Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    @รู้เรื่องเกียร์อัตโนมัติและรักที่จะขับ@

    @เห็นหลายกระทู้ที่แนะนำเรื่องเกียร์อัตโนมัติ.แล้ว..บางคำแนะนำก็ผิดบ้าง...ถูกบ้าง..หรือความเข้าใจบางอย่างคลาดเคลื่อนไปเกี่ยวกับเกียร์ตำแหน่ง D.. ซึ่งมันส่งผลหลายอย่าง...ไม่ว่าจะเป็นชีวิตและทรัพย์สิน @

    ***ก่อนอื่นก็มาทำความรู้จักกับเกียร์อัตโนมัติกันก่อน เพราะยังมีอีกหลายท่านที่เคยแต่เพียง “เห็น” ยังไม่เคยทำความคุ้นเคยหรือสัมผัสกันอย่างจริงจังเสียที แบบนั้นจัดว่ารู้จักว่าเป็นเกียร์อัตโนมัติเฉย ๆ แต่ยังไม่รู้จักอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะขับก็ควรมาศึกษารายละเอียดกันก่อน หลายคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นก็ในเมื่อเขาทำมาให้ขับง่ายสะดวกสบายแล้วทำไมต้องมีการศึกษาอะไรอีก ก็เป็นเพียงความเข้าใจที่ถูกต้องเพียงบางส่วนที่คิดว่าเพียงแต่ขยับตำแหน่งคันเกียร์มาที่ตัว D แล้วก็เหยีบคันเร่งเท่านั้นก็ขับรถไปไหน ๆ ได้แล้ว ผู้ที่ขับขี่เป็นแต่ในลักษณะนี้ล่ะครับที่จัดอยู่ในขั้นที่น่าเป็นห่วง เพราะจะมีอันตรายตามมาอีกหลายอย่าง เช่น การขับรถในสภาพทางที่เป็นภูเขาสูงหรือที่เคยมีข่าวรถวิ่งไปทับเจ้าของจนตายตอนเปิดประตูบ้านก็เข้าข่ายที่ “รู้..แต่ยังรู้ไม่หมด” นั่นเอง

    @หลักการทำงานแบบย่อๆ ของเกียร์อัตโนมัติ@
    ...เกียร์ที่ผลิตมาให้ขับรถได้ง่ายสะดวกสบายขึ้น คือ รถจะมีการเปลี่ยนเกียร์ของมันเองตอนเดินหน้าด้วยการขยับเข้าเกียร์เพียงครั้งเดียว และไม่ต้องเหยียบคลัทซ์เพราะไม่มีให้เหยียบ การขับขึ่จึงใช้เพียงเท้าขวาเพียงข้างเดียวใช้เหยียบคันเร่งกับเบรคเท่านั้น ส่วนเท้าซ้ายไม่ต้องใช้ที่เป็นเช่นนี้เพราะการออกแบบระบบการทำงานของเกียร์อัตโนมัติที่แตกต่างจากเกียร์ธรรมดา โดยชุดคลัทซ์ได้เปลี่ยนมาใช้ตัว “ทอร์คคอนเวอร์เตอร์” ช่วยในการตัดต่อการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปที่เกียร์แทน ซึ่งเท่ากับเป็นคลัทซ์

    ...คำว่าเกียร์อัตโนมัติ....ที่เราไม่ต้องเหยียบเพราะมันจะทำการเปลี่ยนเกียร์ของมันเองตามรอบเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น โดยใช้ของเหลวเป็นตัวส่งกำลังด้วยความหนืด หลักการก็เหมือนกับมีพัดลม 2 อัน อันหนึ่งเปิดไว้เอามาเป่าให้อีกอันหนึ่งหมุนตามทำให้เกิดการส่งกำลังได้ทำให้สามารถเข้าเกียร์ได้โดยเครื่องไม่ดับขณะเครื่องเดินเบาและรถจอดนิ่งเหยียบเบรคไว้ ส่วนระบบเกียร์เมื่อเข้าเกียร์ให้รถขับเคลื่อนไปแล้ว การทำงานจะเป็นไปโดยอัตโนมัติคือ การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จะมีการตั้งโปรแกรมการทำงานให้เหมาะสมกับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ เหมือนตอนที่เราเข้าเกียร์ด้วยความรู้สึกของเรา แต่ในเกียร์อัตโนมัติใช้กลไกต่าง ๆ มาทำงานแทน โดยแต่เดิมจะมีแต่ระบบกลไกโดยใช้แรงดันในระบบน้ำมันเกียร์ซึ่งมีปั๊มสร้างแรงดันเช่นเดียวกับระบบไฮดรอลิก ซึ่งแรงดันที่เพิ่มขึ้นตามความเร็วรอบเครื่องยนต์จะถูกนำมาใช้ในการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ภายในเกียร์อัตโนมัติจะใช้เกียร์แบบเพลนเนตทารี่เกียร์ ซึ่งเป็นชุดเกียร์ที่ออกแบบให้เฟืองของเพลาขับทดอยู่กับเฟืองของเพลาตามภายในเฟืองวงแหวน ทำให้สามารถเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ได้ง่ายเพียงแต่ล็อกเฟืองชุดใดชุดหนึ่งด้วยการจับตัวของแผ่นคลัทซ์แบบเปียกซ้อนกันหลาย ๆ แฟ่นทำให้การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ทำได้นุ่มนวลเมื่อทำงานร่วมกับทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ยิ่งมาในยุคที่มีระบบอิเล็คทรอนิคส์เข้ามาช่วยในการทำงานทำให้เกียร์อัตโนมัติมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นมากโดยเฉพาะจังหวะการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่ทำได้นุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึก และจังหวะการทำงานต่าง ๆ ที่ฉับไวยิ่งขึ้นมากโดยเฉพาะจังหวะการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่ทำได้นุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึก และจังหวะการทำงานต่าง ๆ ที่ฉับไวยิ่งขึ้นมีโปรแกรมการทำงานมากยิ่งขึ้นกว่าในระบบเก่า ซึ่งบางทีก็เรียกกันว่าเกียร์ไฟฟ้าเพราะจะมีกล่องควบคุมการทำงานมาต่างหากในรถบางรุ่น

    “ตำแหน่งเกียร์”
    เมื่อทราบหลักการทำงานแบบย่อ ๆ แล้วก็มาดูกันที่ตำแหน่งเกียร์ซึ่งจะมีบอกไว้ที่ตรงโคนของคันเกียร์ จะยกตัวอย่างเฉพาะในรถรุ่นปัจจุบันที่เกียร์อัตโนมัติจะมี 4 สปีดแล้ว นอกจากนี้ยังมีรถนั่งรุ่นใหม่ ๆ ที่ได้มีเพิ่มเป็น 5 เกียร์สปีดแล้ว อย่างเช่น BMW ที่ราคาหลายล้านบาท ตำแหน่งเกียร์ 4 สปีดที่พบทั่ว ๆ ไป จะมีเขียนแสดงไว้นั้นพอจะอธิบายได้ดังนี้
    @ตำแหน่ง P@ เป็นตำแหน่งที่ใช้ในการจอดรถ ซึ่งย่อมาจากภาษาอังกฤษ Parking แปลว่าจอดรถ ซึ่งจังหวะนี้เพลากลางจะถูกล็อกทำให้รถเคลื่อนตัวไม่ได้ ทุกครั้งที่จอดรถในทางชันเพื่อป้องกันรถไหลควรใช้ร่วมกับเบรคมือ แต่หากไปจอดตามห้างสรรพสินค้าหรือลานจอดรถไม่ควรใช้เพราะหากไปขวางทางผู้อื่นแล้วไม่สามารถเข็นรถได้ บรรพบุรุษจะโดนกล่าวถึงในทางไม่ดี ประโยชน์อีกอย่างก็สามารถติดเครื่องได้ในตำแหน่งนี้เพราะจะเป็นเกียร์ว่าง แต่เพลากลางยังถูกล็อคไม่ให้รถไหล มีประโยชน์ตอนจอดในทางลาดชันทำให้ออกรถได้ง่ายขึ้นเมื่อผู้ขับเหยียบเบรคและเปลี่ยนเกียร์มาในตำแหน่งให้รถขับเคลื่อนต่อไป
    @ตำแหน่ง R@ ซึ่งย่อมาจาก Reverse อันนี้เป็นเกียร์ถอยหลัง การขยับคันเกียร์จากตำแหน่งอื่นมาให้ตำแหน่ง R นี้ต้องกดปุ่มล็อคคันเกียร์นั้นจะอยู่ด้านข้างของหัวเกียร์ในรถทุกรุ่นเพื่อกันการลืมซึ่งจะทำให้ระบบเกียร์พังและกันการเข้าเกียร์ผิดในกรณีที่ไม่ได้เหลือบตามามองสำหรับการขับปกติและผู้ชำนาญแล้ว
    @ตำแหน่ง N@ เป็นเกียร์ว่าง ซึ่งภาษาอังกฤษเขียนว่า Natural ตำแหน่งนี้จะเหมือนกับเกียร์ว่างในรถเกียร์ธรรมดาที่สามารถเข็นรถได้เวลาจอดตามลานจอดรถและขวางคันอื่น ๆ อยู่ก็อย่าลืมใช้ตำแหน่งนี้เพื่อให้ยามหรือเจ้าของรถคันอื่นจะได้เข็นเลื่อนรถให้พ้นจากการกีดขวางได้เวลารถจอดติดไฟแดงก็ใช้ได้
    @ตำแหน่ง D@ หรือ Drive เป็นตำแหน่งที่ให้รถขับเคลื่อนไปข้างหน้า โดยเกียร์ทุกเกียร์จะทำงานเปลี่ยนตำแหน่งครบทั้งหมด ตามความเร็วที่ตั้งโปรแกรมไว้ในการขับขี่รถทั่ว ๆ ไปบนถนนธรรมดาจะใช้ตำแหน่ง D นี้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นซึ่งสะดวกสบายมาก
    @ตำแหน่ง 2@ หมายถึงเกียร์จะทำงานเพียง 2 เกียร์ คือ เกียร์ 1 และ 2 เท่านั้น ซึ่งเป็นการถูกล็อคเอาไว้ในตำแหน่งนี้เพื่อให้ใช้ตอนที่ตอ้งการกำลังในการขับเคลื่อนสูง ๆ เช่น การขับรถในทางที่เป็นภูเขาสูงชันมาก ๆ ซึ่งการล็อคเกียร์ไวให้ทำงานแค่ 2 เกียร์นี้จะช่วยในตอนลงจากที่สูงซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรคผ่านอัตราทดเกียร์ที่สูงนี้ได้เพื่อความปลอดภัยโดยเป็นการช่วยผ่อนแรงการทำงานของระบบเบรคกันเบรคร้อนซึ่งทำให้เกิดอาการเบรคหายจากการเกิดฟองอากาศในน้ำมันเบรคที่เดือนเป็นไอ
    @ตำแหน่ง 1@ อันนี้ก็เป็นการทำงานในเกียร์ 1 เพียงเกียร์เดียว ซึ่งเป็นการขับขึ้นทางสูงชันที่ต้องการแรงฉุดลากมากกว่าในเกียร์ตำแหน่ง 2 สังเกตง่าย ๆ ว่าจะใช้เมื่อไรดูได้จากเมื่อใช้ตำแหน่ง 2 พอรถวิ่งไปถึงความเร็วรอบเครื่องที่เกียร์เปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 รถจะไม่มีกำลังทำให้เกียร์เปลี่ยนมาที่ 1 อีกจะทำให้เสียจังหวะเราก็จัดการเปลี่ยนมาล็อกไว้ที่เกียร์ 1 ซะเลยจะไปได้ดีกว่า รวมทั้งตอนลงทางชันที่ชันมากแบบค่อย ๆ ย่องลงมาเกียร์ 1 จะช่วยในการหน่วงด้วยเครื่องยนต์ได้ดี ในตำแหน่ง 1 นี้ จะช่วยในการหน่วงด้วยเครื่องยนต์ได้ดี ในตำแหน่ง 1 นี้ รถบางรุ่นจะใช้ตัวอักษร L แทนซึ่งหมายถึงตำแหน่งเกียร์ที่ต่ำสุด“ปุ่มเลือกโปรแกรมต่าง ๆ”
    นอกจากตำแหน่งเกียร์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้ก็จะมีปุ่มเลือกโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพของระบบเกียร์อัตโนมัตินี้อีก อันแรกที่มีในรถรุ่นต่าง ๆ ก็คือ ปุ่ม OD (Over Drive) จะมีให้เลือก 2 ตำแหน่งคือ On กับ Off เมื่อกดปุ่ม OD อยู่ในตำแหน่ง On และคันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D โปรแกรมนี้เกียร์จะทำงานครบทั้ง 4 เกียร์ เปรียบเสมือนเป็นการเลือกใช้เกียร์จะทำงานครบทั้ง 4 เกียร์เปรียบเสมือนเป็นการเลือกใช้เกียร์ 4 กับไม่ใช้นั่นเองซึ่งเหตุผลก็คือ เมื่อต้องการขับรถในทางสูงชันแต่ไม่มากเหมือนในการใช้ตำแหน่ง 2 เราก็ใช้เพียงเกียร์ 3 โดยไม่ต้องเลื่อนคันเกียร์เพียงแต่ใช้ปุ่ม OD ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้นมากรวมทั้งในกรณีต้องการเชนจ์เกียร์เพื่อใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรค (เอนจิ้นเบรค) เช่น ขณะถนนลื่นหรือลงจากที่สูงก็ใช้ได้
    นอกจำโปรแกรมทั่ว ๆ ไปในรถบางรุ่น โดยเฉพาะพวกรถสปอร์ตหรือนั่งจะมีปุ่มที่เขียนว่า Sport-Comfort ปุ่มต่อมาอันนี้จะไม่อยู่ที่หัวเกียร์ ส่วนมากจะอยู่ที่แผงหน้าปัทม์หรือบริเวณคอนโซลข้าง ๆ คันเกียร์ในรถบางรุ่นจะใช้ Sport Economy โปรแกรมนี้ออกแบบมาให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ช้าลงในโปรแกรม Sport หมายถึงจะลากเกียร์ได้ยาวขึ้นและเกียร์จะเปลี่ยนที่รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นกว่าเดิมทำให้ได้อัตราเร่งที่ดีขึ้น ต่างจากในโปรแกรม Comfort หรือ Economy ซึ่งเน้นที่ความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เกียร์จะเปลี่ยนตั้งแต่ความเร็วรอบเครื่องยนต์รอบที่ต่ำกว่าเหมือนตอนที่เราขับรถเกียร์ธรรมดาตอนที่ไม่รีบร้อนนั่นเอง ทำให้ผู้โดยารนั่งสบายไม่เกิดการกระชากที่รุนแรงเหมือนนั่งรถแข่ง
    เราได้ทราบเรื่องการทำงานและโปรแกรมการสิ่งให้เกียร์ทำงานได้ผู้ขับขี่ในแบบต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการขับขี่ในลักษณะต่าง ๆ เช่น การขับขี่ในสภาพทางที่เป็นภูเขาสูงหรือต้องการอัตราเร่งที่ดีกว่าปกติก็สามารถลากเกียร์ให้ยาวขึ้นในโปรแกรม Sport การใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรคขณะลงจากทางสูงชัน ผ่านตำแหน่งเกียร์ที่ถูกต้อง ซึ่งท่านใดที่ยังไม่เข้าใจก็ลองย้อนกลับไปอ่านอีกครั้งหรือสองครั้งเพราะเป็นพื้นฐานความรุ้ที่น่าสนใจสำหรับผู้ไม่คุ้นเคย
    เมื่อคู่ได้พูดถึงโปรแกรมการทำให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ช้างลงเพื่อให้ลากเกียร์ได้ยาวขึ้น เพื่อให้มีการเปลี่ยนเกียร์ในความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นกว่าโปรแกรมธรรมดาซึ่งจะทำให้อัตราเร่งของรถดีขึ้น ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะเลือกใช้ได้โดยการกดปุ่ม ซึ่งมีเขียนบอกไว้ในแบบต่าง ๆ เช่น Sport-Comfort และ Sport-Economay รวมทั้งอีกตัวหนึ่งคือคำว่า Power ซึ่งเมื่อครู่ไม่ได้บอกไว้ เผื่อไปเจอจะสงสัยว่าเป็นปุ่มอะไรเอาไว้กดทำไม เพราะในรถบางรุ่นจะมีเพียงปุ่มกดและคำว่า Power นี้เพียงอย่างเดียว ในลักษณะ On-Off หรือเปิด-ปิด คือ ใช้โปรแกรม Power กับไม่ใช้เท่านั้น....
    ขอขอบคุณเจ้าของเรื่อง :
    http://www.vios-club.com/board/viewtopic.php?t=160&highlight=&sid=37a41a3b2e12486706aab1e50b2920fb
    ที่ให้ความรู้ครับ...

    จากคุณ : jarawai - [ 8 ม.ค. 51 14:05:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom