ความคิดเห็นที่ 1 ทำตามคู่มือติดรถมาเถอะครับ รถเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ แค่ 1000 โล ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรเลยครับ เขากำหนดให้เปลี่ยนอะไรที่กี่โลค่อยไปทำตามนั้นแหละครับ เขากำหนดให้ใช้น้ำมันเครื่องอย่างไร ใช้งานอย่างไร ใน ช่วง RunIn ก็ใช้ตามนั้น ไม่ต้องไปทำเก่งกว่าวิศวกรที่เขาออกแบบเครื่องมาครับ  เขาไม่มีทางซี้ซั้วเขียน Spec มั่วๆหรอกครับ จากคุณ : Poonoi - [ 7 ธ.ค. 51 14:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในคลังกระทู้ ตาม Link บอกชัดเจนแล้วนี่ครับ และ อย่าง คห 1 บอก ปฏิบัติตามคู่มือชัวร์สุด ไม่ทราบว่าอ่านรึยังครับ ของเหลวเช่นน้ำมันเครื่อง ก็ไปเปลี่ยนที่ 10000 กม ส่วนน้ำมันเกียร์ก็ตามตารางการเปลี่ยน   น้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์ประเภทไหน เค้าระบุอยู่ในคู่มืออยู่แล้ว จะให้ดีก็ไปเข้าศูนย์ตามระยะที่เค้ากำหนด แต่ถ้ามีอาการเสียอย่างอื่น ก็ไปเข้าก่อนกำหนดก็ได้ แต่ถ้าเงินเหลือเยอะ ก็เปลี่ยนของเหลวที่ 1000 กม. ก็ได้ไม่ว่ากัน แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 51 14:49:11 จากคุณ : ajs - [ 7 ธ.ค. 51 14:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านคู่มือแล้วครับ ให้เปลี่ยนที่ 10000 โล รถรุ่นนี้ผลิตออกมา 4 ปีแล้ว คิดว่าที่อ่านในคลังกระทู้จะเป็นทฤษฎีใหม่ เห็นพึ่งเขียนได้ไม่ถึงปี ดูมีความเชื่อถือ ในคลังกระทู้แยกความเห็นเป็นระยะเวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็น 3 อย่าง คุณ A-Z ให้ขับอัดไปเลย 100 โล แล้วเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง คุณช่างกล-หนุ่ม เปลี่ยน 1000 โล ในคู่มือรถ 10000 โล จากคุณ : optical - [ 7 ธ.ค. 51 15:30:28 A:58.64.107.168 X: TicketID:168901 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ครับในความเห็นผม จากที่ใช้รถป้ายแดง มา 5 คัน (ของที่บ้านด้วย ของส่วนตัวด้วย) ปฏิบัติตามคู่มือดีที่สุด ไม่มีจุกจิกไม่มีงอแง คันแรกเห่อมาก ๆ ใช้สังเคราะห์ตลอด ใช้ไปไม่เกิน 200000 กม. ก็ขาย คันต่อไปก็ใช้ธรรมดาตามเกรดที่ศูนย์ใช้ เปลี่ยนที่ 10000 กม. ไม่เกิน 200000 กม. ก็ขาย  น้ำมันแทบไม่แตกต่างกันมาก ยกเว้นความลื่นสังเคราะห์ดีกว่า  ผมไม่ได้ขับความเร็วสูงมาก ก็เลยใช้เกรดธรรมดาเปลี่ยนที่ 10000 กม แต่หลัง 100000 กม ผมไม่เข้าศูนย์ไปเข้าอู่ประจำ จากคุณ : ajs - [ 7 ธ.ค. 51 15:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราคงต้องทำตามคู่มือรถแหละครับ เพราะผลิตออกมาจากบริษัทรถที่รับประกันสินค้าเรา บางอย่างบางเรื่องอาจไม่เหมือนกับยี่ห้ออื่นๆทั่วไป จากคุณ : yamaha111 - [ 7 ธ.ค. 51 17:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รถ Honda ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามคู่มือ  เกียร์จะไปพังกันแถวๆ 100,000km คู่มือค่ามาตรฐานกลางๆที่แนะนำให้คนทั่วๆไปทำกัน แต่ถ้ารู้ถึงจุดอ่อนของค่าที่บอกตามคู่มือ  ก็ให้ดัดแปลงแก้ไขกันเอาเอง จากคุณ : ton99 - [ 7 ธ.ค. 51 19:25:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รถผมออกเมื่อ5 ปีที่แล้ว เปลี่ยนนมค. ครั้งแรกที่ 10000 กม.ครับ ปัจจุบัน หนึ่งแสน กม. ยังใช้งานปกติอยู่ จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 7 ธ.ค. 51 21:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทำ link ให้ครับ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2007/12/V6131999/V6131999.html จากคุณ : ถัง - [ 7 ธ.ค. 51 23:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ A-Z ให้ขับอัดไปเลย 100 โล แล้วเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง คุณช่างกล-หนุ่ม เปลี่ยน 1000 โล >>>>>>>>> ตอนนี้ผมยังจับประเด็นคำถามไม่ถูกว่า จขกท อยากถามอะไร เดี๋ยววันนี้จะกลับมาตอบ ครับ แต่ผมนึกไม่ออกว่า ผมบอกตรงไหนให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ 1000 โล แล้วคุณ A-Z ทำไมคึกอย่างนั้น เปลี่ยนอะไรที่ 100 โล ?????? จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ธ.ค. 51 04:30:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราคงต้องทำตามคู่มือรถแหละครับ >>>>> ตอบอย่างนี้ เรียกว่า "กำปั้นทุบดิน" ครับ คู่มือ ไม่ใช่ ตำรา คู่มือเป็นแค่แนวทางให้ปฏิบัติ และคู่มือเขาไม่บอกเหตุผลว่า ที่เขาให้ทำอย่างนั้น ทำไมถึงให้ทำ ????? สมัยก่อนมีคนเรียก instruction แปลว่า เขา"สั่ง" ให้ทำ ถ้าคุณเที่ยวบอกว่า "ทำตามซิ" ผมว่า ประมาณราวๆ กับพวกที่รับคำสั่ง ...... ซ้ายหัน ... ขวาหัน ... เอ้า ... บุก .... ไปตายเอาข้างหน้า .... พอตายแล้ว จ้าวนาย ก็เดินเหยียบศพ เดินข้ามไปครอบครองพื้นที่ที่ยึดมาได้ .... จริงไหม กรุณาเถอะครับ ที่สอนให้เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย นั่นดี ดี ที่คนสอนไม่หนักใจ ว่าอะไรก็ว่าตามๆกัน เป็นแถว ราวกับเดินบนคันนา ชาวโลกที่เจริญแล้ว เขาต้องการรู้  Know Why ไม่ใช่ได้แต่ทำตาม คู่มือ โดยไม่เข้าใจ อย่าโกรธที่เตือน จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ธ.ค. 51 04:38:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คู่มือ ไม่ใช่ ตำรา >>>>>> ต่อให้ตำรา ก็เถอะ ตำรา คือ หนังสือที่เขาเขียนจากข้อมูลใน "อดีต" .... ไม่เชื่อเถียงผมเถอะครับ มีตำราเล่มไหนที่เอาข้อมูลปีหน้ามาเขียน ถ้าเรางมงายมัวยึดมั่นยึดติดได้แต่อ้างตำรา เราจะถูกกาวตราช้างยึดติดกับอดีต ไม่เห็นหรือครับ ตำราเล่มใหม่ออกมาทุกวัน จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ธ.ค. 51 04:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ต้องไปทำเก่งกว่าวิศวกรที่เขาออกแบบเครื่องมาครับ  เขาไม่มีทางซี้ซั้วเขียน Spec มั่วๆหรอกครับ >>>>>>> ครับ Loyalty ดีแท้ แปลว่า จงรักภักดี ยอดเยี่ยม ทำไมถึงตีกรอบความคิด คับแคบ อย่างนี้ ทะลายกรอบสักหน่อย จะเห็นอะไรดีดี ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ธ.ค. 51 04:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ฟิ้วสสสส ผมขอตัวไปเมามันกับการ Tune UP PC ก่อน กำลังสนุกเชียวครับ แล้วจะกลับมาโม้ต่อ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 8 ธ.ค. 51 04:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ู^ ผมก็แนะนำตามคู่มือด้วยเหมือนกัน แต่ก็เพราะว่า เกิดเจ๊งบ้งขึ้นมา เค้าจะได้รับประกันแต่โดยดีไงครับ หลังพ้นประกันไปแล้ว จะทำยังไงตามสบายเลย ใช่ไม่ใช่ พี่น้องงงงงง จากคุณ : penn's - [ 8 ธ.ค. 51 22:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมอ่านความเห็นคุณช่างกลหนุ่มแล้วเข้าใจอย่างนั้นครับ ให้อัดตอนแรก แล้วทำตามคู่มือคือเปลี่ยนที่ 1000 โล ความเห็นของคุณ A-Z ที่ว่าให้เปลียนที่ 100 โล วิธีที่ทำให้แหวนเข้าที่ดีที่สุดคือ วอร์มเครื่องให้ได้อุณหภูมิเสร็จ ให้โลหะต่างๆขยายตัวเข้าที่เสร็จ . . . . อัดได้เลยครับ . . . . ครั้งแรกไม่ต้องอัดเต็ม เอาซัก 50-60% แล้วก็ค่อยเพิ่มไป 3-4 เที่ยว จนอัดเต็มที่ไปเลย ในซัก 50-100 กิโลแรก แล้วรีบๆเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งแรกเลย ขอทวนคำถุามอีกครั้งครับ ขอหนึ่ง ที่บอกว่าให้ขับอัดไปเลย ต้องความเร็วระดับไหนถึงเรียกว่าอัดครับ รถผมมันล๊อกความเร็วที่ 160 ใช้รอบ 3500 รอบ แต่ขีดแดงมันอยู่ที่ 4500 รอบ ขอสอง หลังรันอินของเปลี่ยนอะไรบ้าง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ต้องเปลี่ยนทั้งหมดไหมครับ จากคุณ : optical - [ 9 ธ.ค. 51 00:47:34 A:58.64.51.175 X: TicketID:168901 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เปลี่ยนก่อนกำหนด ที่ระบุไว้ในคู่มือ ไม่มีข้อเสีย เสียแต่เงิน น้ำมันเครื่องจากโรงงานเป็นน้ำมันธรรมดา โมโนเกรด ราคาถูก จากคุณ : ป๋า - [ 9 ธ.ค. 51 08:23:52 A:unknown X:203.149.16.35 TicketID:110672 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมก็แนะนำตามคู่มือด้วยเหมือนกัน แต่ก็เพราะว่า เกิดเจ๊งบ้งขึ้นมา เค้าจะได้รับประกันแต่โดยดีไงครับ >>>>>>>>> มีเหตุผลดี ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 ธ.ค. 51 20:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ลืมของคุณ คุณถัง ช่วยทำลิ้งค์ให้เข้าสะดวก :-) จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 ธ.ค. 51 20:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมอ่านความเห็นคุณช่างกลหนุ่มแล้วเข้าใจอย่างนั้นครับ ให้อัดตอนแรก แล้วทำตามคู่มือคือเปลี่ยนที่ 1000 โล >>>>>>>> ผมไม่ได้บอกให้เปลี่ยน้ำมันครั้งแรกที่ 1000 โล ครับ กระทู้เก่าๆ ผมไม่สนับสนุนให้เปลี่ยนที่ 1000 โล .... เปลี่ยนทำไม ครับ ???? ผมมีเหตุผลครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ผมจะเดาเอาเอง ผมใช้ข้อมูลจากการทำ Lube Oil analysis  มาประกอบข้อสรุปนี้ จะเล่าให้ฟัง ดังนี้ ช่วงหนึ่งผมต้องดูแลเครื่องจักรใหญ่อย่างใกล้ชิด เครื่องจักรใหญ่พวกนี้ การสึกหรอ การซ่อมบำรุงแพง เราต้องระวังการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมากเป็นพิเศษ ผมให้ช่างเก็บ "ตัวอย่าง"  used oil มาให้ผมทุกอาทิตย์ เพื่อส่ง Lab Esso พระราม 4 (ช่วงนั้น ผู้จัดการคือ คุณ เสน่ห์ ปัจจุบันเป็นนักพูด) ผล Lab มีค่าต่างๆ หลายตัว ... แต่จะไม่พูดรายละเอียดทุกตัว มีตัวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ Metal content  อันประกอบด้วย Cu, Cr, Fe ฯลฯ ปริมาณ Metal content แต่ละตัวที่ตรวจพบว่ามีค่า "สูงกว่าค่าปกติ" จะเป็นตัวบ่งชี้... การสึกหรอที่ชิ้นส่วนใดบ้าง และยังบอกอะไรอีกบางอย่าง (งดพูดละเอียด เดี่ยวยาวมาก) ตัวอย่างในกระทู้ข้างล่าง เมื่อไม่กี่วันนี้ ผมเคยเล่าว่า ผล Lab  ของน้ำมันเครื่อง Esso D3 และ PTT D3 แสดงค่าของ X - metal content สูงว่าปกติ อย่างมีนัยสำคัญ และตรวจพบทั้งสองยี่ห้อ   ====> อะไรที่ผมสงสัย เชื่อเถอะ ยี่ห้อผมจะต้องซัก กัดไม่ปล่อยจนได้ความว่า "ในปีนั้น" (253x ถ้าจำไม่ผิด) PTT เขาเปิดประมูลผู้ผลิตน้ำมันให้เขา และปีนั้น Esso ประมูลได้ แน่นอน น้ำมันเครื่องสูตรเดียวกัน ย่อมเหมือนกัน และผมเห็น D3 ห้อยท้ายทั้งสองยี่ห้อ .... ไม่เชื่อ..ลองค้นประวัติศาสตร์ดูซิครับ :-) ผมเล่าประวัติศาสตร์ .... เรื่อง Metal content เพื่อจะบอกว่า .... (ต่อ) แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 51 21:07:04 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 ธ.ค. 51 20:58:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเล่าประวัติศาสตร์ .... เรื่อง Metal content เพื่อจะบอกว่า ..... ความเชื่ออะไรที่ครอบงำ เรามานาน คือ ความเชื่อที่ผิดๆ ที่ว่า เครื่องใหม่ๆ หลังเอาออกมาวิ่งสักระยะ  100 โล 1000 โล ภายในเครื่องจะมี "เศษผงโลหะ" ถูกขัดสีหลุดออกมาปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง ... และ  บางคนคิด เลยเถิด เตลิดเปิดเปิงว่ามี "สิ่งสกปรก ฝุ่นผงจากภายนอก" หลุดเข้ามาตอนประกอบเครื่องมันด้วย จึงต้องรีบถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้ง ... จึงแนะนำให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันที่ 1000 โล ผมยืนยันว่า "เศษผงโลหะ (metal content)" หลังการวิ่ง 1000 โล ตรวจไม่พบ แม้ Trace น้อยๆก็ตาม ... ผมต่อให้ 3,000 โล ก็ได้ หรือจะเอาให้สุดโต่งไปถึง... หมื่นโล ยังได้ ... จะได้มั่นใจ ผมขอให้เก็บเอา sample used oil ที่คุณถ่ายทิ้ง เก็บใส่ขวดแม่โขง ส่งไป Lab Esso บอกให้เขาทำ Metal Count ตรวจหา metal content .... แล้วมานั่งกระดิก Teen รอ ดูผล .... ที่ผมไม่ต้องบอก เพราะท่านทั้งหลายคง เดาได้ ... จริงไหมครับ ... ลองคิดดูเถอะครับ รถอะไรที่วิ่ง 100 โล 1000 โล มันจะสึกอะไรนักหนา หลุดออกมาปนเปื้อนในน้ำมันเครื่องมากมาย ก่ายกอง จนต้องถ่ายทิ้ง ถ้ารถยี่ห้อไหนเป็นอย่างนั้น จริง แสดงว่า โลหะวิทยา มันแย่มาก .... จริงไหมครับ ท่าน A-Z   จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 ธ.ค. 51 21:30:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบคำถาม จขกท ขอทวนคำถุามอีกครั้งครับ ขอหนึ่ง ที่บอกว่าให้ขับอัดไปเลย ต้องความเร็วระดับไหนถึงเรียกว่าอัดครับ รถผมมันล๊อกความเร็วที่ 160 ใช้รอบ 3500 รอบ แต่ขีดแดงมันอยู่ที่ 4500 รอบ >>>>>>>> เร่งได้สุด max - RPM ครับ แต่ไม่ ล้อคความเร็ว ให้เร่งแล้วผ่อน รถผม Overhaul เสร็จ Run-in แบบ Max-RPM เร่งแล้วเบา ทำสลับกัน ไม่กี่กิโล ก็โอเค   คำถาม : ทำไม เร่งๆ เบาๆ ผมอธิบายเรื่องหินลับมีด และนำลิ้งค์มาอ้างให้ดูในกระทู้นั้น เขาอธิบายว่า พอเบาเครื่อง "ปิดลิ้นผีเสื้อ" ภายในท่อดูด ตลอดจนห้องลูกสูบที่กำลังวิ่งลง มันทำให้จะเกิดแรงดูด vacuum ===> ทำให้ฟิล์มน้ำมันที่อยู่ตามผิวกระบอกสูบ ถูกดูดไหลผ่านตามร่องแหวน ช่วยชะล้างเศษผงสึกหรอที่อยู่ในร่องแหวน ให้หลุดออก และดันออกไปในจังหวะคาย .... ในเวปเขาเล่าว่า จะเห็นควันขาวออกทางท่อไอเสีย จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 ธ.ค. 51 21:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เร่งได้สุด max - RPM ครับ >>>>>>> สงสัย ไหม ทำไม คู่มือเขาไม่บอกให้เร่งขนาดนี้ ???? ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจ เรื่อง Load กับ RPM สองตัวนี้มีความหมาย ไม่เหมือนกัน .... อะอะ  ไม่ได้พูดถึง คำแปล ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ขอแรงเพื่อนๆ ลองทำแบบสอบถาม เดินสุ่ม หรือ ถามดะไปเลยว่า เขาเข้าใจว่าอย่างไร เร่งรอบสูงสุด max-RPM รถออกแรงเต็มที่ ใช่ไหม ? หลังจากไล่ถามสัก 10-20 คน คุณจะพบว่า   คนส่วนมากจะเข้าใจผิดว่า เครื่องยนต์ที่เร่งรอบสูงสุด max RPM  คือ Heavy Duty แต่ความจริง Max-Load กับ Max-RPM มันต่างกัน คือ NO Load เมื่อเร่ง Max-RPM  ก็ได้ .... เชื่อไหม ?? จอดเข้า N อยู่เฉยๆ แล้ว เร่งสุดๆซิครับ นี่ไง No-load @ max-RPM การ RUN-In เขาไม่ทำที่ max-Load AND top-RPM ถ้าผมในฐานะวิศวกร เขียน Manual โดยเขียนว่า ให้ run-in ที่ light load และ Max RPM ลองนึกดูซิครับ ใครก็ตามที่อ่าน Manual ที่ผมเขียนอย่างนี้ เขาจะเข้าใจ Light Load ไหม ?? คนทั่วไป เขาเข้าใจ min-RPM และ max-RPM ได้ง่ายกว่า ด้วยเหตุนี้ คู่มือเขาจะกำหนด border line RPM เอาไว้ เพื่อให้ปฏิบัติได้ง่ายกว่า มัวคิดเรื่อง Load หนัก หรือ Load เบา .... จริงไหม ครับ ?? ข้อแนะนำที่ผมตอบ ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับ Manual ทั้งนั้น ผมไม่ได้เขียนทฤษฎีใหม่ครับ แต่มีบางข้อที่ผมทะลึ่งบอกไปแล้ว มันเกิดไม่ตรงเป๊ะๆกับ Manual ผมก็ได้อธิบายชี้แจงเหตุผลทางเทคนิคไว้ข้างบนแล้ว ชี้แจงที่มามันเป็นอย่างนั้นเพราะอะไร  .... หวังว่าคงจะเข้าใจ และ อย่ากล่าวหาว่า ผมเก่งกว่าวิศวกร เพราะผมก็คือปลาในข้องเดียวกัน ผมอาจจะผอมกว่าปลาตัวอื่น เพราะไม่ค่อยมีกิน ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 ธ.ค. 51 22:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอสอง หลังรันอินของเปลี่ยนอะไรบ้าง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ต้องเปลี่ยนทั้งหมดไหมครับ >>>>>>> คำถามข้อสอง คงไม่ต้องตอบ นะครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 9 ธ.ค. 51 22:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับคุณช่างกล-หนุ่ม ขอถามอีกข้อ ในคู่มือรถเขียนว่าช่วงรันอินมีข้อห้ามหลักอยู่ 2 ข้อ ห้ามจอดเข้าเกียร์ว่างแล้วเร่งเครื่อง No-load ห้ามบรรทุกของหนัก max-Load แล้วความพอดีของมันอยู่ตรงไหนครับ จากคุณ : optical - [ วันรัฐธรรมนูญ 00:01:23 A:58.64.51.126 X: TicketID:168901 ]

ความคิดเห็นที่ 25 1) ห้ามจอดเข้าเกียร์ว่างแล้วเร่งเครื่อง No-load 2) ห้ามบรรทุกของหนัก max-Load แล้วความพอดีของมันอยู่ตรงไหนครับ >>>>>>>>> เป็นคำถามที่ดี .... คุณรวมรวมคำถามได้ดี ... ก่อนจะตอบคำถามนี้ ผมเห็นความสนใจของคุณ จึงอยากทำความเข้าใจจริงจัง สังเกต .. ที่ได้ผมพูดในคห.#10 ข้างบน ที่ว่า "คู่มือ vs ตำรา ไม่เหมือนกัน" เราจะเห็นได้จาก ข้อห้าม 2 ข้อ ......  Manual เขาเขียนสั้นๆ และ ไม่อธิบายเหตุผล .... ถ้าใครมาบอกว่า "ให้ทำตามคู่มือ ซิ"   คุณ..ในฐานะผู้ปฏิบัติ เมื่อคุณไม่เข้าใจ และ ไม่รู้เหตุผล การปฏิบัติก็จะไม่ได้ผลที่สมบูรณ์ นั่นคือ "ได้ผลตามสมควร + ถ้าเกิดพัง ก็ยังมีคนรับประกัน ...  (ตามคุณ penn's พูด :-) ทำไมถึง ได้ผลตามสมควร ก็เพราะ ผู้ปฏิบัติ คือ เจ้าของรถ น้อยคนเหลือเกิน ที่จะให้ความสนใจอย่างจริงจัง และ ช่างซัก ถามหา จุด Optimum "ความพอดี" อยู่ตรงไหน ?? คำตอบ คือ ... ให้เติมคำว่า มากเกินไป ในข้อห้ามทั้ง 2 ข้อ ครับ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 07:05:48 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 06:59:55 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ วันรัฐธรรมนูญ 06:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าจะถามวิธี Run-in ให้ได้ผล Optimum สมบูรณ์แบบจริงๆ คุณจะต้องเริ่มต้น ตั้งแต่เอาขึ้น Dynamo ในโรงงาน ทำตามขั้นตอนการ Run-In บน Dynamo แล้วมาจบลงที่ขั้นตอน Run-in ตามคู่มือ ขั้นตอน Run-in ตามคู่มือ เป็นขั้นตอนสุดท้าย ประมาณว่าเป็นการ  fine tune ที่จะให้ความสมบูรณ์ เหมือนคนลับมีด เมื่อลับด้วยหินหยาบ หินละเอียด (แนะนำหิน ตราห่าน หรือ ตราเสือ :-) .... แล้วจบลงด้วยหินน้ำมัน สีเขียวๆ มีดที่คุณบรรจงลับอย่างนี้ จะคมบาง คมละเอียด  และ ... คมนาน ผิวสัมผัส ระหว่าง แหวน และ กระบอกสูบ ก็เหมือนมีด จะมีผิวเรียบ ละเอียด และสัมผัสกันได้พอดี .... การระบายความร้อนของแหวน และ การ Seal กันแก็สรั่ว ก็จะได้ผลดีเยี่ยม ... ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ วันรัฐธรรมนูญ 07:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมถามบ้าง ข้อห้าม ทั้ง 2  ทำไมเขาห้ามอย่างนี้ 1) ห้ามจอดเข้าเกียร์ว่างแล้วเร่งเครื่อง No-load 2) ห้ามบรรทุกของหนัก max-Load ที่ผมถาม เพราะในกระทู้ตามลิ้งค์ข้างบน คุณ A-Z มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ วันรัฐธรรมนูญ 07:19:11 ]