ความคิดเห็นที่ 1 เชื่อ หรือ ไม่ !!!!! ผมได้ส่วนลด ไม่ถึง 3,000 บาท เท่านั้นนนนนนนนน !!!!!!!!!! โดยไฟแนนซ์ บอกผมว่า ยอดดอกเบี้ยนั้น ถูกหัก( เยอะๆ )ไปแล้ว ตั้งแต่งวดแรกๆ พอถึงงวดท้าย ๆ ดอกเบี้ยคงเหลือมันเลยน้อยมาก ส่วนลด 50% จึงเหลือแค่นี้เอง ผมไม่ได้ศึกษา มาก่อนเลยว่ามีแบบนี้ด้วย กลับมานั่งค้นหากระทู้เก่าๆ ก็ไม่เคยมีใครบอกไว้แบบนี้ เลยอยากรู้ว่า สิ่งที่ไฟแนนซ์บอกกับผมนั้น มันเป็นเรื่องจริง ใช่มั้ย ???? แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 17:42:11 จากคุณ : ตาโตสีบรอนซ์ - [ 15 ต.ค. 51 17:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่แน่ใจนะคะ ว่า ตามกฎหมายเขาให้ลด 1 ใน 3 หรือไม่ แต่สำหรับวิธีการคิดรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของไฟแนนซ์ เขาจะไม่รับรู้แบบ Flat rate เหมือนที่เจ้าของกระทู้บอกมาค่ะ เขาจะคิดแบบ Effective rate ที่ว่าจริงๆ  อันนี้ถ้าจะอธิยายก็จะยากและซับซ้อน แต่เอาเป็นว่า มันเป็นเหมือนหลักการบัญชีหนึ่งที่สรรพากร และ ทางบัญชีเขายอมรับค่ะ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจริงที่ดอกเบี้ยในงวดหลังๆ จะเหลือน้อย  ไฟแนนซ์ เขาตอบถูกแล้วคะ   สำหรับค่าโน่น นี่ นั่น   ที่เขาหัก  ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ที่  ไม่ค่อยเห็นด้วยกับไฟแนนซ์สักเท่าไร จากคุณ : วันนี้รักเธอที่สุด - [ 15 ต.ค. 51 17:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จำได้ว่าการคิดดอกเบี้ยเรื่องของการเช่าซื้อรถจะเป็นแบบ Flat Rate นะ ถ้ารถราคา 600,000 ดอกเบี้ย = 600,000 * 3.65%* 5 = 109,500 รวมเงิน 600,000 + 109,500 = 709,500 ผ่อนต่องวด = 709,500/60 = 11,825 ยอดเงินทั้งหมดที่จะต้องจ่าย คือ 709,500 บาท ตามที่คุณแจ้งมา แต่ถ้าคิดแบบ Effective Rate หรือแบบลดต้นลดดอก ยอดทั้งหมดจะเท่ากับ 657,323 โดยประมาณ จะผ่อนแค่เดือนละ ประมาณ 10,956 บาท เท่านั้น จากที่คุณบอก ถ้าคิดตามแบบลดต้นลดดอก จะเหลือดอกเบี้ยประมาณ 3,400 บาท เท่านั้น ที่เหลือลองให้ความเห็นอื่นเข้ามาตอบละกัน จากคุณ : gus9642 - [ 15 ต.ค. 51 18:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่หรอก รถยนต์ เข้าคิดดอกแบบที่คุณคิดนะถูกแล้ว ไม่มีใครเขาคิดแบบที่ไฟแนนซ์อธิบายคุณหรอก ส่วนจะได้ลดเท่ไรตอบไม่ได้เพราะไม่เคยปิด จากคุณ : Buntou - [ 15 ต.ค. 51 18:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมจะลองเปลี่ยน flat rate เป็น effective rate (ลดต้นลดดอก) ให้คุณดูก่อน (ต้น x %eff / 24) x ( งวด +1) = ดอกเบี้ยแบบ flat rate - (600000 x %eff / 24 ) x ( 61 ) = 109500 % eff ของคุณคือ 7.18% (คิดแบบกู้บ้าน) พอได้อัตรานี้แล้ว ถ้าหากคิดแบบ effective rate อย่างง่าย จะได้ว่า ดอกเบี้ยเราลดลงเรื่อยๆ เมื่อถึงงวดท้ายๆ เมื่อใช้สูตรทางสถิติมาคำนวณ ดอกเบี้ยที่คุณจ่ายไป = [ (ดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย + ดอกเบี้ยครั้งแรก) ] x งวด  / 2 ดอกเบี้ยครั้งแรกของคุณ คือ ( 0.0718 x 600000 ) / 12  = 3590 ดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายคือ (3590) x (14/60) = 837.66 เมื่อคิดแล้ว คุณจ่ายดอกเบี้ยเขาไปแล้ว 104050 บาท ดอกเบี้ยของคุณ ที่ต้องจ่าย 109500 บาท ดอกเบี้ยคงเหลือ 5450 บาท หักดอกเบี้ย 50 % ดอกเบี้ยที่ได้ลดจริง 2725 บาท ประมาณนี้ ปล. สรุปได้ว่า ไฟแนนซ์เหล่านี้ใช้อัตราดอกเบี้ยตัวเลขน้อยๆ เพื่อโฆษณาให้เห็นว่าดอกเบี้ยต่ำ แต่จริงๆแล้ว อัตราดอกเบี้ยเหล่านี้ใกล้เคียงกับกู้จากธนาคารมาก และการคิดดอกเบี้ยนั้นก็คิดเหมือนกับการปล่อยกู้จากธนาคาร แต่ความจริงเหล่านี้ไฟแนนซ์ไม่เคยบอกกับเราจนกว่าเราจะถาม แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 18:24:39 แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 18:21:25 จากคุณ : Gbe - [ 15 ต.ค. 51 18:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คิดว่าส่วนลดคงเป็นหลักพันแล้วก็หลักพันต้น ๆ ด้วย เพราะเคยได้ยินมาเหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่คุ้ม จากคุณ : winmail - [ 15 ต.ค. 51 18:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตามที่ จขกท บอกในความเห็นที่ 1 น่ะถูกแล้วค่ะ เราเคยจะไปปิดบัญชีเหมือนกัน เหลือยอดประมาณ 162,xxx (15 งวด) ก็โทรไปเช็คกับไฟแนนซ์ว่าต้องจ่ายปิดยอดเท่าไหร่ เค้าบอกก็บอกตัวเลขมา เป็นจำนวน 159,xxx ก็ลดไปแค่ 2 พันกว่าบาทเองค่ะ เราก็เลยตัดสินใจไม่ปิด จขกท ปิดไปแล้วก็ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ก็ยังดี ลดเจ้าหนี้ไป 1 ราย แถมได้ลดดอกเบี้ยเกือบ 3 พัน ประหยัดเวลาไปส่งค่างวดด้วยค่ะ จากคุณ : Im onair - [ 15 ต.ค. 51 18:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เคยไปปิดตอนเหลือ 10 งวด เป็นเงิน 150000 ได้ลดแค่ พันกว่าๆเอง รู้งี้เอาไปหมุนก่อนกีกว่า.. จากคุณ : uuhuu - [ 15 ต.ค. 51 18:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ คห 3 คะ การคิดแบบ flat rate เป็นการคิดเพื่อขายของค่ะ  แต่ตอนรับรู้รายได้ทางบัญชีและภาษี เขาคิดแบบ effective rate ค่ะ  ถึงได้บอกว่า มันยากที่จะอธิบายค่ะ อธิบายเพิ่มอีกนิด เพราะการคิดแบบ Flat rate จะไม่สะท้อนให้เห็นรายได้ดอกเบี้ยที่แท้จริงจากการปล่อยกู้ค่ะ  หากคิดในอัตราคงที่  สรรพากรมองเห็นว่า รายได้ดอกเบี้ยงวดแรกๆนั้น ต่ำกว่าความเป็นจริงค่ะ ตอนคืน เขาจะคิดแบบ Flat rate ไม่ได้ เพราะเขารับรู้รายได้ดอกเบี้ยไปแล้ว   ฟังดูเหมือนไม่ยุติธรรม แต่ก็เป็นเรื่องจริงๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 51 19:23:13 จากคุณ : วันนี้รักเธอที่สุด - [ 15 ต.ค. 51 18:53:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Confirm คห.9 ครับ ตามกฎหมายกำหนดให้คืนดอกเบี้ย 50% แต่ดอกเบี้ยตอนคืนนั้นเป็นดอกเบี้ยแบบที่คิดลดต้นลดออก ส่วนดอกเบี้ยที่โฆษณานั้นเป็นแบบ flat rate ครับ ผมเคยเสนอกฎหมายให้ยกเลิกการแจ้งดอกเบี้ยแบบ flat rate ไปดีกว่า เพราะมันเอาเปรียบผู้บริโภค แต่ สคบ.ท่านคงจะเกรงใจสมาคมเช่าซื้อกระมัง จะมีก็แต่ิสินเชื่อส่วนบุคคลที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หักคอผู้ประกอบการสำเร็จ โดยกำหนดให้แจ้ง effective rate ด้วย ถ้ามีการโฆษณาแบบ flat rate จากคุณ : Aeykun - [ 15 ต.ค. 51 20:41:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านกระทู้นี้แล้ว ทำไมผมรู้สึกว่าเป็นเหยื่อของระบบนายทุนยังไงไม่ทราบ จากคุณ : แมงแกลบ - [ 15 ต.ค. 51 21:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากครับ ทุกความคิดเห็น ที่เข้ามาให้ข้อมูล แต่ต้องยอมรับตรงกันแหล่ะครับว่า มัน " ไม่ยุติธรรม " กับผู้บริโภคเลยครับ ถามหน่อยว่า ในสัญญามันระบุมั้ยว่า มันคิดดอกเบี้ยแบบไหน ตอนเซลล์เค้าจะขายรถ / ตอนไฟแนนซ์มารับเรื่องยื่นกู้ เค้าก็ไม่เคย บอกเลยครับ ไม่เคยคำนวณแบบลดต้นลดดอกให้ดู สักรายเดียว (ผมผ่านการซื้อรถป้ายแดง มาหลายคันแล้ว) ไอ้ผมก็หลงดีใจ คิดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากครับ ปิดไฟแนนซ์ ประหยัดดอกเบี้ยได้ การเป็นว่า เงิน แสนกว่าบาท ได้ผลประโยชน์กลับมาเพียง ไม่ถึง 3 พันเท่านั้น คิดแล้ว ไม่เกิน 2% รู้อย่างนี้ เอาเงินก้อนนี้ ไปเปิดบัญชีฝากประจำ กินดอกเบี้ย 3.75-4% เสียดีกว่าครับ ลงทุนไม่คุ้มเลย โหๆๆๆๆๆๆ ช่างมัน ถือเสียว่า ซื้อความรู้ และความสบายใจครับ นี่มันโลกธุรกิจ เป็นผลประโยชน์ที่ไฟแนนซ์ควรจะได้โดยไม่ต้องบอกให้ลูกค้ารู้ " ดีกว่าปล่อยให้มัน ล้มตามบริษัทแม่ที่สหรัฐฯ แล้วผมต้องไปไล่เบี้ยตามให้มันโอนรถมาเป็นของผม ก็แล้วกัน เห้อออออ " จากคุณ : ตาโตสีบรอนซ์ - [ 15 ต.ค. 51 21:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเคยต่อสู้เรื่องนี้ครับ เพราะดอกเบี้ยเงินกู้ธรรมดาห้ามคิดดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ถึงได้กำเนิดการเช่าซื้อขึ้นมา และทำเป็นสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ใช่สัญญาเงินกู้ มันเลี่ยงบาลีครับ จากคุณ : Aeykun - [ 15 ต.ค. 51 21:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นความรู้ใหม่สำหรับผมเหมือนกันว่าเมืองไทยทำกันแบบนี้ ตอนพูดเรื่องดอกเบี้ยบอกเป็น Flat Rate แต่เวลาคิดจริงดันคิดแบบ Effective Rate ตอนผมซื้อรถผ่อนที่อเมริกาเขาอธิบายเป็นแบบ Effective Rate มาผมเลยงงๆว่าเออคนล่ะระบบกับเมืองไทยแฮะ เวลาเข้าไปเช็คยอดการหักเงินก็มีการชี้แจงชัดเจนทุกงวดว่าหักยอดไปเท่าไหร่เป็นดอกเบี้ยเท่าไหร่ จริงๆผลทางด้านการจ่ายมันก็ไม่ต่างกันหรอกเพราะมันเป็นระบบเดียวกัน แต่ว่าผลทางด้านความรู้สึกเนี่ยมันต่างกันมากเพราะไม่รู้ความจริงตั้งแต่แรก และการกระทำที่บอกความจริงไม่หมดหรือสื่อสารให้เข้าใจผิดแบบนี้ เป็นที่อเมริกาจะโดนฟ้องเอาง่ายๆเลยนะนั่น จากคุณ : VeryBadman...Begins - [ 15 ต.ค. 51 22:18:26 A:67.160.226.25 X: TicketID:185387 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การคิดดอกแบบ 2 ทางแบบนี้ ทำให้เราได้แต่อึ้งไป จึง ไม่ค่อยมีใครนิยม ปิดก่อนน่ะ เอาเงินไปหมุนดีกว่า อุๆๆ จากคุณ : ก้นกบ - [ 15 ต.ค. 51 23:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คิดว่าโดนโกงอ่ะ ลองศึกษาสัญญาผ่อนให้ดีๆ ก่อน ส่วนมากแล้วเค้าคิดเป็น flat rate นะ ....ลองโทร.ไปคุยกะสคบ.ก็ได้ จากคุณ : popup - [ 16 ต.ค. 51 00:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่โง่หรอกครับ.................... แต่คุณมองโลกในแง่ดีเกินไป.......... ทำให้ถูกหลอกได้ง่าย..... จากคุณ : sagurahi - [ 16 ต.ค. 51 08:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ลองดูในสัญญาเช่าซื้อซิครับ   น่าจะมีระบุไว้ แต่ผมก็เข้าใจอย่างตรงกับ คุณนะครับ  ดอกเบี้ยจะลดลงครึ่งหนึ่ง เมื่อไปปิดไฟแนนท์ จากคุณ : ประสูตร - [ 16 ต.ค. 51 09:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แม้แต่ธนาคารออมสินยังคิดแบบ flat rate เลยครับ ร้อยละ 1 ต่อเดือน ลองแปลงกลับไปเป็น effective rate บานเลย กฎหมายเมืองไทยเอื้อต่อนายทุน กับสถาบันการเงินเท่านั้น  คนปกติทั่วไปให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 15 จากคุณ : TriNergy - [ 16 ต.ค. 51 09:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เท่าที่อ่านดู ปัญหามาจากสรรพากร  แต่กลับไปรวมกันด่าผู้ประกอบการ จากคุณ : หมูน่ารักจริงๆ - [ 16 ต.ค. 51 21:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อยากให้คิดกันมากๆ ก่อนด่าผู้ประกอบการ  ไม่ใช่เอะอะ อะไร ก็นายทุนรับไป   เรื่องนี้เป็นกฎหมายภาษีอากร และ หลักการบัญชี  ผู้ประกอบการหลายราย เขาก็ไม่อยากคิดแบบ Effective rate หรอก เพราะมันทำให้รับรู้รายได้งวดแรกมากๆ  ซึ่งในบางครั้ง หากเกิดหนี้มีปัญหาขึ้นมา ก็เท่ากับว่า เขารับรู้รายได้มากกว่าเงินที่เก็บได้ไปจริง  บางครั้ง ส่งกันมาแค่ 1 ปี  ก็ปล่อยหลุด  ทีนี้ รายได้ดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบการรับรู้แบบ Effective rate ไปแล้วก็ซวยเหมือนกันค่ะ เพราะรับรู้มากไป ก็เสียภาษีมากไปค่ะ   ก่อนด่าอะไร  ก็พยายามมองให้รอบด้านก่อนนะคะ   เรื่องบางเรื่อง มันซับซ้อนค่ะ  มองสองด้านนะคะ จากคุณ : วันนี้รักเธอที่สุด - [ 17 ต.ค. 51 11:49:59 ]