ความคิดเห็นที่ 1 ข้อมูลอันแรกงบการเงินของ ปตท.  ที่มา http://www.set.or.th/set/companyhighlight.do;jsessionid=7EBA30B95FAE804FA75D26174818849D?symbol=PTT&language=th&country=TH เรามาดูกันว่า  ปตท. ผลงานเป็นอย่างไร จากรูปจะเห็นได้ว่า  อัตรากำไรสุทธิของ ปตท.  ในปี 49 และ 50 อยู่ที่ 7.53 และ 6.30% ตามลำดับ  และในไตรมาศแรกของ ปี 51 เหลือแค่ 5.17 เท่านั้นเอง  ซึ่งแสดงให้เห็นว่า   กำไรเยอะไปหรือไม่ ? ในส่วน ROA ทำได้โดยเฉลี่ยประมาณ 20%  ถือว่ามีการบริหารได้ดี  สามารถนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ไปลงทุนให้เกิดผลตอบแทนกลับมาได้คุ้มค่า จากคุณ : sunsetbeach - [ 25 มิ.ย. 51 22:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คราวนี้มาดูตัวเปรียบเทียบนะครับ   กฝผ ซึ่งตอนนี้ยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจแบบเดิมอยู่ ที่มา http://www.sepo.go.th/ser/Q1_51/a1_4.pdf ถ้าดูที่ net profit margin ในปี 49 และ 50 กฝผ. มีอัตรากำไรสุทธิที่ 11.3% และ 8.9%  ตามลำดับ   จะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกับ ปตท. ข้างบน   ใครเอากำไรมากกว่ากัน  (เมื่อเทียบกับยอดขาย)   และถ้าดูในแง่ประสิทธิภาพในการบริหารงาน  กฝผ.  มี ROA อยู่ที่ 9.9% และ 7.4% ในปี 49 และ 50   นั่นหมายความว่า  เอาเงินไปลงทุนตั้งเยอะ  แถมมีอัตรากำไรก็มากกว่า ปตท.  แต่ไม่สามารถทำ ROA ได้พอๆ กับดอกเบี้ยเงินฝากเอง   ถ้าบริหารให้ดีๆ  น่าจะใช้เงินลงทุนน้อยกว่านี้  เพื่อให้ ROA ได้เท่าเทียมกับ ปตท. จากคุณ : sunsetbeach - [ 25 มิ.ย. 51 22:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาถึงตอนนี้  ผมให้ตัวเปรียบเทียบซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศไทยอีก 1 บริษัทคือ ปูนซิเมนต์ไทย   เพื่อเป็นตัวดูว่า  ปตท. บริหารงานเป็นเช่นไรเมื่อเทียบกับปูนซิเมนต์ไทย ที่มาข้อมูล http://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=SCC&language=th&country=TH จะเห็นได้ว่าในปี 49 และ 50 ปูนซิเมนต์ไทย  มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.85 และ 10.54  ซึ่งสูงกว่า ปตท. ประมาณ 30%  ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นว่า   ปตท. เอากำไรมากเกินไปหรือไม่  เมื่อเทียบกับปูนซิเมนต์ไทย  ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ  หรือเทียบกับ กฝผ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสาธารณูปโภคเหมือนกัน ส่วน ROA  ปูนซิเมนต์ไทยมี ROA ในปี 49 และ 50 อยู่ที่ 20.69 และ 19.36  ซึ่งมีค่าสูง  พอๆ กับ ปตท.  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการบริหารของทั้งสองบริษัททำได้ดีพอๆ กัน   และไม่ได้สูงเกินไปสำหรับบริษัทชั้นนำของประเทศเลย  แต่ถ้าเทียบกับ กฝผ. ก็ลองประเมินดูว่าทำได้ดีแค่ไหนนะ จากคุณ : sunsetbeach - [ 25 มิ.ย. 51 23:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สรุป  จากข้อมูลที่ผมนำมาแสดง  น่าจะพอทำให้เห็นได้แล้ว่า  ตกลงแล้ว  ปตท.  เอากำไรเยอะเกินไปหรือไม่   แล้วประสิทธิภาพในการบริหารงานของ ปตท. เป็นเช่นไรนะครับ  แต่อย่างไรก็ตาม  ท่านจะมีวิจารณญาณในข้อมูลนี้อย่างไร  ก็คงแล้วแต่ความคิดของแต่ละท่านล่ะครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 25 มิ.ย. 51 23:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แถมอีกนิด  สำหรับท่านที่ต้องการเข้าไปดูว่า รัฐวิสาหกิจอื่นๆ เป็นเช่นไร  ลองเข้าไปดูงบการเงินได้ที่นี่เลยครับ http://www.sepo.go.th/b05.1.html จากคุณ : sunsetbeach - [ 25 มิ.ย. 51 23:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก็น่าสงสารหละครับ เพราะไม่ใช่รัฐ 100% ย่อมเป็นเป้าโจมตีได้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อก่อนตอนเป็นของรัฐ รัฐก็ยอมขาดทุนจนอุ้มแทบไม่ไหว หากแต่เป็นเครือพลังงานใหญ่ที่สุดจึงมีการถมเงินขาดทุนไม่หยุดยั้ง ---------------------------------------------------------------- อันนี้ก็เป็นคำตอบว่า ทำไมโรงกลั่นอื่น ทั้ง TPI  หรือบางจาก ต้องขายให้ ปตท เพราะสมัยนั้นโดนบีบค่าการกลั่น ค่าตลาดกันหมด -------------------------------------------------------------------- ส่วนทางด้านการเงินการลงทุน เนื่องจาก กระทวงการคลัง มีหน้าที่บริหารเงินประเทศ ลงทุนเงินประเทศให้งอกเงย และ ต้องดูแลประชาชนด้วย และ การซื้อหุ้น หุ้นในตลาดอีกหลายตัวที่ไม่มีปันผลเลย หรือแม้แต่ขาดทุนสะสมก็เยอะครับ แต่จะไม่เกิดกับ ปตท เด็ดขาด อิอิ   ยกเว้นผมได้เป็นรัฐบาลหละครับ --------------------------------------------------- ถ้าผมเป็นรัฐบาล    ผมจะออกขอร้องลดอัตราค่ากลั่นลงซัก 2-3 บาท เอาให้ปรื่มๆ ขาดทุน  แต่เพิ่มภาษีเข้ารัฐ และ เพิ่มภาษีส่งออกน้ำมัน จะได้ไม่มีคนขนไปตปท  รมต คลังเข้าประชุมบอร์ด ปตท ก็ยอมรับไปซะ ลดค่ากลั่น  ก็ต้องทำนี่ ถึงผมจะเป็นบอร์ด แต่ผมก็ต้องดูแลประชาชน  และผมก็เสียงใหญ่อยู่แล้วโหวตตามหุ้นมั๊ยหละ  (ยิ่งเป็นรัฐบาลที่ โดนประท้วงอยู่อย่างนี้ยิ่งดีเลยครับ    อ้างไปเลยว่าเพื่อเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย)   Effect จากนั้นเหรอครับ หุ้นร่วงครับ  บังคับใช้ 2 เดือน  หุ้นโคตรร่วง  แต่ภาษีเข้ารัฐเพิ่มครับ ทำไงดีเอามาลงทุนดีมั๊ย  ซื้อหุ้นร่วงๆ ของปตท นี่แหละ เก็บให้ได้ซัก 90-100% ไปเลย  จากนั้น โรงกลั่นที่เหลือ คงอ่วมเต็มที่ครับ เทคโอเวอร์ซะเลย  ครองโรงกลั่นให้เกือบทั้งประเทศซะเลย     จากนั้นก็กดสูตรอมตะครับ ยอมเพิ่มค่าการกลั่นทีละนิด   แต่จะเป็นไรไป กำรไรทั้งนั้นเข้ารัฐ บริษัทก็ยัง บริหารงานดี โปร่งใสอยู่       อย่าถือสาหาความ IRQ5 เลยครับ คิดโง่ๆ บ้าๆแบบนี้   สมัยเด็กๆ โดนหมากัดหนะครับ จากคุณ : IRQ5 - [ 25 มิ.ย. 51 23:31:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต้องดูอย่างนี้แหล่ะครับ ไปดูแต่ตัวเลขได้ที่ไหนกัน ROA นี่ความรู้ใหม่แฮะ จากคุณ : EITHER - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 00:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ระวังนะคุณsunsetbeach แถวนี้ลิ่วล้อเค้าเยอะฉลาดๆทั้งนั้น จากคุณ : OmO_M@Y - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 00:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้เป็นข้อมูลจาก FW เมลล์เกี่ยวกับ LPG ว่างๆก็อ่านแล้วถูกผิดยังไงพิจารณากันเอาเอง เพราะคนนำมาโพสไม่รู้ความจริงเหมือนกัน (ขออนุญาตเจ้าของความเห็นข้างล่างมา ณ ที่นี้ด้วย) ************************************************* ผมได้มีการรวบรวมข้อมูลและประมวลสถานะการ์ณต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนี้       เรื่องของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย ไม่ว่าเป็น ดีเซล เบนซิน แก๊สโซฮอล       NGV หรือ LPG ต่างก็ยังไม่ได้ลอยตัวครับ ถ้าให้ลอยตัวเหมือนกันหมดราคาเชื้อเพลิงที่       กล่าวถึงก็คงจะขึ้นราคา แต่คงไม่เกิน 3 บาทต่อลิตรครับ แต่ที่ ปตท. ซึ่งไม่ใช่หน่วย       งานของรัฐ เป็นบริษัทเอกชน เช่น เอสโซ เชลล์ มาออกข่าวว่าต้องขึ้นราคาแก๊ส LPG       อีก 11 บาทนั้น เขาอ้างอิงจากราคาตลาดโลก แต่ประเทศไทยผลิตได้เองส่วนหนึ่งจาก       แหล่งผลิตในประเทศ และจากการกลั่นน้ำมันดิบ       ประเทศในยุโรป ไต้หวัน เกาหลี อินเดีย และอีกหลายประเทศ รัฐบาลเขามีนโยบาย       สนันสนุนผู้ใช้แก๊ส ทั้ง NGV และ LPG ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ในครัวเรือน หรือ       ในการขนส่ง ด้วยสาเหตุที่ว่า แก๊ส LPG และ NGV เป็นเชื้อเพลิงสะอาด (clean       fuel) หรือพลังงานสะอาด (clean energy) ลดมลภาวะในอากาศที่เกิดจากการใช้       เชื้อเพลิงประเภทเบนซินหรือดีเซล ประโยชน์ที่ได้รับจากการสนับสนุนตรงนี้คุ้มกว่าผล       เสียที่ก่อให้เกิดทางสังคม เช่นโรคทางเดินหายใจ หรือโรคอื่นๆ มาก หลายประเทศ       รัฐบาลเขาออกมาประกันราคา NGV และ LPG ว่าจะไม่ขึ้นภายในเวลาหนึ่ง เพื่อส่ง       เสริมให้ประชาชนเขาลงทุนติดตั้งระบบแก๊สในรถยนต์       ในประเทศไทย การใช้แก๊ส LPG ในรถยนต์มีมามากกว่า 20 ปีเท่าทีผมจำความได้       หรือมากกว่านั้น ถ้าจำไม่ผิดรัฐบาลเองในยุคก่อนมีนโยบายส่งเสริมการใช้ LPG เหมือน       กับประเทศอื่นๆ ด้วยซ้ำ       แต่มาในยุค ปตท. แปรสภาพจากรัฐวิสาหกิจที่เป็นสมบัติของคนทั้งประเทศ ไปเป็นบริษัท       เอกชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (ด้วยการขายหุ้นราคาถูกกว่าราคาจริงเบื้องต้น เปรียบ       เสมือนเอาสมบัติของประเทศมาขายในราคาต่ำกว่าราคาจริง ให้กับพวกพ้องคนรวยไม่กี่       ตระกูล) รัฐบาลกับมีนโยบายสนับสนุนการใช้ NGV ในรถยนต์ โดยให้คำมั่นว่าจะคง       ราคา NGV ไว้ที่ กก. ละ 8.50 บาท ส่วน LPG ที่เคยส่งเสริมนั้นไม่พูดถึง แต่มา       เร็วๆ นี้ ปตท. และ รัฐบาล ออกมาอ้างว่าต้องขึ้นราคา LPG เพราะอุ้มสุดตัว และบีบ       ผ่านทาง ปตท. ไม่ให้เกิดปั้มแก๊ส LPG หรือด้วยวิธีการอื่นๆ และจะขึ้นราคา NGV อีก       ... ทีนี้มาตอบข้อสงสัยว่าทำไม ปตท. หรือรัฐบาล ผ่านกระทรวงพลังงาน สนับสนุน       การใช้ NGV สุดตัว และพยายามบีบให้เลิกใช้ LPG มีดังนี้       1. ปตท. เป็นผู้ผูกขาดธุรกิจ NGV แต่ผู้เดียวในประเทศไทย ไม่มีการแข่งขัน       2. ปตท. รับซื้อแก๊สธรรมชาติ (natural gas) จากพม่าผ่านทางท่อส่งมายังราชบุรี       ซึ่งการวางท่อส่งแก๊สนี้ทำให้เกิดปัญหากระทบกระเทือนสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นการลงทุน       ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ปตท. ที่เรารู้กันอยู่ ปตท. จำเป็น       ต้องขาย NGV ให้มากที่สุดเพื่อคุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายให้พม่าเป็นค่าแก๊ส       3. ปตท. ต้องแสดงผลประกอบการเป็นกำไร เพื่อให้ผู้ถือหุ้น (ใหญ่) พอใจ เพื่อให้ผู้       บริหาร ปตท. ได้อยู่ในตำแหน่ง ได้รับผลประโยชน์เป็นเงินเดือนค่าจ้าง สวัสดิการ ที่       สูงลิ่ว       4. นักการเมืองที่ดูแลกระทรวงพลังงาน เป็นอดีตพนักงานระดับสูงของ ปตท.       5. ปตท. สนับสนุนการใช้ NGV ด้วยการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการสนับสนุนราคา       ถังแก๊ส NGV จำนวนหนึ่ง แต่ไม่ยอมลงทุนสร้างปั้มแก๊ส NGV ให้ทั่วประเทศ และระบบ       ส่งแก๊ส NGV ไม่สามารถหาผู้ร่วมลงทุนจากเอกชนรายอื่นๆ ได้ เพราะเขารู้ว่าไม่คุ้มค่า       ทางเศรษฐกิจ เป็นเหตุผลทางการเมืองและผลประโยชน์ของ ปตท. เอง (ขอย้ำว่า       ไม่ใช่ผลประโยชน์ต่อสังคม) อีกทั้งข้อจำกัดทางเทคนิค ไม่เป็นที่นิยมของผู้ใช้รถยนต์เท่า       LPG ปตท. จึงต้องหามาตรการอื่นมาบีบ       การที่ ปตท. ทำอย่างนี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจเพราะเป็นบริษัทเอกชน ย่อมหาหนทางใดๆ       ก็ได้เพื่อให้ได้กำไรสูงสุดเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น (ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่ใช่ผลประโยชน์       ของสังคม) แต่การที่ภาครัฐผ่านทางกระทรวงพลังงานเลือกปฏิบัติโดยสนับสนุนการใช้       NGV ในรถยนต์สุดตัว โดยไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ เช่น ระบบการส่งแก้ส NGV       ปั้มแก๊ส NGV และบีบการใช้ LPG ในรถยนต์ ถือว่าไม่เหมาะสม รัฐบาลควรให้ข้อมูลกับ       ประชาชนอย่างถูกต้องถึงผลได้ผลเสียต่อสังคมของการใช้พลังงานทางเลือก และควร       กำกับดูแลไม่ให้บริษัทเอกชนบริษัทใดบริษัทหนึ่งเอาเปรียบสังคม       เรื่อง ปตท. บีบไม่ให้ตั้งปั้มแก๊ส LPG เป็นเรื่องจริงครับ เมื่อ 26 ธ.ค. 48 ผมคุยกับ       เจ้าของกิจการโรงบรรจุแก๊สแห่งหนึ่งในภาคเหนือ เขาบอกว่าค่าการตลาดจากการขาย       แก๊ส LPG สูงคุ้มค่ากับการลงทุนเปิดปั้มแก๊สเติมรถยนต์มากกว่าการเปิดปั้มเบนซิน ดีเซล       แต่ ปตท. บีบไม่ให้ตั้ง มิฉะนั้นจะไม่ส่งแก๊ส LPG ให้ และแก๊สที่มาส่งก็มาจากแหล่งผลิต       ในประเทศที่ลานกระบือนี่เอง ส่วนการตั้งปั้มแก๊ส NGV เขาไม่กล้าลงทุน เพราะแพง       มาก มีรถยนต์ใช้น้อยไม่คุ้ม และมีอุปสรรคเรื่องระบบขนส่งแก๊ส NGV       ... ทีนี้มาตอบข้อสงสัยว่าทำไม ปตท. หรือรัฐบาล ผ่านกระทรวงพลังงาน สนับสนุน       การใช้ NGV สุดตัว และพยายามบีบให้เลิกใช้ LPG       LPG สามารถกลั่นจาก น้ำมัน(ซึ่งมีต้นทุนสูงนำเข้า) และก๊าซธรรมชาติ       (ซึ่งมาจากอ่าวไทยของเราเอง)       NGV (ก๊าซมีเทน)ได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติซึ่งมีอยู่ประมาณ 66 mol% LPG       (c3+c4) 6 mol% แล้วทำไมจะไม่ควรสนับสนุนการใช้ NGV จะซื้อน้ำมันต่างชาติมาก       ลั่นทำไม แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 51 07:36:31 จากคุณ : (กระจอกข่าวกระจายเสียง) (tan guy my lonely) - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 07:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้างอิงข้อมูลของกระทรวงพลังงานที่เป็นข้อมูลราชการ ที่ http://www.eppo.go.th/info/         เรานำเข้า natural gas ปี 2005 156,733 bbl/day จากปริมาณการใช้       568,742 bbl/day หรือ 27.55 % ของการใช้ในประเทศไทย ซึ่งก็คือนำเข้าจาก       พม่า เสียเงินตราต่างประเทศให้พม่า       ข้อมูลการส่งออก LPG ครับ จากกระทรวงพลังงาน http://www.eppo.go.th/info/3ng_stat.htm           ไทยส่งออก LPG ปี 2005 เฉลี่ยเดือนละ 150 ล้านลิตร เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 8.5 %       จากปี 2004 (นั่นคือส่งออก LPG มากขึ้น) ขณะที่ปริมาณแก้ส LPG ที่ใช้ในรถยนต์ของ       ไทยประมาณปีละ 100 ล้านลิตร หรือแค่ 10% ของแก้ส LPG ที่ส่งออกทั้งปี ยังมีเหลือ       อีกมากสำหรับสนองความต้องการในประเทศซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรม       LPG ได้มาจากสามแหล่งครับ คือ หนึ่ง เป็นผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันดิบทำเบนซิน       ดีเซล ถ้าไม่ใช้ก็ต้องเผาทิ้ง สอง ปนมากับน้ำมันดิบที่ขุดได้จากบ่อน้ำมันหรือแก้ส ถ้าไม่       ใช้ก็ต้องเผาทิ้ง สาม กลั่นจากแก้สธรรมชาติ (natural gas) ส่วน NGV ได้มาจาก       การกลั่นจากแก้สธรรมชาติ       NGV เหมาะสำหรับรถสาธารณะขนาดใหญ่เนื่องจากอุปกรณ์ยุ่งยากราคาสูงและต้องใช้ถัง       แก้สความดันสูงจำนวนมาก       จากการศึกษารายงานนโยบายการใช้พลังงานของ APEC ที่ไทยเป็นสมาชิกหนึ่งในยี่สิบ       เอ็ดประเทศ ไทยเป็นประเทศเดียวที่จำกัดการใช้ LPG และส่งเสริม NGV ในรถยนต์       ทั้งๆ ที่ผลิต LPG ได้เกินความต้องการต้องส่งออกไปขาย และยังต้องสั่งแก้สธรรมชาติ       จากพม่าเป็นปริมาณประมาณหนึ่งในสี่ของการใช้ในประเทศ       ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย ต่างส่งเสริมและสนับสนุนการใช้แก้ส       LPG ในรถยนต์ ด้วยมาตรการทางภาษีและสนับสนุนราคา LPG ให้ต่ำกว่าเบนซิน ดีเซล       ประมาณครึ่งหนึ่ง ประเทศที่กล่าวมายกเว้นออสเตรเลียต่างต้องนำเข้า LPG ไม่มีแหล่ง       เองเหมือนประเทศไทย       ฮ่องกงเอง ได้เปลี่ยนให้รถแทกซี 90 เปอร์เซ็นต์มาใช้แก้ส LPG ด้วยการให้เงิน       สนับสนุน และกำลังมีโปรแกรมใหม่ที่จะเปลี่ยนรถบัสเล็ก 5,000 คันมาใช้แก้ส LPG       (ย้ำ LPG) ด้วยเงินสนับสนุนและมาตรการส่งเสริมของรัฐบาล       เราผลิต LPG ได้ปีละประมาณ 3,200 ล้านลิตร       ส่งออกประมาณ 800 ล้าน (25%)       ใช้กับยานยนต์ (แบบเว่อร์ๆ 2 เท่าเลย) 200 ล้านลิตร       ที่เหลืออีก 2,200 ล้านลิตร หายไปไหนครับ???       ไปอยู่ภาคครัวเรือน ให้ประชาชนใช้หุงต้ม 1,000 ล้าน       อยู่ภาคอุตสาหกรรม ทำอาหาร ทำแก้ว หลอมโลหะ ฯลฯ อีก 1,200 ล้าน       แล้วไอ้ที่มาโกหกปาวๆๆๆ ว่า รถยนต์ใช้แกส ทำให้โครงสร้างพลังงานเสียหาย เพราะ       รัฐฯ ต้องชดเชยถึงกิโลละ 11 บาท .. หรือลิตรละ 6 บาท (มาได้งัยก็ไม่รู้) .. ชด       เชยให้ใครกัน?       ชดเชยให้คนใช้รถ .. 200x6 = 1,200 ล้าน       ชดเชยให้คนทำกับข้าวกิน .. 1,000x6 = 6,000 ล้าน (สาธุ)       ชดเชยให้พ่อค้านายทุน ผลิตสินค้า = 1,200x6 = 7,200 ล้าน (ก็ .. ยังดี .. ของ       จะได้ไม่แพง)       ชดเชย ((Embedded image moved to file: pic06840.gif)Huh!!!!?? ชด       เชยทำไม) ให้กับการส่งออก 800x6 = 4,800 ล้าน!!!!!       บ.น้ำมัน ไม่รวยพุงปลิ้นวันนี้ ก็ไม่รู้จะพูดงัยแล้ว...       เบนซิน91 หรือเบนซิน95 ต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 100 %       แก๊สโซฮอล นำเข้าเป็นน้ำมันดิบเพื่อกลั่นเป็นเบนซิน 90 % และยังเป็นเอธานอลส่วน       หนึ่งที่เราผลิตไม่พอ ดังนั้นเท่ากับนำเข้ามากกว่า 90 % แต่รัฐบาลโปรโมตสุดลิ่มทิ่ม       กบาล       LPG ไม่ต้องนำเข้าเพิ่มเติม ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบส่วนหนึ่ง กับแยกจากแก๊ส       ธรรมชาติของไทยหรือพม่าอีกส่วนหนึ่ง มีเหลือขายต่างประเทศ       ลองใช้หัวแม่เท้าคิดดูก็แล้วกันครับ       ใช้เบนซิน 100 ล้านลิตร หรือแก๊สโซฮอล 90ล้านลิตร ก็ต้องนำเข้าน้ำมันดิบในจำนวนที่       มากกว่า       ใช้ LPG 100 ล้านลิตร ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพราะจากกระบวนการกลั่นเหลือ       ใช้จนต้องขายต่างประเทศ       การนำLPG 100 ล้านลิตรมาใช้แทนน้ำมัน เมื่อเทียบกับการใช้เบนซิน 90ล้านลิตร หรือ       เบนซินในแก๊สโซฮอล 80กว่าลิตรแบบไหนจะเสียเงินตราของชาติมากกว่ากัน       (ให้อัตราสิ้นเปลืองLPGมากกว่าประมาณ 10 %)แบบไหนประหยัดเงินตราของชาติ       มากกว่ากัน ต่อให้คิดโดยเสมอภาคนั่นคือหากชดเชยก็ชดเชยเท่ากัน หรือไม่ชดเชยก็ต้อง       ไม่ชดเชยเหมือนกัน ค่าการตลาดต่อลิตรเท่ากัน       ***จุดที่จะประหยัดเงินตราต่างประเทศมากที่สุดคือ จุดที่มีจำนวนผู้ใช้ LPG มากขึ้นจน       แทบไม่มีเหลือส่งออก เพราะเราก็ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบมากกว่าเดิม       หากจำนวนคนที่ใช้ LPG เพิ่มขึ้นจากเดิมจนถึงจุดที่เราแทบไม่เหลือ LPG ส่งออกนอกนั้น       ใช้เบนซินหรือโซล่า หรือแม้แต่แก๊สโซฮอลก็ตาม จะต้องนำเข้าน้ำมันดิบอีกเท่าไหร่       อย่าเพิ่งไปกลัวเลยครับ ผมว่าที่ปตท ออกมาขู่เรื่องราคาแก๊ส lpg ว่าราคาจะลอยตัว       ราคาที่แท้จริงต้องบวกเพิ่มอีก 9บาท ต่อลิตร ตกลิตรละ18บาท สงสัยจะเป็นอุบาย       ของปตท ที่จะทำให้คนที่คิดจะติดlpg ลังเลใจแล้วมาติด ngvแทน เพราะปัจจุบัน ngv       ขายไม่ออก ที่เขาบอกว่าlpg ราคาขึ้นเป็น600ดอลล่า/ตัน ถ้าวิเคราะห์ดูดีๆ ตันหนึ่งมี       1000 กก 1กกมี1.8ลิตร 1ตันเท่ากับ 1800ลิตร 600ดอลล่าเท่ากับ 24000บาท คิด       แล้วลิตรหนึ่งตก 13บาทกว่าเท่านั้นเอง นี่ยังไม่รวมถึงแหล่งที่มาของราคาที่เขาใช้เป็น       ราคากลางด้วยว่า600ดอลล่า/ตัน มาจากที่ไหน ที่อื่นที่ถูกกว่านี้ก็มี เช่นซื้อมะม่วงแถว       ต่างจังหวัด ราคาย่อมถูกกว่าที่ไปซื้อที่สีลมอยู่ดี อีกอย่างlpg เราก็ผลิตได้เองบางส่วน       จะมาอ้างราคาตลาดโลกได้อย่างไร ทำไมไม่ตั้งราคาขาย มะม่วงทุเรียน และผลผลิต       ทางการเกษต ที่เราผลิตได้ในประเทศ ให้มีราคาสูงเหมือนที่ขายในญี่ปุน ในอเมริกาละ       โดยอ้างราคาตลาดโลกบ้าง ขายทุเรียนลูกละซัก2000บาทไปเลยซิ คิดว่าประชาชนโง่       เหมือนควายเหรอครับ รัฐบาลอย่ามาขูดรีดขูดเนื้อประชาชนเลยครับ       นี้คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ขอให้ทุกท่านร่วมหาทางแก้ไขอีกทั้ง รัฐบาลเราคงหวัง       เพิ่งพาอาศัยไม่ได้แล้ว จากคุณ : (กระจอกข่าวกระจายเสียง) (tan guy my lonely) - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 07:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่าสีซอเลยครับ ไม่ฟังกันหรอก จากคุณ : 2 (นายเก่าคนก่อน) - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 07:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 การไฟฟ้า ส่วนใหญ่เค้าจะตรึงค่าไฟฟ้าให้เราน่ะครับ เค้าไม่ค่อยขึ้นค่าไฟฟ้า ตามค่าเชื้อเพลิง ส่วนมากขึ้นแต่ค่า FT ซึ่งก็นานๆขึ้นที แต่ขึ้นไม่กี่เดือน ก็ลดลงมาเหมือนเดิม ..... ไม่ได้มาล่อเป้าน้า...แค่ดูตามเนื้อผ้าความเป็นจริง จากคุณ : คนจ๊นจน - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 09:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ประชาชนจะตายห่ากันหมดแล้ว จากคุณ : ImKraZy - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 10:57:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อธิบาย  คห. 12 นะครับ ขนาดตรึงค่าไฟฟ้าไว้นะครับ มีกำไรสุทธิต่อรายได้  ถึง 11.3%  และ 8.9%  นั่นหมายความว่า  รายได้ของ กฝผ.  (ซึ่งส่วนมากเป็นค่าไฟที่ขายให้   กฟน. และ กฟภ.  ยังไม่ใช่ราคาถึงผู้บริโภคนะครับ)   100 บาท  กฝผ.  ได้กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว  11.3 และ 8.9 บาท  ตามลำดับ (ปี 49 และ 50) ในขณะที่  รายได้ของ ปตท. 100 บาท  ปตท. ได้กำไรเพียงแค่ 7.5 และ 6.3 บาท (ปี 49 และ 50) เท่านั้น ใครเอากำไรมากกว่ากันครับ ? จากคุณ : sunsetbeach - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 11:12:34 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ใช่แล้ว งั้นให้ กฟผ. ลดค่าไฟให้หน่อยได้มั้ย เพราะกำไรสุทธิมากกว่าปตท. อีก ทำเพื่อประชาชนหน่อย เป็นของรัฐไม่ใช่เหรอ แล้วรู้มั้ยว่าตอนนี้การไฟฟ้าเล็งขึ้นค่า FT อยู่  มีการจ้างเด็กมหาวิทยาลัยไปจับข้อมูลด้วยซ้ำ จากคุณ : EITHER - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 12:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เวลาผมนึกภาพคนที่เขียน fwd mail ใน #9-#10 ผมนึกถึงหน้าคนที่ห้อยพระองค์ใหญ่ๆนั่งรถเมล์แล้วพูดว่าโอ้ยแกซโวฮอล์ใช้ไม่ได้หรอกเครื่องพังหมด ในโฆษณาแกซโซฮอล์เมื่อปีที่แล้ว เค้าคงจะพูดๆๆๆๆจนหน้าแดงเพราะลืมหายใจแล้วก็หอบแฮก่ๆก่อนที่จะถึงป้ายแล้วก็ลงไป.... จากคุณ : POR_SK116 - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 13:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ้าว เป็นของรัฐ แล้วทำกำไรเยอะก็หาว่าเอาเปรียบ พอตรึงราคา จนขาดทุน ก็ด่าว่าไม่ได้เรื่อง ควรขาย เอาไงเนี่ย กำไรแต่ละไตรมาส ของไฟฟ้า ไม่เท่า ปตทในะครับ จากคุณ : คนจ๊นจน - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 14:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อีกอย่างนะ การลงทุนของ กฟผ มากกว่า ปตท และคนใช้ ก็มากกว่า ค่าใช้จ่ายในการลงทุนก็สูง เพราะคุณรุมั้ย กฟผ. ต้องซ่อมแซม สายส่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ทุกวัน...คุณลองเอากำไร ที่มากกว่า ปตท. แค่นิดเดียว ไปหักลบ ค่าใช้จ่ายในการลงทุน เทียบกับ ปตท. แล้ว ผมว่า กำไรเน็ตๆแล้ว ปตท จะดีกว่านะ เพราะค่าใช้จ่ายในการลงทุน และการบำรุงรักษาต่ำกว่า กฟผ. อีกอย่าง อย่าลืมนะครับ ไฟฟ้าก็ต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย จากคุณ : คนจ๊นจน - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 14:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมไม่รู้จะตอบคุณจน๊นจนยังไงแต่ผมรู้สึกว่าเดี๋ยวแป๊บนึงจะมีคนมาวิเคราะห์แต่ละประโยคในความเห็นที่18ให้อย่างละเอียดยิบชัวร์ครับ ถ้าเค้ายังไม่เหนื่อยที่จะพิมพ์ซ้ำกันอีกซักรอบ จากคุณ : POR_SK116 - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 15:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เอาเป็นว่าผมผิดที่เข้าใจผิดครับ.... จากคุณ : คนจ๊นจน - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 15:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณคนจ๊นจน  จะเข้าใจผิดหรือไม่ผิด  อยู่ที่ข้อมูลครับ ช่วยนำเสนอข้อมูลที่สนับสนุนว่า 1. ค่าใช้จ่ายในการลงทุนก็สูง   >> ของ กฝผเท่าไร  ของ ปตท. เท่าไรครับ 2. เพราะคุณรุมั้ย กฟผ. ต้องซ่อมแซม สายส่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ทุกวัน >>  ของ ปตท. เค้าก็ต้อง maintenance โรงกลั่น, โรงแยกก๊าซ  ฐานขุดเจาะน้ำมัน&ก๊าซ  ระบบท่อส่งน้ำมัน  เหมือนกัน   ปตท.ใช้เท่าไร  กฝผ. ใช้เท่าไร   พอดีตอนนี้ผมเห็นข้อมูลแค่งบการเงิน   ซึ่งในส่วนค่าใช้จ่ายโดยภาพรวมเท่านั้น   ซึ่งตามงบ  ของปตท. ก็สูงกว่า กฝผ.  อยู่แล้ว    แต่ถ้าคุณมีข้อมูลมาสนับสนุน  คุณก็อาจจะเป็นฝ่ายถูกก็ได้ครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 15:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอ่อ  คุณจ๊นจน   กำไร มันก็คือ  รายได้ หักค่าใช้จ่ายไม่ใช่เหรอ  แล้วจะเอาไปหักซ้ำจากกำไรทำไมอีกอ่ะ ลองทำความเข้าใจ หัวข้อกระทู้+คห.1-3 ดูใหม่ เจตนาของ จขกท. ผมว่าเค้าต้องการให้ได้ข้อมูลมากกว่าที่ได้รับมา จากฝ่ายนึง ที่มักใช้คำพูดว่า "ปตท. กำไรแสนล้าน" แต่มันต้องดูที่ % ของกำไรสุทธิด้วย  ดูแค่ตัวเลขเม็ดเงินมันไม่ได้ แล้วเค้าก็ให้ลองเทียบกับ ของรัฐ อย่างกฟผ. ว่าเกี่ยวมั้ยที่เข้า ตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะมุ่งกำไรอย่างเดียว ส่วนเรื่องอื่น ก็มีทั้งผิดและถูกสำหรับการดำเนินงานของ ปตท. โดยเฉพาะเรื่อง LPG นี่แหล่ะ ที่เซงสุด จากคุณ : EITHER - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 15:26:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาให้กำลังใจเพื่อนร่วมแนว งานหนักครับ เพราะพวกเรามีจำนวนน้อย ส่วนฝ่ายที่ด่า ก็เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าคุณ sunsetbeach จะเอาข้อมูลเข้าใจง่ายๆมายังไง คำกล่าวที่ว่า ปตท.ค้ากำไรเกินควร ไม่มีวันหายไปจากสมองคนส่วนใหญ่หรอกครับ เขานึกแต่เพียงว่า เขาจ่ายค่าน้ำมันแพงขึ้นและปตท.ยังกำไรอยู่ นอกเรื่องนิด ฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจยังฟังแล้วงงๆ กรณ์กล่าวหาว่ารัฐไม่ยอมแทรกแซงกลไกตลาดของน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันสูง ส่วน ไตรรงค์กล่าวหาว่ารัฐแทรกแซงกลไกตลาดของข้าวทำให้ข้าวราคาตกต่ำ กลไกตลาดนี่มันเป็นแพะได้ทุกที แทรกแซงก็โดนด่า ไม่แทรกแซงก็โดนด่า จากคุณ : อวิรุืทธ์ - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 22:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ทำไมไม่เอาข้อมูลโรงกลั่นมาล่ะครับ เพราะกำไรส่วนใหญ่ตอนนี้ตกอยู่กับโรงกลั่น??? ถ้าจะเอาข้อมูลมาเล่น น่าจะเปิดให้หมดนะครับ คือไล่ตั้งแต่ upstream ไปจนถึง downstream ไม่ใช่เปิดเป็นขยักๆ ตัวเลขไหนสวยก็เปิดตัวนั้น แล้วดัชนีทั้งสองตัว ตามความคิดเห็นของผม มันเกี่ยวเนื่องกันครับ ถ้าจะเอาดัชนี้สองตัวนี้มาวัด แล้ว extract ข้อมูลจริงๆน่าจะต้องใช้ดัชนีตัวอื่น ประกอบกันด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 51 22:36:41 จากคุณ : Dark Archon - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 22:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ต่อครับ ทีละเรื่อง การเอาตัวเลขสองตัวนี้มาเปิด แล้วซัดตูม มันเป็น การแปลความหมายที่ถูกต้องหรือครับ เพราะดัชนีแต่ละตัวมันใช้ชี้วัดได้ ในระดับหนึ่ง แต่มันก็มีองค์ประกอบอื่นๆที่ต้องพิจารณาด้วย จริงมั้ยครับ ถ้าคุณเป็นนักลงทุน หรือผู้บริหารคุณจะมองอะไรก่อนครับ ผมมอง ROA หรือ ROI ก่อนเป็นอันดับแรกครับ เพราะอะไร เพราะผมลงทุน ผมย่อมมองหาผลตอบแทนการลงทุน ถึงแม้ดัชนีตัวนี้หลักๆมันจะบอกว่า คุณมีประสิทธิภาพในการจัดการเงินลงทุนขนาดไหน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นตัวบอกศักยภาพในการทำผลตอบแทน ซึ่งถ้าตัวนี้สูง margin มัน เยอะหรือน้อยสำหรับผม เป็นเรื่องรองลงไป จริงมั้ยครับ? เอาง่ายๆ บริษัท A ลงทุน 1 พันล้าน มียอดขาย 1 หมื่นล้าน กำไร 1% เท่ากับ 1 ร้อยล้าน บริษัท B ลงทุน 1 พันล้าน มียอดขาย 200 ล้าน กำไร 50% เท่ากับ 1 ร้อยล้านเท่ากัน แล้วคุณ Sunset กำลังจะบอกว่า บริษัท B หน้าเลือดกว่าบริษัท A หรือครับ??? หรือบริษัท C ลงทุน 1 หมื่นล้าน มียอดขาย 150 ล้าน กำไร 66% เท่ากับ 1 ร้อยล้าน บริษัทนี้หน้าเลือดสุดๆ หยั่งงั้นหรือครับ ดังนั้นการเอาตัวเลขแค่ 2 ตัวมาพูดแล้วจบ ผมว่ามันไม่ถูกต้องครับ อย่างน้อยที่สุด ถ้าจะเอาดัชนีสองตัวนี้มาเทียบจริงๆ ก็รบกวนเทียบ รายได้ต่อสินทรัพย์ด้วยครับ เพราะมันบอกได้ว่าการหมุนเวียนของ สินค้าเป็นอย่างไร ธุรกิจแต่ละประเภท มันไม่เหมือนกัน สินค้ามันไม่เหมือนกัน การเอาดัชนีตัวสองตัวมาเทียบ มันบอกอะไรไม่ได้หรอกครับ แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 51 23:36:03 จากคุณ : Dark Archon - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 23:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ต่อด้วย การไฟฟ้าแล้วกันครับ ที่บอกว่า ประสิทธิภาพการบริหารงานต่ำ มันก็ถูก แต่ถ้าจะมองอีกด้านนึงมันก็มองได้ว่าไม่ต้องการผลตอบแทน ที่สูงได้หรือไม่ แล้วถามว่าจะให้ตัวเลขมันสูงทำได้มั้ย ลองดูที่นี่ครับ http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V6684656/V6684656.html ช่วงแปรรูป ค่า Ft มันขึ้นยังไง หลังถูกยกเลิก ค่า Ft มันลงยังไง จากคุณ : Dark Archon - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 23:30:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณDark Archon งั้นถ้าผมลงทุน100บาท แต่มาขาย1000บาท ผมก็ไม่หน้าเลือกอย่างนั้นเหรอครับ กรณีบริษัทC ผมว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่ลงทุนตั้ง1หมื่นล้าน แต่ยอดขายแค่150ล้าน มันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเป็นไปแล้วก็ถือว่าบริหารห่วยมากๆ ปตท.น่ะ เนื่องจากมัแปรรูปออกไป และดันบริหารดีมีกำไร ขยายเติบโตดี หุ้นแพงขึ้น เลยมีคนหมั่นไส้เยอะอ่ะครับ ทั้งๆที่จริงๆแล้ว กำไรก็ไม่ได้เยอะเลย คิดเป็นเปอร์เซนต์แค่6เปอร์เซนต์เอง น้อยกว่ากฟผ. กฟผ.น่าจะลดราคาลงมามากกว่านะ หากต้องการช่วยประชาชน เรื่องFTอย่าเพิ่งคิดจะขึ้น ส่วนปตท.หากต้องการให้เอาข้อมูลส่วนอื่นๆที่กำไรเยอะ ก็คงต้องเอาข้อมูลส่วนอื่นๆที่แทบขาดทุนมาแสดงด้วยล่ะมั๊งครับ จากคุณ : RoppongiHills - [ 27 มิ.ย. 51 09:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ Dark Archon ผมแยกสองประเด็นนะครับ การทำกำไร  มากหรือน้อย  คุณก็ตอบเองได้อยู่แล้ว    ใครหน้าเลือดกว่ากว่ากัน  คนเอากำไร 1% กับ 50% ผมยกตัวอย่างจากโจทย์ของผมเลยละกัน  จะเห็นชัดเจนกว่า สิ่งที กฝผ ควรคทำ ก็คือ   1.  เนื่องจากคุณมีสินทรัพย์จำนวนมาก  เมื่อเทียบกับกำไรที่คุณทำได้   ดังนั้น   หมายความว่าคุณต้องนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาทำให้เกิดรายได้ให้มากขึ้นกว่านี้  (ย้ำก่อนนะครับว่า "รายได้")   2.  เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น  ก็ควรจะมีกำไรเพิ่มขึ้น   แต่คุณสามารถเอากำไรน้อยลง  จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น   เพื่อลด net profit margin เช่นจากตัวอย่าง   ข้างบน   ปตท.  มีรายได้ต่อสินทรัพย์   1.74 เท่า   ปูนใหญ่  มีรายได้ต่อสินทรัพย์  1.16 เท่า กฝผ  มีรายได้ต่อสินทรัพย์  0.82 เท่า ตรงนี้ก็สอดคล้องกับที่ผมชี้แจงไว้ด้านบน ปตท. สามารถนำิสินทรัพย์ไปสร้างรายได้ได้สูงกว่า   จึงทำให้เอากำไรได้น้อยกว่า  แต่ยังสามารถคง  กำไรต่อสินทรัพย์ได้สูง  ซึ่งเป็นการแสดงว่าสามารถบริหารการลงทุนได้ดี  แต่ก็ไม่ได้เอากำไรมากเกินไป ปูนใหญ่  อยู่กลางๆ  ตามที่บริษัทโดยทั่วๆ ไปที่ควรจะทำได้ ส่วน กฝผ.  ถ้าคุณจะมีรายได้เพียงเท่านี้   แสดงว่าคุณมีสินทรัพย์มากเกินไป   เอาไปขายเอาเงินไปฝากแบงค์  ได้ดอกเบี้ยสบายๆ  แถมจะลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสินทรัพย์ได้อีก    หรือไม่ก็คนที่มีอยู่ต้องขยันให้มากกว่านี้   เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น  แล้วไปลด % อัตรากำไรสุทธิลงเพื่อช่วยชาวบ้านให้มากกว่านี้นะ จากคุณ : sunsetbeach - [ 27 มิ.ย. 51 09:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กระทู้อย่างนี้แระ ไม่ค่อยมีใครมาแสดงความคิดเห็นเลย มัวแต่ไปเชื่อ fwd mail กลุ้มจริงๆ จากคุณ : Faxes - [ 28 มิ.ย. 51 03:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เสาไฟฟ้าจะเอาไปขายได้ไงครับสมบัติชาติ ถ้าพูดถึงไฟฟ้าก็น่าจะมีรายละเอียดมากกว่านี้นะครับ เราพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อใคร กำไรถ้าไม่เอามาลงทุนก็นำกลับเข้ารัฐ ไม่ได้เอากำไรไปให้ผู้ถือหุ้นนะครับ เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรนะครับพออยู่ได้ น้ำมันแพงก็โดนเหมือนกัน ภาษีเงินได้ก็เสียเหมือนกันครับ ไฟฟ้ามันมีหลายที่นะครับโปรดแยกแยะให้ถูกต้องด้วย อีกอย่างนะครับไม่ใครทำธุรกิจแล้วอยากที่จะขาดทุนหรอก ตรงไหนไม่มีกำไรก็คงไม่มีใครอยากไปลงทุน เช่นการเดินสายไฟไปเป็นสิบยี่สิบล้านขายไฟได้เดือนละหมื่น เอกชนไม่ลงทุนหรอก ขอบคุณครับ จากคุณ : PP - [ 29 มิ.ย. 51 20:45:05 A:124.120.254.197 X: TicketID:161390 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอาเงินสมบัติชาติมาใช้  ก็ต้องหารายได้ให้คุ้มกันด้วยนะครับ งั้นโอนสายส่งกลับไปให้รัฐดีมั๊ยครับ   ถือว่าเป็นการคืนทรัพย์สินกลับไปที่รัฐ   รัฐจะได้นำสายส่งไปใช้ในการหารายได้โดยตรง   เช่น  ให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่นใช้   แทนที่จะต้องให้ กฟผ. รับซื้อทั้งหมดก่อน  แล้วค่อยไปขายให้กับ กฟน. กฟภ.   ให้ทั้งสองรายซื้อโดยตรงจากผู้ผลิตไฟฟ้าเลย จากคุณ : sunsetbeach - [ 30 มิ.ย. 51 07:40:01 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ปตท เก่งมากเลยอ่ะ สามารถทำรายได้ต่อสินทรัพย์   สูงถึง 1.74 เท่า กำไรที่ได้ก็จะนำกลับไปให้ผู้ถือหุ้น(ส่วนหนึ่งเป็นรัฐ)ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เยี่ยจริงๆ ไม่มีรูรั่วให้ชาวบ้านได้เอาไปกินไปใช้เลย กฟผ แย่จริงๆ บริหารยังไงทำให้รายได้ต่อสินทรัพย์   0.82 เอง คงจะมีรูรั่วคืนไปยังพวกพนักงานเยอะ น่าจะลดจำนวนพนักงาน และเงินชดเชยค่าทำศพพนักงานที่ถูกไฟดูดตายคาเสาลงมากๆหน่อย จะได้มีรายได้ต่อสินทรัพย์  มากขึ้น ส่วนตัวผมคิดว่า หน่วยงานบริการของรัฐที่ดีต้องทำรายได้ต่อสินทรัพย์  ใกล้เคียง 0 คือเป็นหน่วยงานที่ไม่ทำกำไร และไม่ขาดทุน หน่วยงานที่แสวงหากำไรต้อง มีรายได้ต่อสินทรัพย์  สูงสุดเท่าที่ทำได้ใช่ไหม? จากคุณ : WeArePry (WeArePry) - [ 30 มิ.ย. 51 08:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 กฟผ สวัสดิการเพียบ รวมทั้งค่าไฟฟ้าที่ได้ใช้ฟรีมากน้อยอยู่ที่ระดับพนักงาน บวกเข้าไปในงบค่าใช้จ่ายแล้วก็มาผลักภาระให้ประชาชน นี่แหละน้า........... จากคุณ : ดิ่งดิ้ว (ดิ่งดิ้ว) - [ 30 มิ.ย. 51 09:12:06 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อดใจไว้ครับพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย รอขึ้นมรดกโลกเรียบร้อยก่อน เด๋วพอท่านได้สัมปทานบ่อน้ำมันเกาะกงใกล้บ้านเราแค่นี้เอง ท่านจะมาประกาศเองว่า "ณ บัดนี้ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่ให้กำเนิด และสร้างข้าพเจ้ามา ตามที่ข้าพเจ้าได้ลั่นวาจาไว้ว่าข้าพเจ้าจะเลิกยุ่งเกี่ยวทางการเมือง และจะใช้ชีวิตที่เหลืออันน้อยนิดทำคุณประโยชน์ทุกอย่างอุทิศตนให้ชาวไทย ข้าพเจ้าจะให้มากกว่าบัพเฟต์ และบิลเกตต์ที่เคยบริจาคเป็นมูลนิธิ แต่ข้าพเจ้าจะให้เนื้อๆ แต้ แต้เลย ข้าพเจ้าขอประกาศว่า น้ำมันที่ได้มาข้าพเจ้าจะให้คนไทยใช้ลิตรละ20บาท และแก๊สลิตรละ8บาท จนกว่าชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่ และรายได้ที่ได้จากEnterment complex จำนวน25% ข้าพเจ้าจะให้รัฐบาลไทยกู้โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ1นำไปสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสุงเหมือนญี่ปุ่น จากกทม.ถึงเชียงใหม่ ถึงโคราช ถึงสงขลา   เพราะเงินที่ข้าพเจ้าที่เหลืออยู่นี้พอใช้ไปตลอดชาติแล้ว ไม่เอาอะไรอีกแล้ว ราคาตลาดโลกเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะข้าพเจ้าจะให้ ให้ ให้ และให้คนไทยที่รักของข้าพเจ้า " สาธุ จากคุณ : MSK Orange - [ 30 มิ.ย. 51 12:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ WeArePry อ่านดีๆ ครับ เอากำไรมากเกินไปหรือไม่  ดูที่  "อัตราส่วนกำไรสุทธิ" หรือ Net profit margin ประสิทธิภาพการทำงาน  ดูที่  ROA ครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 30 มิ.ย. 51 12:56:31 ]