ความคิดเห็นที่ 1 คือผมมองว่าต่อให้มันมีเพดานราคาที่กำหนดโดยกระทรวงพลังงาน แต่ถ้ามันมีคนนำเข้า หรือผลิตได้หลายเจ้า มันก็จะมีการแข่งขันราคากัน ประโยชน์ก็ตกอยู่กับเรา ไม่เหมือนกับบางอย่างที่นำเข้าและจำหน่ายโดยองค์กรเดียว อันนี้ลุ้นอย่างเดียวว่าปรับเมื่อไหร่และเท่าไหร่เท่านั้นเอง... จากคุณ : Gorath - [ 21 มิ.ย. 51 16:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบให้ซ้ำๆ ซากๆ ไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่จะตอบให้อีกทีแล้วกัน วันนี้ว่างๆ LPG เป็นผลพลอยได้ทั้งจากการแยกก๊าซธรรมชาติ การกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี ดูจากปีล่าสุด 2550 ปริมาณ LPG ที่ผลิตได้จากทั้ง 3 ส่วน 55% 40% และ 5% ตามลำดับ สมัยก่อน ตอนที่ยังมี LPG เหลือพอส่งออก ทั้ง ปตท. และทุกโรงกลั่นน้ำมันก็ได้รับโควต้าส่งออกกันถ้วนหน้า แบ่งๆ กันไปครับ แต่ตอนมันไม่เหลือพอแล้ว ต้องนำเข้า ไม่มีใครหน้าไหนนำเข้าให้หรอกครับ ใครมันจะโง่นำเข้า ซื้อมาจากนอกประเทศ 900 US$/Ton แต่ขายในประเทศ 320 US$/Ton จากคุณ : P_Wut - [ 21 มิ.ย. 51 16:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 LPG ไม่ได้มีใครห้ามนำเข้า  ไม่มีข้อห้ามในเรื่องการผลิต คนที่คิดว่า  ปตท., โรงกลั่น  เอาเปรียบ  ค้ากำไรเกินควร ฯลฯ   คุณสามารถระดมทุนกันเพื่อ 1. สั่งน้ำมันดิบมากลั่นเพื่อเอา LPG มาใช้  แล้วถ้าเหลือ  จะขายคนอื่นด้วยก็ได้ 2. สั่งนำเข้า LPG สำเร็จรูปมาใช้งาน   ถ้าเหลือ  จะขายให้คนอื่นก็ได้เช่นกัน โอกาสใช้ LPG ราคาถูกเป็นของท่านแล้ว   เผลอๆ จะรวยไม่รู้เรื่องเอา    เดี๋ยว ปตท. หรือเจ้าอื่นๆ เค้าปรับราคาขึ้นไป   คุณขายราคาเดิม   ไม่มีใครไปซื้อของ ปตท. หรอกครับ     นอกจากนี้คุณยังจะแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนด้วยว่า  สิ่งที่ ปตท. ทำน่ะ  มันไม่จริง  LPG มันไม่ได้แพงอย่างที่เค้าบอกสักหน่อย    ไม่มีมีอะไรจะพิสูจน์ได้ดีกว่า  "การทำให้ดูเป็นตัวอย่าง" ครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 21 มิ.ย. 51 18:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจาก ปตท ก็มี Caltex ที่ผลิต LPG ได้ จากคุณ : ton99 - [ 21 มิ.ย. 51 19:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Esso ก็ผลิตได้ จากคุณ : K.Senior - [ 21 มิ.ย. 51 19:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยากฟังมุมมองที่แตกต่างกับ คห 2-5 น่ะครับ (ความเห็นที่แตกต่าง แต่เราไม่แตกแยก) จากคุณ : ทองทา - [ 21 มิ.ย. 51 20:30:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเห็นด้วยที่จะขึ้นราคาLPG เพราะนำเข้า900ดอลล์ แต่เอามาขายได้แค่320ดอลล์ ส่วนต่างที่ขาดทุนมาจากการชดเชยของกองทุนน้ำมันที่คนใช้นำมันเป็นคนจ่าย โดยเฉพาะที่จ่ายหนักคือคนใช้เบนซิน95 เท่ากับว่าตอนนี้คนขับรถที่ใช้เบนซิน95 ช่วยจ่ายเงินค่าแก๊สให้รถที่ติดแก๊สlpgทุกๆลิตรที่เติมน้ำมัน ไม่ยุติธรรมเลย ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว สมัยก่อนคนเติมเบนซินจ่ายตังค์ช่วยคนเติมดีเซลตอนตรึงราคาน้ำมัน เพราะที่ชดเชยให้เบนซินมีแค่ไม่ถึงหมื่นล้าน แต่คนเติมเบนซินต้องจ่ายเงินเพื่อชดใช้เงินกองทุนที่เอาไปอุ้มดีเซลเกือบแสนล้าน จากคุณ : RoppongiHills - [ 21 มิ.ย. 51 21:41:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สงสัยว่าที่นี่ทำไม  แต่ละคน  คิดว่าตัวเองฉลาด  ชอบดูถูกคนอื่น   ทั้งๆ ที่สิ่งที่ตัวเองตอบมาก็งั้นๆ งูๆปลาๆ   ทำเป็นกระบอกเสียง  ปตท.ไปได้ (แล้วว่าคนที่คิดไม่เหมือนตัวเองโง่ซะงั้น) ตอบ  จขกท. LPG ได้มาจาก 1.โรงกลั่นน้ำมัน   มีหลายเจ้า  แต่ส่วนใหญ่โดนเทคฯ โดย ปตท. 2.โรงแยกก๊าซ   มีเฉพาะ  ปตท.   ถ้าคุณจำประวัติศาสตร์ได้สมัย นายกฯรูปหล่อคอเอียงเสียงเพราะ   เราพบก๊าซธรรมชาติที่อ่าวไทย  พร้อมกับความหวังใหม่ของชาวไทย ที่จะเห็นประเทศไทย "โชติช่วงชัชวาลย์" สัดส่วน  1:2  ประมาณ  40:60 กระบวนการกำหนดโครงสร้างราคา  กำหนดโดยรัฐบาล ในรูปคณะกรรมการ ที่มีชื่อว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.)  มี  รมว.พลังงาน  เป็นประธาน  ปลัดกระทรวง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ  ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน  เป็นเลขานุการ โครงสร้างราคา หลักๆ  ประกอบด้วย   -ราคาส่ง ณ คลังก๊าซ  (ถ้าเป็นนำมันเรียกว่าราคาหน้าโรงกลั่น)  เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ  ปัจจุบัน    ประมาณ  18 บาท ต่อ ก.ก. -ราคาขายปลีก  จะประกอบด้วย  ราคาส่ง + ภาษี ต่างๆ  ทั้ง  สรรพสามิต  ท้องถิ่น VAT + ค่าขนส่ง  + ค่าการตลาด    (ปัจจุบัน 3.2566 บาท ต่อ ก.ก.) โดยให้กรมการค้าภายในควบคุมเรื่องค่าขนส่งกับค่าการตลาดให้สะท้อนตนทุนที่แท้จริง เมื่อโครงสร้างราคาเป็นแบบนี้  ผู้ค้าปลีกทุกราย  ก็ต้องถือปฏิบัติ  ใครที่ต้องการตัดราคาคู่แข่งก็ต้องยอมลดค่าการตลาด  (แต่ที่เห็นๆซัดเต็มๆ ทุกเจ้า) การขึ้นราคาขายปลีก  ถ้าขึ้นเนื่องจาก ค่าการตลาด และค่าขนส่ง  ก็จะเป็นเพียงการขึ้นราคาเล็กๆ น้อยๆ  ตัวอย่างที่เห็นๆ  ก็วันนี้ ขึ้น  30 สตางต์ แต่ที่เขาประกาศจะลอยตัวในเดือน กรกฎาคม  เป็นการขึ้นราคาขายส่ง  ณ คลังก๊าซ  ขึ้นเท่าไหร่  กบง. เป็นผู้เคาะราคา     ถ้า  กบง. เขาเห็นแก่ประชาชน  ก็คงจะขึ้นราคาไม่มาก     แต่ถ้าเห็นแก่  ปตท. (ขาใหญ่ในวงการ >เป็น บมจ.ที่ใช้อำนาจรัฐได้ มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ แต่จุดยืนอยู่ตรงข้ามกับประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่)  ก็คงจะขึ้นมากๆ ตามข้อเสนอของ ปตท. ซึ่งไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ  NGV  ซึ่ง  ปตท.และ กระทรวงพลังงาน  ถลำลึกไปมากจนยากจะถอนตัว ดังนั้น  สรุปว่า  อำนาจในเชิงกฎหมายในการกำหนดราคาเป็นอำนาจของรัฐ จากคุณ : คนตามข่าว (ขออุบไว้ก่อน) - [ 21 มิ.ย. 51 21:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอถอน ประโยคแรกในความเห็น 8 "สงสัยว่าที่นี่ทำไม  แต่ละคน  คิดว่าตัวเองฉลาด  ชอบดูถูกคนอื่น " แทนที่ด้วย   "สงสัยว่าที่นี่ทำไมบางคน  คิดว่าตัวเองฉลาด  ชอบดูถูกคนอื่น " จากคุณ : คนตามข่าว (ขออุบไว้ก่อน) - [ 21 มิ.ย. 51 21:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราขุดเจาะก๊าซจากอ่าวไทย  มาได้  เกือบ  30  ปี แล้ว เหมือนกับเราปลูกข้าวได้เอง อยู่มาวันหนึ่ง   ถ้าเกิดไม่พอเลี้ยงคนในประเทศ  เรายังต้องการส่งออกข้าวแพงๆ   เพื่อจะได้ซื้อข้าวแพงๆ จากต่างประเทศมาเลี้ยงคนไทย อย่างนั้นหรือ จากคุณ : คนตามข่าว (ขออุบไว้ก่อน) - [ 21 มิ.ย. 51 21:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ ^ ใช่เลย ผมเห้นด้วยกะคุณ และก็เบื่อ พวกลูกม่อPTTขาประจำบางคน อิ๊บอ๋าย จากคุณ : pucca in love - [ 21 มิ.ย. 51 21:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เข้าใจ คห. 10 หมายความว่าไงอะ จากคุณ : Kasteo - [ 21 มิ.ย. 51 22:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผู้ผลิตรายใหญ่คือ Chevron ในอ่าวไทย และพม่าLPG ที่ผลิตได้ส่งทางเรือ ขายที่ไหนไม่รู้ ผู้ผลิตรายย่อยคือ ปตท มี2แท่นเจาะ ส่งมาตามท่อแกสธรรมชาติ จากคุณ : ป๋า - [ 21 มิ.ย. 51 22:39:36 A:unknown X:203.149.16.34 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าตอบแล้วลำบาก ก็อย่าตอบเลยครับ จากคุณ : oddie - [ 21 มิ.ย. 51 23:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คนตามข่าว (ขออุบไว้ก่อน)>>>>เยี่ยมครับ จากคุณ : OmO_M@Y - [ 22 มิ.ย. 51 00:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โดนกันไปหลายคน จากคุณ : saksit999 - [ 22 มิ.ย. 51 02:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณคนตามข่าว (ขออุบไว้ก่อน) ช่วยมาตอบบ่อยๆ นะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : jan Hua - [ 22 มิ.ย. 51 03:25:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดีมาก มีคนรู้จริงๆ มาตอบแบบนี้ ถึงทีผมขอถามมั่ง 1. ราคาส่ง ณ คลังก๊าซ ที่กำหนดกรอบไม่เกิน 320 US$/ตัน มาที่มาจากอะไร? 2. ถ้า กบง. เป็นคนกำหนดราคาขายส่ง ณ คลังก๊าซ และจะประกาศแยกราคาออกเป็น 2 ส่วน คือ ภาคครัวเรือน และ "ไม่ใช่ภาคครัวเรือน" ราคาในส่วนของ "ไม่ใช่ภาคครัวเรือน"  ซึ่งคงไม่สามารถประกาศราคาส่ง ณ คลังก๊าซเท่าราคาตลาดโลกได้ แล้วส่วนต่างราคาระหว่าง ราคา "ไม่ใช่ภาคครัวเรือน" กับราคาที่ต้องไปนำเข้ามา 900 US$/ตัน ใครจะเป็นคนจ่าย? ด้วยวิธีไหน? 3. สูตรราคาของภาค "ไม่ใช่ภาคครัวเรือน" จะเป็นอย่างไร  ปริมาณ LPG ที่อาจจะต้องนำเข้าในปีนี้หลายแสนตัน จะนำมาร่วมคิดอย่างไร? ขอเรียนเชิญ ผู้รู้ระดับ พญานาคๆ มาช่วยตอบด้วยครับ อ้อ ขอแก้ไขข้อความของคุณ ขออุบไว้ก่อนในคห. 8 "ที่ผิด" ให้ละกันนะ "โครงสร้างราคา หลักๆ  ประกอบด้วย   -ราคาส่ง ณ คลังก๊าซ  (ถ้าเป็นนำมันเรียกว่าราคาหน้าโรงกลั่น)  เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ  ปัจจุบัน    ประมาณ  18 บาท ต่อ ก.ก. -ราคาขายปลีก  จะประกอบด้วย  ราคาส่ง + ภาษี ต่างๆ  ทั้ง  สรรพสามิต  ท้องถิ่น VAT + ค่าขนส่ง  + ค่าการตลาด    (ปัจจุบัน 3.2566 บาท ต่อ ก.ก.) โดยให้กรมการค้าภายในควบคุมเรื่องค่าขนส่งกับค่าการตลาดให้สะท้อนตนทุนที่แท้จริง" ที่ถูกต้อง "ราคา ณ คลังก๊าซ" (ผมไม่แน่ใจว่า ใช้คำไทยถูกต้องมั้ย) ในปัจจุบันนี้ อยู่ที่ 10.9960 บาท/กก. เมื่อมีการคิดภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล เงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน จะได้เป็น "ราคาขายส่ง LPG" ที่ 13.6863 บาท/กก. (ยังไม่รวม VAT ถ้ารวม VAT จะได้เป็น 14.6443 บาท/กก.) ส่วนราคา 18.13 บาท/กก. เป็นราคากลางที่ก.พลังงานกำหนดขึ้น โดยรวมค่าการตลาด 3.2566 บาท/กก. ไปแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 07:03:44 จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 07:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 "เราขุดเจาะก๊าซจากอ่าวไทย  มาได้  เกือบ  30  ปี แล้ว เหมือนกับเราปลูกข้าวได้เอง อยู่มาวันหนึ่ง   ถ้าเกิดไม่พอเลี้ยงคนในประเทศ  เรายังต้องการส่งออกข้าวแพงๆ   เพื่อจะได้ซื้อข้าวแพงๆ จากต่างประเทศมาเลี้ยงคนไทย อย่างนั้นหรือ" - แล้ว LPG ที่ได้จากการกลั่นจากน้ำมันดิบ ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 40% ของที่ผลิตได้ในประเทศ ราคาน้ำมันดิบที่เราซื้อมาในราคา 110-130 US$/Barrel ในปัจจุบันล่ะ ทำไมไม่พูดถึง? - ปีที่แล้ว ยังมีเหลือส่งออก แต่ปีนี้ไม่พอแล้ว ต้องเริ่มนำเข้าครั้งแรกในรอบ 12 ปี "ตอนนี้ คนไทยผลิตข้าวไม่พอจะกินแล้วครับ ต้องไปนำเข้ามา" http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6727201/V6727201.html#7 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 07:13:10 จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 07:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ P_Wut สวัสดีครับ ผมเฝ้าอ่านการตอบกระทู้เกี่ยวกับพลังงานของคุณอยู่นะครับ ขอชื่นชมความพยายามของคุณนะครับ ผมเชื่อว่าคุณทำไปทั้งหมดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ประกอบด้วยข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลดีๆ นะครับ จากคุณ : ทองทา - [ 22 มิ.ย. 51 07:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถามหน่อย ที่บอกว่าต้องนำเข้า ไม่พอใช้นี่คือตัวเลขที่หลังหักจากส่งออกบางส่วนแล้วใช่มัย  มีข้อมูลอ้างอิงมั๊ยว่าไม่ได้ส่งออกแล้วไม่พอใช้ ถ้าใช่  ขอตอบว่าจะยินดีมากที่ปตท จะขึ้นราคาตามสัดส่วนที่นำเข้า lpg มาจริงๆ เช่น ผลิตในประเทศใช้ได้ 70% ที่เหลืออีก 30 % ต้องนำเข้าแบบนี้ ok มีเหตผล ยอมรับได้   แต่ไม่ใช่ออกมาขู่ปาวๆว่าจะขึ้นเทียบเท่ากับราคาตลาดโลก เพราะในเมือเกินครึ่งเราผลิตได้เอง ดังนั้นสูตรราคาต้องไม่ใช่ราคาตลาดโลกแน่ๆ  ยังไงก็ต้องต่ำกว่าราคาตลาดโลก แบบนี้จะขึ้นก็ขึ้นไปแล้วไม่ต้องมาออกกฏบ้าบอคอแตกมากดดันคนใช้ lpg เพราะเห้นแล้วมันน่าเกลียด ขนาดผมเองไม่ได้ใช้พลังงานทางเลือกพวกนี้ยังรู้สึกเลยว่าปตท กับรัฐกำลังเล่นอะไรกับประชาชน กำลังทำให้คนเค้าสับสนหรือเปล่า จะยากมั๊ยถ้าประมาณการณไปเลยว่าคนใช้ lpg จะเพิ่มขึ้นแค่ไหนแล้วบอกมาเลยว่าราคาจะเพิ่มเรื่อยๆตามปริมาณที่ต้องนำเข้า ประมาณเท่าไร่ บอกได้อยู่แล้วให้คนไปตัดสินใจเองว่าจะใช้อะไร ถ้าคนไปติด lpg กันเยอะๆราคาก็ต้องขึ้นเรื่อยๆ   ให้ข้อมูลแบบนี้ประชาชนก็เข้าใจและไม่สับสนกับพลังงานทางเลือกเหมือนที่เป็นอยู่ แบบออก ad ไม้สักไม้ซุงบ้าบอดคอแตกอะไรนั่น หลอกเด็กชัดๆ ซึ่งถ้าเป้นอย่างงั้นผมเชื่อว่าคนใช้ lpg ก็ไม่ได้เดือเร้อนอะไรเพราะยังไงมันก็ถูกกว่าน้ำมันอยู่ดี   และก็ไม่มีคนเกลียดปตท ด้วย แต่ปัจจุบ้น เห็นๆกันอยู่ ทั้งห้ามสร้างปั๊ม ออกกฏให้ taxi ติด ngv ทั้งออกมาพูดว่าจะห้ามรถใหม่ติด lpg แบบนี้ทำให้คนไม่รู้ก็ยิ่งเข้าใจผิดว่ารัฐกับ ปตทมันฮั้วกัน แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 07:57:29 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 07:55:24 จากคุณ : NAN_KUNG - [ 22 มิ.ย. 51 07:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ได้ความรู้ดี  ขอเก็บเกี่ยวข้อมูล     เพราะไม่รู้เรื่องแก๊สเกิ๊ดอะไรเขาหรอก รู้แต่เพียง  เป็นคนหนึ่งที่ใช้ เบนซิน95   เอ้อ..อิ่มบุญมาหลายปีแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 08:44:11 จากคุณ : yott - [ 22 มิ.ย. 51 08:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบคุณ NAN_KUNG คห. 21 ผมเอาภาพ 2 ภาพนี้มาให้ดูแล้วกัน ภาพแรก ทำขึ้นโดยคนในเว็บ gasthai เอง (มั้ง) ข้อมูลมันฉายภาพรวมทั้งหมด ตั้งแต่ ผลิต + นำเข้า vs บริโภคในประเทศ + ส่งออก แต่มันเป็นข้อมูลรายปี มันจึงไม่เห็นข้อมูลที่ update ล่าสุดเมื่อเดือน เม.ย. 51 จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 09:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ภาพที่ 2 เป็นกราฟแสดงทั้ง ยอดรวมฝั่ง Total Demand และเน้นให้ดูเฉพาะ 3 ภาค ที่ไม่ใช่ภาคครัวเรือน (แกน X ที่เห็นเป็นเลข 1 - 6 หมายถึง ปี 2002 , 2003 , 2004 , ... ถึงปี 2007 นะครับ พอดีรีบทำเลยลืมทำให้สมบูรณ์แบบ) ลองนึกภาพดูว่า กราฟ 3 ภาคมันขึ้นชันซะขนาดนั้น ปลายปี 2551 มันจะขึ้นไปอยู่ที่เท่าไหร่? อ้อ มีข้อสังเกตจากผมด้วยครับ   ภาคครัวเรือนที่ใน 3 ปีหลัง มันขึ้นเรื่อยๆ แบบคงที่ น่าสงสัยว่า มันเกิดจากอะไร? - เพราะมันเติบโตตามเศรษฐกิจ ?  คุณว่าใช่มะ?  ผมว่า ไม่น่าใช่ โอเค มันก็ต้องมีเพิ่มบ้าง เพราะประชากรมันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ แต่ความชันของเส้นกราฟ ทำไมมันสูงขึ้นแบบผิดปกตินับจากหลังจุดที่ 3 (ปี 2004 = 2547) ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจไทย มันเริ่มโตตอน 2544 - 2547 แล้วค่อยๆ ชะลอลง ทั้งจากน้ำมันเริ่มแพงและการเมือง - เพราะมันเติบโตจากการลักลอบส่งออกตามชายแดน?  ผมเทน้ำหนักไปทางข้อนี้มากกว่า  ผมเชื่อว่า มีการรั่วไหลจากภาคครัวเรือนออกไปนอกประเทศ เนื่องมาจากราคาส่วนที่ต่างกันระหว่างราคาขายในประเทศ กับราคาตลาดโลก (ผมเชื่อว่า การลักลอบส่งออกแบบนี้ ไม่โผล่อยู่ในบรรทัด Export แน่นอนครับ) จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 09:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอให้คนที่ด่า  ลองทำใจเป็นกลางในการพิจารณาข้อมูลสักนิดครับ ข้อมูลที่นำมาเสนอนั้น   เพื่อแสดงให้เห็นว่า  "ทรัพยากรมีจำกัด"  ไม่ได้มีให้ใช้เหลือเฟือ     ไม่ได้เชียร์ ปตท.  เพราะผมไม่ได้อยู่ ปตท.  แต่อยู่ประเทศไทย   ถ้าจะด่า ปตท. เรื่องเชียร์ NGV ผมก็ไม่ว่าสักคำ  เพราะเป็นเรื่องของ ปตท. แต่ถ้าเป็นเรื่องการเชียร์ให้ใช้ LPG โดยราคาถูกเกินกว่าความเป็นจริง  โดยคิดว่ามี LPG ให้ใช้เหลือเฟือ  ใช้ยังไงก็ไม่หมด   การขึ้นราคาเพราะต้องการเอากำไรเท่านั้น   อันนี้ผมต้องเอาข้อมูลมาค้าน    เพราะมันไม่ใช่อย่างนั้น ใครจะใช้ LPG ก็ใช้ไป  ผมไม่ได้แอนตี้การใช้ LPG  แต่ต้องใช้บนพื้นฐานของความเข้าใจที่ถูกต้อง   และต้องไม่ไปมีผลต่อการใช้งานในภาคครัวเรือนที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ   ทรัพยากรมันมีจำกัด  และการที่รัฐกำหนดราคาต่ำกว่าตลาดโลกเอาไว้  ก็เพื่อต้องการไม่ให้ภาคครัวเรือนเดือดร้อน    การที่ภาคยานยนต์จะไปแย่งภาคครัวเรือนใช้เนื่องจากราคาที่ถูกเนื่องจากการอุ้มของภาครัฐ  ผมไม่เห็นด้วยครับ มาเสริมข้อมูลคุณ P_Wut  ลองตัวตัวเลขการใช้งานใน 4 เดือนของปีนี้   เทียบกับ 4 เดือนของปีที่แล้ว   น่าจะพอเห็นได้ว่า   อัตราเติบโตของปีนี้น่าจะสูงกว่าปีนี่แล้วอีกพอควรครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 22 มิ.ย. 51 09:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีคุณ  "P_Wut" ขยันหาขัอมูลดีจริง ๆ ครับ ขอชมเลย ส่วนตัวผมไม่ได้ต้องการใช้ LPG ในรถหรอกนะครับ และไม่ได้สนับสนุนให้ใครมาติดด้วย อย่างหลาย ๆ กระทูที่ถามมาว่า จะเลือกติดอะไรดีระหว่าง LPG กับ NGV ผมจะตอบเสมอว่าถ้ามีกำลังทรัพย์ให้เลือก NGV   และตัวผมเอง  ก็จะเปลี่ยนเป็น NGV ใน  2 - 3 ปีข้างหน้า แต่ในสภาพตอนนี้ไม่มีทางเลือกจริง  เพราะว่าชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ไม่ต้องบอกว่าทำไมตอนนี้ไม่เลือก NGV ผมเชื่อว่า  คุณ "P_Wut"  ทราบเหตุผลดี สุดท้ายผมเห็นด้วยที่จะปรับราคา LPG แต่ไม่เห็นด้วยที่จะปรับเท่าราคาตลาดโลก  ผมว่ามัน  "เกินไป" เพราะตอนนี้ก็กำไรอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่กำไร แค่หาราคากำไรที่ได้มารองรับกับส่วนที่ต้องแบกภาระเพื่อคนไทยด้วยกันให้พอดีแค่นั้นเอง ปตท.ก็มีคนฉลาด ๆ ตั้งเยอะ  แค่นี้คงคำนวนไม่ยากมั๊งครับ   ตัวเลขก็มีอยู่ในมือตัวเองอยู่แล้ว วันนี้ไม่มีรูป โนบีตะ นะครับ เพราะไม่ได้เล่นที่ทำงาน  หรือที่บ้าน จากคุณ : yuyu (YUYU-001) - [ 22 มิ.ย. 51 10:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ จากกราฟนะครับ ข้อมูลล่าสุด 2007 ยังมีส่งออกอยู่เนื่องจากมีกำลังการผลิตมากกว่า demand จึงเหลือส่งออกได้ ซึงปัจจุบัน 2008 ส่งออกไม่รู้เหลือเท่าไร่  ถ้าคำตอบคือมันยังมีส่งออกอยู่ก็น่าเกลียดที่จะขึ้นราคาเพราะปัจจุบันปตทอ้างว่าไม่พอใช้ ถ้าฟังจาก ปตท (ข้างเดียว) ที่บอกว่าตอนนี้ 2008 demand มากกว่ากำลังการผลิตแล้ว ก็แสดงว่าต้องมีการนำเข้าเพื่อให้เพียงพอกับ demand ซึ่งตัวเลขไม่รู้ว่านำเข้าเท่าไร่ถึงจะพอ แต่ผมไม่เชื่อว่าจะมากมายอะไรที่จะมีน้ำหนักให้ปตทจะต้องยกประเด้นเรื่องขึ้นราคา lpg จนถึงเพดานราคาเทียบเท่ากับราคาตลาดโลกปกติ เพราะถ้าให้คาดการณ์จากตัวเลขใน excel ปีนี้ต่อให้ไม่พอยังไง demand ปีนี้ก็ไม่เกิน 4500 ล้านกิโลกรัม ซึ่งจากตัวเลข supply มันก็เพิ่มขึ้นทุกปีอยู่แล้วตามปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบ แล้วแบบนี้ในอนาคตมันมีเหตผลอะไรที่จะต้องมาขึ้นราคาจนเท่าราคาตลาดโลกกับออกกฏมาบังคับคนห้ามใช้ lpg  สู้ปตทเอาเวลาไปพัฒนาปั๊ม พัฒนาเทคโนโลยีให้เติมเร็วๆขึ้นหน่อยให้คนหาเช้ากินค่ำอย่าง taxi เค้าไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากินดีกว่า ผมเชื่อนะว่าอย่างน้อย 5 ปีกว่า ngv จะพร้อมและปตทสามารถเอามาแข่งกับ lpg ได้ และเวลานั้นถึงจะเหมาะสมที่จะมาแข่งขันอย่างจริงจังกับ lpg ไม่เหมือนอย่างในทุกวันนี้ ngv ก็ยังไม่พร้อมแต่ก็ยังกีดกัน lpg แล้วประชาชนจะอยู่ยังไงครับ สับสนนะ ปากบอก lpg จะขึ้นราคาตามตลาดโลก คนก็กลัวสิ แล้ว ngv ก็ห่วย ตกลงแล้วคนก็ไม่กล้าติดพลังงานทางเลือก ทางออกมีอยู่แล้วถ้ารัฐกับปตทมีจิตสำนึกรักและเห็นแก่คนหาเช้ากินค่ำมากกว่าที่เป็นอยู่มากกว่านี้สักนิด   เพราะนโยบายพลังงานนี่มัรทำให้ประเทศเจริญหรือ shipหายได้เลยนะ ทุกคนต้องใช้พลังงานถ้ามันขยับขึ้นเงินเฟ้อก็ขึ้นทุกอย่างเปลี่ยนหมด   เหมือนกับไฟฟ้าเลย คนเค้าถึงต่อต้านไม่อยากให้การไฟฟ้าแปรรูปเพราะตัวอย่างมันมีอยู่ ส่วนเรื่องลักลอบส่งออกผมว่าไม่มีประเด็นอะไร ยังไงมันก็ต้องมีบ้างและถ้ารัฐใส่ในดรื่องนี้จริงต้องหามารตรกาณ์จัดการได้ง่ายกว่ามาจัดการคนไปติด lpg เพิ่มแน่ๆ   คุณลองดูปี 2000-2003 สิมันก็โตขึ้นต่อเนื่องเหมือนกัน อันนั้นเกิดจากอะไร แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 10:16:38 จากคุณ : NAN_KUNG - [ 22 มิ.ย. 51 10:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาต่อครับ (ขับรถออกไปส่งลูกเรียนพิเศษมา) ก่อนจะตอบอะไรต่อ ผมขอโพสต์ภาพนี้ก่อน ภาพนี้ ได้มาจากข้อมูลราคา LPG ที่ตะวันออกกลาง เฉลี่ยเป็นรายเดือนครับ ผมทราบชื่อเว็บมาจากคุณ บอย@สาธร   ถึงแม้ว่า มันอาจจะไม่ใช่ราคาที่ตลาดสิงคโปร์ แต่ผมเชื่อว่า ก็พอจะดูคร่าวๆ ได้ เพราะด้วยกลไกตลาดเสรี มันจะไม่ต่างกันมากมาย ผมเคยไปสุ่มเช็คโครงสร้างราคาน้ำมันช่วงก่อนปี 2004 มาแล้ว http://www.eppo.go.th/petro/price/index.html พบว่า "ราคา LPG ณ โรงกลั่น" ถูกกว่า 320 US$/Ton มาตลอดครับ ที่เห็นได้ชัดก็ช่วงปี 2002 ราคาอยู่แถวๆ 200 กว่า US$/Ton เท่านั้น จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 10:32:30 ]

ความคิดเห็นที่ 29 >> ซึ่งจากตัวเลข supply มันก็เพิ่มขึ้นทุกปีอยู่แล้วตามปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบ อยากให้คุณ NAN_KUNG  ลองหาข้อมูลดูครับว่า   1. เราสามารถเพิ่มกำลังการกลั่นได้อีกเท่าไร 2. มีรถยนต์ที่ใช้เบนซินอยู่ที่ปริมาณกี่ล้านลิตรต่อเดือน หรือต่อปี   แล้วถ้ารถส่วนหนึ่งเปลี่ยนมาใช้ LPG  เราจะมีความสามารถในการเพิ่มกำลังการกลั่นขึ้นไปรองรับได้แค่ไหน นโยบาลระดับมหภาค  ต้องมองล่วงหน้าครับ  ไม่ใช่ส่งเสริมการใช้ไปแล้ว  ไม่พอใช้งาน  แล้วทิศทางการใช้พลังงานทดแทนในยานยนต์ก็ถูกวางล่วงหน้ามาหลายปีแล้ว   ไม่ได้พึ่งจะมากำหนดในเดือนสองเดือนที่ผ่านมาหรอกครับ   ตัวเลของของ capacity ,  demand trend มันเห็นล่วงหน้าอยู่แล้ว   ถ้าคุณเป็นรัฐบาล  หรือผู้กำหนดนโยบาย  ต้องมองให้รอบด้านด้วยครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 22 มิ.ย. 51 10:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมไม่ได้บอกครับว่าให้ส่งเสริม lpg เพียงแต่เลิกกีดกัดและนโยบายหลายๆอย่างที่ทำร้ายคนทำมาหากินแบบนี้เสียที และผมถึงบอกไงครับให้ ปตทรีบพัฒนา ngv ให้ดีเสียที เพราะถ้า ngv ยังเป็นแบบนี้แผนอะไรก็เอาไม่อยู่หรอกครับ   ต่อให้สุดๆของสุดๆเลยนะ lpg ขึ้นไปที่เพดานสุดผมก็เชื่อว่าคนก็ยังจะติด lpg อยู่ดี เพราะผมคนนึงไม่ยอมเสียเวลารอเติมแก๊ส กับเสียเวลาต้องเอารถไปตรวจเช็คถังทุกปีแน่ๆ จากคุณ : NAN_KUNG - [ 22 มิ.ย. 51 11:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมก็เห็นว่าเค้าไม่ได้กีดกันอะไร  อย่างมากก็โฆษณาชวนเชื่อมากไปหน่อยเท่านั้นเอง  ซึ่งถ้าถกกันในประเด็นนั้นผมก็คงไม่เข้าไปถกด้วยอยู่แล้ว   ใครอยากติดก็ติดไป  แต่ต้องยอมรับว่ามันไม่ถูก   และจะให้รัฐมาแบกรับภาระแทน  ก็คงไม่ถูกต้อง   ถ้าเข้าใจแบบคุณ NAN_KUNG ได้ก็คงไม่ีมีปัญหาอะไรครับ    แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีคนที่เข้าในแบบคุณกี่คน   ดูสิครับ  กระทู้มาอีกแล้ว http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6728330/V6728330.html จากคุณ : sunsetbeach - [ 22 มิ.ย. 51 12:28:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มาอ่าน....... จากคุณ : kom2003 - [ 22 มิ.ย. 51 12:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 #29  แล้วทิศทางการใช้พลังงานทดแทนในยานยนต์ก็ถูกวางล่วงหน้ามาหลายปีแล้ว   ไม่ได้พึ่งจะมากำหนดในเดือนสองเดือนที่ผ่านมาหรอกครับ   ผมมิได้เป็นผู้มีความรู้อะไรครับ แค่ติดตาม และอยากถามให้หายสงสัยครับ ว่าถ้ามีแผนมาหลายปีทำไม NGV ยังมีปั้มไปไม่ถึงไหนเลย มันเกิดอะไรขึ้นครับ จากคุณ : กะจังวา - [ 22 มิ.ย. 51 13:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อันนี้ไม่ทราบครับ ต้องไปถามกระทรวงพลังงานดูว่าทำไมเค้าถึงวางไว้แบบนี้  น่าจะตั้งแต่สมัยยังไม่เป็นกระทรวงเลยด้วยซ้ำมั้งครับ   แต่เรื่องปั๊มที่ไปไม่ถึงไหน  ผมเดาว่าเค้าไม่คิดว่าราคาพลังงานโลกมันจะขึ้นแบบพรวดพราดขนาดนี้   คงกะไว้ว่าอย่างน้อยก็อีกสักสองสามปี   แต่เดิมประมาณการไว้ว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่แถวๆ 80$ เองมั้งครับ  ไม่ใช่ 130  แบบนี้ จากคุณ : sunsetbeach - [ 22 มิ.ย. 51 13:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณพี่วุธ (P'Wut)  ความเห็นที่ 18 ที่ช่วยแก้ไขข้อมูล  ราคาขายส่งลงไว้ผิดจริงๆ   ตามประกาศฉบับล่าสุด  11  บาท  กว่าๆ   บังเอิญว่าเอกสารอยู่ที่สำนักงาน   วันจันทร์เข้าสำนักงาน  จะนำประกาศ  กบง. ฉบับนั้น  มาลงให้ดูกัน ขอชมพี่วุธข้อมูลดีมาก   แต่ผมว่าไม่จำเป็นต้องไปเถียงแทน  ปตท. หรอก    ทุนเขามหาศาล มีกระบอกเสียงเยอะแยะ  แค่  sponser  สื่อต่างๆ  ก็เงียบเป็นเป่าสากแล้ว มาช่วยกันจับผิด ปตท. และ ผู้บริหารนโยบายพลังงานดีกว่า ว่าเขาหลอกประชาชน  เอาใจผู้ถือหุ้น  อย่างไร จากคุณ : คนตามข่าว (ขออุบไว้ก่อน) - [ 22 มิ.ย. 51 13:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 33 #29  แล้วทิศทางการใช้พลังงานทดแทนในยานยนต์ก็ถูกวางล่วงหน้ามาหลายปีแล้ว   ไม่ได้พึ่งจะมากำหนดในเดือนสองเดือนที่ผ่านมาหรอกครับ   ผมมิได้เป็นผู้มีความรู้อะไรครับ แค่ติดตาม และอยากถามให้หายสงสัยครับ ว่าถ้ามีแผนมาหลายปีทำไม NGV ยังมีปั้มไปไม่ถึงไหนเลย มันเกิดอะไรขึ้นครับ จากคุณ : กะจังวา   - [ 22 มิ.ย. 51 13:00:50 ] เพราะคำถามของคุณกะจังวา ทำให้ผมกระสันอยากจะหาคำตอบเรื่องนี้ ว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายให้ส่งเสริมการใช้ NG ในรถยนต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ได้พบคำตอบครับ แม้ว่า มันอาจจะไม่ใช่จุดเริ่มต้นจากศูนย์จริงๆ แต่ก็พอใช้ในการสืบต่อไปได้ ในเว็บ http://www.eppo.go.th มีอยู่หน้านึง ที่รวบรวม "มติ กพช. : คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ" http://www.eppo.go.th/nepc/index.html แล้วก็ได้พบในการประชุมอยู่ครั้งนึง ที่มีหลายๆ เรื่อง เกี่ยวกับที่หลายๆ คนสนใจอยู่ในขณะนี้ http://www.eppo.go.th/nepc/kpc/kpc-078.htm มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2543 (ครั้งที่ 78) วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2543 เวลา 9.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล -------------------------------------------------------------------------------- 1. สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 2. ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว 3. แนวทางการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่งและภาคอุตสาหกรรม 4. มาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในภาคขนส่ง 5. การศึกษาการกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของโรงกลั่น 6. การจำหน่ายน้ำมันสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่อง 7. ข้อเสนอการลดระดับราคาน้ำมันโดยการผ่อนปรนข้อกำหนดคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง 8. ข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจากผลกระทบราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 17:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมขอโปรยข้อความส่วนต้นๆ ของหัวข้อที่น่าสนใจ ให้ทุกท่านไปติดตามอ่านกันเอาเองนะครับ "เรื่องที่ 2 ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว สรุปสาระสำคัญ 1. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 7/2543 ( ครั้งที่ 77) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2543 ได้พิจารณาเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว และมีความเห็นว่าเพื่อให้กองทุน น้ำมันเชื้อเพลิงสามารถตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือนออกไปจนถึงสิ้นปี ประกอบกับนโยบายที่จะส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมและรถยนต์ที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิงเปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติแทน จึงมีมติให้ ยกเลิกการจ่ายเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและ รถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2543 เป็นต้นไป โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการกำหนดระเบียบปฏิบัติต่อไป..." "เรื่องที่ 3 แนวทางการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่งและภาคอุตสาหกรรม สรุปสาระสำคัญ 1. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2543 เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2543 ในการเร่งรัดการดำเนินมาตรการปรับเปลี่ยนพลังงานจากการใช้น้ำมันมาเป็นก๊าซธรรมชาติให้มากขึ้นทั้งในภาคการผลิตไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และภาคการขนส่ง โดยมอบหมายให้ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ( ปตท.) เร่งดำเนินการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติในลักษณะของ Compressed Natural Gas : CNG เพื่อใช้ในรถยนต์ (Natural Gas for Vehicle : NGV) และดำเนินโครงการระบบท่อจำหน่ายก๊าซธรรมชาติรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล..." จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 17:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 38 "3.2 โครงการเร่งรัดการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่งเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง การทยอยปรับเพิ่มราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยเร่งดำเนินการปรับเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลวให้เป็นก๊าซธรรมชาติมากขึ้นโดยมีแผนการดำเนินการดังนี้ (1) แผนงานระยะสั้น ปตท. จะเร่งดำเนินการ ดังนี้ - ขยายการให้บริการของสถานีก๊าซฯ ที่รังสิตให้แก่รถแท๊กซี่ พร้อมทั้งจัดทำ โครงการทดสอบการติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซธรรมชาติในรถแท๊กซี่อาสาสมัครจำนวน 100 คัน ใช้เงินลงทุน 4 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ ในเดือนพฤศจิกายน 2543 นอกจากนี้ได้มีการขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ของรถโดยสารประจำทาง NGV ของ ขสมก. จำนวน 82 คัน ที่มีอายุการใช้งาน 7 ปี ให้เหมาะสมกับคุณภาพก๊าซฯ ในประเทศ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 65 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนรถโดยสารประจำทาง NGV ที่สถานีรังสิต จำนวน 70 คัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 400-420 ล้านบาท - ในการขยายสถานีบริการก๊าซฯ จำนวน 6 สถานี ที่ดำเนินการอยู่จะเพิ่มการให้ บริการแก่กลุ่มแท๊กซี่และจัดหาสถานีบริการก๊าซฯ เคลื่อนที่ (Mobile Station) จำนวน 1 คัน รวมทั้งการจัดโครงการ ส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถแท๊กซี่โดยติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซธรรมชาติแบบให้เปล่ากับรถแท๊กซี่ จำนวน 1,000 คัน ซึ่ง ปตท. จะขอรับการสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 20 ล้านบาท ( คิดเป็นร้อยละ 50 ของเงินลงทุน) (2) แผนงานระยะยาว ปตท.จะขยายสถานีบริการก๊าซฯ จำนวน 30 สถานี ภายในปี 2548/2549 ตามแนวท่อส่งก๊าซฯ ในเส้นทางสายเหนือ (กรุงเทพฯ - สระบุรี), สายตะวันออก ( กรุงเทพฯ - ระยอง), สายตะวันตก (กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี) และรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการดำเนินการส่งเสริมการติดตั้งอุปกรณ์ใช้ก๊าซธรรมชาติในรถโดยสารประจำทาง รถโดยสารระหว่างจังหวัด รถบรรทุกต่างๆ รถแท๊กซี่ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งต้องขอให้มีการสนับสนุนด้านการลงทุนโดยการจัดหาแหล่งเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการ 4. ปตท. ได้พิจารณากลยุทธการกำหนดราคาให้ดึงดูดความนิยมในการใช้รถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เป็นเชื้อเพลิง เพื่อเป็นการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่งอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในช่วงของการส่งเสริมและในภาวะที่น้ำมันเชื้อเพลิงยังมีราคาสูง พร้อมกับการปรับราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยจะกำหนดราคาขาย NGV อยู่ที่ระดับร้อยละ 50 ของราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ซึ่งจะไม่สูงกว่าราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว ..." จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 17:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 " เรื่องที่ 5 การศึกษาการกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของโรงกลั่น สรุปสาระสำคัญ 1. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 7/2543 ( ครั้งที่ 77) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2543 ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาความเหมาะสมของการกำหนดราคาน้ำมันของประเทศ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาวิตต์ โพธิวิหค) เป็นประธานกรรมการ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ( สพช.) เป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งต่อมาได้มีการออกคำสั่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่ 2/2543 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของโรงกลั่นไทย ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2543 เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามมติดังกล่าว 2. คณะกรรมการศึกษาการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของโรงกลั่นน้ำมันไทย ได้รายงานผลการศึกษาการกำหนดราคาน้ำมันของโรงกลั่น โดยมีความเห็นสรุป ดังนี้ 2.1 การกำหนดราคาน้ำมันในประเทศ โดยอิงกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดจรสิงคโปร์เป็นหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาดน้ำมันในประเทศไทยในปัจจุบัน เนื่องจากสิงคโปร์เป็นตลาดหรือศูนย์กลาง ซื้อขายน้ำมันของภูมิภาคเอเซีย ราคาน้ำมันที่ซื้อขายในสิงคโปร์จะเปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับตลาดอื่นๆ และสะท้อนความสามารถในการจัดหา และความต้องการน้ำมันของภูมิภาคนี้ สิงคโปร์เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งสะท้อนต้นทุนการนำเข้าระดับต่ำสุดที่โรงกลั่นไทยต้องแข่งขัน โดยโรงกลั่นสิงคโปร์จะมีต้นทุนการกลั่นในระดับต่ำ เนื่องจากประสิทธิภาพในการกลั่น ความได้เปรียบเรื่องขนาดของโรงกลั่น การขนส่ง และระบบภาษีต่ำ การแข่งขันกับสิงคโปร์จะทำให้โรงกลั่นไทยต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนการผลิต 2.2 การกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยใช้หลักการของการกำหนดราคาตามต้นทุน (Cost plus basis) เป็นการประกันค่าการกลั่นให้โรงกลั่น การกำหนดราคาลักษณะนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ การที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์ มีความผันผวนสูงกว่าราคาน้ำมันดิบในช่วงระยะสั้น ๆ หลักการนี้เสมือนประเทศจะได้ประโยชน์ แต่ในภาวะราคาน้ำมันตลาดจรสิงคโปร์เป็นปกติ ค่าการกลั่นซึ่งอิงราคาสิงคโปร์จะอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าการกลั่นตามต้นทุน ดังนั้น หากให้โรงกลั่นใช้หลักการค่าการกลั่นตามต้นทุน ราคาน้ำมันในประเทศไทยจะสูงขึ้น และทำให้โรงกลั่นไม่ต้องแข่งขันในการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน นอกจากนี้ เนื่องจากค่าการกลั่นตามต้นทุนของโรงกลั่นแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน หากใช้ค่าการกลั่นเฉลี่ยจะทำให้โรงกลั่นที่มีต้นทุนสูงต้องขาดทุน ทำให้ในที่สุดรัฐต้องกำหนดค่าการกลั่นตามต้นทุนสูงสุด เพื่อให้โรงกลั่นทุกโรงไม่ขาดทุน 2.3 ภาวะปัจจุบันราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจรสิงคโปร์มีความผันผวน ความแตกต่างของ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปกับราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ อันมีสาเหตุมาจากปัญหาด้านการผลิตของโรงกลั่นหลายโรงในภูมิภาคนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าต้นทุนจริงของการผลิตของโรงกลั่นทำให้ค่าการกลั่นของโรงกลั่นเพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้ แต่โดยปกติแล้วค่าการกลั่นจะมีการปรับตัวตามภาวะตลาด ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นจะทำให้น้ำมันออกสู่ตลาดมากขึ้นและกดค่าการกลั่นให้ต่ำลง เมื่อค่าการกลั่นต่ำลงจะมีผลให้ปริมาณน้ำมันที่ออกสู่ตลาดลดลง ทำให้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นภาวะที่ค่าการกลั่นสูงผู้ค้าน้ำมัน ก็จะมีการต่อรองส่วนลดจากโรงกลั่น ทำให้ตลาดสามารถปรับตัวสู่ภาวะที่เหมาะสม ดังนั้น รัฐจึงไม่ควรเข้าไปแทรกแซงในภาวะปกติ 2.4 ในภาวะที่ราคาในประเทศสูงผิดปกติและค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูง (5-7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) ควรมีการนำค่าการกลั่นส่วนหนึ่งมาช่วยในการตรึงหรือลดราคาน้ำมันภายในประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค แต่จะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สินของโรงกลั่นด้วย เพราะในช่วงที่ผ่านมาโรงกลั่นประสบภาวะขาดทุน โดยหากพิจารณาค่าการกลั่นของโรงกลั่นไทยออยล์ ระดับค่าการกลั่นที่คุ้มทุน คือ 3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และหากคำนึงถึงการจ่ายดอกเบี้ยและการชำระหนี้แล้ว โรงกลั่นจะต้องได้รับค่าการกลั่นในระดับ 4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 2.5 ภาวะค่าการกลั่นที่สูงในปัจจุบัน จะปรับตัวลดลงตามกลไกตลาดสู่ระดับปกติในเวลา ต่อมา ดังนั้น การให้ส่วนลดราคาน้ำมันสำเร็จรูปดังกล่าว ควรจะเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ โดยเป็นการบริหารเพื่อ ลดความผันผวนของตลาดเพียงชั่วคราว แต่หากความผันผวนของราคาน้ำมันสำเร็จรูป ยังคงดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลานาน จนกลายเป็นแนวโน้มที่แน่นอนของราคา หรือเป็นภาวะปกติของตลาด การให้ส่วนลดดังกล่าว ก็ควรที่จะยกเลิกเช่นกัน เพราะมิฉะนั้นจะส่งผลต่อการจัดหาของประเทศ โดยโรงกลั่นจะส่งออกน้ำมันแทนการจำหน่ายในประเทศ ซึ่งอาจเกิดภาวะการขาดแคลนน้ำมันภายในประเทศขึ้นได้ ทำให้รัฐจะต้องเข้าไปแทรกแซงตลาดโดยการควบคุมการส่งออก 2.6 รัฐไม่มีนโยบายที่จะแทรกแซงตลาด โดยยังยึดหลักการของตลาดเสรี ดังนั้น การนำส่วนลดค่าการกลั่นเพื่อให้ส่วนลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศเป็นการชั่วคราว ในช่วงที่ราคาน้ำมันของประเทศอยู่ในระดับสูงนี้ รัฐไม่สามารถบังคับบริษัทเอกชนได้ คณะกรรมการฯ จึงเห็นสมควรให้ใช้การปิโตรเลียม แห่งประเทศไทย (ปตท.) และโรงกลั่นไทยออยล์ เป็นกลไกในการบริหารค่าการกลั่นและค่าการตลาดโดยให้นำส่วนลดค่าการกลั่นมาช่วยตรึงหรือลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงมิให้สูงขึ้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชน ในช่วงที่ค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงเป็นการชั่วคราว 2.7 ในส่วนของผู้ค้าน้ำมันรายย่อยที่ไม่มีหุ้นในโรงกลั่น ซึ่งไม่ได้รับส่วนลดค่าการกลั่นในส่วนนี้ทำให้เกิดความเสียเปรียบ แต่ในช่วงที่ผ่านมา ภาวะราคาน้ำมันอยู่ในระดับปกติ ผู้ค้าน้ำมันกลุ่มนี้เคยได้เปรียบจากการที่สามารถเจรจาต่อรองกับโรงกลั่นเพื่อให้ได้ราคาต่ำสุด แทนการที่โรงกลั่นต้องส่งออก แต่คาดว่าสภาวะปัญหาค่าการกลั่นสูงจะเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น 2.8 คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาแนวทางอื่น ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนราคาน้ำมันในช่วงที่ประเทศประสบปัญหาเรื่องราคาน้ำมันแพง เช่น การตกลงราคาล่วงหน้า การปรับลดมาตรฐาน คุณภาพเป็นการชั่วคราว (การลดปริมาณ MTBE ในน้ำมันเบนซิน, การลดอุณหภูมิการกลั่นของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว) 3. คณะกรรมการศึกษาฯ ได้เสนอว่าในช่วงที่ภาวะตลาดน้ำมันผิดปกติ ทำให้ค่าการกลั่นมีความผันผวนมาก ให้ ปตท. และโรงกลั่นไทยออยล์ ใช้หลักการบริหารค่าการกลั่นและค่าการตลาด โดยนำส่วนลดค่าการกลั่นมาช่วยตรึงหรือลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงมิให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการบริหารความผันผวนของตลาด และเป็นการดำเนินการเพียงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนโรงกลั่นอื่นให้เป็นไปตามความสมัครใจ เมื่อค่าการกลั่นลดลงสู่ภาวะปกติ หรือหากความแตกต่างของราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงที่อยู่ในระดับสูงจนเป็นภาวะปกติของตลาดแล้ว มาตรการดังกล่าวก็ให้ยกเลิกไป มติของที่ประชุม 1. รับทราบความเห็นคณะกรรมการศึกษาการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของโรงกลั่นน้ำมันไทย ตามข้อ 2 2. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการศึกษาการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของโรงกลั่นไทย ซึ่งมีข้อเสนอว่าในช่วงที่ภาวะตลาดน้ำมันผิดปกติ ทำให้ค่าการกลั่นมีความผันผวนสูงขึ้นมากนี้ ให้ ปตท. และโรงกลั่นไทยออยล์ ใช้หลักการบริหารค่าการกลั่นและค่าการตลาด โดยนำส่วนลดค่าการกลั่นมาช่วยตรึงหรือลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงมิให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการบริหารความผันผวนของตลาด และเป็นการ ดำเนินการเพียงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนโรงกลั่นอื่นให้เป็นไปตามความสมัครใจ เมื่อค่าการกลั่นลดลงสู่ภาวะปกติ หรือหากความแตกต่างของราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงที่อยู่ในระดับสูงจนเป็นภาวะปกติของตลาดแล้ว มาตรการดังกล่าวก็ให้ยกเลิกไป 3. มอบหมายให้ สพช. และ ปตท. รับไปดำเนินการประชาสัมพันธ์เรื่องระบบราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน " หึ หึ  จากสิ่งที่พบ ที่เห็น ณ ปี 2551 นี้ ขอสรุปสั้นๆ แค่ว่า ทั้ง สพช. และ ปตท. ประสบความล้มเหลวในการประชาสัมพันธ์เรื่อง ระบบราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยสิ้นเชิง จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 17:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 นอกจากนี้ จากการไล่สุ่มหา / อ่านแบบลวกๆ เร็วๆ พบบางหัวข้อ ในการประชุมบางนัด ที่น่าสนใจ อยากจะเอา link มาให้อ่านกัน  เช่น http://www.eppo.go.th/nepc/kpc/kpc-054.htm " เรื่องที่ 4 ข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้างของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยและการส่งเสริมการค้าเสรีในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม สรุปสาระสำคัญ 1. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2534 อนุมัติให้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ว่าในระยะยาว ปตท. ควรจะจัดโครงสร้างในรูปแบบใดที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งต่อมาคณะกรรมการพิจารณานโยบายพลังงานได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณานโยบายการปรับปรุงโครงสร้างของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยและส่งเสริมการค้าเสรีในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมขึ้น เพื่อทำหน้าที่พิจารณาเสนอแนะนโยบายการปรับปรุงโครงสร้างของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยและส่งเสริมการค้าเสรีในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ... 2.2 แผนการดำเนินงานในการปรับโครงสร้างของ ปตท. มีดังนี้ กุมภาพันธ์ 2538 : ขออนุมัติความเห็นชอบผลการศึกษาโครงสร้าง ปตท.ในรูปของบริษัทในเครือแต่ยังไม่มีการแยกเป็นบริษัทตามกฎหมาย พฤษภาคม 2538 : ขออนุมัติจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาปรับโครงสร้าง ปตท. มิถุนายน-ตุลาคม 2538 : จัดทำโครงสร้างและพัฒนาองค์ประกอบหลักที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง ตุลาคม-พฤศจิกายน 2538 : ขออนุมัติคณะกรรมการ ปตท. ปรับโครงสร้างองค์กร พฤศจิกายน-ธันวาคม 2538 : ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กร ต้นปี 2539 : เริ่มใช้โครงสร้างใหม่ในรูปแบบบริษัทในเครือโดยยังอยู่ภายใต้ องค์กร ปตท. พร้อมพัฒนาระบบการบริหารธุรกิจและระบบข้อมูลรองรับให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2539 ... ภายในปี 2539 : นำหน่วยธุรกิจ ปตท. น้ำมัน, ปตท. อินเตอร์เนชั่นแนล,และ ปตท.ก๊าซธรรมชาติในรูปแบบบริษัทในเครือจัดตั้งเป็นบริษัท จำกัดภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยใช้ชื่อ "บริษัท ปตท. น้ำมัน จำกัด" "บริษัท ปตท.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด" และ "บริษัท ปตท. ก๊าซธรรมชาติ จำกัด" ตามลำดับ โดยมี ปตท. สำนักงานใหญ่เป็นเจ้าของพร้อมวางรูปแบบกลไกการบริหารบริษัทในเครือตามผลการศึกษาของโครงสร้างรูปแบบบริษัทในเครือ เพื่อให้ได้ผลตามจุดมุ่งหมายในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ให้บริษัทที่ ปตท. จัดตั้งขึ้นใหม่ดังกล่าว ดำเนินการในรูปแบบบริษัทจำกัด และให้บริษัทที่ ปตท. จัดตั้งขึ้นใหม่ดังกล่าวดำเนินการในรูปแบบบริษัทก๊าซธรรมชาติ หรือบริษัทน้ำมันของเอกชนโดยทั่วไป และไม่นำคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาใช้บังคับ โดยให้บริษัทมีระเบียบข้อบังคับใช้ปฏิบัติในเรื่องต่างๆของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับระเบียบวิธีการงบประมาณการบริหารและการจัดการทางการเงินและบัญชี การพัสดุ การบริหารบุคคลและการสรรหาบุคลากร ปี 2540-2541 : นำบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ดังกล่าว แปรรูปบางส่วนเข้าตลาดหลักทรัพย์ตามความเหมาะสมตามแผนการดำเนินการ ซึ่งจะได้จากผลการศึกษาในการแปรรูปในขั้นรายละเอียดต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา ทั้งนี้เพื่อให้ได้มูลค่าสูงสุดแก่รัฐ 2.4 เป้าหมายในการนำเสนอ มีดังนี้ ... " เนื้อหาสาระในการประชุมครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า เรื่องการแปรรูป ปตท. เข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นเรื่องที่คิดกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัย ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ด้วยซ้ำ จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 18:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ออกทะเลไปไกล กลับมาตอบคำถามของคุณ กะจังวา นะครับ ผมก็ไม่ทราบแน่ชัด ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่า ทำไมจนป่านนี้ การสร้างเครือข่ายป้อน NGV ในภาคขนส่ง ถึงยังทำได้ "แค่เท่าที่เห็นอยู่" ทั้งๆ ที่ เมื่อปี 2543 ซึ่งเป็นปีหลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 ถึง 3 ปีแล้ว ก็มีแนวทางที่ชัดเจน อย่างที่ผมโพสต์ให้ดูคร่าวๆ ข้างบนนั่น (ถ้ามันเป็นเรื่องก่อนวิกฤตปี 40 ก็อาจอ้างได้ว่า สถานการณ์มันเปลี่ยนไปมาก แนวทาง/นโยบายที่มีอยู่เดิม อาจต้องพิจารณากันใหม่) ถ้าให้เดาคำตอบนะ  ผมว่า - ไม่มีใครคาดคิดว่า ราคาน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป ณ ปีนี้ หรือแม้กระทั่ง 2 ปีก่อนหน้านี้ จะเป็นอย่างทุกวันนี้ครับ คุณทราบมั้ยครับว่า ปี 2541 ราคาน้ำมันดิบตกต่ำลงไปถึง 18 เหรียญต่อบาร์เรล จน OPEC ต้องออกมาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันดิบ ให้อยู่ที่ระดับ 20-25 เหรียญต่อบาร์เรล - การวางแผนอันห่วยแตก ทั้งของภาครัฐ และ ปตท. ด้วยครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ นะ  คุณคงทราบว่า รัฐลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ที่สามารถใช้ E20 ได้ ให้ถูกกว่า รถที่ไม่ใช่สเปค E20 คุณทราบมั้ยครับว่า ปลายปีที่แล้ว ภาครัฐเค้าประมาณการว่า ถึงสิ้นปี 2551 รถ E20 จะมีวิ่งในท้องถนนกี่คัน? ผมตอบให้เลยแล้วกัน อ่านจากข่าวมา เห็นจากหลายฉบับ (แสดงว่า มีคนให้ข่าวตามนั้นจริงๆ ไม่ใช่ข่าวลือ หรือสื่อบางฉบับไปค้นคว้ามาเอง) รัฐประมาณการว่า สิ้นปี 2551 จะมีรถสเปค E20 วิ่งบนท้องถนนเมืองไทย "ราว 60,000 คัน" ครับ แล้วคุณรู้มะว่า ถึงสิ้นเดือน พ.ค. 51 ที่ผ่านมา มีรถสเปค E20 วิ่งอยู่บนถนนเมืองไทยกี่คันแล้ว ? "ครบ 60,000 คัน" ไปแล้วครับ  คิดดูแล้วกันว่า ประมาณการผิดจากความเป็นจริง ถึง 58% (ก็มันครบตั้งแต่ 5 เดือนแรก ดังนั้นอีก 7 เดือนที่เหลือ น่าจะมีรถ E20 เพิ่มเป็น 60,000/5X12 = 144,000 คัน) จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 18:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบคุณ ขออุบไว้ก่อน คห. 35 "ขอบคุณพี่วุธ (P'Wut)  ความเห็นที่ 18 ที่ช่วยแก้ไขข้อมูล  ราคาขายส่งลงไว้ผิดจริงๆ   ตามประกาศฉบับล่าสุด  11  บาท  กว่าๆ   บังเอิญว่าเอกสารอยู่ที่สำนักงาน   วันจันทร์เข้าสำนักงาน  จะนำประกาศ  กบง. ฉบับนั้น  มาลงให้ดูกัน ขอชมพี่วุธข้อมูลดีมาก   แต่ผมว่าไม่จำเป็นต้องไปเถียงแทน  ปตท. หรอก    ทุนเขามหาศาล มีกระบอกเสียงเยอะแยะ  แค่  sponser  สื่อต่างๆ  ก็เงียบเป็นเป่าสากแล้ว มาช่วยกันจับผิด ปตท. และ ผู้บริหารนโยบายพลังงานดีกว่า ว่าเขาหลอกประชาชน  เอาใจผู้ถือหุ้น  อย่างไร" ****************************************************************************************** สิ่งที่พวกคุณ ควรย้อนกลับไปคิด ก็คือ ไอ้ข้อมูลหลอกๆ ลวงๆ ที่เฝ้าโพสต์ เฝ้า forward กันมาหลายปี  แท้ที่จริงแล้ว มีจุดประสงค์อะไร? ถ้าจะเฝ้าจับผิด ก็ควรเอาข้อมูล-ข้อเท็จจริงมาจับผิด ไม่ใช่ - เลือกเฉพาะเอาบางข้อมูล (ส่วนที่เหลือ ไม่ยกมาทั้งหมด ทั้งๆ ที่ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจ รู้รายละเอียดกว่าพวกเราซะอีก) - ยำข้อมูลสไตล์ จับหัวแพะมาชนกับตูดแกะ แล้วหลอกบรรดาฝูงควายทั้งหลายที่อยู่รายล้อม ว่า "สัตว์ตัวเนี้ยอันนี้เรียกว่า here นะ" หรือ ถ้าพวกคุณคิดว่า ไม่ถือสา ที่คนอีกกลุ่มนึง เห็นพวกคุณเป็นควายป่า (โง่+อารมณ์รุนแรง) เป็นเหยื่อ ถูกหลอกใช้ได้ง่ายดาย ก็ดีครับ ใจกว้างดีจริงๆ ครับ  แต่ใจกว้างกับผมบ้างนะ อย่า "คับแคบ" ทางความคิด/ความเชื่อจนเกินไปนัก จากคุณ : P_Wut - [ 22 มิ.ย. 51 18:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 นั่งอ่านจนจบ...ได้รับประโยชน์จากข้อมูลของทั้งสองฝ่าย(แบ่งข้างกันหรือเป่าก็ไม่รู้ แต่อ่าน ๆ แล้วรู้สึกอย่างนั้น) ตามประสาคนอยากรู้ข้อมูล รู้สึกขอบคุณผู้รู้ทุกท่านจิง ๆ แต่ก็อยากให้เสนอความเห็นกันดี ๆ อย่าใช้อารมณ์เลย...เพราะข้อมูลของพวกท่าน เมื่อรวมกันแล้วมันวิเศษจิง ๆ ..... จากคุณ : สำลีแดดเดียว (สำลีแดดเดียว) - [ 22 มิ.ย. 51 21:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 หากจะกำหนดราคาที่สะท้อนความจริงของ LGV ก็ขอให้กำหนดราคา NGV ที่สะท้อนความเป็นจริงตามกลไกตลาดด้วยเช่นกัน (ปัจจุบันมีการสนับสนุนราคา NGV ประมาณ 5,000 - 6,000 ล้านบาทต่อปี) ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น Double Standard และเป็นระเบิดเวลาลูกต่อไปในอนาคตเหมือนอย่าง LPG ในทุกวันนี้ อีกทั้งจะทำให้ดูเหมือนกำลังบีบให้ประชาชนใช้ NGV แต่เพียงอย่างเดียวแทนที่จะเป็นพลังงานทางเลือกให้ประชาชน ผมมีคำถามในใจซึ่งอยากได้ความกระจ่างจากภาครัฐฯ หรือ ปตท. เพื่อความสะบายใจก่อนการเลือกใช้ NGV เป็นพลังงานทางเลือกดังนี้ 1 NGV ผมเห็นมีแต่ปั๊มของ ปตท. เท่านั้นที่จำหน่ายมันจะกลายเป็นการผูกขาดตลาดในอนาคตหรือเปล่า 2 ความสะดวกในการเติมเป็นอย่างไร (ปกติเติมครั้งละ 10 - 15 นาทีขึ้นไป) 3 ปั๊มพอเพียงหรือเปล่า 4 แล้วต่อไปสมมติว่าคนติด NGV กันแพร่หลายแล้วจากนั้นจะมีการปรับราคาตามใจชอบโดยอ้างกลไกตลาดนู่นนี่นั่นอีกหรือเปล่า 5 ราคาการติดตั้งและอุปกรณ์ที่ต่างกัน 2 - 3 เท่ากับการติด LPG จะมีการจัดการบ้างหรือไม่ อย่างไร 6 มีปริมาณเพียงพอที่จะรองรับการใช้งานในอนาคตได้อีกกี่ปี หากตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน มีแนวทางการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและจริงใจไม่มีการเบี่ยงเบนประเด็นเป็นอย่างอื่น เชื่อว่าประชาชนยินดีต้อนรับ NGV อย่างแน่นอนครับ จากคุณ : TRG (TRG) - [ 23 มิ.ย. 51 09:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อยากให้คนใช้ NGV หรือครับ ง่ายๆ มีปั๊มให้เพียงพอ รอไม่เกิน 1 คิว ราคาเหมาะสม แค่นี้ก็มีคนใช้กันตรึมแล้ว ปัญหาแค่นี้ยังแก้ไม่ได้เลย ถ้าทำได้เรื่องอื่นไม่ต้องทำเลยครับ ไม่ต้องกลัว LPG ด้วย จากคุณ : Mr. Coffee - [ 23 มิ.ย. 51 10:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 46 NGV ไม่ได้มีใครห้ามขายเลยครับ   ที่ไม่มีใครทำก็เพราะเมื่อในแง่การลงทุนแล้วมันต้องใช้เงินลงทุนสูง  โอกาสทำกำไรยากมาก  บริษัทน้ำมันรายอื่นๆ ไม่ยอมลงทุนแน่นอนครับ   แค่คิดค่าใช้จ่ายในการสร้างปั๊ม  ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง  แค่นี้ก็มหาศาลแล้ว จากคุณ : sunsetbeach - [ 23 มิ.ย. 51 11:53:40 ]