ความคิดเห็นที่ 1 ... จากคุณ : Sutad - [ 25 ธ.ค. 51 13:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พอน้ำมันถูกลง จำนวนลิตรที่ขายได้เพิ่มขึ้น อันนี้เห็นด้วยเหมือนกัน แต่คงไม่ขนาด 34 ลิตรไปเป็น 77 ลิตรมังครับ จากคุณ : Ontjung - [ 25 ธ.ค. 51 13:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ใช่แค่ค่าการตลาดที่คิดเป็น บ./ลิตร ยังมีกองทุนด้วย ลองดู 95 ต้นทุน 9 บาท โดน กองทุนไป 7 บาท ภาษีอีก 3.6 บาท รวมกันก็เกิน 2 เท่าของต้นทุนแล้ว ไหนจะค่าการตลาดกับ VAT 2 ต่ออีก เศร้า... ซะเมื่อไหร่ ว่าแล้วก็ LPG ต่อไป จากคุณ : Redrum - [ 25 ธ.ค. 51 13:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น้ำมันถูกลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขายได้เพิ่มขึ้นนะครับ สมมุติ ค่า market 2 บาท สมมุติน้ำมันลิตรละ 30 ปั๊มขายได้วันละ 10000 ลิตร เค้ามีรายได้ 20000 บาทต่อวัน น้ำมันลิตรละ 15 ปั๊มขายได้วันละ 10000 ลิตรเท่าเดิม เค้าก็มีรายได้ 20000 บาทต่อวันเหมือนเดิม จากคุณ : KhunGong - [ 25 ธ.ค. 51 14:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 น้ำมันถูกลงขายได้มากขึ้นแน่นอน ดูรถทุกวันนี้ซิ เพิ่มขึ้นมหาศาล จากตอนน้ำมันแพง คนไม่ใช้รถกัน..... จากคุณ : ..... - [ 25 ธ.ค. 51 15:41:29 A:210.246.64.76 X: TicketID:192091 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อืม มีน้ำมีเนื้อหน่อย กระทู้นี้ จากคุณ : Theaters - [ 25 ธ.ค. 51 16:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเคยเอาค่าการตลาดของน้ำมันทุกชนิด และทุกวันที่มีประกาศในเว็บ EPPO มาคำนวณแบบถ่วงน้ำหนัก ร่วมกับปริมาณการขายน้ำมันแต่ละชนิด ในแต่ละเดือน นับ ม.ค. - ต.ค. ได้ค่าการตลาดเฉลี่ยแค่ 1.22 บาท/ลิตรเท่านั้น http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V7321795/V7321795.html#36 อีก 2 เดือนหลัง ปริมาณการขายน้ำมันอาจจะสูงขึ้นบ้าง แต่ก็มีส่วนของดีเซลที่น่าจะลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจ ถ้าถามผมว่า 2 เดือนสุดท้าย ค่าการตลาดที่เห็นอยู่ จะดึงให้ค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งปี ขึ้นไปถึง 1.5 บาท/ลิตรมั้ย ? ผมว่าไม่ถึง จากคุณ : P_Wut - [ 25 ธ.ค. 51 17:48:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ู^ ^ แกก็มีเหตุผลของแกนะ คิดเลขให้ดูเป็นหลักฐานด้วย ผมก็ว่าแกก็ทำถูกนะ ไม่ใช่แถเอาอย่างเดี่ยว แต่ผมแค่รู้สึกว่า ปตท ไม่ค่อยโปร่งใสสักเท่าไหร่ จากคุณ : I-PULSE - [ 25 ธ.ค. 51 17:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คิดแบบ fix profit วิธีนี้ถูกต้องแล้วครับ ไม่งั้นถ้าช่วงน้ำมันแพง ผู้บริโภคตาย เวลาน้ำมัรถูก ปั๊มตาย จากคุณ : นำ - [ 25 ธ.ค. 51 19:00:20 A:58.10.27.107 X: TicketID:162958 ]

ความคิดเห็นที่ 10 การเอาจำนวนเงินเท่าเดิมมาซื้อที่ระดับราคาที่แตกต่างกัน  ผมยกตัวอย่างแบบง่ายๆ เพื่อให้เห็นภาพครับ  ไม่ได้ต้องการสื่อว่าผู้ค้าน้ำมันจะขายได้ปริมาณเพิ่มขึ้น  หรือลดลง  แต่ที่แน่ๆ  ตามหลักเศรษฐศาสตร์  เมื่อราคาสินค้าลดลง  ความต้องการเพิ่มขึ้น  เพิ่มในสัดส่วนเท่าไร  ขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาครับ ที่ต้องการเน้นให้เห็นคือตัว Gross profit margin ที่สูงขึ้นสองเท่ากว่า  หมายความว่าไง ???   กรณีปริมาณขายเท่าเดิม  ผู้ค้าเอ ทำกำไรได้เท่าเดิม  ขณะที่ใช้เงินลงทุนน้อยลง  เท่ากับว่าเงินหมุนเวียนที่ใช้ลดลง  ทำให้มีเหลือไปหาผลตอบแทนอย่างอื่นได้  เช่น  ฝากแบงค์  พันธบัตร  ตั๋วแลกเงิน  และหุ้น  เป็นต้น  หรือหากว่าที่ผ่านมาผู้ค้าเอใช้ Leverage ในการดำเนินธุรกิจ  ตรงนี้ก็จะทำให้ผู้ค้าลดการใช้ลง  ผลลัพธ์คือต้นทุนทางการเงินลดลง กรณีปริมาณขายเพิ่มขึ้น  แน่นอนว่าผู้ค้าได้กำไรเพิ่มขึ้น  การเพิ่มขึ้นทุกร้อยบาท  จะทำให้ผู้ค้าเอได้กำไรขั้นต้น 13.57 บาท  ดังนั้นในช่วงนี้  จะเห็นผู้ค้างัดเอาโปรโมชั่นแถมน้ำ  หรือลดราคาน้ำมันต่ำกว่าราคากลางมาใช้   กรณีอื่นๆ  ---  ขี้เกียจพิมพ์แระ การทำธุรกิจที่เป็นธรรมและโปร่งใสจะทำให้ผู้ค้าและลูกค้าต่าง win-win ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ที่มีการขัดแย้งกันไปในทุกระดับของสังคม ดังนั้นอย่าไปดูเลย  ว่าค่าการตลาดเฉลี่ยปีนี้จะเป็นเท่าไหร่  แต่ดูว่าการกำหนดราคานั้นเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายหรือไม่ครับ จากคุณ : Sutad - [ 25 ธ.ค. 51 19:39:17 ]