ความคิดเห็นที่ 1 ชี้แจงมาเลย case ผมก้ทำแบบคันอื่น แต่ว่าคิดผม 500 ผมว่าแพงไปนะ เพราะน้ำยาแอร์แทบไม่ได้เติมเลย อีกอย่างนึงตอนที่ใช้น้ำยา ล้างคอยร้อน น่าจะบอกกันก่อน เพราะมันทำให้กระจังหน้ารถ และ บางส่วนของเครื่องยนต์ เป้นรอยด่าง หมดเลย อีกบางสิ่ง ที่ไม่เห้นด้วยคือ รถบางคันขับมาไกลๆ ช่างเล่นเอาน้ำฉีดไปที่เครื่องยนต์ โดยตรง แอร์ อาจจะดี แต่เครื่องอาจจะพัง ผมว่าบางกรณี ช่างเขารีบทำเกินไป จนถึงขั้นไม่รอบคอบ ใครจะไปทำก็ระมัดระวังในจุดนี้ ด้วย... จากคุณ : bouncer - [ 4 เม.ย. 51 23:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วยเล่ารายละเอียดหน่อยได้ไหมครับ ที่ว่าแย่ลง แย่ลงยังไง พี่เค้าทำอะไรไปบ้าง จากที่อ่านดูขั้นตอนก็เหมือนร้านแอร์ทั่วไป สงสัยครับว่ามันขึ้นฝ้าได้ยังไง แล้วถ้าเป็นแอร์ดิจิตรอนที่ปรับอุณหภูมิต่ำสุดได้แค่ 18 พี่เค้าเทสยังไงมันถึงขึ้นฝ้าครับ รถที่มีฮีตเตอร์ พี่เค้าได้ตัดท่อฮีตเตอร์ออกหรือเปล่าครับ จากคุณ : top - [ 4 เม.ย. 51 23:09:22 A:58.64.60.250 X: TicketID:168901 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอารายละเอียดมาเลยดีกว่าครับ จะได้เป็นกรณีศึกษา จากคุณ : เอ-อุบล - [ 5 เม.ย. 51 00:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขนาดบริษัทผลิตรถ มูลค่าบริษัทเท่าใหร่ครับ เค้ายังยอมรับว่า 100  คัน ยังมีผิดพลาด 1 แล้วพวกเราหร่ะ จะไม่มีผิดพลาดบ้างหรอครับ (นิดหน่อยให้อภัยและเป็นแรงใจครับ) จากคุณ : MPB508 - [ 5 เม.ย. 51 07:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รถผมก็ขึ้นฝ้าได้ครับ แต่หลอกเทอรโมให้มันตัดช้าหน่อย เปิดแอร์ทิ้งไว้ สักพัก.... ฝ้าขึ้น แบบไม่ต้องพึ่งช่างแอร์ตัวจริงครับ ทั้งหมดนี้ผมใช้น้ำยาแอร์ cold134 นะ ถึงจะติดไฟ แต่ก็ใช้ครับ แก๊สหลังรถ เสียวกว่าเยอะ.... ไม่ได้รู้จักกับช่างแอร์ตัวจริงท่านนั้นเป็นการส่วนตัวครับ   จริงๆช่างแอร์ดีๆ  ที่มีความรู้ มีเยอะครับในบ้านเรา  เพียงแต่ว่าจะหาเจอกันหรือเปล่าแค่นั้น  แต่ส่วนใหญ่ก็โดนฟันหัวแบะกลับมาทุกรายไป     เท่าที่ดูคือ ปัจจัยราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่นครับ  ท่านช่างแอร์ตัวจริงเล่นอินเตอร์เน็ตด้วย  ประชาสัมพันธ์ดี การตลาดดี   ดูท่าทางอัธยาศัยใจคอดี  แก้ปัญหารถลูกค้าได้ดีส่วนใหญ่  แบบนี้ ลูกค้าติดตรึม ผมว่า ช่างแอร์เจ้าอื่นๆที่มัวแต่หมั่นไส้หรือว่าอิจฉาที่สิงอยู่ตามไล่ตามจิกเค้าอยู่ น่าจะเอาเป็นตัวอย่างนะครับ  ว่าทำไม  เค้าถึงมีคนยกย่องมากนัก     ดีกว่าเห็นลูกค้าเป็นหมู จะฟันไม่เลี้ยงท่าเดียวก็ไม่ไหวครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 51 08:50:22 จากคุณ : alg (ALG) - [ 5 เม.ย. 51 08:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ที่ว่าทำรถ แล้วแย่ลงคืออะไร ถ้าไม่พอใจ  น่าจะกลับไปให้เค้าแก้งานนะ จากคุณ : plengmetal (plengmetal) - [ 5 เม.ย. 51 10:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับกรณีผม เครื่อง 1JZ-GE อยากลองของ เลยไปหาพี่เขา  พี่ใช้เทอร์โมมาวัดโดยการเปิดแอร์เร่งให้สุด วัดอุณหภูมิ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ล้างแผงคอลย์ด้านหน้าให้ กระจังหน้า ซีดเลย น้ำยาล้างคอย์กัด หลังจากนั้นก็แว๊คคั่มเติมน้ำยา หลังจากนั้นก็วัดอุณหภูมิ ลดลงกว่าเดิม สังเกตุว่า น้ำยาที่พี่เขาเติม แกเน้นย้ำว่าอย่าไปเติมที่อื่นเด็ดขาด เพราะน้ำยาที่อื่นไม่เหมือนของแก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเอาเย็นไว้ เมื่อใช้ไปซักเดือนสองเดือนลองเร่งครื่องสุด มีควันขึ้นจากคอมแอร์ คลัสแอร์ไหม้ ไปให้ช่างแถวบ้านดูบอกว่า น้ำยาดำ!!! ในระบบมีอะไรไปอุดตัน ทำให้ต้องเปลี่ยน คลัสหน้าคอม ลูกปืน  แผงคอลย์เย็นของ Denso แท้ ไดร์เออร์ ไล่น้ำยาใหม่ ค่าแรง เบ็ดเสร็จ 5300 บาทถ้วน น้ำตาร่วง ไม่รู้จะพูดยังไง  ไม่รู้ผมโดนช่างแถวบ้านฟัน หรือน้ำยาแกมีปัญหาจริงๆ.... รู้แต่ว่าไม่น่าเลย อยู่ดีไม่ว่าดี แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 51 11:07:13 แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 51 11:06:28 จากคุณ : piyabhut - [ 5 เม.ย. 51 11:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ้าวเหรอ.......งั้นพวกพี่โคตร..ซวยเลย  ผมไปทำมาจะครึ่งปี อยู่แล้วไม่เห็นมีปัญหาอะไนเลย...แอร์เย็นเจี๊ยบเลย.......เป็นกะลังใจให้เหมือนเดิมนะพี่ทรัพย์  พักผ่อนเยอะ ๆนะครับ......... ตาเพชร สุพรรณ....ว่าง ๆ จะเอาขนมเข้าไปฝากนะครับพี่   อิอิอิอิอิ จากคุณ : supankung - [ 5 เม.ย. 51 12:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คห. 7 ลง J แล้ว ใช้แอร์ ตลอดใช่ปล่าว ครัชแอร์ ไหม้ น่าจะเรื่องปกติอ่ะ เพราะ คนลง J คงไม่เอามาวิ่ง ชิวๆน่ะ ไอ้ น้ำยาคอมดำนี่ มันน่าจะมาจาก เกิดการขัดสี ระหว่างเหล็กกับเหล็กจนเกิดผงเหล็กปนในน้ำยาแอร์น่าจะมีสเเหตุที่ชัด เจน ต้องรอผู้เชียวชาญมาตอบ จากคุณ : ก้นกบ - [ 5 เม.ย. 51 13:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 5 เม.ย. 51 13:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สูตรง่าย รถไม่เย็น เอาน้ำยาล้างคอยล์ยัดโลด ยังไงก็ต้องเย็นขึ้นอยู่แล้ว แล้วอัดน้ำยาแอร์ตามไปอีกที ตรวจรั่วเหรอ เขาคงคิดว่าไม่จำเป็นมั้ง จริงๆ ต้องใช้ตัวตรวจรั่ว ก่อนเติมด้วยซ้ำ นี่มาถึง ยัดๆน้ำยาเข้าไปเลย กรณีของเบนซ์คงไม่ค่อยได้ซ่อม บอกตรงๆ ไม่เชื่อว่า ช่างคนนี้มีความรู้พอหรอก อย่างคอมแอร์เบนซ์ แค่น้ำยาคอมแอร์มีปัญญาซื้อหรือเปล่า? ของแท้ กระป๋อง ละ 1500 นะครับ ไม่ใช่ 40 บาท แบบที่ใช้ๆกัน แล้ว อีกอย่างคือระบบของเบนซ์มันไม่ได้ง่ายแบบรถญุ่ปุ่นที่ทำกันหรอก จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะทำไม่เป็น ส่วนคนอื่นที่ทำแล้วดี ก็ดีใจด้วย แต่ด้วยวิธี ลูกทุ่งแบบ แกนั้น ผมขอบอกผ่านดีกว่า อย่างคอมแอร์ แค่เอามาโอเวอร์ฮอลเอง ไม่ถึงสามพัน ใช้ได้ดีไปอีกหลายปี ไม่ต้องไปหาคอมมือสองมาใช้หรอก ที่บอกนี่ไม่ใช่อะไร ก็อยากให้รู้ว่าคนเก่งกว่าพอมี จากคุณ : ตอบตรง - [ 5 เม.ย. 51 16:22:39 A:210.203.181.94 X: TicketID:172798 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อย่างที่เรียนแจ้งให้ทราบเบื้องต้นแล้วว่าผมไม่ได้คิดติดใจ เพราะก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายมากมาย เพียงแค่เสนอแนะ ผมคิดว่าพี่เค้าคงไม่ติดใจเช่นกัน เริ่มรายละเอียดของเคสผมนะครับ 1.เริ่มจากแอร์รถเย็นไม่ฉ่ำเลยลองค้นหาความรู้จาก Internet เลย   ได้มีโอกาสพบกระทู้ของช่างแอร์ตัวจริง เลยอยากเข้าไปให้ทำบ้าง   เพราะทางกลับบ้านผมต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว 2.โทรนัดแนะกับพี่เค้าล่วงหน้า เลยได้คิววันพุธที่ 19/3/08   ตอน 3 ทุ่มกว่าๆ 3.พอถึงวันนัดก็เลยเข้าไปครับ เข้าไปถึง ก็เห็นมีรถจอดรอทำ   อยู่หลายค้นครับ ก็เลยต้องรอนิดหน่อย ตอนที่ผมไปถึงพี่เค้าก็   กำลังยุ่งอยู่เลย กำลังจะส่งรถให้ลูกค้าพอดี ลูกค้าก็ยิ้มแย้มตามคาด   รถฝ้าจับกระจก 4.พอได้คิวผมพี่เค้าก็ให้เอารถเข้ามาในบ้าน แล้วก็ทำการตรวจเช็คอย่างที่ว่า   แหละครับ แต่สะดุดใจนิดนึงตอนที่เปิดกระโปรงขึ้น พี่เค้าถามผมว่า  ไอ้รถรุ่นนี้ คอมแอร์มันอยู่ตรงไหน ??? แต่ผมคิดว่าเป็นมุกของพี่เค้า   เลยไม่ติดใจมาก แต่ตอบไปว่าผมก็ไม่ทราบ แล้วแกก็ก้มหาอยู่พักนึง  แล้วถามต่อว่า ที่เติ่มน้ำยาอยู่ตรงไหน ??? 5.หลังจากเช็คอุณหภูมิก็ได้อยู่ที่ 16 องศา หลังจากนั้นก็ให้ดับเครื่อง 6.พี่เค้าก็เอาน้ำยามาพ่นล้างคอยล์ร้อน เค้าว่ามันสกปรก ระหว่างนั้น  ผมก็เลยสอบถามอาการ ของรถผมว่า คอมแอร์ผมยังใช้ได้มั้ย  พี่เค้าก็ยืนยันให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นว่า สภาพโอเคกำลังอัดยังสมบรูณ์  เสียงเงียบ แล้วก็บอกว่าล้างคอยล์อย่างเดียวก็น่าจะจบ 7.หลังจากทิ้งไว้พักนึงก็ล้างออก แล้วให้ติดเครื่องใหม่ แล้วสิ่งที่ผมไม่คาด  ฝันก็คือ พี่เค้าเอาเครื่องอัดฉีดน้ำพ่นกวาดๆไปที่เครื่องด้วย คาดว่าเพื่อลด ความร้อนลง เพื่อนสมาชิกคงพอเดาออกนะครับว่า BENZ ระบบ ไฟฟ้ามันค่อนค้างจะกลัวน้ำอยู่ ที่จริงถ้าจะพ่นล้างเครื่องคงต้องน่าจะบัง หัวจ่ายด้วย ถึงจะพ่นผ่านๆก็เถอะ แต่ผมก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะไว้ใจ ครับ แต่โชดยังดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น   8.พอดูอุณหภูมิอีกครั้งลดลงเหลือ 13.4 ผมเริ่มนึกชมในใจ ว่าฝีมือดีจริงๆ แค่แปรบเดียว เห็นผล แต่พี่เค้ามาดูแล้วบอกว่า ไม่ผ่าน ยังใช้ไม่ได้ ต้องเย็นกว่านี้ อย่างน้อยก็เหลือเลขตัวเดียว แถมมีแซวผมเล่นว่าเอาเหลือเท่าไหร่ดี 9.เริ่มตรวจน้ำยา แล้วบอกผมว่ามีลมในระบบเยอะ น้ำยาแทบไม่มี ต้องเอาลมออกจากระบบก่อน 10.แล้วก็เริ่มแวค 11.หลังจากนั้นก็เติมน้ำยา แล้วติดเครื่องวัดอุณหภูมิอีกครั้ง คราวนี้       กลายเป็น 28 กว่าๆ ?? ทีนี้ก็พี่เค้าก็ไม่พูดอะไร แต่ติดเครื่องทิ้ง      ไว้อีกนานพอควร ระหว่างนั้น ก็เทียว ไป-มา ย้ายถ้งน้ำยา จากรถ       ผมไปรถคันอื่น ไปๆ มาๆ แบบนี้พักนึง แล้วก็บอกให้ดับเครื่อง       ก่อนดับ อุณหภูมิ ประมาณ 28 เท่าๆเดิม ตอนนี้ฝ้าเริ่มเกาะกระจก      รถผมแล้วครับ 12.แล้วก็เริ่มแวคอีกพักใหญ่ๆ คราวนี้ไม่ค่อยจะหันมาสนใจรถผมแล้ว 13.เหมือนเดิมครับกลับมาเติมน้ำยาอีก คราวนี้เริ่มให้ความเห็นกับผมว่า       รถรุ่นนี้ โปโลวาวล์ชอบมีปัญหา (มันคือวาวล์อะไรครับ) แล้วก็       บอกต่ออีกว่า คอมเริ่มไม่ดีแล้วเสียงดังมากเลยได้ยินมั้ย (ทีตอนแรก       ที่ผมถาม ก็บอกผมว่า คอมโอเคสภาพดี เงียบกริบ ???) 14.คราวนี้เอาน้ำยาคอมมาเติมครับ หลังจากเติมเข้าไปซัก 30วิ ก็หันมาคุย      กับผมว่า เห็นมั้ยเสียงเงียบเลย ตอนแรกที่มาถึง คอมเสียงดังสนั่นเลย      ใช่ป่ะ คราวนี้ผมสิครับเงียบกริบ ได้แต่พยักหน้า 15.ติดเครื่องทิ้งไว้อีกพักใหญ่ๆ อุณหภูมิเริ่มลดลง เหลือ 20 จากการ      เอาน้ำฉีดพรมทั่วคัน คราวนี้ฝ้าเริ่มมา แล้วก็ยังคงติดเครื่องทิ้งไว้พร้อม      กับย้ายถังน้ำยา ไปๆ มาๆ กับคันอื่น จนสุดท้ายได้ตัวเลข 18 แล้วก็      บอกผมว่า รอให้น้ำยามันเดินเต็มระบบก่อน เพราะเพิ่งเติมน้ำมันคอม      เข้าไป มันยังจะเย็นช้า ต้องเอาไปวิ่งสัก 2-3 วันจะเย็นเอง      ประกอบกับตอนนั้นก็ใกล้ตี 1 แล้วผมก็เกรงใจ พี่เค้าก็คงเหนื่อย     ไม่น้อย แถมยังมีจอดทำอีก 1 คัน 16.พี่เค้าเลยนัดผมอีกครั้งให้เข้าไปปรับน้ำยาในวันศุกร์ เพราะผมบอก     พี่เค้าว่าต้องออกต่างจังหวัดเช้าวันเสาร์ กลัวว่าคนในรถจะร้อนกัน 17.สุดท้ายจบที่ 18 องศา พร้อมกับค่าแรงแค่ 300 พี่เค้าบอกขอ     ค่าน้ำยาพอ แต่พี่เค้าไม่มีตังค์ทอนก็เลยให้ไป 400 แทน 18.เนื่องจากมีความกังวลว่าเข้าไปวันศุกร์คิวจะแน่นอีก เกรงว่าจะ     ไม่มีเวลาตรวจสอบรถผม แล้ววันเสาร์ผมต้องเดินทาง เดี๋ยวแอร์     เกิดไม่เย็นขึ้นมา ก็เลยไม่ได้เข้าไปให้แก้ไขอีก ผลที่ได้รับกลับมา 1.ขับรถกลับบ้านต้องเปิดกระจก เพราะร้อนตับแลบ 2.ผลจากการล้างคอยล์ร้อนพ่น ไปที่ด้านหน้ารถนั้น     ทำให้สีที่แตรรถลอกออก จนขึ้นสนิม ทองอลูมิเนียม     บริเวณนั้น สีด่างหมดครับ ข้อส่งสัยส่วนตัวครับ 1.ผมลองไปวัดอุณหภูมิลมของรถใหม่ป้ายแดง  New Vios ที่บ้านก็ยังสู้ของที่พี่ทรัพย์ทำให้คัน     อื่นไม่ได้เลยครับ ได้ที่ประมาณ 4 องศา ใครทราบบ้าง     ว่าสเปก ของโรงงานเค้าควรอยู่ที่เท่าไหร่ 2.ที่ฝ้าจับรถมันเกิดจากอะไรกันแน่ เป็นเพราะแอร์มีความ     ชื้นสูง Dryer เสื่อมรึป่าว หรือเพราะการเอาน้ำไป     พรมฉีดทั่วคัน พอวันพฤหัสผมทนความร้อนไม่ไหวจึงเอาไปทำที่อื่นก่อนครับ   ส่วนสาเหตุสุดท้ายของรถผมเกิดจากอะไรแล้วจะบอกให้ที่หลังครับ ด้วยความจริงใจ จากคุณ : Earth Planet1 (Earth Planet1) - [ 5 เม.ย. 51 16:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กรณี #7 ผมว่าไม่เกี่ยวกับน้ำยาหรอก เพราะใช้มาตั้ง 2 เดือนแล้วนี่ ถ้ามันจะพัง 1-2 วัน ก็พังแล้วครับ จากคุณ : bouncer - [ 5 เม.ย. 51 16:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่อยาก จะเอ่ยเลย เดี๋ยวผมจะรออ่านตอนต่อไปครับ จากคุณ : gonk ยโสธร - [ 5 เม.ย. 51 17:05:28 A:58.10.198.249 X: TicketID:164715 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มารออ่าน  สาเหตุสุดท้ายครับ ........ จากคุณ : เอ-อุบล - [ 5 เม.ย. 51 19:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผม ว่า ผมรออ่าน ตอนต่อไปดีกว่า จากคุณ : Red Sparrow - [ 5 เม.ย. 51 23:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ในความเห็นของผม กรณีของ จขกท ที่ตอนแรกมันเย็นขึ้นคงเพราะทำความสะอาดแผงคอนเดนเซอร์แล้ว ตอนนั้นอาจจะเป้นเพราะน้ำยาแอร์น้อยเกินไปคงเพราะมีรั่วด้วย แต่ปัญหาที่เกิดมาทีหลัง เกิดขึ้นหลังจากการ ปล่อยน้ำยา และแวคคั่มระบบใหม่ ตอนที่เติมน้ำยาอาจจะไม่ได้ปริมาณที่ถูกต้องส่วนตัวแล้วคิดว่าอาจจะเติมเยอะไปครับ เพราะคอมเริ่มมีเสียงดัง น้ำยาน้อยไปก็ไม่เย็น มากไปก็ไม่เย้นนะครับ และไม่ทราบว่าตอนที่ปล่อยน้ำยาแอร์และแวคคั่มระบบ เติมน้ำยาแอร์ ช่างได้เติมน้ำมันคอมฯด้วยหรือเปล่าครับ เพราะผมคิดว่ารถ จขกท มีอาการรั่วอยู่ก่อนแล้ว เวลาน้ำยาแอร์รั่วจะพาน้ำมันคอมฯออกมาด้วยครับ ถ้าเราเอารถไปเติมน้ำยาอย่างเดียว โดยไม่ซ่อม เติม 2-3ครั้ง คอมฯแอร์ก็พังละครับ  เวลาปล่อยน้ำยาออกมาก็จะเป็นการปล่อยน้ำมันคอมฯออกมาด้วย การแวคคั่มก็จะดูดน้ำมันคอมฯออกมาบ้างเหมือนกัน เพราะงั้นต้องเติมน้ำมันคอมฯด้วยครับ แต่จะมากน้อยแค่ไหนก็อยู่กับประสบการณ์และอาการก่อนหน้าและรายการซ่อมที่ได้ไปทำมาก่อน หวังว่าช่างเค้าคงได้เติมน้ำมันคอมฯด้วยนะครับ และโปโลวาวล์ที่ว่า เค้าคงหมายถึงวาวล์ตู้แอร์หรือ บล็อกวาวล์ครับ ของเบนซ์และโตโยต้าโคโรล่า ชอบรั่วที่ตัวนี้แหละ ของเบนซ์ตัวประมาณ 1200 ของโตโยต้า ประมาณ 8-900 ส่วนคำถาม 1.ผมลองไปวัดอุณหภูมิลมของรถใหม่ป้ายแดง New Vios ที่บ้านก็ยังสู้ของที่พี่ทรัพย์ทำให้คัน    อื่นไม่ได้เลยครับ ได้ที่ประมาณ 4 องศา ใครทราบบ้าง    ว่าสเปก ของโรงงานเค้าควรอยู่ที่เท่าไหร่ - จริงๆแล้วเค้าไม่ได้วัดที่ช่องลมว่าจะทำให้มีอุณหภูมิเท่าไหร่นะครับ เวลาวัดมักจะใช้เซนเซอร์ 2 ชุด ชุดนึงอยู่ที่หน้ากากแอร์ อีกชุด อยู่ในห้องโดยสารเพื่อวัดอุณหภูมิโดยรวม(แต่รถทั่วไปที่ใช้เซนเซอร์ตัวเดียวจะจับอุณหภูมิที่หน้าคอยล์เย็นเลยเพื่อความฉับไวในการทำงาน) ผมก็ไม่ทราบว่าสเปคของโรงงานมันต้องเท่าไหร่นะครับ แต่ส่วนมาก จับที่ด้านหน้าของช่องลมแอร์กลางรถ(ไม่แหย่เข้าไปนะ) เฉลี่ยแล้วอยู่ราวๆ 7-8 องศาครับคอมฯก็จะตัด และอุณหภูมิในรถ 18-22 ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ถือว่าเย็นสบายสำหรับคนทั่วไปครับ แอร์จึงจะตัดการทำงานเพื่อเป็นการถนอมระบบแอร์ จุดนี้ผมเคยไปเตือนในกระทู้ที่พูดถึงช่างแอร์ตัวจริงกระทู้นึง ที่เจ้าของรถไปทำมาแล้ว เย็นสะใจมากจนแทบต้องห่มผ้ากันเลย  ซึ่งเป็นเรื่องดีครับที่เค้าได้ไปประสบมา แต่การที่ตั้งค่าความเย็นมากจนเกินไปจะทำให้คอมฯแอร์ทำงานหนักหรือทำงานตลอดเวลาจนกว่าจะได้อุณหภูมิที่กำหนด ในความเป้นจริงเราไม่ได้ต้องการความเย็นขนาดนั้น สู้ปรับให้พอดีกับความต้องการแล้วเผื่อให้เย็นไปอีกนิดนึงเพื่อแลกกับความทนทานของคอมฯแอร์จะดีกว่าครับ รถใครที่ไปทำมาถ้ามันเย็นจัดเกินไปก็ไปขอให้พี่เค้าปรับเทอร์โมฯให้ใหม่ก็จะดีนะครับ เพื่ออายุการใช้งานของคอมฯแอร์ ของรถคุณเอง เรื่องนี้ตอนผมหัดซ่อมแอร์ใหม่ๆก็เคยทำมาแล้ว -2 -5 องศาก็ทำได้ ฝ้าขึ้นตอนกลางวันไม่ต้องราดน้ำเลย แต่ซ่อมไปซ่อมมาก็รู้ว่าข้อเสียมันเยอะกว่าครับ 2.ที่ฝ้าจับรถมันเกิดจากอะไรกันแน่ เป็นเพราะแอร์มีความ    ชื้นสูง Dryer เสื่อมรึป่าว หรือเพราะการเอาน้ำไป    พรมฉีดทั่วคัน - เคยขับรถตอนฝนตกไหมครับ ฝ้าที่ว่าของ จขกท มันต่างกับฝ้าของคันอื่นที่พี่เค้าทำกันนะ ระหว่างฝ้าที่เกิดจากแอร์เย็นเกินไปหรืออุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายใน กับ ฝ้าที่เกิดจากแอร์ไม่เย็นหรืออุณหภูมิภายในสูงกว่าภายนอก ไม่เกี่ยวกับดรายเออร์มีความชื้นยังไง เพราะมันอยู่ในระบบ ไม่ได้อยู่ในรถครับ อีกอย่างตอนไปซ่อมแอร์ถ้าต้องเปิดระบบแล้ว เค้าก็ต้องเปลี่ยนดรายเออร์ให้ใหม่อยู่แล้วนะครับ เพราะดรายเออร์โดนอากศนานมากไม่ดี มันจะดูดความชื้นในอากาศไว้มากเกินไป แล้วก็คอมฯแอร์เครื่อง JZ เป็นของ nippon denso  RPM สูงสุดอยู่ที่ 6000 ครับ ใครชอบลากมิดๆ ก็ระวังๆหน่อยนะครับ กับบางคันที่วาง JZ แล้วคอมแอร์พังบ่อย เข้าใจนิดนึงนะครับว่า คอมฯ ND เป็นแบบแรงดันสูง แผงคอนเดนเซอร์หน้าต้องมีขนาดใหญ่พอสมควร ไม่ก็ต้องเป็นแผงคอนเดนเซอร์แบบ hi-flow เอาเป็นว่าต้องพอๆกับ สามห่วงหรือหน้ายิ้มนั่นแหละครับเป็นขั้นต่ำไม่ก็ต้องเป็นแผงหนา เล็กกว่าก็ไม่ดีแน่เพราะระบายความร้อนได้น้อยกว่าและของ "หน้ายัก/ยิ้ม" ยังเป็นแบบ hi-flow น้ำยาเดิน2ทางด้วย รุ่นนี้คันไหนเปลี่ยนแผงคอนเดนเซอร์ดัดแปลงแบบไม่ตรงรุ่นมาและมีขนาดเล็กกว่า(คอนเดนเซอร์ที่มีขายทั่วไปขนาดที่แคบและยาวเท่าของ 2 รุ่นนี้ไม่มีจำหน่ายครับ ถ้าดัดแปลงเอาจะได้ขนาดเล็กกว่าเสมอซึ่งไม่ดีนัก เพราะถึงจะหาขนาดเท่ากันมาได้ก็ยังเป็นแบบเดินน้ำยาทางเดียว flow แพ้ของติดรถอยู่ดี) คอมฯมักเจ๊งเร็วไม่ก็น้ำยาแอร์หายโดยไม่มีรูรั่วได้บ่อยๆ รถที่วางเครื่องใหม่มักจะใช้อุปกรณ์แอร์เดิมซึ่งรองรับแรงดันของคอมฯติดรถมาเท่านั้นไม่ได้ทำมาเผื่อให้รับแรงดันสูงของ คอมฯ ND บางคันเลยคอมฯแอร์พังบ่อย แต่บางรุ่นก็ไม่มีปัญหาเช่น E34 คอมฯเดิมติดรถก็ยืม ND มา W-124 แผงแอร์ก็ใหญ่และหนา ผมก็ไม่ได้เก่งอะไร อย่าพึ่งมากระแทกแดกดันกัน แค่มาแชร์ประสบการณ์ครับ หวังว่าข้อมูลของผมคงมีประโยชน์กับพี่ทรัพย์บ้าง ผมไม่ได้เก่งมาจากไหน พี่ทรัพย์ก็ไม่ได้เก่งมาจากไหน ผมเรียนรู้เอาเอง พี่ทรัพย์ก็คงเหมือนกัน ผมรู้ว่าความรู้มันไม่ได้ลอยมาเองแต่ต้องไปลองเอง สัมผัสเอง ผมถึงโพสท์ฝากไว้ตรงนี้ เผื่อบางอันพี่ทรัพย์จะเอาไปใช้ประโยชน์ในการซ่อมแอร์ได้ผมก็ยินดีด้วย แต่ถ้าอันไหนรู้อยู่แล้วก็ขออภัยที่บังอาจ ^^" จากคุณ : penn's - [ 5 เม.ย. 51 23:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตามนิบปอน วัดที่หน้ากากแอร์ 8 องศาครับ จากคุณ : mod15 - [ วันจักรี 11:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ยืนยันนะครับว่า วิธีการซ่อมตาม #12 มั่วนรกเลย รู้ได้ไงว่ากำลังคอมยังดี ในเมื่อไม่ได้ถอดมาวัด http://www.thebenzbin.com/mercedes-ac-compressor.html รบกวนให้พี่เขาช่วยอ่านวิธีการเช็คคร่าวๆนะครับ ส่วนการฉีดน้ำพ่นเครื่อง ระวัง จะได้พังทั้งตัว กล่องหัวฉีดแม้จะมี firewall กั้น แต่มันไม่กันน้ำนะครับ อีกอย่าง การทำแอร์ที่ดี ไม่ใช่ต้องเย็นแบบขั้วโลก คอมฯพังกันหมดพอดี แบบที่ #17 ว่าไว้นะถูกแล้ว การเย็นจนฝ้าจับ หรือเหลือ 4 องศา ผมว่านั่นมันคนบ้าทำแล้ว ผมว่า เร็วๆนี้ คงจะมีใครหลายคนหน้าแตก หรือจับโกหก เรื่องช่างตัวจริงกระมัง จากคุณ : ตอบตรง - [ วันจักรี 15:14:20 A:210.203.181.94 X: TicketID:172798 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตกระทู้ดีกว่ามั๊ง จากคุณ : mod15 - [ วันจักรี 21:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 11 สูตรง่าย รถไม่เย็น เอาน้ำยาล้างคอยล์ยัดโลด ยังไงก็ต้องเย็นขึ้นอยู่แล้ว แล้วอัดน้ำยาแอร์ตามไปอีกที ตรวจรั่วเหรอ เขาคงคิดว่าไม่จำเป็นมั้ง จริงๆ ต้องใช้ตัวตรวจรั่ว ก่อนเติมด้วยซ้ำ นี่มาถึง ยัดๆน้ำยาเข้าไปเลย กรณีของเบนซ์คงไม่ค่อยได้ซ่อม บอกตรงๆ ไม่เชื่อว่า ช่างคนนี้มีความรู้พอหรอก อย่างคอมแอร์เบนซ์ แค่น้ำยาคอมแอร์มีปัญญาซื้อหรือเปล่า? ของแท้ กระป๋อง ละ 1500 นะครับ ไม่ใช่ 40 บาท แบบที่ใช้ๆกัน ++++ ถามหน่อยว่า 1. สูตรง่าย ก็จริงอะครับ แล้วทำไมร้านแอร์ทั่วไปถึงไม่ทำวิธีนี้ก่อนล่ะครับ ที่เจอๆมาก็ หาว่าน้ำยาแอร์หาย คอยล์เย็นรั่วมั่งละ คอมแอร์เดี้ยงมั่งล่ะ 2. คุณรู้ได้อย่างไรว่าของช่างแอร์ตัวจริงใช้น้ำยาราคากี่บาท ??? อย่าเดามั่วไปหน่อยเลยว่า 40 บาท 3. คุณรู้เหรอว่า Benz ผลิตน้ำยาแอร์เอง??? ผมว่าไม่ใช่ล่ะมั้ง benz ก็จ้างผู้ผลิตน้ำยาแอร์มาผลิตแล้วตีตราเบนซ์ เท่านั้นแหละ ราคา 1500 นั่นราคาเว่อร์จะตาย แล้วอีกอย่างคือระบบของเบนซ์มันไม่ได้ง่ายแบบรถญุ่ปุ่นที่ทำกันหรอก จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะทำไม่เป็น ++++ เอ่อ ผมก็เอา benz ไปให้พี่เค้าทำให้ รุ่นใหม่กว่า 300E ของ จขกท อีก ก็ไม่เห็นรถผมจะทำยากกว่ารถญี่ปุ่นคันอื่นๆตรงใหน ทำง่ายและเร็วกว่ารถญี่ปุ่นอีกหลายคันเลยด้วยซ้ำ ผมว่าคุณออกแนวโจมตี สาดขี้ ซะแล้วกระมัง ส่วนคนอื่นที่ทำแล้วดี ก็ดีใจด้วย แต่ด้วยวิธี ลูกทุ่งแบบ แกนั้น ผมขอบอกผ่านดีกว่า อย่างคอมแอร์ แค่เอามาโอเวอร์ฮอลเอง ไม่ถึงสามพัน ใช้ได้ดีไปอีกหลายปี ไม่ต้องไปหาคอมมือสองมาใช้หรอก ที่บอกนี่ไม่ใช่อะไร ก็อยากให้รู้ว่าคนเก่งกว่าพอมี ++++ 1. จะเป็นวิธีลูกทุ่งหรือไม่ แล้วแต่คุณจะนิยามก็แล้วกัน ขอให้วิธีนั้นได้ผล แบบมีหลักการ ไม่ใช่เปลี่ยนดะเหมือนร้านแอร์ทั่วไป 2. คนเก่งกว่าช่างแอร์ตัวจริง ในประเทศนี้ผมก็ว่ามีนะครับ แต่ที่เก่งแล้วไม่ "ฟัน" แบบร้านแอร์ทั่วไป ผมว่า หายากมากๆครับ 3. เท่าที่อ่านจากการพิมพ์ของคุณเนี่ย คุณเป็น "คนขี้อิจฉา" จังเลยครับ มีอะไรเบื้องหลังเบื้องลึกกับช่างแอร์ตัวจริงมาก่อนงั้นหรือ ???? จากคุณ : ตอบตรง - [ 5 เม.ย. 51 16:22:39 A:210.203.181.94 X: TicketID:172798 ] จากคุณ : ใช้ Benz เหมือนกัน - [ 7 เม.ย. 51 02:17:56 A:125.24.178.222 X: TicketID:171004 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบ #19 ที่คุณบอกว่า "การเย็นจนฝ้าจับ หรือเหลือ 4 องศา ผมว่านั่นมันคนบ้าทำแล้ว " อย่างนี้ รถใหม่ป้ายแดงเช่น VIOS , Civic FD ซึ่ง วัดได้ ประมาน 4-5 องศา ก็แสดงว่าไอ้พวก ญี่ปุ่นมันบ้า ด้วยงั้นหรือ ??? ผมว่าคุณชักเหมือน ตัวอิจฉาตามละครน้ำเน่า แล้วนะครับ จากคุณ : ใช้ Benz เหมือนกัน - [ 7 เม.ย. 51 02:32:20 A:125.24.178.222 X: TicketID:171004 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รอคุณเจ้าของกระทู้ครับ มาต่อให้จบทีครับ อยากรู้เหมือนกัน จากคุณ : กางมุ้งนอน - [ 7 เม.ย. 51 09:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จะมีกี่ ภาค ครับเนี้ย รออ่านจ๊ะ จากคุณ : Red Sparrow - [ 7 เม.ย. 51 12:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อิๆ  เรื่อง ชัก แดงแล้วสิ แหม่ ไม่ยักรู้ มีคนเอาเบนซ์ไปให้แกซ่อมด้วย ท่าทาง จขกท. ต้องมาอธิบายให้เคลียร์แล้วล่ะ จากคุณ : ก้นกบ - [ 7 เม.ย. 51 13:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รอดูต่อเช่นกันคับ.. จากคุณ : nc@1600cc - [ 7 เม.ย. 51 15:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน    ก่อนที่ผมจะเริ่มกระทู้นี้ผมก็มีความกังวลใจ ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเป็นกระทู้ล่อเป้า    แต่อย่างที่เรียนให้ทราบแต่แรกครับ ว่าเป็น เพียงแค่ความเห็นส่วนตัวเท่านั้นครับไม่ได้มีเจตนา โจมตีใดๆ    เพราะการที่ไปใช้บริการ ก็ต้องมีกล่องข้อเสนอ นะบ้างใช่มั้ยครับ   ถ้าเห็นว่ามันเป็นเพียงส่วนน้อยที่ทำแล้วไม่ดี ก็ไม่ต้องสนใจก็ได้ครับ   แต่ในมุมกลับ ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็อยาก ให้พิจารณาครับ   สุดท้ายจากอาการของรถผมที่ได้ไปแก้ไขมา จากร้านอื่น ซึ่งผมก็ไม่รู้อีกแหละว่า ในการไป ซ่อมในครั้งนี้ผมโดนฟันหัวแบะอีกหรือเปล่า   ก็เหมือนเดิมครับจะชี้แจงรายละเอียดตามที่ ผมเห็นมานะครับ ผิด ถูก ตกหล่น ยังไงขออภัยครับ เนื่องจากไม่ได้เป็นช่างครับ แล้วก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ของชิ้นส่วนประกอบต่างๆด้วยครับ 1.บ่ายพฤหัสของวันที่ 20-3-08 ผมก็นำรถ เข้าซ่อมในขณะที่แอร์นั้นมีแต่ลมร้อน 2.ช่างเริ่มทำการประเมิณอาการรถผม โดยผมไม่ได้ บอกกับช่างร้านนี้ว่าเพิ่งไปทำอะไรมาบ้าง เกรงว่าจะ ประเมิณผลแบบลำเอียง 3.ในขณะยังติดเครื่องอยู่ก็เหมือนทั่วๆไป ก็ลองใช้มือ อังจากช่องลมดูว่ามีไอเย็นบ้างมั้ย แล้วก็ลอง ปิด - เปิด Thermostat (ที่ปรับตั้งความเย็น) ดูว่า คอม แอร์ยังตัดต่อการทำงานหรือไม่ 4.จากนั้นเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อสังเกตุความผิดปรกติต่างๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าดูอะไร แต่เท่าที่เห็นก็มีการส่องดูน้ำยา ลองจับท่อ ส่งนำยา จากนั้นก็ดับเครื่อง 5.ทีนี้ก็ชี้จุดที่น่าจะมีปัญหาให้ดูคือ หน้าแปลนเหล็ก กดครัทช์ แม่เหล็กไฟฟ้ามีรองรอยการไหม้ จึงแจ้งผมว่าอาจจะเป็นเพราะ สาเหตุนี้ เพราะดูแล้วว่าน้ำยาก็มี คอยล์ร้อนก็สะอาด 6.นำรถขึ้นแม่แรงแบบที่ยกได้ทั้งคันหนะครับ แล้วเดิน เข้าไปชี้ให้ดูจากใต้ท้องรถ ว่าคงต้องถอดคอมแอร์ออกมา ซึ่งขั้นตอนนี้ ก็เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย ต้องถอดจากใต้ท้องรถ แล้วก็ต้อง ยกเอาหม้อน้ำออกด้วย  แต่อันที่จริงช่างเค้าบอกว่าถอดจาก หน้าเครื่องก็ได้ แต่จะลำบากกว่า อันนี้แล้วแต่ช่างครับไม่ว่ากัน 7.หลังจากถอดออกมาได้ก็ทำความสะอาดภายนอก แกะครัทช์ แม่เหล็กออกมาดู จากการดูด้วยตาเปล่า ผมก็ว่ามันน่าจะเสื่อม จากต้วมันเอง เพราะระบบไฟก็ไม่มีปัญหา สายไฟต่างๆก็ยังแน่นดี อ้อ คอมแอร์รุ่นนี้เป็นของ เด็นโซครับ 8.เปลี่ยนครัทช์แม่เหล็ก แล้วก็ถือโอกาสเปลี่ยนลูกปืน ไปด้วยเลย เพราะ ไม่กี่ตังค์ 9.จากนั้นก็ประกอบทุกอย่างเข้าที่ แล้วก็เริ่มขั้นตอนตามปรกติ เติมน้ำมันคอม เติมน้ำยา แล้วก็ปรับน้ำยาอยู่พักนึง 10.คราวนี้รู้สึกได้ถึงความเย็นแล้วครับ จับที่ท่อน้ำยา ก็เย็นมาก ลมแอร์ในห้องโดยสารก็เย็นสบายดี ขากลับขับออกมารู้สึกเลยว่า ลมแอร์นั้นเย็นจนปวดมือ 11.เกือบลืมครับ ช่างเค้าไม่ได้ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดความเย็น ที่หน้ากากแอร์เลย ทั้งที่ผมก็อยากรู้ว่ามันเย็นแค่ไหน ขากลับก็ เลยลองวัดด้วยตัวเอง จะได้ประมาณ 8 องศา เท่านี้ก็เย็นทั่ว คันแล้วครับ 12.แต่ช่างก็ทิ้งท้ายไว้เหมือนกันว่าถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะเปลี่ยน คอมแอร์ในโอกาสหน้า เพราะมันค่อนค้างเก่ามากแล้ว ถ้าวิ่งตอน กลางวันแดดจัดๆ และรถติดก็อาจสู้ไม่ไหว ทั้งหมดก็ทำไปประมาณนี้แหละครับ ก็ไม่รู้ว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง รึเปล่า หรือว่าจะโดนหลอกอีก ถ้าเพื่อนสมาชิกท่านใดมีความรู้ ช่วยแนะนำด้วยครับ เบ็ดเสร็จก็เสียเงินไปไม่กี่ร้อยบาท ก็ยังเย็นอยู่ถึงวันนี้ แต่คาดว่า ไม่นานคงต้องซ่อมอีก ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติของรถเก่าครับ   ด้วยความจริงใจ จากคุณ : Earth Planet1 (Earth Planet1) - [ 8 เม.ย. 51 11:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาดู ... อิอิ จากคุณ : Galaxian Explosion !!! - [ 11 เม.ย. 51 12:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จากการแก้ไข ใน คห.27 ก็แสดงว่า ครัชแอร์ ไหม้จริงเป็น อาการต่อเนื่องหลังจากออกมาจากทำครั้งแรก อันนี้ คงต้องถือว่า สุดวิสัยของพี่เขาล่ะครับ เพราะตอนเอารถเข้าไปทำครั้งแรก ถ้าครัชแอร์ไม่จับก็คงจะเห็นได้แต่แรก คราวนี้ คงต้องมา ดูกันต่อว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ครัชไหม้ เดาว่า คอมแอร์เริ่มมีปัญหา กินแรงเครื่องแล้ว อีกสักพัก ก็คงกลับบ้านเก่าตามคำทำนาย เตรียมเงินไว้เลยครับมันล๊อกแน่ จากคุณ : ก้นกบ - [ 11 เม.ย. 51 14:08:45 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากครับ คุณก้นกบ ที่่ให้ความรู้ครับ ผมคงต้องเตรียมเงินค่าซ่อม อีกครั้งแน่ แต่พอจะทราบมั้ยครับว่าราคามันควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อว่าจะไม่โดนหลอกเอาหน่ะครับ อีกประเด็นคือเรามีทางสังเกตุอย่างไรได้ครับ ว่าครัทช์มันจะไหม้ครับ กรณีที่ แอร์ยังเย็นแต่ไม่ฉ่ำ เสียงยังเงียบ ยังไม่กินกำลังเครื่อง หรือว่าโดยปกติมันตรวจสอบไม่ได้ครับ หรือว่ามันควรจะเปลี่ยนทุกๆ กี่หมื่นโล เพื่อว่าจะได้ป้องกันไว้หน่ะ ครับ ที่ถามทั้งหมดเป็นแค่ข้อสงสัยหน่ะครับ ไม่ได้มี เจตนาก้าวร้าวนะครับ หรือท่านใดมีข้อแนะนำช่วยออกความเห็น ด้วยครับ อย่างน้อยก็ทำให้ผู้ที่ยังไม่เข้าใจจะได้รู้วิธีดูแลด้วย ตัวเองได้บ้างครับ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ ด้วยความจริงใจ สุดท้าย จากคุณ : จขกท (Earth Planet1) - [ 11 เม.ย. 51 22:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเป็นอีกคนที่ไม่ประสบความสำเร็จจากการทำแอร์กับพี่เขาครับ ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยแล้วกัน คือรถผมแอร์ไม่เย็นขณะรถติด ไปถึงก็โดนฉีดคอล์ยเย็นเหมือนกันตามกรรมวิธี เสร็จแล้วพี่เขาก็มาเช็ครถผมแล้วบอกว่าน้ำยาเกิน พี่เขาก็ปล่อยออกเยอะมากแล้วก็เติมเข้าไปใหม่ แล้วก็ทำอุณหภูมิได้ 5องศาผมยังเขียนในสมุดบันทึกเลย ขับกลับมาก็ดีใจคิดว่าหายแล้วแน่ๆ พอวันรุ่งขึ้นไปข้างนอกเพื่อไปซื้อผ้าเบรกมาเปลี่ยนแล้วพอดีรถมันติด ปรากฎว่าแอร์ผมไม่เย็นแล้วครับเลยจอดให้ร้านข้างทางดูปรากฎว่า น้ำยาขาดครับเพราะมองไปที่ตาแมวที่อยู่บนไดเออร์แล้วเห็นฟองเล็กๆเต็มไปหมดพอเติมน้ำยาไปใหม่ก็เย็นขึ้นแป๊บเดียวก็หายไปอีกช่างบอกว่า วาล์วตันพอวันรุ่งขึ้นผมเลยไปล้างแอร์กับร้านแอร์เปลี่ยนไดเออร์เปลี่ยนวาล์วแอร์เติมน้ำยาใหม่ หายเป็นปรกติ ยังเย็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ครับ จากคุณ : imagawa (imagawashogun) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 01:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าคุณเข้าไปให้ช่างเค้าดูอีกที ผมก็ว่าหายนะ ที่เค้าทำคือขั้นต้นก่อน แต่ถ้าใครมีปัญหามากกว่านั้น ก็ไปเช็คดูกันอีกที หาสาเหตุที่แท้จริง แต่ถ้าเล่นหาครั้งแรก แล้วหนีไปเลย แล้วบอกว่า ช่างทำไม่ได้ผล มันตลกดีนะ จากคุณ : thinkslow - [ วันเนา (14) 09:18:42 A:58.9.126.253 X: TicketID:161089 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆน่าจะเช็คให้รู้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยนะครับเพราะบางคนไม่ได้มาใกล้ๆ ผมว่าพี่เขารับลูกค้าเยอะไปหรือเปล่า เลยทำให้ดูได้ไม่ทั่วถึง จากคุณ : imagawa (imagawashogun) - [ 16 เม.ย. 51 12:00:39 ]