Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ===>...~*~... มามะ นู๋ซึ..จะบอกให้..ว่าทำไมบ้านเราต้องอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์

    เพื่อน ๆ ทราบกันไม๊ละคะ...ว่าทำไมบ้านเราต้องอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ ????? ทำไม ๆ ๆ ๆ



    เนื่องจากตลาดซื้อขายน้ำมันมี 5 แห่งใหญ่ ๆ คือ

    1. ตลาดนิวยอร์ค (NYMEX : New York Merchantile Exchange)

    2. ตลาดลอนดอน (IPE : International Petroleum Exchange)

    3. ตลาดสิงคโปร์ (SIMEX : Singapore Monetary Exchange)

    4. ตลาดญี่ปุ่น (Tokyo Commodity Exchange)

    5. ตลาดจีน (Shanghai Futures Exchange)


    โดยราคาน้ำมันสิงคโปร์เป็นราคาที่ผู้ค้าน้ำมันจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียเข้าไปตกลงซื้อ - ขายผ่านตลาดกลางสิงคโปร์

    ไ ม่ ใ ช่ ร า ค า ที่ ป ร ะ เ ท ศ สิ ง ค โ ป ร์ ป ร ะ ก า ศ เ พื่ อ ซื้ อ ข า ย เ อ ง


    สาเหตุที่ต้องใช้ราคาสิงคโปร์เป็นฐานคำนวณ

    ==> สะท้อนราคาตลาด และอุปสงค์ - อุปทาน  ในภูมิภาคเอเชียอย่างแท้จริง
    เนื่องจากสิงคโปร์เป็นตลาดซื้อขายและส่งออกระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
    จึงมีผู้ซื้อขายจำนวนมากจากทุกประเทศในเอเชีย ทำให้ไม่มีผู้ซื้อรายอื่นเข้าไปแทรกแซงหรือปั่นราคาได้

    ==> สะท้อนต้นทุนการนำเข้าของไทยในระดับต่ำสุด เนื่องจากสิงคโปร์มีระยะทางใกล้ประเทศไทยมากที่สุด
    เมื่อเทียบกับตลาดน้ำมันสากลอื่น ๆ คือที่นิวยอร์ค และลอนดอน จึงทำให้การนำเข้าน้ำมันจากสิงคโปร์จะมีต้นทุนต่ำสุด

    ==> ทำให้เกิดสมดุลในการผลิตและการจัดหาของประเทศ เนื่องจากไทยมีนโยบายระบบการค้าน้ำมันเสรี
    สามารถนำเข้า - ส่งออกได้อย่างเสรี ดังนั้นหากไม่กำหนดราคาขึ้นลงตามตลาดสิงคโปร์
    จะทำให้เกิดปัญหาไม่สมดุลในการผลิตและการจัดหาของประเทศ  กล่าวคือ หากไทยกำหนดราคาเอง
    โดยรัฐเข้าไปควบคุมราคาของโรงกลั่น เมื่อใดราคาที่กำหนดเองต่ำกว่าราคาตลาดสิงค์โปร์
    จะทำให้โรงกลั่นนำน้ำมันส่งออกไปขายที่ตลาดสิงคโปร์เพราะได้ราคาสูงกว่า ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันในประเทศได้
    ในทางกลับกัน เมื่อใดที่ราคาสิงคโปร์ต่ำกว่าราคาที่กำหนดเอง จะทำให้ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยไม่อยากซื้อน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศไทย
    เพราะถ้านำเข้าจากสิงคโปร์จะมีราคาถูกว่า ซึ่งทั้งสองกรณีจะทำให้เกิดการนำเข้า - ส่งออก โดยไม่จำเป็น


    ==> ทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียใช้ราคาตลาดสิงคโปร์เป็นตัวอ้างอิง ทั้งในการเจรจาซื้อขายระหว่างประเทศ
    และใช้เป็นฐานการคำนวณต้นทุนราคาภายในประเทศ ส่วนการที่ราคาขายปลีกน้ำมันของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันนั้น
    ขึ้นอยู่กับการจัดการระบบการจัดเก็บภาษีหรือการจ่ายเงินอุดหนุนของแต่ละประเทศ


    ส่วนปัจจัยที่กำหนดราคาน้ำมัน ขึ้นอยู่กับ

    ปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ อุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply)

    อุปสงค์ หมายถึงปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการซื้อที่เวลาและราคาหนึ่ง หรือ
    ปัจจัยที่กำหนดปริมาณอุปสงค์ของผู้บริโภคแต่ละคนได้แก่ ราคาสินค้านั้น รายได้ของผู้บริโภค รสนิยมส่วนบุคคล
    ราคาของสินค้าทดแทนกัน (substitution goods) และราคาของสินค้าใช้ร่วมกัน (complementary goods)

    อุปทาน หมายถึง ปริมาณสินค้าที่มีการเสนอขายแก่ผู้บริโภคที่เวลาหนึ่ง หรือ
    ปัจจัยหลักที่กำหนดปริมาณอุปทานคือราคาตลาดและต้นทุนการผลิต โดยกฏอุปทานกล่าวว่า
    โดยทั่วไปปริมาณอุปทานจะมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับระดับราคา
    กล่าวคือ เมื่อระดับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ผู้ขายจะยินดีเสนอขายสินค้าในปริมาณที่เพิ่มขึ้น

                   อุปสงค์ และอุปทานของน้ำมันแต่ละชนิดจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
    เมื่อใดที่อุปสงค์ หรือ อุปทานไม่มีสมดุล ก็จะมีผลกระทบต่อราคาได้ เช่น

                   อุปสงค์ มากกว่า อุปทาน (ความต้องการใช้มากกว่าปริมาณที่ผลิตได้) ราคาก็จะปรับตัวสูงขึ้น
    สิ่งที่ทำให้อุปสงค์ และอุปทานขาดสมดุล ยกตัวอย่างนะคะ

    ==> ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมัน
             เมื่อใดที่อัตราการเจริญเติบโจทางเศรษฐกิจสูง ความต้องการใช้เชื้อเพลิงในชีวิตประจำวัน
    และเพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจก็จะขยายตัวสูงขึ้นถ้าโลกไม่สามารถผลิตน้ำมันได้ทันความต้องการ
    ก็จะส่งผลให้ระดับราคาน้ำมันสูงขึ้น

             กรณีกลับกัน ราคาน้ำมันอาจจะลดราคาลง เมื่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ
    เนื่องจากน้ำมันมีมากกว่าความต้องการของตลาด


    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บ้านเรายังคงต้องพึ่งพากำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมัน
    ในแถบตะวันออกกลาง โดยกลุ่มประเทศ OPEC ซึ่งปัจจุบันมี 11 ประเทศ ได้แก่ แอลจีเรีย อินโดนีเซีย
    อิหร่าน อิรัก คูเวต ลิเบีย ไนจีเรีย กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรต และเวเนซุเอลา  
    กลุ่มประเทศเหล่านี้สามารถควบคุมและบริหารปริมาณการผลิต ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศได้
    อีกส่วนหนึ่ง ก็ขายให้กับกลุ่มประเทศที่มีกำลังการผลิตเชื้อเพลิงน้ำมันไม่เพียงพอ หากประเทศสมาชิก OPEC
    ผลิตเชื้อเพลิงน้ำมันมาก หรือน้อยเกินไปจะส่งผลกระทบต่อระดับราคาน้ำมันอย่างแน่นอน
    ด้วยเหตุนี้ ผลกระทบจากราคาน้ำมันจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศที่มีปริมาณน้ำมันสำรอง
    และสามารถผลิตน้ำมันได้ในระดับสูง จะมีอำนาจต่อรองราคาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



    =====================================================


    ปล. พยายามจัดหน้ากระดาษแว้วค่ะ แต่ก็ออกมาไม่สวยซักที ขี้แง

    ที่เขียนมาข้างต้น ปะติดปะต่อจากข่าวที่ได้อ่าน ๆ มา

    ด้วยความรู้เท่าหางอึ่ง --" หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ __/\__

    แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 12:14:08

    แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 12:12:10

    จากคุณ : TsuTaYa - [ 15 ก.ค. 51 12:10:51 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom