 |
"นิสสัน"เซตทีมบุกตลาดฟลีตใหม่ตั้งเป้าขอแชร์30% คาร์ลอสจะนำทีมไปหากินกับรัฐบาลใหม่แล้ว.....
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
"นิสสัน" หันทำตลาดฟลีตอีกครั้ง หลังจากปล่อยทิ้งไว้นาน ผุดหน่วยงานใหม่ขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ตั้งเป้าเพิ่มยอดจาก 5% เป็น 30% ให้เร็วที่สุด ส่วนโครงการอีโคคาร์กำลังเดินหน้าเต็มที่ คาดเห็นรถวิ่งบนถนนภายใน 18 เดือน พร้อมระบุมูลค่าลงทุนทั้งโปรเจ็กต์สูงถึงหมื่นล้านบาท
นายกิโยม ลองก์เลอร์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ว่า นิสสันจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการกลับมาทำตลาดฟลีตเพิ่มมากขึ้น ด้วยการตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ โดยเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2550 และ กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการสรรหาบุคคลขึ้นมาดูแลโดยตรง
สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ส่งผลให้บริษัทหันมาทำตลาดฟลีตเพิ่มมากขึ้นนั้น เนื่องจากความต้องการในการพัฒนาภาพลักษณ์ของนิสสัน โดยเฉพาะการมีรถยนต์ของนิสสันอยู่บนท้องถนนเพิ่มขึ้น รวมทั้งการลดต้นทุนในการผลิตให้ลดลง เนื่องจากมีการจำหน่ายรถยนต์ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตลดลง และบริการหลังการขาย หลังจากมีการจำหน่ายลดยนต์เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้รายได้จากการบริการหลังการขายเพิ่มขึ้นด้วย
ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา บริษัทวางนโยบายในการทำตลาดฟลีตไม่ถูกต้อง จากเดิมที่มีการกำหนดอำนาจต่อรองกับส่วนลด โดยที่ลูกค้าเดิมที่ซื้อรถกับบริษัทไปแล้ว และมีความต้องการที่จะซื้อรถเพิ่มเติม ต้องมีการเจรจาในการซื้อขายโดยเฉพาะส่วนลดใหม่ทั้งหมด
"เรามองว่าตลาดฟลีตของไทย สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันนิสสันกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการปรับปรุง เฉพาะการทำตลาดของดีลเลอร์แต่ละราย นิสสันอาจจะเข้าไปสนับสนุนและส่งเสริมในส่วนต่างๆ อีกด้วย"
ทั้งนี้ ลูกค้าฟลีตไม่จำเป็นที่จะต้องการส่วนลดเพียงอย่างเดียว แต่บริษัทมองว่าลูกค้ายังมีความต้องการในการเซอร์วิส การบริการหลังการขาย ซึ่งนับจากนี้ไปนิสสันคงต้องมีการพิจารณาลูกค้าฟลีตเป็นรายๆ ไป โดยล่าสุดบริษัทได้มีการเซ็นสัญญาขายรถยนต์นิสสันเทียน่า ในตลาดฟลีตไปแล้วถึง 2,000 คัน
โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดจำหน่ายในตลาดฟลีตคิดเป็น 5% ของยอดการจำหน่ายทั้งหมด และในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมียอดจำหน่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 10% และตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งของตลาดฟลีตเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของยอดการจำหน่ายภายในระยะเวลา 2-3 ปี จากมูลค่าการจำหน่ายรถยนต์ในตลาดฟลีตโดยรวมคิดเป็น 30% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในตลาดรวม
"ก่อนหน้านี้เราเคยมียอดจำหน่ายในตลาด ฟลีตมากถึง 30% ของยอดขายนิสสันในแต่ละปี ซึ่งการที่เราหันกลับมาทำตลาดฟลีตเพิ่มมากขึ้น ก็หวังว่าเราจะกลับมามียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 30% เช่นเดิม ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส และถ้ามีความเป็นไปได้ภายในระยะเวลา 1 ปีเราก็อาจจะทำได้เช่นกัน"
ส่วนเป้าหมายของนิสสันในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 25% หลังจากปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสวนกระแสตลาดรถยนต์โดยรวมอยู่ที่ 25% เช่นกัน โดยมีปัจจัยบวกมาจาก 1.การพัฒนาเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย 2.การหันมาเจาะตลาดฟลีตเพิ่มมากขึ้น 3.การทำตลาดของรถยนต์ที่ใช้พลังงาน E20 โดยเฉพาะนิสสัน เทียน่า ที่บริษัทมอบส่วนลดให้มากกว่าที่รัฐบาลกำหนดจาก 5% เป็น 5.5% 4.การส่งรถยนต์นิสสัน ฟรอนเทีย นาวาร่า ซิงเกิลแค็ป ออกสู่ตลาดในวันที่ 15 มีนาคมนี้ และ 5.การสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์นิสสันให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนยอดการจำหน่ายรถยนต์โดยรวมของปีนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า จะมียอดการจำหน่ายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือ 635,000 คัน ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ยังไม่แน่นอน ความมั่นใจของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ รวมทั้งหนี้ภาคประชาชนที่มีค่อนข้างสูง ขณะที่ตลาดหุ้นยังตกต่ำ และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนแต่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของประชาชน ทำให้เชื่อว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้จะใกล้เคียงกับยอดขายในปีที่ผ่านมา
ด้านนายเฉลิมวงศ์ กัมปนาทแสนยากร รอง ผู้จัดการใหญ่สื่อสารองค์กร เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของโครงการอีโคคาร์นั้น นิสสันได้ขอรับการสนับสนุนการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ด้วยมูลค่าการลงทุนที่ 5,500 ล้านบาท ซึ่งหากนับรวมในส่วนของผู้ผลิตชิ้นส่วนสนับสนุนจะส่งผลให้มีมูลค่าการลงทุนทะลุหลัก 10,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าว่า ภายใน 18 เดือนนี้ น่าจะมีรถยนต์อีโคคาร์ของนิสสันออกมาให้เห็น ส่วนโมเดลที่จะใช้ทำอีโคคาร์นั้น ถือเป็นโมเดลใหม่ ซึ่งอาจจะมีความใกล้เคียงกับโมเดลที่ของนิสสันที่มีจำหน่ายอยู่ในยุโรปก็เป็นได้
จากคุณ :
yamaha111 
- [
31 ม.ค. 51 10:04:42
]
|
|
|
|
|
|
...
