Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ขี่รถให้ลืมเธอ ... 5 gears ago

    Base on True Story ...
    คำเตือน : ตัวอย่างที่ดี ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

    ...

    รถขนาด 400 ซีซี
    ที่เกียร์ 5
    รอบเครื่อง ราวๆ 9000
    ความเร็วราวๆ 120 กม/ชม.
    บนถนนเส้นราชพฤกษ์ เส้นทางที่ผมใช้กลับบ้านเป็นประจำ ...
    ผมก็ขับกลับบ้านในตอนเช้า เหมือนทุกๆวัน

    วันนี้เคลียร์งานเสร็จเร็วหน่อย ตี 3 ก็เสร็จแล้ว
    เพราะทุกคนเร่งมือกันให้เสร็จ เพื่อจะได้ไปร้องคาราโอเกะกันต่อ
    แต่ผมขอตัวกลับบ้านเพราะปวดหัว กับอะไรไม่รู้ที่เต็มไปหมด

    หมวกกันน็อคที่ใส่ก็เต็มใบปกติ แต่ไม่รู้ลมที่ไหน พัดเข้ามาข้างใน
    เข้าตาจนกระทั่ง " น้ำตาไหล " ออกมา

    ..
    ผมกำคลัชแล้วยัดเกียร์ลงเป็นเกียร์สี่อย่างรวดเร็ว ..
    รอบเครื่องกระชากและดังตื้อ..ขึ้นทันที ความเร็วไล่ขึ้นไปเรื่อย
    จากนั้นรีบยัดเป็นเกียร์ 5 ความเร็วอยู่ที่ 160 กม./ชม.
    ความเร็วขนาดนี้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับผมไปแล้ว

    แต่ที่ไม่ปกติคือสภาพจิตใจที่ในสมองมีแต่เรื่องของเธอคนนั้น

    เหมือนว่าเรากำลังคุยกับเธอคนนั้นอยู่
    เราจะคุยอะไรกับเธอคนนั้นดี ในเมื่อเราจับ " โกหก " เธอได้
    แต่เธอยังไม่รู้ " ว่าเรารู้ "

    เราจะพูดอะไรกับเธอคนนั้น เพื่อตัดขาดเยื่อใย
    ทางใครทางมัน อย่ามาวนเวียนในชีวิตของกูอีกจะได้มั้ย
    อย่าไปโกหกใครอย่างนี้อีกเลย ..
    มันไม่ง่าย กว่าที่คนเราจะ " ไว้ใจ " ใครสักคน
    มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ..

    เกียร์ 6 ยัดเข้าไปที่ความเร็ว 160 กว่าๆ ..

    แต่ข้างหน้าเป็นคอสะพานเร็วต้องปล่อยความเร็วให้ตกลงมา
    ไม่เกิน 140 กม/ชม.
    ต้องวิ่งขึ้นแบบทะแยง เพื่อลดการเหิน ..

    ในร่างกายผมขับไปแบบอัตโนมัติ
    รู้ได้เลยว่า ไม่มีอะไรสั่งการออกมาจาก "สมอง " นอกจาก "สันชาตญาณ"
    ที่เคยวิ่งเส้นทางนี้เป็นประจำ

    น้ำตายังคงไหลอยู่
    จนกระทั่งมาถึงเส้นที่ตัดกับ รัตนาธิเบศร์
    เลี้ยวซ้าย กลับบ้าน ตรงไปเป็นวนเวียนกลับรถ วิ่งไปสพานพระนั่งเกล้า ..

    ผมเลือกที่จะ ตรงไปเหวี่ยงโค้ง ไปทางพระนั่งเกล้าแทน
    เพราะถนน ตอนนั้นเวลา ตี 3 กว่าๆ โล่งพอ
    ให้ผมซัดรถได้อย่างไม่ปราณี ..

    วิ่งจากเส้นในซ้ายสุด วิ่งออกไปเพื่อข้ามสะพานพระนั่งเกล้าอันใหม่
    ที่ถนนอยู่สูงกว่า ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ ..

    ที่เกียร์ 6 ความเร็ว 170 กม/ชม
    ผมแซงรถทุกคันที่ผ่านมาแบบไม่ต้องคิด ..
    สิบล้อที่วิ่งตีคู่กันเหลือช่องให้ " เสี่ยง " แบบมีอัตราเสี่ยงสูงมากกว่า 60%
    ที่จะให้ผมเละ ... ผมก็มุดฝ่าออกไป ..

    ขาขึ้นสะพานพระนั่งเกล้า
    ถนนที่เพิ่งทำใหม่ น่าจะดีกว่านี้
    เพราะมันมีรอย ปุปะ .. มากกว่า สะพานที่เพิ่งสร้างเสร็จมากๆ
    เป็นงานศิลปะ ที่หยาบคาย และก้าวร้าวจริงๆ ..

    ตัวโค้งบนสะพานก็ไม่รับกับความเร็ว ..

    ผมวิ่งขึ้นไปไลน์ไหนก็ไม่รู้ เจอเนินเล็กๆ ลูกนึง
    มันกระแทกผมลอยขึ้นเบาๆ
    ก้นผมลอยออกจากเบาะ
    ขาผมลอยออกจากที่เหยียบทั้งซ้ายและขวา

    แล้วก็ลงมาเข้าที่เดิมเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น ..
    ผมก็ยังไม่หยุด ความบ้าระห่ำ ของตัวเอง ..
    ยังคงกระหน่ำความเร็วแบบสุดตัว

    จนกระทั่งเกือบถึงแยกแคลาย
    เพื่อกลับรถไปบ้าน
    ผมจอดพักรถ
    พักทุกสิ่ง

    ผมคิดในใจ " ไอ้ here เอ๊ย อย่าทำแบบนี้อีกเลย มืงคงไม่โชคดีแบบนี้เสมอไป "

    ใช่ฮะ

    ผมคงไม่โชคดีแบบนี้เสมอไป

    ผมยังคงมีอะไรมากมายให้ต้องทำ
    ต้องกลับมาบ้านกอดลูกสาว ของผม
    ต้องเคลียร์งาน
    ต้องเช็ครถ
    ต้องไปเยี่ยมญาติ วันปีใหม่
    ฯลฯ

    อย่าให้อารมณ์ อยู่เหนือเหตุผล อีกเลย ..

    จากนั้นผมก็ค่อย ขับกลับมาบ้าน ตามปกติ ...
    และพยายามบอกตัวเอง ให้เอาเรื่องของเธอ ทิ้งไปซะ
    เสมือนว่า ฝันไป และไม่เคยมีเธออยู่จริงๆ

    ยิ่งคิดเท่าไหร่มันก็ยังวนในสมองตลอดมา

    แต่สักวันผมต้องลืมมันให้ได้
    แล้วก็จะจำเอาไว้ว่า " ไม่ควรขี่รถเร็ว เพราะอารมณ์ที่ขุ่นมัว และไร้สติ "

    เรื่องราวของผมมันเป็นราวแย่ๆ ที่ไม่อยากให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
    ใจผม ไม่อยากมานั่งแสดง ความอ่อนแอ ให้ใครเห็นสักเท่าไหร่
    แต่ผมคาดว่า มันคงเป็นประโยชน์ " บ้าง "

    สำหรับคนที่ขับขี่รถ แบบขาดสติ
    ไม่ว่าจะเมาเหล้า หรือ เมารัก ..

    ผมก็แค่คนโชคดีคนนึงที่ ความตายมันยังช้าและน้อยไปสำหรับผม

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เรื่องโง่ๆ ของผมฮะ

    ถ้าคุณพอจะผ่านตามาบ้าง
    ภาพชุด " Morning View "
    ที่เคยเอาลงใน ห้องนี้แหละ เป็นภาพชุดที่ผมถ่ายให้เธอคนนั้น ..

    แต่ตอนนี้ ภาพนั้นคงไม่มีค่าอะไรอีกแล้วล่ะ ..
    แสงแดด ที่อบอุ่นสายลมที่หนาวเหน็บ

    คงปล่อยให้เรา อยู่คนเดียวตามลำพังต่อไป
    คงเป็นคำสาบที่ ไม่มีวันลบเลือนจนวันตาย ..

    ไปล่ะครับ ลูกสาว ร้องงี๊ดๆ ให้เปิดประตูบ้านแล้ว ..

     
     

    จากคุณ : เด็กนรกฯ - [ 25 ธ.ค. 51 09:10:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom