|  | 
 
 
      
        | 
          
            | 
               ใครคิดจะซื้อจัการยานไฟฟ้า พิจารณาดีดี : ประสบการณ์อีกด้านของผู้พึ่งซื้อจักรยานไฟฟ้า   
ก่อนอื่นผมต้องขอยืนยันว่าสิ่งที่เขียนมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีเจตนาจะทำลายชื่อเสียงของทางร้านและศูนย์ขายของ Vestor ทุกแห่ง แต่อยากจะถ่ายทอดประสบการณ์อีกด้านหนึ่งเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ผู้บริโภคและขอความช่วยเหลือ ขอความเห็นใจ ขอคำแนะนำจากทางร้านหรือว่าท่านผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นว่าเป็นเสียงสะท้อนหนึ่งที่ติง (ด้วยความเคารพและปรารถนาดี)เพื่อก่อแล้วกันนะครับ
..
 **ผมไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจึงต้องมาโพสต์กระทู้ และถ้าผมได้รับความช่วยเหลือหรือบริการที่พอใจ ผมจะขอบพระคุณและเขียนกระทู้เพื่อชื่นชมและแสดงความขอบคุณภายหลังนะครับ**
 
 ในวันที่ 8 มิถุนายน 2551 ผมตัดสินใจซื้อจักรยานไฟฟ้ารุ่น 009 จากร้าน vestor ณ. สาขาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในภาคอีสาน ในราคา 17,000 บาท ใช้ตอนแรกไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังจากที่ใช้ได้ 2 วัน รถก็ดับไปเฉยๆ แต่พอจอดทิ้งไว้และแวะกินข้าวสักพัก กลับมาสตาร์ทใหม่ รถก็ติดและขับต่อไปได้
 
 จากนั้นก็ใช้ต่อมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 รถก็ประสบปัญหาเหมือนเดิมอีก คือดับไปเฉยๆ ต้องปั่นเอา แต่ปั่นโดยใช้เท้าถีบก็เหนื่อยมาก และรถก็หนักมาก ขนาดที่ว่าจูงรถเดินจะสบายกว่าและเหนื่อยน้อยกว่า ตอนแรกก็เข้าใจว่าแบตเตอรี่คงหมด (ทั้งที่พึ่งชาร์ตได้ 2 วัน) จึงเอาไปชาร์ตใหม่ทิ้งไว้ทั้งคืน และรุ่งเช้าลองสตาร์ทรถดูอีกครั้งก็ไม่ติด
 
 วันที่ 2 กรกฎาคม 2551 จึงโทรศัพท์ไปเล่าอาการของรถให้ทางร้านที่ซื้อไปฟัง  เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะเข้ามาดูให้ แต่เนื่องจากติดธุระจึงมาดูและรับรถไปในวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 และเอารถมาส่งคืนในวันที่  22 กรกฎาคม 2551 โดยคิดค่าบริการ 300 บาท
 (การบริการเป็นไปค่อนข้างล่าช้าเนื่องจากความเข้าใจผิดบางประการ และได้รับการปฏิบัติที่ไม่ค่อยประทับใจจากทางร้าน ซึ่งแตกต่างจากตอนก่อนซื้อลิบลับ แต่จะไม่ขอเล่ารายละเอียดนะครับ เพราะมันยาว...)
 อย่างไรก็ตาม ผมงงว่า ใช้รถมายังไม่ถึงเดือน แล้วก็ไม่เคยขับรถไปชนใคร ใช้แค่ภายในมหาวิทยาลัย ยังไม่เคยขับออกนอกถนนใหญ่  ก็ต้องคิดเงินด้วยหรือ แต่ทางร้านบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของทางร้าน เพราะไฟฟ้ามันซ๊อต ไม่ได้เป็นที่แบตหรือมอเตอร์ (ซึ่งยังอยู่ในระหว่างรับประกัน)
 
 จากนั้นในวันที่ 25 กรกฎาคม 2551 รถจักรยานไฟฟ้าก็เป็นแบบเดิมอีกแล้วครับท่าน คือขับไปดีๆ ก็ดับไปดื้อๆ  (ทั้งที่ ไฟเตือนระดับของแบตเตอรี่ที่ใช้ยังอยู่ขีดที่ 3) ผมไม่กล้าโทรไปบอกทางร้านที่เคยซื้อ  มาช่วยดูให้ เพราะกลัวเสียสุขภาพจิตจากการตอบโต้กันที่อาจรุนแรงขึ้น  และการที่ไปโทรบอกเขาหรือช่างที่บริษัทให้มาช่วยดูรถ และยกรถของเราไปซ่อมที่ร้านเขาคิดค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมันรถ ค่าเสียเวลา ค่าแรง ฯลฯ ซึ่งเราไม่รู้ล่วงหน้าว่ามันเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วเราก็ไม่เคยรู้ (รวมถึงไม่มีความรู้) ว่าเขาซ่อมตรงไหนบ้าง มันอาจจะทำให้งบประมาณของผมบานปลายขึ้นเรื่อยๆ
 ผมกังวลมาก ว่า ขนาดซื้อมาใช้ยังไม่ถึง 1 เดือน  รถยังมีปัญหาแบบนี้ ถ้าผ่านไป 5-6 เดือนจะเป็นอย่างไร ถ้าผ่านไป 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงแบตเตอรี่รี่หมดอายุจะเป็นอย่างไร (ผมเริ่มคิดถึงรถจักรยานธรรมดา ซึ่งราคาถูกกว่ามากๆ และไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเวลารถไฟฟ้าสตาร์ทไม่ติด รวมถึงเวลาปั่นโดยใช้แรง ก็ไปแบบสบายๆ ไม่หนักเหมือนจักรยานไฟฟ้า)
 
 ผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ ????
 
 
 จาก ลูกค้า (โชคร้าย) คนหนึ่ง
 
 ท่านใดที่ต้องการให้คำแนะนำ และช่วยผมหาทางออก หรือต้องการแลกเปลี่ยนสามารถส่งเมล์มาที่  linkjutha@yahoo.co.th  นะครับ  ขอบคุณครับ
 จากคุณ :
ทอรักถักฝัน  - [
28 ก.ค. 51 12:14:03
] |  |  |  
        |  |  |