ความคิดเห็นที่ 1 รูปครับ จากคุณ : แฮตทริก - [ 4 มิ.ย. 51 07:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทำแบบเดาสุ่ม ครับ ควรจะมีออกซิเจนเซนเซอร์ หรือ CO วัด จากคุณ : ป๋า - [ 4 มิ.ย. 51 08:00:18 A:10.212.212.85 X:203.146.104.42 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เออแล้วทำไม่ของผมแก็สจะหมด รอปพุ่งขึ้นแต่ความเร็วไม่ขึ้นอะครับ จากคุณ : ชัดไชโย - [ 4 มิ.ย. 51 09:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คือต้องเข้าใจก่อนว่า เวลาเราเร่งเครื่องอยู่กับที่ คันเร่งเรากดน้อยกว่าเวลาวิ่งจริง เพราะไม่มีโหลดครับ อากาศจึงเข้าเครื่องน้อยกว่าตอนวิ่งจริง เพาเวอร์วาล์วจะเป็นตัวกำกับ ว่าช่วงรอบที่อากาศปริมาณเท่านี้ ควรจะจ่ายแก๊สเท่าไหร่ ซึ่งมันก็จะไปโยงกับส่วนของหม้อต้มอีกรอบ ถ้าเราบิดจนรอบเริ่มตก แสดงว่าแค่เร่งตัวเปล่า ไม่มีโหลด แก๊สยังไม่ค่อยจะพอ จึงควรเปิดวาล์วเพิ่มอีกนิดนึง เพื่อชดเชยตอนมีโหลดครับ ซึ่งการเปิดวาล์วเพิ่มอีกนิดนึงนี่แหละ ที่เราจะเดาไม่ถูก เค้าก็เลยสร้างไกด์ไลน์ ว่าพอเปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แก๊สจะหนาขึ้นเรื่อยๆ พอมันหนาเกินปุ๊บ มันจะสำลัก รอบก็ตกลงมาอีก ส่วนใหญ่เค้าเลยจะเปิดอยู่กึ่งกลาง ระหว่างจุดที่รอบตกเพราะบาง กับรอบตกเพราะหนาครับ แต่ที่ผมจูน ผมจะไม่จูนพีคแบบเหยียบคันเร่งกับที่ เพราะอย่างที่บอก เร่งตัวเปล่ากับตอนมีโหลด อากาศมันไม่เท่ากัน ผมเลยลองบิดไปบิดมาแล้วก็ไปลองวิ่งดูครับ อันไหนวิ่งดี กินแก๊สแบบรับได้ ก็เอาอันนั้น ผมจะปรับพร้อมกับหม้อต้มทุกครั้งครับ ตามความเข้าใจของผม ที่เคยลองเปิดเพาเวอร์วาล์วมาก แล้วจูนหม้อ กับเปิดเพาเวอร์วาล์วน้อย แล้วจูนหม้อ การหรี่เพาเวอร์วาล์วมากๆ ถึงแม้ว่าเราจะปรับหม้อต้มให้จ่ายได้ไวสุดๆ แต่รอบปลายๆ (4-6 พันรอบ) แก๊สจะจ่ายไม่พอกับความต้องการ ถ้าเปิดเพาเวอร์วาล์วมาก แล้วจูนหม้อ ถึงแม้ว่าเราจะปรับที่หม้อให้จ่ายแก๊สไวน้อยกว่าอันแรก แต่ในรอบปลายๆ (4-6 พันรอบ) จะวิ่งดีกว่าแบบเห็นได้ชัดครับ พวกเท้าหนัก ลากรอบ นี่จะรู้ครับ จากคุณ : athlon1400 - [ 4 มิ.ย. 51 09:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ท่าน athlon1400 จูนหม้อ คืออะไรครับ อยากลองจูนเล่นดูบ้าง จากคุณ : ss2498 - [ 4 มิ.ย. 51 12:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ใช้ AF Miter windband วัดครับ ลง1แลมด้า ก็สมบูรณ์ จากคุณ : Hyper Extream - [ 4 มิ.ย. 51 12:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จูนหม้อ มีสองจุด คือมี sen กับ idle วิธีการเรียก ผมไม่แน่ชัดว่าตัวไหนเรียกอะไรกันแน่ เพราะบางยี่ห้อเรียกตัวปรับตีนตุ๊กแกว่า sen บางเจ้าก็เรียกว่า idle อีกจุดก็เรียกสลับกัน จูนหม้อก็จูนพวกนี้แหละครับ หมุนๆกันเข้าไป ซักพักก็จะเข้าใจมันเองครับ การติดแลมด้าแบบหวังแค่ 14.7:1 หรือ 1 แลมด้า โดยไม่มีการจูนที่คอม หรือจูนที่หม้อ ก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะเวลา full load ควรจะเป็นราวๆ 12.5:1 เพื่อให้ได้กำลังมากที่สุด และเป็น 14.7:1 เพื่อให้เผาไหม้สมบูรณ์ที่รอบคงที่ และมากกว่านั้นเพื่อประหยัดเชื้อเพลิง ถ้าเกิดเราตั้งรอบเดินเบาให้เป็น 14.7:1 เกิดเรา full throttle หรือคิกดาวน์ทันที แลมด้าปรับไม่ทัน แก๊สบาง แบคทันที จึงต้องเอาสัญญาณ TPS หรือองศาลิ้นปีกผีเสื้อ มาช่วยจูนด้วย คล้ายๆกับ boost แก๊สตอนเปิดคันเร่งกระทันหัน และถ้าเกิดเราต้องการกำลังสุดๆแบบ full throttle ค่า 14.7:1 จะทำให้รถอืดครับ และหากเราตั้ง lamda ค่าเริ่มต้นให้หรี่ๆไว้ แล้วไปจูนหม้อให้จ่ายหนักๆแทน รอบปลายก็จะตื้อเหมือนฟิกซ์มิกซ์แหละครับ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า การจูน lamda ที่ดี คือควรจะให้ตัวแลมด้า มีระยะหมุนไปมาน้อยที่สุด เพื่อให้มีความนิ่งในการจ่ายแก๊สมากที่สุด รายละเอียดไปหาดูได้ใน gasthai แลมด้าไม่ใช่เทพครับ แต่มันช่วยให้ระบบสมบูรณ์ขึ้นได้เล็กๆน้อยๆ แลมด้าเทพ จูนเทพ แต่จูนหม้อต้มห่วย กลายเป็นห่วยทั้งระบบก็มีครับ จากคุณ : athlon1400 - [ 4 มิ.ย. 51 16:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 1. หาคนมาเหยียบรอบเครื่องให้อยู่สัก 3 หรือ 4000 รอบ ให้นิ่งๆไว้ 2. บิดพาวเวอร์วาล์วตามเข็ม ให้รอบตก เมื่อรอบตก แสดงว่า จ่ายแก๊สไม่พอ 3. เปิดพาวเวอร์วาล์วทวนเข็ม รอบจะค่อยๆขึ้น 4. บิดไปเรื่อยๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ 5. จนถึงจุดนึง บิดเพิ่ม แต่ รอบไม่เพิ่ม นั่นคือจุดที่แก๊สเกินความต้องการ 6. บิดพาวเวอร์วาล์วกลับมาหาจุดที่รอบเริ่มจะตก นั่นคือ จุดพีค >>>>>>>>> ข้อ 1 ใช้รอบ 4000 รอบ สูงเกินไป จูนที่รอบนี้ไม่ดีครับ ก่อนอื่นคุณต้องจูนหม้อ ให้เรียบร้อยก่อน จูนหม้อ มีสองจุด คือมี sen กับ idle (ขอยืมสำนวนท่าน athlon1400 ครับ :-) เสร็จแล้วค่อย จูนพีค 1) เร่งคงที่ไว้ที่ 2000 รอบ 2) ค่อยๆบิดเพาเวอร์วาล์วเข้าไปเรื่อยๆ เครื่องฟอด สังเกตไม่ยาก 3) คลายเพาเว่อร์วาล์วออกนิดหนึ่ง สัก 10-15 นาที (นึกถึงเข็มนาฬิกา) ตอนแรกคลายสัก 10 นาที แล้วทดลองว่าพอไหม ? โดย... ค่อยๆเร่งเครื่องว่าเร่งลื่นไหม ? ถ้าเร่งแล้วมีอาการฟ่อ  ก็ค่อยๆคลายเพาเวอร์วาล์วออกมาอีกนิด ค่อยทำจนได้ที ไม่ยากหรอก จูนแบบนี้ นอกจากเร่งได้ดีแล้วยังได้ความประหยัดเป็นของแถม ครับ ... จบ ผมไม่อยากแนะนำให้คลายเข้าๆออกๆ เพื่อหาจุด Peak ครับ ทำอย่างนั้นก็ได้ แต่คนหัดทำแรกๆ จะจับอาการลำบาก   อยากให้ตัด ข้อ 3 .. ข้อ 6 ออก ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 มิ.ย. 51 19:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเกิดเราตั้งรอบเดินเบาให้เป็น 14.7:1 เกิดเรา full throttle หรือคิกดาวน์ทันที แลมด้าปรับไม่ทัน แก๊สบาง แบคทันที จึงต้องเอาสัญญาณ TPS หรือองศาลิ้นปีกผีเสื้อ มาช่วยจูนด้วย คล้ายๆกับ boost แก๊สตอนเปิดคันเร่งกระทันหัน และถ้าเกิดเราต้องการกำลังสุดๆแบบ full throttle ค่า 14.7:1 จะทำให้รถอืดครับ >>>>>>>>> (ผมติด fixmix) ผมทำ vacuum switch เปิด/ปิด หัวฉีดแก็ส ช่วยเติมแก็ส ตอนเร่ง หลักการทำงานเหมือน Lamda คือเติมแก็ส เพิ่มส่วนผสม แต่ของผม sensitive กว่า .... ไม่ได้โม้ Lamda มัน feedback จาก O-senser การทำงานจะมี delay ECU -เบนซิน ช่วงเร่ง เป็น open loop ก็ไม่ใช้สัญญาน sensor ตัวนี้ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 มิ.ย. 51 20:10:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยตอบครับ ผมคงเข้าใจเ่หมือนคุณช่างกล-หนุ่ม ตามข้อ 2 ที่ว่า บิดพาวเวอร์วาล์วตามเข็มให้รอบตก เมื่อรอบตก แสดงว่า จ่ายแก๊สไม่พอ ดังนั้นหลักการง่ายๆที่ผมคิดคือเมื่อเรารู้จุดที่แก๊สไม่พอแล้วเราก็ บิดกลับมาเล็กน้อยเพื่อให้แก๊สพอแล้วทดสอบโดยการเร่ิงเครื่องดู หรือวิ่งดู ถ้าไม่ดีก็ปรับขึ้นไปอีก แต่วิธีการนี้มีบางคนท้วงว่าอาจทำให้แก๊สบางไปทำให้เกิดแบคไฟ ได้ ไม่ทราบว่าจะมีส่วนไหมครับ จากคุณ : แฮตทริก - [ 4 มิ.ย. 51 20:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมลองเขียนรูป แสดงหลักการทำงานของตัวปรับ Sen (ของจริง ติดตั้งซับซ้อนกว่านี้ ผมเขียนง่ายๆพอเข้าใจ ) สกรูปรับ sen จะปรับแรงสปริงไปกดที่จุดนั้น .. เวลาเครื่องดูดแก็ส แผ่นไดอาแฟรม (ผ้าหม้อต้ม) ถูกดูด --> ยุบลง ก็จะกดแขนอีกด้าน เปิดวาล์ว ให้แก็สไหลออก ...ตัว Sen ถ้าปรับแข็ง มันก็มีแรงต้านมาก ทำให้วาล์วเปิดได้น้อย ...แก็สออกน้อย ... เครื่องก็เร่งไม่ลื่น ถึงกับฟอด ... พอคลายแรงสปริง Sen ก็มีแรงต้านลดลง ==> ตัววาล์วก็เปิดได้ง่ายขึ้น ปล่อยแก็สได้มาก .... พูดง่ายๆ การตอบสนองคันเร่ง ก็ไวขึ้น หรือ sensitive ตอบสนองคันเร่งได้ดีขึ้น .... ผมอธิบายไม่ค่อยเป็น หวังว่าจะเข้าใจนะครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 มิ.ย. 51 20:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ แก้ไข ผ้าหม้อต้ม เรียก ไดอาแฟรม ดีกว่า ไดอาแฟรม ตัวนี้เป็นห้อง secondary ในหม้อต้ม ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 มิ.ย. 51 20:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ จากหลักการทำงาน Sen แสดงให้เห็นว่า เจ้า Sen ตัวนี้มีผลตอบสนองการเร่งเครื่อง ตอบสนองคันเร่ง จะไว หรือ ช้า หรือ ฟอด  เจ้าตัวนี้มีบทบาทมาก ถ้าเราไม่ปรับจูน sen และ idle ให้เรียบร้อยเสียก่อน ไปปรับ peak จะปรับได้ไม่ดี ครับ ตัว sen ถ้าปรับไม่ดี จะทำให้ส่วนผสมบางในจังหวะเร่ง ===> เกิด back-fire ได้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 มิ.ย. 51 20:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แต่วิธีการนี้มีบางคนท้วงว่าอาจทำให้แก๊สบางไปทำให้เกิดแบคไฟ ได้ ไม่ทราบว่าจะมีส่วนไหมครับ >>>>>>>> จริงครับ ที่ว่าส่วนผสมบาง มีผลกับ backfire แต่เราปรับ peak ที่รอบสูง ที่รอบสูงมีโอกาสเกิด backfire ได้ยาก เพราะ ที่รอบสูงความเร็วของไอดีก็สูงด้วย เมื่อความเร็วไอดีสูงกว่าความเร็วไฟ จึงเกิดไฟย้อนได้ยาก ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 มิ.ย. 51 20:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 15 รูป คห. 11 ผมเขียนแสดงหลักการทำงาน ของจริง ตำแหน่งไม่เหมือนรูป แต่หลักทำงานเหมือนกันครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 มิ.ย. 51 20:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พูดถึงการทำงานตัวปรับ Idle  จะได้ครบ ตัวปรับ Idle มี 2 แบบ 1) เป็นสกรูปล่อยแก็สโดยตรงจากห้อง primary ปล่อยแก็สแรงดันสูงเข้าเครื่องในจังหวะเดินเบา โดยเครื่องไม่ต้องดูดเอง 2) เป็นสกรูไปดัน "วาล์วแก็ส" (ตามรูป คห. 11) ให้เผยอเปิดได้เล็กน้อย เพื่อปล่อยแก็สแรงดันสูง (แก็สมาจากห้องเดียวกับข้อ 1) ปล่อยแก็สเข้าให้เครื่องเดินเบาได้ โดยเครื่องไม่ต้องดูดเอง จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 4 มิ.ย. 51 21:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เยี่ยมเลยครับคุณ ช่างกล-หนุ่ม ไม่ทราบว่ามีเทคนิคในการปรับ sen ไหมครับ จากคุณ : แฮตทริก - [ 4 มิ.ย. 51 21:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตาม คห.9 ตอนคิกดาวน์ คุณแอธลอนเค้าก็ไม่ได้บอกว่ามันใช้แลมป์ด้าหืนิคับ แต่ไปใช้ทรอทเทิ้ลสั่งเปิดพาวเว่อร์วาล์วเลย ดังนั้นไม่น่าจะบาง แต่จูนหม้อก่อนจูนพาวเว่อร์วาล์วนี่งง จากคุณ : x - [ 4 มิ.ย. 51 23:45:00 A:210.246.64.201 X: TicketID:052378 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ทราบว่ามีเทคนิคในการปรับ sen ไหมครับ >>>>>>>>> อยากให้คุณย้อนไปอ่าน คห. 7 ทำความเข้าใจ sen idle และ lamda คุณ athlon1400 อธิบายไว้ดีแสดงว่ามีประสบการณ์และเข้าใจดี โดยเฉพาะเรื่องแลมด้า จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 04:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณแอธลอนเค้าก็ไม่ได้บอกว่ามันใช้แลมป์ด้าหืนิคับ แต่ไปใช้ทรอทเทิ้ลสั่งเปิดพาวเว่อร์วาล์วเลย ดังนั้นไม่น่าจะบาง >>>>>>> ใช่ครับ คุณ athlon บอกว่า //...เกิดเรา full throttle หรือคิกดาวน์ทันที แลมด้าปรับไม่ทัน แก๊สบาง แบคทันที ... จึงต้องเอาสัญญาณ TPS หรือองศาลิ้นปีกผีเสื้อ มาช่วยจูนด้วย .....// *** สัญญาน TPS หรือองศาลิ้นปีกผีเสื้อ ตัวนี้ เมื่อเทียบกับ ECU เบนซิน คือ การควบคุมในจังหวะ Open Loop ที่ดึงเอาสัญญาน Load/RPM-Map ก็คือ throttle position = องศาลิ้นปีกผีเสื้อ .... จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 04:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ทราบว่ามีเทคนิคในการปรับ sen ไหมครับ >>>>>>>>> เจ้า sen และ idle  2 ตัวนี้มีหน้าที่ดังนี้ --sen ทำหน้าที่ปรับความไว ตอบสนองคันเร่งจ่ายแก็สได้"ไวมาก/น้อย" ...  ถ้า sensitive OK แตะคันเร่งปุ๊ปจะจ่ายแก็สปั๊บ เร่งมากก็จ่ายมาก ถ้าไม่แตะคันเร่งจะไม่จ่ายแก็ส   ดังนั้น  ตอนเดินเบาจึงใช้แก็สจากตัว idle --idle ทำหน้าที่จ่ายแก็สโดยไม่ต้องแตะคันเร่ง ไม่ต้องใช้แรงดูดจากเครื่อง มันปล่อยแก็สได้เอง ทำให้มีแก็สสำหรับเดินเบาได้ การจูน ถ้าเราจะจูน idle เราต้องปิด sen อย่าให้จ่ายแก็สเสียก่อน ..... เริ่มต้น ติดเครื่อง, อุ่นให้ร้อน, เดินเบาไว้ 1) จำตำแหน่ง idle เอาไว้ ... แล้ว ค่อยๆ หรี่ปิด idle พอเครื่องทำท่าจะดับ ก็ค่อยๆเปิด sen ช่วยทีละนิด 2) ทำข้อ 1)  จนปิด idle ได้หมด แสดงว่า ตอนนี้เครื่องเบา โดยอาศัยแรงดูดจากเครื่องดูดแก็สไปใช้ ไม่ได้ใช้แก็สจาก idle .... OK นะครับ 3) คราวนี้ก็จูน sen ค่อยๆปรับจนเครื่องทำท่าจะดับ ก็เปิดออกนิดหนึ่ง 4) กลับไปเปิด idle กลับตำแหน่งเดิมข้อ 1) แล้วค่อยๆปรับเข้าปรับออก จนเครื่องเดินเบาได้นิ่ง หมายเหตุ .... บางทีหมุนปิด idle จนหมดแล้ว แต่เครื่องยังไม่ออกอาการ ==> อย่างนี้แสดงว่า "เปิด sen มากเกินไป" ก็ไปจัดการหรี่ sen ลงหน่อย จนสามารถ"ปรับ idle แล้วออกอาการ"  ไม่ยากหรอก ค่อยๆทำสักครั้ง ก็สบาย   5) เมื่อปรับจูน idle เรียบร้อย เครื่องเดินเบาได้ดีแล้ว ก็กลับไป test ว่า sen ที่ปรับไว้ OK ไหม ?  โดยค่อยๆแตะคันเร่งเบาๆ (ใช้มือกด ไม่ต้องวิ่งไปเหยียบคันเร่งจริงๆนะครับ :-) คอยดูอาการไวต่อคันเร่งไหม ??  ค่อยปรับจนเป็นทีพอใจ ==> การปรับ sen เสร็จเรียบร้อย หมายเหตุ ถ้าจูนตามวิธีนี้ จะลดปัญหาแซกซ้อนได้แยะ อาทิ effect จากกรองอากาศ เคยได้ยินคนบ่นไหม... ที่ว่า "เป่ากรองอากาศเสร็จ" เครื่องเดินเบาไม่ดี หรือ เบาดับ อะไรประมาณนี้ เพราะ ของเราจูน "idle แท้ๆ"  idle มันปล่อยแก็สให้ไหลเอง ไม่ได้อาศัยตัวช่วย(ดูด)เลย .... ลองดูนะครับ   ที่จริง รถติดแก็สมีปัญหาหลักอยู่ 2 อย่างเท่านั้น 1) การจูน 2) ปัญหาไฟ เปลืองหัวเทียน ที่เราได้ยินคนพูดกันว่า รถแก็สเปลืองหัวเทียน ถ้าแก้ไข 2 จุดนี้ จะขับแก็สได้สบาย หายห่วง สบายตัวและกระเป๋า ขออนุญาตเล่าเรื่องหัวเทียนต่ออีกนิด ต่อ... แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 05:23:45 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 05:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เหตุที่เปลืองหัวเทียน แก็สมี ignition point สูง สูงกว่าเบนซิน ignition point propane == 490--550 C butane   == 470--540 C benzin    == 360--380 C ...... ต่ำกว่าแก็สมาก ไฟหัวเทียนต้องมี energy สูง หัวเทียนเมื่อใช้ไปสักพัก จะต้องเสื่อม .... เป็นธรรมดา หัวเทียนเสื่อมไปนิดเดียว จะมีอะไรไปเกาะบริเวณเขี้ยวทำให้เกิดแรงต้าน ไฟแรงสูงที่เคยกระโดดได้ดี= เต็ม 100 ก็กระโดดได้ไม่ดี เพราะ "ไฟบางส่วน" bypass ไหลหนีไป .... นึกภาพออกนะครับ ตรงนี้ ทำให้ประกายไฟหัวเทียนมี energy ลดลง .... แต่มันก็ยังจุดระเบิดเบนซินได้ .... เนื่องจากเบนซินจุดง่ายกว่า ---หัวเทียนเสื่อม ขับรถเบนซิน ก็ไม่รู้สึกอะไร หรือ ไม่รู้สึกเลย แต่รถแก็สไม่ได้ มัน sensitive มาก หัวเทียนเสื่อมไปนิดเดียว energy จุดระเบิดก็ไม่พอ ก็เป็นเรื่องซิครับ สังเกต ตอนที่เราใช้ไฟมากๆ เช่น รถติดๆจอดนานๆ + ฝนตก + กลางคืน รวมๆต้องใช้โหลดไฟฟ้าเยอะ ไฟไปเลี้ยงคอล์ยก็ลดน้อย พอรถขยับตัว เราเริ่มออกรถ แตะคันเร่ง รถก็ออกอาการ ฟ่อ ฟอด ... หรือ ดับ ปัญหาประมาณนี้ ---> หัวเทียนเป็นจำเลยที่ 1 วิธีแก้ ... สไตล์ผม รับรองไม่แพง ใช้ดี ต่อ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 05:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ปัญหาประมาณนี้ ---> หัวเทียนเป็นจำเลยที่ 1 >>>>>>> สงสัยไหมครับ ทำไมผมถึงแน่ใจว่า หัวเทียน ? ผมเฉลยที่ คห. นี้ .... จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 05:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเฉลยที่ คห. นี้ .... ..... http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6619633/V6619633.html#34 ความคิดเห็นที่ 34   2. Spark Plug Required Voltage Required voltage increases with L.P.G. >>>>>> รถที่ติดแก็ส ที่บ่นๆว่า เปลืองหัวเทียน สาเหตุหลักมาจาก required Voltage increases ตัวนี้ ไม่ได้เป็นเพราะค่าความร้อนของหัวเทียน ครับ ผมมีข้อพิสูจน์ ดังนี้ พวกผมทดลองกันแล้ว รวมหัวกันลงความเห็น สรุปให้ เพิ่ม Voltage ไฟจุดระเบิดซิ หลังจากได้ข้อสรุป   เพื่อนนัก Elec ก็ทำ "อุปกรณ์ชิ้นนี้" ออกขาย (ขายหมดแล้ว .. เมื่อ 20ปีก่อน นะ) ตอนนั้นนึกจะตั้งชื่ออะไรดี พอดีได้ยินเสียงเจ้าออสซิเรเตอร์ (ตัวแปลงไฟ) มันส่งเสียงดัง "หึ่งๆ" .... ก็ปิ้งไอเดีย ตั้งชื่อ Bee เสียเลย ใครที่เคยติดตั้งแก็สที่อู่สหายสันต์เมื่อหลายปีก่อน คงเคยเห็นอุปกรณ์เพิ่มไฟจุดระเบิดตัวนี้ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม    - [ 20 พ.ค. 51 09:51:55 ] จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 05:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 วิธีแก้ ... สไตล์ผม รับรองไม่แพง ใช้ดี >>>>>>> ^ ^ ผมไม่ได้มาบอกขาย เครื่องเพิ่มไฟจุดระเบิด หรอกครับ วิธีแก้ปัญหาหัวเทียน พอเรารู้ว่า หัวเทียนต้องการ required voltage increase ..... ผมก็หยิบอะไรมา "เคาะเขี้ยวหัวเทียน" ปรับระยะห่างเขี้ยวหัวเทียนให้ลดลง.... ผมบอกหลักๆ ให้ลองเอาเองแล้วกัน --- ผมไม่บอกตัวเลข เดี่ยวจะมีนักบัญชีมากัดผม หาว่า ไม่ตัวเลขของผมไม่แม่น  ..... พอ gap ระยะห่างเขี้ยวหัวเทียนแคบลง Required Voltage น้อยก็กระโดดได้ .... จริงไหม ลองนึกดู แค่นี้แหละ หัวเทียนก็ใช้ได้ อย่าไปเสียเงินซื้อ เครื่องจุดระเบิดแรงๆ แพงๆ หรือ หัวเทียนแพงๆ ประเภท เดี้ยมๆ นั่น ผมไม่เอา สำหรับผมแพงเกินไป คราวนี้มาดูเบอร์หัวเทียน ต้องเย็นลงเบอร์หนึ่ง จริงไหม ? ... ต่อ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 06:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คราวนี้มาดูเบอร์หัวเทียน รถแก็สต้องใช้ "หัวเทียนเย็นลง 1 เบอร์" จริงไหม ? จริง แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ใช้หัวเทียนเบอร์เดิมได้ เรื่องนี้ ผมเคยเห็นคุณ ton99 โพสไว้แล้ว คนนี้ชอบทดลอง และทดลองแล้วได้ผล สรุปที่ดี คุณต้นบอกว่า "ใช้หัวเทียนเบอร์ร้อนที่สุด เท่าที่จะใช้ได้" ข้อความนี้ผมเห็นด้วยเต็มร้อย ตามทฤษฎี หัวเทียนรถแก็สจะร้อนกว่าเบนซิน ... จริง จริง เพราะ LPG มี cooling effect น้อยกว่าเบนซิน ทำให้ Temperature หัวเทียนร้อนกว่าปกติ ครับ ดูตามลิ้งค์ข้างบน มี url ของ NPK อ้างอิงด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหัวเทียนให้เย็นลง เพราะอะไรดูคำอธิบายที่นี่ .... จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 06:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ข้อแนะนำของ NGK To eliminate the influence of L.P.G. and to obtain optimum spark plug performance, NGK recommends: -The use of a spark plug with one heat range colder (if possible) than that listed in the catalogue: eg, BPR6EFS-13 (L.P.G.) instead of BPR5EFS-13 (petrol) for VN 6 Cylinder Commodore. AND -The reduction of the electrode gap by 0.1 mm (which lowers the spark plug required voltage) จากคุณ : ป๋า - [ 5 มิ.ย. 51 07:41:42 A:10.212.212.85 X:202.44.210.41 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมต้องขอบคุณ คุณป๋า ที่เอื้อเฟื้อลิ้งค์ NPK นี้ http://www.ngkspark.com.au/pages/bulletins/T92-1.htm จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 08:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ต่อจาก คห. 26  (ผมโพสแล้ว แต่ทำไมไม่ขึ้นก็ไม่ทราบ) ... ตามทฤษฎี หัวเทียนรถแก็สจะร้อนกว่าเบนซิน ... จริง จริง เพราะ LPG มี cooling effect น้อยกว่าเบนซิน ทำให้ Temperature หัวเทียนร้อนกว่าปกติ ครับ ดูตามลิ้งค์ข้างบน มี url ของ NPK อ้างอิงด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหัวเทียนให้เย็นลง เพราะอะไรดูคำอธิบายที่นี่ .... >>>>>>>> http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6619633/V6619633.html#33 ความคิดเห็นที่ 33   หากผมเปลี่ยนหัวเทียนที่เย็นขึ้น 1 เบอร์สำหรับแก้สนั้น หัวเทียนที่เย็นขึ้น 1 เบอร์จะมี effect อะไรบ้างกับเครื่องยนต์หากผมสวิทซ์ไปใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน? ... ... หัวเทียนที่ต่างกัน 1 เบอร์ ประสิทธิภาพการใช้งานอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้? ทั้ง 2 เชื้อเพลิง >>>>>>>>>>> เป็นคำถามที่ดี ที่ผมอยากจะพูดเหมือนกัน คืออย่างนี้ครับ ที่ว่า Cooling effect จากเชื้อเพลิง LPG ส่งผลให้ "หัวเทียนร้อนขึ้น" อันนี้ถ้าดูลงลึกๆ ถึงการทำงานของเครื่องยนต์ Effect ความร้อนนี้มีจะผลมาก เมื่อเครื่องยนต์ใช้ Load มากๆ เช่น ขับความเร็วสูงๆ ต่อเนื่องนานๆ หรือ บรรทุกหนักๆ ขับขึ้นเนิน (ผมยกตัวอย่างสุดโต่งไปเลย ให้เห็นภาพชัดเจน :-) อยากเล่าให้เห็นภาพความร้อนภายในเครื่อง ดังนี้ ครั้งหนึ่งทดลองใน lab เป็นเครื่องรถ Opel บังเอิญมีเพื่อนคนหนึ่งเดินสดุดปลั๊กไฟพัดลมหลุด ทำให้พัดลมระบายความร้อนเครื่องหยุดทำงาน ผมหันไปเห็น exhaust manifold (เขาควาย) ร้อนจัด เหล็กเป็นสีแดงสว่างโร่ น่าตกใจ ลองนึกดูเถอะขนาดไอเสียยังร้อนอย่างนั้น ภายในห้องเผาไหม้ หัวเทียนจะร้อนแค่ไหน ถ้าไม่ได้ cooling effect จากไอดีช่วย เขี้ยวหัวเทียนคงจะละลายแน่นอน ... ตอนนั้นเป็นการทดลอง full load ครับ เจ้า Cooling Effect จากไอดี จึงมีผลมากเมื่อเครื่องทำงาน @ high load ... full load ครับ แต่การขับขี่ประจำวัน เราใช้งานเครื่องยนต์เพียง partial load หรือ Light Load แค่นั้น น้อยคนมากที่จะขับหนักๆ แบบคุณต้น ขออภัยที่นินทา :-) ดังนั้น หัวเทียนเบอร์เดิม ก็ใช้ได้ ครับ ในทางตรงข้าม ถ้าต้องการผลเลิศ เราเปลี่ยนหัวเทียนให้เย็นลง 1 เบอร์ ก็จะทำให้ใช้ได้ดีขึ้น และ "ใช้ได้" เมื่อเปลี่ยนมาใช้เบนซินเป็นครั้งคราว ไม่ถึงกับเป็นผลเสียหายร้ายแรง ผลเสีย ... ก็ไม่มาก ... ถึงไม่มีเลย เมื่อเปลี่ยนใช้ "หัวเทียนเย็นกว่าปกติ" และใช้น้ำมันเบนซิน ผลเสียเพียงทำให้ "ดำง่าย" กว่าปกติ เพราะ หัวเทียนเย็น self cleaning temperature ที่เย็นกว่าปกติ จึงเผาไหม้เขม่าได้ไม่ดี ตามที่ควร ครับ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 09:41:49 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 09:39:28 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม    - [ 20 พ.ค. 51 09:32:37 ] สรป ใช้หัวเทียนเบอร์เดิม หรือ ร้อนที่สุดเท่าที่จะใช้ได้ .... เครดิต .. คุณต้น จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 08:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สรุป ตัวจูน 3 ตัว 1) idle ทำหน้าที่ปล่อยแก็ส โดยไม่ต้องอาศัยแรงดูดจากเครื่อง ให้มีแก็สสำหรับเดินเบาได้ 2) sens ทำหน้าที่ตั้งแต่ partial load จนถึง full load ตั้งแต่ เริ่มแตะคันเร่งนิดๆ ไปถึง เหยียบจม ช่วงเดินเบา ตัวนี้ไม่เกี่ยว 3) power ทำหน้าที่ metering ควบคุม max-flow   ตัวนี้ทำงาน co กับ sens ถ้าเราปรับ sens ไว้ไม่ดี จะมีผลถึงตัวนี้ ทำให้เร่งไม่ลื่น หรือ กินน้ำมันมาก ผมทำความเข้าใจพวกนี้ พอเจอปัญหาก็แก้ได้ง่าย ปัญหาเรื่องผลกระทบจากกรองอากาศ ถ้าจูน sens + idle ถูก จะช่วยได้ ครับ ถ้าเห็นว่าผมเข้าใจผิดตรงไหน ขอให้เพื่อนๆช่วยแก้ไขด้วย หวังจะให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ใช้รถแก็ส ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 5 มิ.ย. 51 15:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมยังคิดว่ามันมีตัวปรับแค่ 2 ตัวซะอีก ตอนนี้ผมก็ทดลองปรับเอง ดังนี้ครับ -ใช้ไขควงปากแบนปรับปุ่มที่ 1 ให้รอบเดินเบาได้รอบที่ต้องการที่ 850 รอบ/นาที (idle กระมัง) -แล้วใช้มือหมุนปุ่มที่ 2 เป็นหมุดทองเหลืองเพื่อปรับให้ตอนรอบสูงกดคันเร่งแล้วตอบสนองได้ดีไม่ตื้อ (sens กระมัง) แล้ว power มันปุ่มไหนหว่า (ของผมยี่ห้อ Tomaseto) จากคุณ : ss2498 - [ 5 มิ.ย. 51 18:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ที่หม้อต้มมีสองปุ่ม ปุ่มเล็ก idle ปุ่มใหญ่ sen ส่วน power valve คือวาล์วที่อยู่กลางท่อระหว่างหม้อต้มกับมิกซ์ครับ แย้งคุณช่างกล-หนุ่มนิดนึง sen ก็เกี่ยวช่วงเดินเบาครับ เพราะ sen มันไม่รู้หรอกว่าตอนไหนเป็นเดินเบา รู้แต่ว่าถ้ามีแรงดูดมันก็จ่าย ตอนเดินเบา เครื่องยนต์มีแรงดูด ยังไงมันก็จ่ายครับ  แต่ไม่ควรเอา sen เป็นหลัก เพราะมันไม่ค่อยนิ่ง จากคุณ : athlon1400 - [ 5 มิ.ย. 51 22:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ้าว งงกันเข้าไปใหญ่ แสดงว่าตอนนี้ผมปรับ idle กับ power valve อยู่นะเนี่ย แล้ว sen (ที่ปุ่มใหญ่กว่า idle) มันอยู่ตรงไหนกันละเนี่ย เฮ้อ จากคุณ : ss2498 - [ 5 มิ.ย. 51 23:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 34 sen กับ idle อยู่ที่หม้อต้มครับ จากคุณ : แฮตทริก - [ 6 มิ.ย. 51 01:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 บางหม้อมีแต่ sen ไม่มี idle ครับ ต้องดูด้วยว่าหม้อยี่ห้ออะไร จากคุณ : athlon1400 - [ 6 มิ.ย. 51 09:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ ที่ผมเคยเห็นมี idle ไม่มี sen  ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 7 มิ.ย. 51 05:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แย้งคุณช่างกล-หนุ่มนิดนึง sen ก็เกี่ยวช่วงเดินเบาครับ เพราะ sen มันไม่รู้หรอกว่าตอนไหนเป็นเดินเบา รู้แต่ว่าถ้ามีแรงดูดมันก็จ่าย ตอนเดินเบา เครื่องยนต์มีแรงดูด ยังไงมันก็จ่ายครับ  แต่ไม่ควรเอา sen เป็นหลัก เพราะมันไม่ค่อยนิ่ง >>>>>>> ขอบคุณที่แย้ง ที่จริงช่วงเดินเบา sen มันจะ balance กับแรงดูดพอดีๆๆ ครับ sen เริ่มมีบทบาทเมื่อเริ่มแตะคันเร่ง sen ไม่มีบทบาทตอน idle ถ้าปิด idle ให้หมด เครื่องจะดับ เพราะ idle มีหน้าที่เปิดแก็สไปให้เครื่องยนต์ใช้ตอนเดินเบา จริงครับ ตอนเดินเบา มีแรงดูดในท่อไอดี ค่าอยู่ในช่วง ระหว่าง 15-21 นิ้วปรอท แรงดูดช่วงนี้ sen จะบาลานซ์พอดี = ไม่จ่ายแก็สเข้าเครื่อง แต่ในทางปฏิบัติ แรงดูดช่วง idle จะขยายกว้างขึ้น มีช่วงกว้างระหว่าง "กรองอากาศตัน กับ กรองสะอาด" แรงดูดนี้จะเปิดจ่ายแก็สเพิ่ม ทำให้มี "แก็สบางส่วน" ในจังหวะ idle จะเห็นได้จาก เมื่อกรองตัน เร่งดี หรือ พอเป่ากรอง เดินเบารวน จนต้องจูนใหม่ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 7 มิ.ย. 51 05:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 38 รบกวนสอนวิธีจูนหม้อต้ม Hana ให้หน่อยครับ ไปจูนที่อู่มา 2 ครั้ง ครั้งแรกถอยหลังเข้าซองจะสั่น ไปจูนมาหาย อีกอาทิตย์นึง รอบเดินเบาสั่น ถอยหลังเข้าซองสั่นเล็กน้อย ไปจูนเมื่อเช้า รอบเดินเบาดีขึ้น ถอยหลังเข้าซองเกือบดับ ไม่ไปแล้ว จูนเองดีกว่า ผมไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์แต่เห็นหลายคนทำเองได้ เลยอยากทำบ้างครับ ช่วยด้วยครับ ผมไปอ่านใน Gasthai.com มา หม้อต้ม Hana จะมีแต่ Sen กับ Power วาล์ว ใช่หรือไม่ครับ ถ้าใช่ ตัวที่อยู่ข้างหม้อต้มคือ Power วาล์ว ส่วนตัวที่อยู่หน้าหม้อต้มคือ Sen ใช่หรือไม่ครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 12:16:29 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 11:46:37 จากคุณ : หน่องครับ - [ 7 มิ.ย. 51 11:38:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมจูนตามคำแนะนำได้แล้วครับ พอดีไปเจอคนถามวิธีจูนหม้อต้ม HANA ใน Gasthai.com เลยเอารูปในกระทู้นั้นมาผสมกับคำแนะนำ ทำให้จูนได้แล้ว รูปตัวอย่างในวงกลมสีฟ้าคือ Power วาล์ว ส่วนสีแดงคือ Sen สีเขียวไม่เกี่ยว (เจ้าของรูประบุ) ขอบคุณ "คุณช่างกล-หนุ่ม" ที่สอนวิธีง่ายๆ ให้ทำให้สามารถจูนด้วยตัวเองได้ไม่ต้องง้ออู่ครับ จากคุณ : หน่องครับ - [ 7 มิ.ย. 51 22:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมไม่เคยทำ Hana รบกวนคุณหน่องช่วยบอกลิ้ง Gasthai ที่แนะนำจูน Hana ด้วยครับ ผมดูจากตำแหน่งของมัน ผมคิดว่า -สีเขียวจะเป็น sens -สีแดง เป็น idle ลองทำอย่างนี้ 1) จำตำแหน่งเดิมไว้ก่อน ....มาถึงขั้นนี้ ผมเชื่อว่า ไม่ต้องจำ คุณหน่องก็หาได้ไม่ยากแล้วนะครับ :-) ที่ รอบเดินเบา 2) ค่อยๆหมุน"สีแดง" เข้า (ตามเข็มนาฬิกา) หมุนทีละนิด 3) จนเครื่องทำท่าจะดับ .... แสดงว่า สีแดง เป็น idle ครับ 4) หมุนกลับที่เดิม ลองให้คุณแน่ใจ 5) หมุนสีแดง ... ลองเร่งเครื่องดูอาการตอบสนอง ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 10:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตามนี้เลยครับ http://www.gasthai.com/boardgas/html/A35188.html เมื่อเช้าขับไปส่งพ่อแฟนที่สุวรรณภูมิ พอเหยียบถึง 100 เครื่องอืด รอบได้แค่ 2500 รอบ ถ้าขับในเมืองโอ ขับทางไกลก็ช้าหน่อย จะจูนเพิ่มเติมครับ อิอิ จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 10:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมลองหมุนวาล์วสีแดงตามที่คุณช่างกล-หนุ่มให้ลองดูแล้ว เครื่องไม่ดับครับ แสดงว่าเป็น Sen แน่นอนและ คราวนี้จูนไปจูนมา รอบเดินเบา รอบตก แต่สั่นน้อยครับ ฝนตกเลยต้องเลิกก่อน เพราะรถอยู่ในโรงรถ เหม็นแก๊สเข้ามาในบ้าน จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 12:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมถ่ายรูปมาให้ดูแล้วครับ ของผมเหมือนรูปตัวอย่างที่เอามาโพสก่อนหน้านี้ แต่ถ่ายไม่เห็นวาล์วที่อยู่หน้าหม้อต้ม มีท่อสายไฟบังอยู่ครับ จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 13:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รูปที่ 2 วางกล้อง (มือถือ) ใกล้เข้าไปอีกนิด จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 13:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 45 รูปที่ 3 ด้านข้างครับ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 51 13:14:57 จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 13:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมลองหมุนวาล์วสีแดงตามที่คุณช่างกล-หนุ่มให้ลองดูแล้ว เครื่องไม่ดับครับ แสดงว่าเป็น Sen แน่นอนและ >>>>>>> คงไม่ใช่ Sen ครับ ยังไม่ถูกครับ (ขอโทษนะ อยากให้ได้ผลดี :-) ทดลองอย่างนี้ ครับ ... ที่ รอบเดินเบา 2) ค่อยๆหมุน"สีแดง" เข้า (ตามเข็มนาฬิกา) หมุนทีละนิด 3) จนเครื่อง ทำท่าจะดับ   .... (เพิ่มเติม) คือที่รอบ idle เมื่อหมุนปุ่มแดงแล้ว เครื่องต้องตอบอาการ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 13:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 45 วงสีเขียว... ผมคิดว่า เป็นตัวปรับ pressure ห้องที่ 1 (primary) วิธีปรับ คลาย "น๊อตล้อค" ออก หมุนเข้า ==> แรงดันเพิ่ม หมุนออก ==> แรงดันลด ผมไม่มีข้อมูล Hana เอาตัวเลขยี่ห้ออื่น ให้ดูเป็นตัวอย่าง หม้อต้มญี่ปุ่น แรงดันห้องนี้ 1.2-1.3 bar หม้อต้มอิตาลี่ แรงดัน 1.8 bar คุณไม่มีมิเตอร์วัด ลองใช้มือปรับได้ ไม่ซีเรียสอะไรหรอกครับ เกินนิดๆ ขาดหน่อยๆ ไม่ sensitive มากหรอกครับ ลองปรับ peak ถ้าปรับแล้ว เร่งไม่ออก ก็เพิ่มแรงดันหน่อย เท่านั้นเอง ... ผมก็ทำอย่างนี้ แรงดันตัวนี้ มีผลกับ peak และ ความประหยัด นอกจากนี้ยังมีผลกับการควบคุม idle จะเดินนิ่ง เดินดี แรงดันห้องนี้มีผล ครับ ตัวอย่าง ถ้าเราปรับใช้แรงดันห้องแรกให้สูงมากๆ เวลาแก็สไหล มันจะไหลแบบพรวดพราด นึกภาพออกนะครับ พอวาล์วปิด แก็สแรงดันสูงยังมี "ความเฉื่อย" แก็สจะไหลเข้าเกินนิดๆหน่อยๆ อันนี้เป็นธรรมชาติ บางครั้งจะเกิด resonance ส่วนตัวผมชอบหม้อต้มญี่ปุ่น เพราะแรงดัน primary ญี่ปุ่นเขาใช้แรงดันต่ำ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 14:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ดูจากรูป ผมค่อนข้างมั่นใจว่า หม้อต้มตัวนี้ไม่มี sens ครับ ยังไงลองเช๊ค ถามคำยืนยันจากผู้รู้ที่ Gasthai อีกที ได้ผลยังไง แจ้งให้ทราบด้วยก็ดี ผมจะได้รู้ด้วย จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 14:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอติหน่อย ขอโทษนะ จากรูป ..ความคิดเห็นที่ 43 ลักษณะการติดตั้งหม้อต้ม ตามคู่มือเขาไม่แนะนำให้ติดในแนวนี้ ให้ติดในแนววิ่งของรถ ครับ คือ หมุน 90 องศา นึกภาพออกไหม ? จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 14:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมลองปรับวาล์วสีแดงดูแล้ว หมุนประมาณ 5 รอบได้ เครื่องจะเบาเกือบดับ หมุนกลับจะเริ่มปกติ ตอนนี้จูนกลับมาประมาณ 2 รอบครึ่งจากเดิม เดินเบาได้ประมาณ 700 ที่เกียร์ N ได้ประมาณ 550 ที่เกียร์ D นิ่มขึ้นแล้วครับ ติดแต่ตอนวิ่งทางไกล เลยปรับ Power กลับมาที่จุดเดิมก่อน แล้วค่อยวิ่งพรุ่งนี้ดู เพราะในซอยที่บ้านน้ำท่วมและ สรุปสีแดงคือ Idle จริงๆ ครับ การติดตั้งผมไม่ทราบจริงๆ ว่าทำไมที่อู่ติดตั้งแบบนี้ เพราะไม่มีความรู้เลย เพิ่งมาอ่านเอาจริงเอาจังช่วงหลัง จริงๆ ผมอยู่โชคชัย 4 แถวๆ กองปราบมีตั้ง 2 ร้าน แต่น้าของแฟนแนะนำให้ไปติดที่พัฒนาการ 24 ไม่บอกชื่ออู่ดีกว่าเด๋วโดนฟ้อง เขาบอกกันปากต่อปากว่าร้านนี้ฝีมือดีครับ แต่ผมไม่เห็นรถนิสสันเลย เห็นแต่ยี่ห้ออื่นกันทั้งนั้น เลยสงสัยว่าเขาไม่ชำนาญรถยี่ห้อนิสสันหรือเปล่า ==================================== วงสีเขียว... ผมคิดว่า เป็นตัวปรับ pressure ห้องที่ 1 (primary) วิธีปรับ คลาย "น๊อตล้อค" ออก หมุนเข้า ==> แรงดันเพิ่ม หมุนออก ==> แรงดันลด ==================================== ^ ถ้าดูจากรูปข้อความที่ 45 ในวงกลมสีเขียวจะมีน็อตอยู่ 2 ตัว ไม่ทราบว่าน็อตที่ให้คลายคือตัวซ้ายหรือตัวขวาครับ ขอโทษด้วยครับที่ถามมากไปหน่อย แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 51 14:23:17 จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 14:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ติดตั้งตามแนววิ่งของรถ ดังนี้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 14:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่ทราบว่าน็อตที่พูดถึง ถ้าดูจากรูปข้อความที่ 45 คือตัวซ้ายหรือตัวขวาครับ ขอโทษด้วยครับที่ถามมากไปหน่อย >>>>>>>>> ตัวขวา เป็น ตัวล็อค ครับ (อยู่ในวงเขียวๆนะครับ) ใช้ปากตายคลายออก ดีใจ และ ยินดีให้ถามมากๆ .... ที่ดีใจมาก คือ คุณกล้า DIY ผมเดาว่าคุณมีความมั่นใจตัวเองสูง น่าชมเชย ครับ พอดีจะตอบเรื่องจูน peak มัวเขียนรูป คุณเข้ามาปาดเสียก่อน 555 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 14:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อิอิ ผมแย่งตอบไปก่อนรูปมา ขอโทดด้วยคับ ข้อความของผมอยู่ในความเห็ฯที่ 50 คับ ส่วนรูปที่ 51 เห็นภาพแล้วคับ สงสัยที่อู่ไม่ติดตามแนวรถวิ่ง เพราะด้านขวาของตัวถัง (มองเข้าหารถ) ไม่มีที่ว่างเลยครับ แน่นไปหมด รถผมนิสสัน Sunny Super Neo 1600CC ปี 2002 รุ่นปัญหาคาลิปเปอร์เบรกครับ จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 14:26:02 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ติดแต่ตอนวิ่งทางไกล เลยปรับ Power กลับมาที่จุดเดิมก่อน >>>>>>>> มาถึงขั้นนี้แล้ว แค่เอื้อมแล้ว ปรับ power เสียเลย ตัวนี้ง่ายมาก เร่งเครื่องไว้นิ่งๆ 2000 รอบ (สูตรผมใช้รอบนี้ ) ค่อยๆ หมุนเพาเวอร์เข้าทีละนิด จนเครื่องฟอด แล้วคลายออก 15 นาที ลองเร่งเบิ้ลเครื่องว่า เร่งลื่นไหม ถ้าลื่น ก็โอเค 50% แล้ว ลองขับทดลองอีก 50 % ไม่ชอบใจ ก็ปรับเติมอีกนิด ทำเสร็จแล้วคุณจะสบายใจ ขับสบาย มีอะไรแก้ไขเองได้ ด้วยความมั่นใจ หลังจากนี้ พยายามทำความเข้าใจเรื่องหัวเทียนอีกนิด ผมเขียนเล่าไว้ข้างบน หรือ กระทู้ไหน ชักจะจำไม่ได้แล้ว คุณทำให้ผมดีใจมาก ขอแสดงความยินดีด้วย จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 14:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เรื่องแนวติดตั้งหม้อต้ม ไม่ซีเรียสมาก เขาว่าถ้าติดตั้งผิดมันจะรับลม มีผลกับความร้อนของหม้อต้ม และอีกทีก็ "ผ้าหม้อต้ม" จะกระเพื่อมมีผลกับการทำงานของเครื่อง เช่น เร่งเร็วๆ เบรค เครื่องอาจสะดุด หรือ ดับ ..เป็นบางครั้ง ไม่ทุกครั้ง ครับ ถ้ารถของคุณไม่มีปัญหาพวกนี้ ก็สบายใจได้ ไม่ต้องแก้หรอก รถฮอนด้าหลายคันก็ติดแบบนี้ เพราะที่มันแคบจัง จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 14:36:36 ]

ความคิดเห็นที่ 56 pressure ห้องแรกนี้ มีผลกับความไว ความลื่น การเร่ง เหมือนกัน ครับ ยังไงว่างๆ ลองเล่นดูได้ อย่าเชื่อใครบอกห้ามแตะ ผมโดนขู่เหมือนกัน ผมถามว่า ถ้าไม่ให้แตะ เขาทำไว้ทำไม จริงไหม ? จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 มิ.ย. 51 14:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ... แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 20:48:12 จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 15:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เอ่อ ไม่ทราบว่าแต่ละวาล์วต้องใช้ประแจเบอร์อะไรบ้างครับ ดูในถุงเครื่องมือ มีแต่เบอร์เล็กๆ ครับ ผมใช้ประแจปรับได้กับวาล์วทุกตัวแทนการซื้อประแจตามเบอร์ของน็อตและ ส่วนตัวปรับ pressure ห้องที่ 1 แข็งมากเลยครับ ใช้ประแจปรับได้หมุนไม่ได้ ผมเลยปล่อยไว้เพราะเถ้าแก่ที่อู่ติดแก๊สมีความชำนาญกว่า 20 ปี ไม่น่าจะมีปัญหาตรงนี้ (จริงๆ คลายน็อตไม่ได้ อิอิ) ผมลองจูนพีคดูแล้วครับ ให้แฟนเหยียบคันเร่งค้างไว้ให้ เจอจุดฟอด แต่พอปรับทวนเข็ม กลับไม่เจอซะที เลยกะเอา ลองขับดูเหยียบคันเร่งรอบไม่ขึ้น ฟอดไปเลย ปรับจูนพีคใหม่ พร้อมๆ กับ Idel เกือบครึ่งชั่วโมงได้จุดที่พอใจและ เด๋วไปลองขับบนถนนดู จะได้สัมผัสกับตอนมีโหลดครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 20:50:27 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 20:49:27 จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 16:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เฮ้อ ออกไปขับทางไกล เหยียบปุ๊บ รอบขึ้นปั๊บ เหมือนกดปุ่ม Over Drive หรือ Kick Off เลย ได้อารมณ์มาก แต่น่าจะกินแก๊สเยอะ แต่ไม่เป็นไรเพราะวันๆ ขับรถไปกลับที่ทำงานแค่ 15 กิโลเอง แต่ช่วงรถติดลงอุโมงค์ถนนรัชดา ต้องใช้ฝีมือในการแทรก เหยียบได้อารมณ์แบบนี้ ถูกใจ แต่รอบเดินเบายังมีสั่นอยู่บ้าง ไปแวะซื้อของเลยจูน Idle ซะตรงนั้นเลย อิอิ กลับมาบ้าน จูนอีกรอบ เฮ้อ เหนื่อย จากคุณ : หน่องครับ - [ 8 มิ.ย. 51 17:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ต้องใช้ประแจเบอร์อะไรบ้างครับ >>>>>>> ดูจากรูป ตัวล็อด เบอร์ 12 หรือ 14 ประมาณนี้ อย่าซื้อปากตายเป็นตัวๆ ซื้อสักชุด เอาแบบข้างหนึ่ง "แหวน" อีกด้าน "ปากตาย" เบอร์ 10 12 14 17 และ 13 อีกตัวก็พอ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 มิ.ย. 51 10:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ส่วนตัวปรับ pressure ห้องที่ 1 แข็งมากเลยครับ ใช้ประแจปากตายหมุนไม่ได้ >>>>>>> ตัวล็อค ตามปกติไม่แข็งนะ เอาอย่างนี้นะ เมื่อถอดออกแล้ว ตอนล็อคก็ขันพอตึงก็พอ อย่าแน่นมาก จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 มิ.ย. 51 10:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ผมจะลองดูครับ พอดีกลับบ้านค่ำแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : หน่องครับ - [ 9 มิ.ย. 51 20:51:54 ]

ความคิดเห็นที่ 63 คุณหน่องครับ ยังเข้ามาอ่าน ผมจะแนะวิธีจูน idle ให้อีกนิด (พอดีโพสตอบกระทู้หนึ่งตะกี้ นึกได้ว่าน่าจะมาเพิ่มเติมให้คุณ) วิธีตรวจง่ายๆว่า เราจูน idle บางเกินไปหรือไม่ หลังจากจูน idle ได้ที่เรียบร้อย เครื่องเดินนิ่งเป็นที่พอใจแล้ว ลองดูที่ท่อไอเสียสักนิด เอามืออังไอเสียที่ออกมา ถ้าร้อนจัด บางคันร้อนจนทนไม่ไหว แบบนี้แสดงว่า จูนบางเกินไป ต้องเพิ่มให้หนาอีกสักนิด ครับ ถ้า idle เดินไม่นิ่ง มีสะบัดเป็นจังหวะบ้าง อย่างนี้ต้องดูหัวเทียน 1) หัวนกกระจอก พวกนี้จะมี gap ช่วงว่างระหว่างหัวนกกระจอกกับจานจ่าย ถ้าใช้ไปนานๆ gap นี้กว้าง เครื่องจะเดินไม่ดี เพราะไฟจะกระโดดยาก อย่าลืมว่า แก็สต้องการ Voltage สุงกว่าเบนซิน 2) หัวเทียนใช้เบอร์เดิมได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เบอร์เย็นลงเสมอไป ให้เคาะเขี้ยวเข้ามาให้ชิดสัก 0.1 มม. เช่นเดิม 0.7 มม. ก็ปรับเป็น 0.6 มม. จะช่วยให้จุดระเบิดได้ดี เครื่องเดินเบาเรียบ นิ่ง น่าขับ อย่าละเลย gap พวกนี้ ผมเคยทำรถให้ ช่วย บก ตระกูล สุขมั่งมี หนังสือปืน แก้ปัญหารถไม่มีแรง ขนาดช่างเขายุให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ พอผมเปลี่ยนหัวนกกระจอกเท่านั้น เครื่องเร่งดี กระหึ่ม เสียงมีพลังขึ้นทันที ครับ ได้ผลยังไง ช่วยแจ้งด้วย จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 10 มิ.ย. 51 14:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ... แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 51 21:31:58 จากคุณ : หน่องครับ (หน่องครับ) - [ 10 มิ.ย. 51 18:42:45 ]