ความคิดเห็นที่ 1 ทั้ง 4 ข้อ ผิด หมด จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 12:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงคุณช่างกล-หนุ่ม งั้นทุกอย่างจะต้องเป็นตรงกันข้ามกับที่ผมบอกใช่มั๊ยครับ จากคุณ : ปลาวาฬสีฟ้า..หางกุด - [ 22 มิ.ย. 51 12:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อย่างน้อยๆผมว่าข้อ 4 ถูกแน่ๆ ผมไม่เชื่อน่ะครับว่าปัจจุบันจะมีรถที่เหมือนกันทุกอย่างต่างกันแค่เกีย mt / at  มาวิ่งแข่งกันแล้ว mt จะแพ้ ตัดประเด้นเรื่องฝีมือคนขับนะครับ จากคุณ : NAN_KUNG - [ 22 มิ.ย. 51 14:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตามแนวคิดตามจขกท.ว่ามาสรุปว่าในรอบเครื่อง 2000 รอบเท่ากันแต่ปริมาณการฉีดน้ำมัน อาจจะไม่เท่ากันก็ได้นะครับ เพราะเกียร์ AT มีโหลดมากกว่า MT เพราะอัตราทดน้อยกว่า รถเกียร์ AT จึงอาจจะต้องฉีดน้ำมันมากกว่า MT เพื่อให้ได้รอบเครื่อง 2000 รอบเท่ากัน ซึ่งก็คือเรื่องของแรงบิดนั่นแหละ อีกประเด็นก็คือเกียร์ AT ใช้ Torque converter ในการถ่ายทอดกำลัง ซึ่งถ่ายทอดกำลังได้ ไม่ครบ 100% แต่เกียร์ MT ใช้แผ่นคลัทช์ ถ้าคลัทช์ไม่ลื่น การถ่ายทอดกำลังจะทำได้สมบูรณ์กว่า สุดท้ายคือในการใช้งานจริง การเดินทางความเร็วไม่คงที่เพราะมีอุปสรรคต่าง ๆ ทำให้เราต้องลดความเร็ว เร่งความเร็วใหม่อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งในจังหวะที่เร่งความเร็วเกียร์ MT น่าจะใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่า (สมมุติว่าใช้อัตราเร่งเท่ากัน) สรุปว่า เกียร์MT หรือ AT ก็ตามจะประหยัดได้มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสามารถ และลีลาของ คนขับมากกว่า จากคุณ : ปัญญาสาร - [ 22 มิ.ย. 51 16:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แต่การใช้งานจริง เกียร์ธรรมดาประหยัดกว่านี่นา อยากจะเข้าเกียร์ห้าที่ความเร็วเจ็ดสิบก็ได้อยู่ ประหยัดออกครับ จากคุณ : AVSystem - [ 22 มิ.ย. 51 16:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 การถ่ายทอดกำลัง เกียร์ธรรมดา มีการสูญเสียกำลังน้อยกว่าแยะนะครับ เกียร์อัตโนมัติสูญเสียไปกับทอร์คคอนเวอร์เตอร์เยอะครับ ก็เลยมีผลให้กินจุกว่า อัตราเร่งด้อยกว่าครับ จากคุณ : เด็กบูรพา - [ 22 มิ.ย. 51 17:11:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบ คุณ ปลาวาฬสีฟ้า..หางกุด ที่จริงไม่ผิดทั้งหมดหรอก ผมเขียนเรียกร้องความสนใจนะ ตอบเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ช่วงออกตัวตอนแรก อัตราทดของเกียร์ธรรมดา มีมากกว่าเกียร์อัตโนมัติ ดังนั้น เท่ากับว่า ตอนออกตัวเกียร์ธรรมดาจะลื่นกว่าเกียร์ออโต้ >>>>>>> -อัตราทดเกียร์ออโต้ ประกอบด้วย 2 ส่วน 1) อัตราทด Torque converter Torque converter ทำหน้าที่ เป็นเกียร์ทดแบบ vari speed มีอัตราทดสูงสุด เมื่อ output rpm = 0 ทั่วๆไป max-ratio = 3 ต่อ 1 รายละเอียด ref Howstuffwork 2) อัตราทดเฟืองเกียร์ ที่คุณเห็นในตาราง-จขกท ซึ่งเป็นอัตราทดส่วนเดียว ดังนั้น --การออกตัว เกียร์ออโต้จะมีอัตราทดรวม=สูงกว่าเกียร์ MT นอกจากออกตัวบนพื้นราบได้ดีกว่าแล้ว --Incline starting off หรือ ออกตัวบนเนิน ก็ทำได้องศาที่ชันกว่าเกียร์ MT ดังตัวอย่างนี้ Benz        E 200          E 220        E 280       E 320 MT     12%            13%          17%        18% AT      19%            22%          22%        22% ถ้าเป็นรถใหญ่พวก Heavy Equipment จะออกตัวบนเนินได้ชันกว่านี้มาก ตามกฎจราจรของยุโรปหรืออเมริกา ผมจำตัวเลขไม่ได้ ต้องขอตัวไปเปิดคู่มือก่อน เขากำหนดอย่างนั้น เพื่อไม่ให้รถพวกนี้ไปติดบนเนินชัน เหมือนของบ้านเราที่สิบล้อไปทางอีสานช่วงหนึ่ง ขึ้นเองไม่ไหว มีรถคอยรับจ้างลากขึ้น (ต่อ) จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 18:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ข้อ 1 (ต่อ) เราจะดูว่า Torque converter ตัวไหน มีคุณสมบัติดีเด่นข้อไหน ? ระหว่าง 1) ออกตัวได้ดี มีแรงบิดดี หรือ 2) ประหยัด   ดูจาก stall speed 1) stall speed ต่ำ ==> ประหยัด 2) stall speed สูง ยิ่งใกล้ max-torque ของเครื่องยนต์ ยิ่งได้ ==>แรงบิดดี ดังนั้น รถเก๋ง จะเน้นประหยัด รถบรรทุก เน้นออกตัวได้ดี มีแรงบิดดี จะเห็นได้ว่า เพียงข้อ 1) ข้อเดียว  เกียร์ AT มีลูกเล่นแพรวพราว ให้เลือกเล่นได้กว้างขวาง ได้เปรียบทิ้งห่าง MT ไปเยอะแล้วครับ   รถแข่งพวก Drag คงรู้จักดีใช่ไหมครับ รถพวกนี้เน้นการออกตัวดี เร่งดี  คงไม่มีใครเถียง ... ใช่ไหม ? ถ้าผมจะบอกว่า รถนี้ใช้เกียร์ออโต้ ใช้วิธีออกตัวด้วย option พิเศษ (พิเศษก็จริง แต่รถเก๋งของเรา จะเอามาติดตั้งได้ไม่ยาก) extra option ตัวนี้คือ Transmission Brake  ฝรั่งเรียกสั้นๆ TransBrake TransBrake มีหลักการทำงาน อย่างนี้ 1) เข้าเกียร์ D และ R ไว้พร้อมกัน ==> รถก็ไม่วิ่ง เข้าใจนะครับ 2) เร่งเครื่องเอาไว้เต็มที่ ==> จะได้ True-Stall ที่รอบเครื่องที่ให้แรงบิดสูงสุด จำได้ใช่ไหมครับ ... "แรงบิดสูงสุด" จะให้ "อัตราเร่งสูงสุด" พอได้สัญญานไฟเขียว นักขับแค่ปลดเกียร์ R ออก รถจะพุ่งออกตัวไปด้วย รอบเครื่อง @max-torque ====> มีอัตราเร่งสูงสุดเท่าที่เครื่องยนต์นี้ทำได้ การออกตัวของ F1 สมัยก่อนรถ F1 ยังไม่มี launch control (ผมไม่ได้บอกว่า F 1 ใช้เกียร์แบบนี้นะครับ ) วิธีออกรถ F1 สมัยก่อน ใช้วิธีปล่อยคลัชให้"จับแน่นทันที" (คลัชก็ไม่สลิป ไม่ร้อน) ยอมให้"ล้อสปินฟรี" เพื่อเรียกรอบให้ได้ rpm สูงๆ ถึงจุดที่ให้ torque สูงๆ หมายเหตุ ที่เล่าทั้งหมดนี้ ตัดประเด็นฝีมือคนขับออกหมด เปรียบเทียบเฉพาะเทคนิคล้วนๆ ครับ ถามหา Ref ใช่ไหมครับ ? ให้อากู๋ค้นคำว่า Transbrake มีรายละเอียด ครับ (ต่อ) 2) แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 18:50:24 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 18:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 2.แต่ถ้าวิ่งระยะไกล วิ่งไปที่เกียร์ 5 ทั้งคู่ ในรอบเครื่องยนต์เท่ากัน เกียร์ออโต้จะได้ระยะมากกว่า >>>>>>>>>> ข้อนี้จะว่า ผิด ก็ได้ แต่ผมไม่อยากให้ผิด ถ้าดูจาก อัตราทด AND ที่รอบใดรอบหนึ่ง ....ถือว่า ถูก ครับ แต่ที่ Top Speed ...ไม่ใช่ ครับ ..... ความเร็วสูงสุดตัวนี้จะบอกอะไรเราอย่างหนึ่ง ที่น่าสนใจมาก FAQ นี้เป็นคำถามยอดนิยม ที่ชอบถามว่า เกียร์ AT มี losses กี่ % มีแฟนคลับ MT หลายๆคน ตอบซะเว่อร์ ความสูญเสียของ AT มากถึงขนาด 20-30 % ถ้าเกียร์ AT มี losses มากขนาดนั้น มันคงจะดับไปนานแล้ว ครับ เราจะดูว่ามี HP-losses เท่าไร ......ดูจากไหน ? ง่ายๆ ครับ .... เพราะเราทุกคนที่นี่ รู้ดีว่า max-HP จะให้ Top speed    ..... จำได้นะครับ ? มาดู Top Speed เปรียบเทียบ AT และ MT ดังนี้ Benz   Top Speed [km/h]                                 E 280         E 320 MT              230            235 AT              225            230 Top speed ต่างกัน กี่ % ลองดีดเครื่องคิดเลขดูเอง "Top speed diff" ก็คือ "HP difference" คือ HP-Loss   ..... ไม่ถึง 3% ใช่ไหม ครับ   จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 19:06:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 3.ถ้าวิ่งระยะไกล สำหรับเกียร์ออโต้จะประหยัดน้ำมันกว่านิดนึง >>>>>>>> ไม่ใช่ครับ เนื่องจากเกียร์ AT ใช้ไฮโดรลิค ทำงานโดยมีปั้มไฮโดรลิค การกินแรงม้าของปั้ม เพิ่มขึ้นตามรอบแบบ "ก้าวหน้า" ไม่ใช่กราฟเส้นตรง ....อันนี้ตาม bernoulli ครับ ยิ่งรอบสูงเท่าไร ยิ่งต้องการ HP-require สูงขึ้น เกียร์ออโต้รุ่นใหม่ๆ พยายามแก้ปัญหาข้อนี้ พยายามลด losses ที่จุดนี้ โดยใช้ regulator valve ชื่อ ???? เกิดนึกชื่อไม่ออกขึ้นมา เดี๋ยวคุณป๋าจะมาช่วย :-) ตัวนี้จะช่วยควบคุมแรงดันน้ำมันในวงจร control ==> ช่วยลดการสูญเสียลงได้ครับ อย่างไรก็ตาม fuel consumption วิ่งในเมือง กับ วิ่งทางไกล ต่างกันดังนี้ Urban :  (วิ่งในเมือง)             E 220 MT        11.7   l/100km AT         11.2  l/100km   ....... ขับในเมือง AT ประหยัดกว่า วิ่งทางไกล @ 120 km/h MT          8.2   l/100km AT           8.6   l/100km ......... AT กินน้ำมันมากกว่า จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 19:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 4.ถ้าเปลี่ยนเกียร์แบบแม่นยำทั้งคู่ ในระยะ 0-100 กม/ชม. เกียร์กระปุกจะทำความเร็วได้ดีกว่า >>>>>>>>> ไม่ใช่ ครับ ดูรถแข่ง Drag ข้างบน เขาเทียบกันแล้ว ใช้คนขับมีฝีมือลองขับ MT แล้วสู้ไม่ได้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 19:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้ว.. เยี่ยมครับ ได้ความรู้อีกเพรียบ ขอบคุณ คุณ ช่างกล-หนุ่ม ครับ จากคุณ : pocyphil - [ 22 มิ.ย. 51 19:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ต้องขอบคุณ จขกท ที่เข้าใจเรียบเรียง สรุปคำถามได้ดีครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 19:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนใหญ่คุณช่างกลหนุ่มจะตอบไปหมดแล้วแฮะ - -" แวะมาตอบช้ามากมาย แต่ถ้าจะสรุปเป็นภาพรวมนะครับ อะไรดีกว่านั้น ขึ้นอยุ่กับรถและเท้าคนขับด้วย รถที่มีรอบสูงไม่ได้หมายถึงว่าจะกินน้ำมันเสมอไป แต่ต้องดูว่าความเร้วกับอัตราทดเกียร์นั้นสัมพันธ์กันหรือไม่ รถเกียร์ออโต้ไม่ได้หมายถึงว่าจะกินน้ำมันมากหรือน้อยกว่าเกียร์กระปุก รถเกียร์กระปุกทำความเร้วได้ดีกว่าในช่วง 0-100 เพราะไม่ต้องรอรอบ (แต่ตรงนี้เข้าใจว่าขึ้นกับเทคโนโลยีของรถแต่ละยี่ห้อ) จากคุณ : Urban_Park - [ 22 มิ.ย. 51 20:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าเป็นรถใหญ่พวก Heavy Equipment จะออกตัวบนเนินได้ชันกว่านี้มาก ตามกฎจราจรของยุโรปหรืออเมริกา ผมจำตัวเลขไม่ได้ ต้องขอตัวไปเปิดคู่มือก่อน >>>>>>>> เปิดคู่มือแล้ว ดังนี้ On-Highway Truck minimum Required Startability Eastern US     12.5 % Western US    16 % ถ้าเป็นพวก Construction Vehicle เกียร์ออโต้ ยี่ห้อ Allison รุ่น MT 653DR เกียร์ 1 Gradeability ได้ชันถึง 55 % เกียร์ 2 Gradeability ได้ชันถึงกว่า 20% จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 20:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Transbrake In drag racing, a transbrake is a setup installed in automatic transmissions which places the transmission in first and reverse gears at the same time, effectively "braking" the transmission. With the transmission locked in this manner, the engine can be accelerated to a certain RPM in preparation for launch and the racer doesn't need to worry about the car creeping forward. A split second before the green light illuminates on the Tree the transbrake is released (either automatically by a delay box or manually by the driver) and the car launches forward, its engine already at the beginning of its powerband and the transmission is already in gear. Retrieved from "http://en.wikipedia.org/wiki/Transbrake" จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 20:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รถที่มีรอบสูงไม่ได้หมายถึงว่าจะกินน้ำมันเสมอไป แต่ต้องดูว่าความเร้วกับอัตราทดเกียร์นั้นสัมพันธ์กันหรือไม่ >>>>>>> ขอบคุณ คุณ  Urban_Park ที่นำประเด็นนี้มาฝาก :-) จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 22 มิ.ย. 51 20:22:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สุดยอดครับ จากคุณ : *380 Z - [ 22 มิ.ย. 51 22:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ คุณช่างกล-หนุ่ม สำหรับ ความรู้ดีๆ ขอบคุณ คุณปลาวาฬสีฟ้า..หางกุด สำหรับ คำถามดีๆ ครับ จากคุณ : BOPI - [ 23 มิ.ย. 51 07:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นคำตอบทางวิชาการที่ถูกใจมากเลยครับ แต่ขอจูนนิดนึง งง นิดหน่อยครับ คุณช่างกล-หนุ่ม ขอบพระคุณจริงๆๆ เดี๋ยวถ้างง ตรงไหนอาจจะรบกวนคุณช่างกล-หนุ่มอีกทีนะครับ จากคุณ : ปลาวาฬสีฟ้า..หางกุด - [ 23 มิ.ย. 51 10:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กลับมาอ่านแบบละเอียดหลังจากที่ปั่นงานเสร็จเรียบร้อย โอ้ว...วววว    ขอบพระคุณ ช่างกล-หนุ่ม เป็นอย่างสูง จากคุณ : ปลาวาฬสีฟ้า..หางกุด - [ 23 มิ.ย. 51 13:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 กลับมาอ่านแล้ว ดีใจมาก ที่ จขกท ให้ความสนใจอย่างนี้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 23 มิ.ย. 51 19:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอถามคุณช่างกล-หนุ่ม หน่อยครับผม พอดีรถผมกำลังสับเกียร์ธรรมดา(ซีวิคตาโต) มันมีเกียร์สองแบบ อัตราทดเหมือนกันหมด ต่างที่เฟืองท้าย ระหว่าง4.0 กับ4.2 เลือกอันไหนดีครับ ผมดูแล้วที่ความกลางๆ 4.0รอบต่ำกว่า แบบรู้สึกเหมือนกัน ขอบคุณครับ จากคุณ : GOLF-B16A - [ 24 มิ.ย. 51 23:51:52 ]