ความคิดเห็นที่ 1 โดยส่วนมากคาร์บู จะมีสกรูปรับตั้ง 2ตัว ตัวแรก ก็คือ สกรูปรับตั้งรอบเดินเบา ที่ขันเข้ารอบเครื่องจะสูง คลายออกรอบจะต่ำ ตัวนี้ใช้ปรับตั้งรอบเครื่อง ตัวที่2 สกรูปรับส่วนผสมน้ำมัน+อากาศ เวลาช่างจูนก็จะจูนตัวนี้แหละ วิธีการจูนก็ ..1 ..ปรับตั้งรอบเดินเบาก่อน ให้ได้ตามต้องการ ..2..ปรับสกรูส่วนผสม โดยค่อยๆขันเข้าตามเข็มนาฬิกา จนเครื่องยนต์เริ่มสำลัก ..3..แล้วค่อยๆคลายสกรูส่วนผสมออก ทวนเข็มนาฬิกา แล้วสังเกตุอาการเครื่องยนต์ โดยดูให้เครื่องเดินนิ่งที่สุด ถ้าคลายออกมากเกินเครื่องก็สั่นได้ ..ถ้าทำตามขั้นตอน 3 แล้ว เครื่องยังไม่นิ่งยังสั่นอยู่ ให้ขันเข้าไปใหม่ให้สุด ดูว่าเครื่องดับมั๊ย ถ้าขันสุดแล้วเครื่องไม่ดับแสดงว่า บ่าสกรูปรับส่วนผสมไม่ดี ปิดไม่สนิท แต่ทางที่ดี จูนโดยใช้เครื่องวัด CO จะแน่นอนกว่า จุนให้ได้ 1หรือ1.5% แค่นี้ท่อไอเสียก็ออกน้ำแล้ว แต่ถ้าไม่มีก็ตามข้างบนครับ ส่วนการตั้งไฟหรือองศาจุดระเบิด ปรับตั้งที่จานจ่ายครับ ที่คุณทำอ่ะไม่เกี่ยวกัน จากคุณ : moopat (moopat) - [ 1 มี.ค. 51 23:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คห. 1 อธิบายละเอียดดี ที่จะปรับมีสกรู 2 ตัว เท่านั้น .... ไม่ยากหรอก เริ่มต้น ต้องหาสกรู 2 ตัวให้เจอ และทำความเข้าใจ ดังนี้ ตัวที่ 1 ปรับน้ำมัน ตัวที่ 2 ปรับรอบ หรือ ปรับลิ้นผีเสื้อ เพื่อให้ได้รอบเดินเบา ที่ต้องการ วิธีปรับจูน ตาม คห. 1  ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 2 มี.ค. 51 06:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมแนะนำใช้ Vacuum-gauge  ครับ ปรับได้ดี ใกล้เคียงเครื่องวัด CO มาก จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 2 มี.ค. 51 06:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1600 ทวินแคม 8 วาล์ว ตัว Super Mirafiori แหงมๆ รถสวยดีนะเนี่ยรุ่นเนี้ย ที่บ้านก็เคยใช้ เครื่องแรงเบรคดีดิสก์4ล้ออีกตะหาก จากคุณ : อุ๊บอิ๊บ อุ๊บอิ๊บ - [ 2 มี.ค. 51 10:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่อตัวนี้มันคาบิวคู่ไม่ใช่หรอครับ คงต้องใช้เครื่องมือเหมือนที่ทั้งสองท่าน แนนะนำมั้งครับ ฟังเสียงกับสังเกตุอาการ ไม่น่าจะพอสำหรับรถรุ่นนี้ จากคุณ : Peem...morA - [ 2 มี.ค. 51 11:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6 1600 ทวินแคม 8 วาล์ว ตัว Super Mirafiori >>>>>>>> ตัวนี้คาร์บูเดียว ครับ รุ่นนี้ผมเคยติดแก็ส เกียร์ทดชิดขับสนุก จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 2 มี.ค. 51 11:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ลงรูปให้ดูมั่งสิ อยากเห็น จากคุณ : No.10 - [ 2 มี.ค. 51 13:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คาร์บูตัวเดียวคับ...แฮ่ๆ แค่ตัวเดียวก็แรง + กินน้ำมันพอแย้วคับ อ้อ รุ่นนี้ หน้าดิสก์หลังดรัมนะครับ ยกเว้นตัวแข่งแรลลี่โลกนั่น คาร์บูสองตัว ดิสก์เบรกหน้าหลัง อันนั้นยกให้ อัลฟา Giulietta ครับ อยากได้อยู่เหมื่อนกัน เอาไว้พรุ่งนี้จะเอารูปมาให้ดูกันครับ... จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 2 มี.ค. 51 21:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รุ่นแข่งใช้เครื่องบล็อค 1600 ขยายเป็น 2000 ใช่ไหม จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 3 มี.ค. 51 07:28:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ใช่ครับ รุ่นแข่งเป็นตัว 2 ประตู ใช้เครื่อง 2000 มี supercharge ของเฟียตในสมัยนั้นชื่อ "Volumex" และจะมีการเปลี่ยนระบบช่วงล่างหลังใหม่เป็นแบบอิสระ แบบในรูปนี่อ่ะครับ... จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 10:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฝอยซะเลย จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 10:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รูป x-ray จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 11:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 รูปบนสุดนั้นเป็นรุ่นย่อย CORSE เป็นตัวแข่งแรลลี่โลก WRC ของจริง ส่วนรูปนี้เป็นตัวจำลองขายให้ชาวบ้านที่บ้าเฟียตสมัยนั้น เรียกรุ่น Stradale จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 11:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 World Rally Champion WRC : 1977-1978-1980 จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 11:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมผูกพันกับเฟียตมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณพ่อใช้ตั้งแต่รุ่น 1500 จนถึง 131 เสียดายตอนนี้หมดยุคขอรถอิตาลีในเมืองไทยซะแล้ว + บริษัทแม่อ่อนแอลงตั้งแต่ชุดลูกมาบริหาร ทำให้เมื่อก่อนเฟียตเคยดังทั่วโลก ตอนนี้กลายเป็นว่ามีแต่คนแถวยุโรปที่ใช้กัน.. แต่ตอนนี้รู้สึกว่าจะปรับปรุงการบริหารใหม่ ออกรุ่นใหม่ ทำการตลาดมากขึ้น.. แต่เมืองไทยก็คงยังอีกไกล ตราบใดที่ยังไม่สามารถประกอบขายในไทยได้ ถ้านำเข้ามาคงแพงน้อยกว่าเบนซ์หน่อย และคงเจ๊งบ๊งแบบอัลฟาขณะนี้ เสียดาย T_t จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 11:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อันนี้รถผมฮะ .. อายุอานามได้ 25 ปี เป็นตัว super 1600 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ รุ่นนี้คือรุ่นปิดตำนานเฟียตในเมืองไทยฮะ หรือเรียกง่ายๆ ก็คือรุ่นสุดท้ายที่มีขายในเมืองไทย ของกรรณสูต ประมาณปี 2525-26 ก่อนที่อิตัลสยามจะมาทำต่อช่วง เฟียตปุนโต และก็เจ๊งต่อกันไปตามระเบียบ... จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 11:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ที่ใช้กันมาได้ถึงขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเป็นคนมีตังเก็บรักษารถเก่าหลายๆคันในบ้านอย่างนั้นนะครับ.. แต่ที่ใช้กันมาได้เพราะพ่อผมต้องทำงานหาเงินเลี้ยงที่บ้านผมคนเดียว การนำเงินมาซื้อรถป้ายแดงอาจทำให้ครอบครัวต้องเสียงกับสถานการณ์ทางการเงิ้นที่ไม่แน่นอน (พูดง่ายๆก็คือไม่มีตังซื้อรถใหม่) พ่อผมจึงใช้รถคันนี้แบบรักษาๆหน่อย เพื่อจะได้มีใช้ไปตลอด ต้องบอกตรงๆว่ารถคันนี้ทน และซ่อมง่าย รถสมัยก่อนระบบไม่ซับซ้อน ปัจจุบันที่ผมนำมาใช้นี่ก็เสียค่าบำรุงปีละไม่ถึง หมื่นด้วยซ้ำ เสียอย่างเดียว สนิมขึ้นง่าย ปัจจุบันปะผุไป 2 ครั้งแล้ว ปัจจุบันก็มีรวนบ้าง เพราะอะไหล่บางตัวหาไม่ได้แล้ว แต่ยังโชคดีที่เจอช่างเก่าแก่ที่เค้าเคยซ่อมรุ่นนี้ในศูนย์ตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ก็พอหาอะไหล่ดัดแปลงทดแทนไปได้... จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 12:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมผูกพันกับเฟียตมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณพ่อใช้ >>>>>>> งั้นก็เหมือนกันครับ ผมผูกพันกับเฟียตมาแต่เด็กๆเช่นกัน คุณพ่อใช้เฟียต 14 เคยได้ยินชื่อไหมครับ เป็นรถที่ผมหัดขับ ข้อดีของเฟียตคือ พวงมาลัยถือง่ายมาก ไม่มีอาการวอกแวกเลย กินน้ำมันน้อยมาก เมื่อเทียบกับรถอเมริกันคันโต สมัยนั้นเป็นยุคหลังสงครามเลิกใหม่ๆ รถส่วนมากเป็นรถค่ายอเมริกัน กินน้ำมันจุมาก พวงมาลัยก็เบา วอกแวก เบรคเป็น power มีคำว่า power ที่แป้นเบรค แตะนิดเดียวหยุด ผมหัดถือพวงมาลัย รถส่ายไปส่ายมา เป็นงูเลื้อย มาเจอพวงมาลัยเฟียต ขับง่ายมาก ข้อเสียที่พบโดยบังเอิญคือ ไม่มีหม้อลมช่วยเบรค ตอนผมหัดขับ พอจะเบรคครั้งแรก ผมก็เหยียบคลัช ทำให้เบรคไม่อยู่ รถยังวิ่งทื่อ คนสอนขับรถตกใจ ร้องบอกให้ว่าอย่าเหยียบคลัช เป็นประสบการณ์ตื่นเต้น ผมยังจำราคาเฟียต 14 ได้ ราคา 7 หมื่นบาท สมัยก่อนไม่มีตัวแทนในประเทศ ต้องสั่งกันเองส่งมาทางเรือ คุณลุงคุณพ่อและญาติสนิทคนหนึ่ง สั่งซื้อพร้อมกันรุ่นเดียวกัน 3 คัน รถส่งมาถึงปีนัง แล้วเปลี่ยนเรือต่อมาภูเก็ต ครับ คุณพ่อเป็นคนรักรถ ใช้ถนอมมาก สมัยก่อนไม่มีขโมย และภูเก็ตยังไม่มีสะพานข้าม คนไม่กลัวโจร เพราะขโมยแล้วก็เอาไปไหนไม่ได้ ตอนกลางคืนคุณพ่อไปดูหนัง จอดรถไว้หน้าโรงหนังโดยไม่ล้อคประตู ผมกับเพื่อนสองคนแอบขโมยรถขับเที่ยว พอหนังใกล้เลิกก็เอาไปจอดที่เดิม ... ตอนนั้นคิดว่าเก่งที่หลอกคุณพ่อได้ มารู้ภายหลังจากอู่ซ่อมรถ เขานินทาคุณพ่อว่าเป็นคนละเอียดมาก ขนาด "แมวข่วน" ยังรู้ รถคันนี้คุณพ่อใช้หลายปี น่าจะถึงสิบปี จึงยอมขาย คนซื้อไปดีใจมาก เล่ากันว่า รถคันนี้วิ่งไม่ถึงสามหมื่นโล ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 3 มี.ค. 51 14:26:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ลืมเล่า รถเฟียตสมัยนั้น มีปัญหาเรื่องไฟ ขับในเมืองกลางคืน คนขับพยายามใช้เกียร์ต่ำ ไม่เกินเกียร์สาม เขาบอกว่า ถ้าไม่ขับอย่างนี้ รุ่งเช้าจะสตาร์ทไม่ติด แต่เรื่องนี้คุณพ่อไม่ค่อยห่วงมาก เพราะญาติเขาเปิดร้านแบตฯอยู่ข้างๆ (บ้านผมเป็นตึกแถว) สตาร์ทไม่ติดเขาก็ส่งช่างมาเอาแบตฯไปชาร์จให้ ผมตามไปดู สมัยก่อนใช้หลอดไฟ แทนไดโอด แปลงไฟชาร์จแบตเตอรี่ครับ อีกเรื่องที่เป็นปัญหามาก คือ ท่อไอเสียชอบผุ ใช้ไม่ทน ช่างใช้เหล็กหนาก็ไม่ทน ผมสงสัยว่า ทำไมท่อไอเสียรถเฟียตรุ่นนี้ถึงไม่ทน เมื่อเทียบกับรถอเมริกันคันอื่นๆ ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ มาคิดอีกที น่าจะเป็นเพราะ A/F ที่ประหยัด คงจะบางมาก จนทำให้เกิด NOx แล้วกลายเป็นกรดกัดเหล็ก ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 3 มี.ค. 51 14:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หุๆ... ท่าทางคุณช่างกลหนุ่ม จะไม่หนุ่มซะละมัง ใช้เฟียต 14 เนี่ย จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 3 มี.ค. 51 15:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เอ๊ะ เฟียตเครื่อง 2000 มีซูเปอร์ชาร์จเนี่ย มันโวลูมเมตริโก้ไม่ใช่รึ เห็นเขียนโวลูมเม็กซ์ ผมก็งง นั่นมันชื่อที่ใช้กับแลนเซียนี่ จากคุณ : Million miles - [ 5 มี.ค. 51 06:17:41 ]

ความคิดเห็นที่ 22 Volumetrico เป็นชื่อรุ่นเฟียตที่ใช้ supercharge ส่วน Volumex คือตัว Supercharge ครับ... ตัวอย่างอื่นๆ ก็เช่น Argenta ที่ขายในอังกฤษ ที่ใช้เครื่อง 2000 + Vloumex จะเรียกชื่อรุ่นว่า ARGENTA VX ครับ... รถเฟียตผลิตในหลายประเทศ มีออปชั่นหลากหลาย ไม่ได้ค่อยกำหนดชื่อเป็นทางการสักเท่าใดครับ เมื่อก่อนผมก็งง ..พอศึกษาเพิ่มขึ้นก็จะรู้ว่า จะเอาออปชั่น หรือชื่อรุ่นมาตราฐานอะไรแน่นอนไม่ได้ครับ จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 5 มี.ค. 51 11:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอาเฉพาะเฟียตที่ขายในเมืองไทยนะ สำหรับ Fiat รุ่นที่มี Supercharge จะเรียกว่า Volumetrico ส่วน Lancia รุ่นที่่มี Supercharge จะเรียกว่า Volumex พอหายงงแล้วใช่มั้ยครับ จากคุณ : La O'Clordor - [ 5 มี.ค. 51 19:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ๋อ ..ของแลนเซียเรียกชื่อรุ่นเป็น Volumex หรือครับ พอดีผมเคยอ่านนิตยสาร AutoItalia เห็นมันแปะชื่อตรงซุปของอาร์เจนต้าว่า "Volumex " น่ะครับ ก็เลยคิดว่ามันชื่อนี้ กลายเป็นกระทู้เฟียตไปแล้ว จากคุณ : Quadrifoglio Verde - [ 5 มี.ค. 51 22:42:47 ]