบด้วย กรณ๊ที่นายช่างบอกไม่เคยเห็นรถ turbo ที่ spec overboost ได้เป็นหน่วยเวลา ผมแนะให้ลอง search ดูของ porches 911 turob จาก review ของ autocar uk.รุ่นประมาณปี 05 หรือ 06 อันนี้ระบุเวลาชัด 30 วิ ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและ auto (น่าจะขับ 4 หมด) พร้อม กราฟเปรียบเทียบ พร้อม เหตุผลเรื่อง durability. ส่วนทำไมต้องเป็น 30 วินั้นผมไม่ทราบ จากคุณ : Joe - [ 6 ม.ค. 51 12:20:02 A:58.9.151.23 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ^ ^ เอาเถอะๆ อย่ามัวเสียเวลาหาที่ผิดเลย   ผมไม่ได้หาว่าคุณโกหกอะไรทั้งนั้น ที่ผมไม่ชอบใจคือประโยคนี้ "spec เพิ่มเติมตามสมุดคู่มือ และ ช่างเยอรมันประจำศูนย์บริการบอกตรงกัน .. " คุณอ้างสเปคเฉยๆก็พอแล้ว คุณไม่มีความจำเป็นต้องหาพวก การใช้คำว่า "ช่างเยอรมัน" ด้วยโทนเสียงอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าผมมองโลกในแง่ร้าย แต่มันแสดงออกว่า คุณให้เครดิตช่างต่างชาติมากกว่าคนไทย แล้วดูซิครับ คุณมีลูกคู่ออกมาพลอยพยักขานรับ ด้วยการเหมารวมตำหนิคนไทยด้วยกันเอง อย่างนี้จะดีหรือครับ ? //.. ความคิดเห็นที่ 33   คุณโจ คุณเชื่อช่างเยอรมันนะดีแล้วครับ เขาน่าจะรู้ดีที่สุด ดีกว่าคนอื่นๆ ช่างที่นั่นไม่เหมือนช่างไทยจอมมั่ว. ..// จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 14:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ตอบ คห. 63 ใน คห.59 หมายความว่า เครื่องดีเซลใช้รอบน้อยกว่า เต็มที่ก็ 4 พันกว่ารอบ หมายถึงแรงดูดไอดีมากพอจะสร้างแรงบิดดีๆ ได้แม้รอบจะสูงมาก >>>>>>>>> ช่วยย้อนกลับไปดู คห. 56 ผมบอกว่า เครื่องดีเซลควบคุม torque ได้ง่าย "ควบคุมการฉีดน้ำมัน" เพียงอย่างเดียว ก็สามารถควบคุม Torque ได้ ... อาจทำให้ max-torque ไปสุดที่รอบสูงก็ได้ แต่เครื่องเบนซินทำยากกว่า การควบคุม mass-flow ของไอดี อาจใช้ เทอร์โบแปรผัน หรือ กลไกควบคุมเปิดวาล์ว เช่น Vtec แต่ผมยังคิดไม่ออกว่า จะใช้ waste-gate หรือ bypass-valve ควบคุมเทอร์โบได้อย่างไร จึงจะได้ flat-torque คือ เทอร์โบกำลังบูตอยู่ๆ ก็ไป off มันอย่างนั้น คงจะไม่ดี ;-) หมายเหตุ Porsche สมัยที่ใช้ KKK turbo ใช้ bypass valve ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 14:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขออนุญาตเล่าให้ฟัง เมื่อก่อนถ้าพูดถึง bypass valve เซียนเทอร์โบไม่ค่อยรู้จัก ผมเอา bypass valve มาติดตั้งตัวแรก เครื่อง 1,300 HP คันนี้ครับ :-) ขัดข้องทางเทคนิด :-) แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 51 15:03:08 แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 51 15:02:19 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 6 ม.ค. 51 15:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 71 WOW!!! เครื่องดีเซลสามารถควบคุมแรงบิดได้แค่ด้วยการควบคุมการฉีดน้ำมัน แถมยังสร้างแรงบิดสูงสุดได้ที่รอบสูง(เท่าไหร่ก็ไม่รู้)ก็ได้อีกด้วย อันนี้คือเชิงเทคนิคใช่มั้ยครับ ถ้าทำแบบนั้นจะขับยากกว่าแรงบิดสูงที่รอบต่ำใช่มั้ยครับ จากคุณ : lookkaew_lechery - [ 6 ม.ค. 51 23:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เทอร์โบแปรผันไม่ได้ใช้ Waste Gate หรือ bypass valve มาทำให้บูสมาเร็วและไม่อั้นไนรอบปลายนะครับ ในรอบต่ำไอเสียออกมาน้อยและไหลช้า เทอร์โบจะปรับให้ทางเข้าของไอเสี่ยที่ไปปั่น Turbine ให้แคบลงเพื่อเร่งความเร็วของไอเสียให้มากขึ้นใบเทอไบน์จึงหมุนได้เร็วในรอบต่ำ (ทำงานเหมือนเทอโบลูกเล็ก) ในรอบสูงไอเสียออกมามากและไหลเร็วขึ่น เทอโบเปิดช่องทางเข้าไอเสียกว่้างขึ้น เพื่อไปปั้นใบเทอโบ ได้เต็มที่ตามลิมิทของเทอโบลูกนั้นโดยมีการอั้นของไอเสียน้อยที่สุด(เหมือนเทอโบลูกใหญ่) เวสเกท มันใช้ควบคุมอัตราบูสสูงสุดเท่านั้นนะครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการแปลผันเทอโบอะไรเลย ส่วน by pass valve  ทำงานคล้ายๆกับ Blow off valve เพียงแต่เทนที่จะปล่อยลมทิ้งก็เอาไปต่อเข้าทางเข้าเทอโบเพื่อปั่นใบเทอโบต่อไป ซึ่ง By pass valve ก็จะช่วยลดอาการ turbo lag ลงได้ (รถผมก็ใช้ By pass valve ครับ)  bypass valve ไม่ค่อยมีคนพูดถึงซักเท่าไหร่เพราะมันไม่มีเสียงดังๆเอาไว้อวดกันเหมือนกับ blow off valve เรื่อง by pass valve อ่านได้จากตรงนี้ครับ http://wwwrsphysse.anu.edu.au/~amh110/Technical_pages/blow_off_valve.htm จากคุณ : ariel atom - [ 7 ม.ค. 51 00:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เทอร์โบแปรผันไม่ได้ใช้ Waste Gate หรือ bypass valve มาทำให้บูสมาเร็วและไม่อั้นไนรอบปลายนะครับ >>>>>>>> เข้าใจครับ ภาษาเขียนผมไม่ดี เขียนอ่านยากอย่างนี้เอง แหะแหะ  ทำให้เอา waste gate หรือ bypass valve ไปพัวพันกับเทอร์โบแปรผัน ความจริงผมตั้งใจจะพูดว่า "เทอร์โบธรรมดา" ที่ใช้ waste gate หรือ bypass-valve มันจะคุม on-off อีท่าไหน ถึงทำให้เป็น Flat-Torque ได้ ? vari-turbo ใช้กับเครื่องขนาดหนัก พวกเครื่องเรือขนาดใหญ่ใช้มานานหลายสิบปีแล้ว เช่น เครื่อง BBS BBS เป็นการรวมกันระหว่าง 2 ยักษ์ คือ BBC + Sulzer   BBC ยักษ์ด้านเทอร์โบ Sulzer เครื่องยักษ์ของสวิส เครื่องตัวนี้มีกลไกพิเศษนอกจากวาล์วหมุนให้หน้าสัมผัสเฉลี่ยเท่ากันแล้ว ตัวลูกสูบก็ทำให้หมุนได้รอบแกนก้านสูบ นึกภาพออกนะ.. เพื่อทำให้ด้านข้างของลูกสูบสัมผัสกับ Liner ขยับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครับ (ผมมีคู่มือเครื่องนี้ ว่างๆจะหารูปมาให้ดู) จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 7 ม.ค. 51 15:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ส่วน by pass valve  ทำงานคล้ายๆกับ Blow off valve เพียงแต่เทนที่จะปล่อยลมทิ้งก็เอาไปต่อเข้าทางเข้าเทอโบเพื่อปั่นใบเทอโบต่อไป ซึ่ง By pass valve ก็จะช่วยลดอาการ turbo lag ลงได้ (รถผมก็ใช้ By pass valve ครับ)  bypass valve ไม่ค่อยมีคนพูดถึงซักเท่าไหร่เพราะมันไม่มีเสียงดังๆเอาไว้อวดกันเหมือนกับ blow off valve เรื่อง by pass valve อ่านได้จากตรงนี้ครับ >>>>>>>> ใช่ครับ bypass valve เอาลมจากด้าน discharge ไปต่อเข้า suction ของ turbo เรื่องเครื่องเบนซิน เห็นทีต้องยอมรับคุณ  ariel atom เสียแล้ว :-) ที่ผมจำได้สมัยก่อนรถที่ใช้ bypass valve มี Porsche และ Audi จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 7 ม.ค. 51 15:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 75 รถที่ใช้ bypass valve มี Porsche และ Audi >>>>>>>> ลืม GM ได้ไง จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 7 ม.ค. 51 15:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คห 71 แถมยังสร้างแรงบิดสูงสุดได้ที่รอบสูง(เท่าไหร่ก็ไม่รู้)ก็ได้อีกด้วย >>>>>>>> max-torque @ max-rpm จุดเดียวกับ max-HP ครับ ทำไมเขาทำอย่างนั้น ผมก็ไม่ทราบ หมายเหตุ เคยเห็นกราฟของเครื่อง Cummins B-serie เครื่องตัวนี้ใช้เป็นเครื่อง truck ยี่ห้อ Dodge ที่อมก. ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 7 ม.ค. 51 15:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อื้มม เรื่องบริษัททำเครื่องผมไม่ค่อยรู้เรื่องเลยครับ แต่ที่คุณช่างกลเล่าให้ฟังนี่น่าสนใจดีครับ ท่าทางเสื้อสูบคงต้องกลมเป๊ะมากๆ อยากเห็นรูปเครื่อง 1300 แรงม้าของคุณช่างกลจังครับ เป็นเครื่องอะไรใช้กับรถอะไรครับ? ยังไงรบกวนช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยสิครับว่า คุมการฉีดน้ำมันยังไงในเครื่องดีเซลครับ ถึงควบคุมทอร์คได้แล้วเหตผลที่เครื่องดีเซลรุ่นใหม่ๆถึงต้องใช้ VGT ครับในเมื่ออากาศที่เข้าเครื่องดีเซลมีเกินความต้องการอยู่แล้ว จากคุณ : ariel atom - [ 7 ม.ค. 51 17:24:47 ]

ความคิดเห็นที่ 78 k. arieal atom ..big thanks for the weblink ที่ คห.72 ..หายโง่ขึ้นอีกเยอะเลย รถผมก็ใช้ bypass vave (ไอ้ตัวที่ flat tq 1950 ยัน 5000 Rpm เบนซิน) แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า เครื่อง เบนซิน turob บางตัวทำไมทำ flat tq ได้..เรียบจริงๆแบบไม้ทัดเลย (ถ้าดูตาม กราฟ) เห็นหลายเครื่องในเครือ VW. มาตั้งหลายปีแล้ว ..... และ tq band ช่วงที่ flat ๆ นั้นกว้างร่วม 3000 Rpm และผมไม่เชื่อว่าเป็น computer graphic จากคุณ : Joe - [ 7 ม.ค. 51 20:10:34 A:58.10.27.97 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ผมไม่แน่ใจว่ากราฟที่คุณเห็นนั่นมาจาก ไดโน หรือว่าโบรชัวร์ครับ ถ้ามาจากไดโนผมบอกตรงๆครับว่าไม่รู้ว่าทำยังไง เพราะแค่ในลิงค์นี้ผมก็ถือว่ามันตรงมากแล้วครับ http://zdriver.com/forums/showthread.php?t=23704 ถ้าคุม Volumetric efficiency ได้เท่ากันตลอดจริงๆ ก็เก่งมากครับ ส่วนถ้าคุณเห็นมันมาจากโบรชัวร์ ผมว่าเค้าคงไม่เอากราฟที่มันขยักขึ้นๆลงๆมาให้ลูกค้าดูเหมือนกันครับ  อาจจะทำได้ด้วยการใช้กราฟที่ความละเอียดน้อยมาโชว์ให้ลูกค้าดูเท่านั้นเอง เค้าคงไม่ต้องใช้ CG อะไรมาช่วยครับ Flat torque ช่วยให้เราไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ เหมาะกับการใช้งานในเมืองที่ต้องการเร่ง และชลอ บ่อยๆ คนใช้เกียร์ออโตไม่เดือดร้อนมาก แต่คนใช้เกียร์ธรรมดาสบายขึ้นเยอะครับ จากคุณ : ariel atom - [ 8 ม.ค. 51 00:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ท่าทางเสื้อสูบคงต้องกลมเป๊ะมากๆ อยากเห็นรูปเครื่อง 1300 แรงม้าของคุณช่างกลจังครับ เป็นเครื่องอะไรใช้กับรถอะไรครับ? >>>>>>>> ขออภัยเช้านี้ออกแต่เช้ามืด เพิ่งกลับมา :-) เสื้อสูบคงจะกลมจริงๆ ตัวลูกสูบ สลักลูกสูบเขาทำเป็นลูก ball ต่อกับก้านสูบครับ ผมจะแสกนรูปมาให้ดูทีหลัง เครื่อง 1300 แรงนั้น ผิดพลาดทางเทคนิค ที่ผมเซฟเป็นชื่อ Moon-landing ประมาณนี้ เพราะไปเอ็กท่าเลียนแบบดารา (หลาน) Lious Amstrong กำลังเหยียบพื้นนะ ... ทำให้วันก่อนค้นภาพไม่เจอ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ม.ค. 51 19:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คนนี้หลาน(55) หลุยส์ อาร์มสตรอง ชื่อ นีล จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ม.ค. 51 19:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เครื่อง DDA รุ่น 149 เมื่อใช้ Injector เบอร์ 210 ได้ 1300 HP @ 1800 rpm แต่ "ตอนแรงม้า" ลงบ้างเพื่อ eco ฯลฯ ใช้ Injector เบอร์ 190 (ถ้าจำไม่ผิดนะ) เบอร์ Injector คือ volume-flow เป็น CC ของน้ำมันที่ฉีดต่อ 100 stroke ครับ ติดตั้งบน Telex Truck ขนาด 85 Ton ที่ เหมืองแม่เหมาะ ของ EGAT ภาพถ่ายก่อนจะติดตั้งเครื่องครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ม.ค. 51 19:45:26 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุมการฉีดน้ำมันยังไงในเครื่องดีเซลครับ ถึงควบคุมทอร์คได้แล้วเหตผลที่เครื่องดีเซลรุ่นใหม่ๆถึงต้องใช้ VGT ครับในเมื่ออากาศที่เข้าเครื่องดีเซลมีเกินความต้องการอยู่แล้ว >>>>>>>>> จริงอยู่เครื่องดีเซล อากาศมีเกินความต้องการ แต่มันเกินความต้องการในระดับหนึ่ง ดังจะเห็นได้จากการเช็คปั้มเพิ่มน้ำมันเอาดื้อๆ จะได้แรงม้าเพิ่ม (พอเป็นกะสาย) แต่จะเพิ่มแรงม้าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ต้องติดโบ การติดตั้งเทอร์โบกับเครื่องดีเซลจะ "เพิ่มแรงม้า" 25-50% เทอร์โบธรรมดาจะมีประสิทธิภาพดีในช่วงแคบ ช่วงการทำงานเลือกขนาดโบจาก A/R ratio (A คือขนาดท่อออก) การใช้ VGT ตั้งใจให้ช่วงการทำงานกว้างขึ้น แรงบิดก็กว้างขึ้น ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ม.ค. 51 20:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 84 #58 hp = torque x rpm x constant ถ้าลดแรงม้า แรงบิดก็ลดอยู่ดีครับ ก็เป็นไปได้ครับ ว่าอาจจะเอาแรงบิดไว้ แล้วลดรอบแทน เพื่อจะลดแรงม้า ทำได้ทั้งนั้น detune ง่ายกว่า tune เยอะ #63 เครื่องดีเซลโดนจำกัดไว้ด้วยธรรมชาติของมันเองครับ คือต้องใช้อัตราส่วนกำลังอัดสูง และน้ำมันดีเซลติดไฟและลามช้า ใช้รอบสูงมากๆไม่ได้ ปัจจุบันคอมมอนเรลที่ตัดปัญหาการจ่ายน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้ไม่ทัน ก็ทำให้เครื่องดีเซลใช้รอบได้สูงขึ้น จากเดิมประมาณ 4000 ใน direct injection มาอยู่แถวๆ 5000 ใน common rail ซึ่งตอนนี้ข้อจำกัดของมันกลับมาอยู่ที่การลามของน้ำมันในห้องเผาไหม้แล้วครับ ส่วนการฉีดน้ำมันไม่พอไม่เป็นปัญหาแล้ว ส่วนเครื่องเบนซินนั้นไปได้ไกลกว่าเยอะครับ ไฟลามเร็วกว่าเยอะใช้รอบสูงๆได้ จากคุณ : S(2) - [ 9 ม.ค. 51 03:54:30 ]