สวัสดีครับ
วันนี้ผมขับรถอยู่ดีๆี้ที่ถนนหอวังข้างๆเซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อที่จะออกไปทางถนนพหลโยธิน เวลาประมาณ9.30น. ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถผม โดยมีรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่ง วิ่งอยู่ที่เลนซ้ายมือเกือบจะถึงบริเวณเส้นประตรงกลางถนน(ถนนแต่ละฝั่งจะมีฝั่งละ 2 เลนครับ) ... ส่วนผมนั้นวิ่งอยู่เลนขวาสุด ทั้งผมและเค้าก็ขับไปเรื่อยๆเอื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....(ในตอนนั้น)
มอเตอร์ไซด์คันนั้นวิ่งอยู่ที่ความเร็วประมาณ 20-30 กม. ส่วนรถผมนั้นวิ่งอยู่ประมาณ 30-40กม. จังหวะที่รถผม"เกือบจะ"ตีคู่กับมอเตอร์ไซด์คันนั้น ... อยู่ดีๆเค้าก็เลี้ยวขวาเพื่อที่จะเข้าห้างเซ็นทรัลหรือจะกลับรถก็มิอาจทราบได้แบบกระทันหัน!! ทำให้รถของเค้าชนเข้ากับสีข้างรถของผมทางด้านซ้ายอย่างจังเบอร์!!
ความเสียหายรถผมมีดังนี้...
1.ฝากระโปรงด้านหน้าทางซ้ายมือ
2.กันชนหน้า
3.บังโคลนซ้าย
4.ประตูซ้าย
โดยความเสียหายหนักสุดเป็นที่กันชนด้านหน้า,บังโคลนซ้าย และประตูทางซ้าย ส่วนฝากระโปรงด้านหน้าเป็นรอยครูดและบุบเล็กน้อย
ทางฝั่งมอเตอร์ไซด์
1.บาดเจ็บเล็กน้อย
2.รถเสียหายพอสมควรแต่ยังขับได้
ขอเสริมซักนิดว่า ผมเป็นคนรักรถคันนี้มากๆ รถส่วนตัวผมมี 2 คัน อีกคันหนึ่งผมเฉยๆทั้งๆที่มันแพงกว่า(New Accord 2.4 Navigator) แต่กับคันนี้(Civic dimension 2003) ผมรู้สึกผูกผันกับมันมากๆ หมดเงินแต่งตัวให้กับมันไปหลายบาท ทั้งเครื่องเสียง ล้อแม๊กซ์ ช่วงล่าง ขัดสีทุก 3 เดือน เคลือบสีทุก 2 อาทิตย์ ทำแบบนี้มาจะ5ปีแล้ว สีรถไ่ม่เคยแม้แต่จะมีรอยขนแมวมาเยือน....ส่วนAccordผม เมื่อเดือนที่แล้วถอยชนกระถางต้นไมแบบโง่ๆ้ ตอนนี้ยังปล่อยคาราคาซังอยู่เลย...ประกันก็ยังไม่ได้แจ้ง แถมเฉลี่ยแล้ว 1 เดือนล้างรถแค่ครั้งเดียวอีก
พูดมาแบบนี้ ท่านคงพอนึกออกใช่ไหมครับว่าอารมณ์ของผมตอนนั้นเป็นอย่างไร!!
ใช่แล้วครับผมโกรธมาก....โกรธจัดแต่ก็เก็บอารมณ์และซ่อนสีหน้าของผมไว้อย่างดี หลังเกิดเหตุการณ์ ผมเปิดประตูรถเดินลงไป สิ่งแรกที่ผมทำคือมองสำรวจที่ร่างของคนขับมอเตอร์ไซด์คันนั้นเพื่อดูว่า้เจ็บหนักหรือไม่ แต่เพื่อกันความผิดพลาดผมจึงได้ถามเค้าว่า เค้าบาดเจ็บตรงไหนหรืิอปล่าว... เค้าไม่พูดอะไร แต่ส่ายหัวเป็นนัยๆว่าตัวเค้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อายุของเค้าน่าจะไม่เกิน20ปี
หลังจากที่ผมสำรวจรถผมแล้ว เค้าก็ลุกเดินมาหาผม พร้อมทั้งยกมือไหว้และกล่าวคำ้ขอโทษเพื่อแสดงความสำนึกผิด เค้าคงรู้ว่าตัวเค้าเองนั้นผิดเต็มประตู ตาของเค้าเป็นสีแดงเรื่อๆ เหมือนจะร้องไห้ ผมรับไหว้เค้า แต่้ตอนนั้นผมยังไม่ได้พูดอะไร เพราะผมโกรธ....โกรธมากจริงๆครับ... แต่ก็ยังเก็บอาการและสีหน้าอยู่... และหลังเกิดเหตุการณ์นี้ ผมก็ยังไม่ได้คุยอะไรกับเค้าเลยแม้แต่คำเดียว
ผมไม่พูดอะไรเดินไปที่เก๊ะข้างหน้ารถฝั่งคนนั่ง เพื่อที่จะค้นหาเบอร์โทรของบริษัทประกันภัย ระหว่างนั้นเองผมสังเกตเห็นว่าน้องคนนี้ก็ได้เดินไปที่ฟุตบาทแล้วนั่งลง ลักษณะท่านั่งแบบชันเข่า ก้มหน้าลงไปที่ระหว่างหัวเข่า และเหมือนกับร้องไห้ออกมา ผมจึงเดินไปที่ข้างซ้ายของตัวรถอีกครั้งเพื่อที่จะประเมินความเสียหายออกมาเป็นจำนวนเงิน... ตอนนั้นความคิดที่จะโทรหาประกันภัยได้ถูกระงับลงไปเสียก่อน
ผมตีค่าความเสียคร่าวๆน่าจะประมาณ10,000-15,000 บาท ถ้าผมเรียกประกันภัยมา บริษัทประกันภัยต้องเล่นงานน้องคนนี้อ่วมแน่ๆ แต่ถ้าผมไม่เรียกมาผมก็ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าทำสี+ซ่อมเอง.... ตอนนั้นผมคิด...คิด...แล้วก็ยืนคิดอยู่ประมาณ2-3นาที
ผมขอบอกไว้ก่อนว่า ผมไม่ได้มีเจตนาจะมาอวดร่ำอวดรวยอะไร แต่เงิน10,000-15,000 บาท นั้นผมมีปัญญาจ่ายได้แบบไม่ทำให้ผมเดือดร้อน เพราะถ้าผมเดือดร้อนผมคงเรียกประกันภัยแน่นอน แต่กับน้องเค้า... น้องเค้าจะไหวหรือไม่ ฐานะความเป็นอยู่เค้าเป็นอย่างไร เค้ามีลูกเมียที่ต้องรับผิดชอบหรือไม่ ฯลฯ ผมคิดไปต่างๆนาๆ สุดท้ายผมจึงตัดสินใจเดินไปคุยกับเค้า
และนี่คือรายละเอียด...
หลังจากถามไถ่กันแล้ว น้องเค้าเล่าให้ผมฟังว่า เค้ากำลังจะขับมอเตอร์ไซด์ไปยืมเงินคุณลุง มาเป็นค่ารักษาพยาบาลลูกสาวของเค้า ลูกสาวของเค้ายังเล็กมากประมาณ 9เดือน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมามีไข้ขึ้นสูงมาก เค้าทำงานเป็นเด็กยกของ อยู่บริษัทหนึ่ง ส่วนภรรยาเค้ากำลังตกงานอยู่ ตอนนี้ไม่มีเงินติดตัวเลยเพราะเค้าเป็นหนี้พวกปล่อยเงินกู้นอกระบบด้วย จึงจำเป็นต้องไปหาคุณลุงเพื่อที่จะยืมเงินเป็นค่าหมอ ให้กับลูกสาวเค้า ส่วนสาเหตุที่เค้าหักรถเลี้ยวขวาแบบกระทันหันนั้นเพราะ ก่อนที่เค้าจะเลี้ยวรถเข้ามาที่ถนนหอวัง เค้าได้โทรกลับไปที่บ้านเพื่อถามอาการของลูกสาว ปรากฏว่าภรรยาเค้าบอกว่า ลูกสาวช็อก แน่นิ่งไปแล้ว กำลังจะไปสถานีอนามัยหรืออะไรซักอย่่างนี่ละครับ เค้าจึงไม่มีสติ และกำลังตัดสินใจอยู่ว่า จะตรงไปบ้านคุณลุงเพื่อที่จะไปเอาเงิน หรือจะกลับรถไปที่สถานพยาบาลเพื่อดูอาการลูกสาวดี... แล้วก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
หลังจากถามไถ่กันเสร็จแล้ว ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่.... ตอนนี้ผมต้องตัดสินใจแล้วครับว่า จะให้ความถูกต้อง(คนทำผิดยังไงก็ต้องชดใช้ค่าเสียหาย...มันเป็นเรื่องธรรมชาติ)หรือความเมตตามาก่อน่(ถ้าผมเรียกประกันภัย อาจจะเสียเวลาอีกอย่างน้อย15-30นาที และที่สำคัญผมรู้สึกสงสารลูกสาวเค้า เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงเป็นช่วงตาย และสงสารชีวิตความเป็นอยู่ของเค้ามาก)... และที่สำคัญถ้าเค้าโกหกผมละ?
ขอบอกว่าตอนนั้นความโกรธของผมมลายหายไปสิ้นแล้ว...และเรื่องที่เค้าเล่ามาแม้มันอาจจะเป็นเรื่องโกหก แต่ผมก็เสี่ยงไม่ได้จริงๆที่จะทำให้ชีวิตหนึ่งหรือครอบครัวของคนๆหนึ่งต้องมาพังลงเพราะผม...
ผมถามเค้าอีกครั้งว่า ค่าหมอที่จะเอากับคุณลุงนั้นเป็นเงินเท่าไหร่ ผมคิดในใจ ว่าคงต้องหลายพันแน่ๆ หรืออาจจะเป็นหมื่นบาท แต่เค้าบอกผมว่า 300 บาท!!
300 บาท!!....อืม...ผมคิดในใจ ทันใดนั้นไวเท่าความคิด ผมจึงหยิบเงินให้น้องเค้าไป1,000บาท พร้อมทั้งบอกว่า ให้เอาเงินนี้พาลูกสาวไปหาหมอที่น่าจะดีกว่าสถานีอนามัย น้องคนนั้นทำหน้างง และไม่กล้ารับไว้ พร้อมทั้งถามผมว่า แล้วรถของพี่ละครับ พี่ไม่เรียกประกันภัยหรือ ผมหยิบเงินยัดใส่มือน้องเค้าไปและได้อธิบายให้เค้าฟังถึงเหตุผลของผม เค้าก็รับฟังและทันใดนั้นเองแบบไม่ทันตั้งตัวเค้าก้มลงกราบที่เท้าผม ผมหุบเท้าแทบไม่ทัน แถมคนเดินไปมาแถวนั้นก็เห็นกันทุกคน ผมรีบประคองน้องคนนั้นให้ลุกขึ้นและกล่าวลาขอให้เค้าโชคดี
กลับมาที่บ้าน...เจอพี่ชายมาเยี่ยมที่บ้านพอดี
ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายผมฟัง พี่ชายผมเค้าเป็นนายตำรวจระดับสารวัตร เค้าผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก หลังจากฟังเรื่องที่ผมเล่าแล้วเค้ากลับเตือนผมว่า...
ให้ผมระวังตัวไว้!!
เพราะ...
1. ผมไม่ได้จดเลขทะเบียนรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นมา
2. ผมไม่ได้สอบถามชื่อจริงและขอดูบัตรประชาชนของน้องเค้า
3. ผมไม่ได้พาน้องเค้าไปแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันไว้
4. ผมไม่มีพยานที่สามารถรับรองได้ว่าน้องเค้าเป็นฝ่ายมาชนผมก่อน
เนื่องจากว่าถ้าบุคคลนี้ต้องการที่จะย้อนรอยผมโดยการ
1. แอบจดป้ายทะเบียนผมไว้
2. ไปแจ้งความว่าผมชนแล้วหนี
3. แอบอ้างว่าหลังจากเกิดเหตุแล้วได้รับบาดเจ็บสาหัส(เพื่อเรียกเอาเงิน)
ผมเสร็จแน่ๆ... ถ้าขึ้นโรงขึ้นศาล... ผมแพ้เต็มประตู
ตอนนี้ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เหตุการณ์แบบนั้นมันเกิดกับผมเลย... แต่ก็อุ่นใจ
ในระดับหนึ่งที่ว่าถ้าเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นจริง พี่ชายผมเค้าพร้อมช่วยเหลือผมอยู่แล้วครับ
สงสัยว่าความใจดีของผม อาจจะนำภัยมาสู่ตนเองหรือปล่าว?
ขอบคุณครับ
จากคุณ :
Wr:lOn
- [
11 ก.ย. 51 16:02:05
]