ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าบอกตรงๆมาเลยเหอะ ไม่เสียเวลาไม่เสียน้ำใจ ผมไม่โกรธเค้านะถ้าเขาจะไม่ค้ำให้ ขอให้บอกมาเลตรงๆ อย่าประวิงเวลา เค้าจะได้มีเวลาไปหาคนอื่นมาค้ำแทน ตอนผมจะซื้อรถเคยขอให้เพื่อนที่สนิทกันมากค้ำประกันให้เหมือนกัน ตอนแรกตกปากรับคำกันอย่างดีพร้อมจะช่วยค้ำให้เพราะมันไว้ใจเรื่องวินัยการเงินของเรา แต่พอเอาเข้าจริงๆ อิดออดนั่นโน่นนี่ เอกสารไม่ครบมั่งหล่ะ ไม่มีเวลาไปขอเอกสารมั่งหล่ะ ฯลฯ เสียเวลาไปสามอาทิตย์ สุดท้ายผมเลยตัดปัญหาด้วยการเพิ่มดาวน์ไม่ต้องใช้คนค้ำเพราะไม่อยากเสียเพื่อนที่คบกันมานาน ลำบากหาเงินเพิ่มเองอีกหน่อย(จริงๆก็ไม่หน่อยอ่ะนะ เพิ่มจาก 10% เป็น 20%) เพราะอยากได้รถในเดือนนั้นเลยเลยไม่อยากไปหาคนค้ำใหม่อีก จากคุณ : imbirdy2 - [ 9 ม.ค. 52 13:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเป็นเพื่อนกันจริง เมื่อเพื่อนเดือดร้อน เราควรช่วยเหลือ แต่ ถ้าคุณคิดว่าช่วยแล้วมันจะทำให้ตัวคุณเดือดร้อน เช่น การค้ำสินเชื่อ ควรหาทางปฏิเสธดีๆ และควร ให้ความช่วยเหลือเค้าด้านอื่นแทน เช่น แนะนำ หรือ เป็นที่ปรึกษาให้ ไม่ใช้ ปฏิเสธ แล้ว หักหาญน้ำใจกันเลย มันก็ไม่ถูก จากคุณ : คนจ๊นจน - [ 9 ม.ค. 52 14:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าช่วยเขาได้ โดยที่เราไม่เดือดร้อน ผมก็ช่วยครับ  แต่ถ้าเข้าทำนองที่ว่า "เอ็นดูเขา  เอ็นเราขาด"  ก็คงต้องปฏิเสธไป    อย่าง คห.2 ว่าครับ  ในส่วนของผม ผมก็บอกตรงๆครับ  และช่วยเหลือด้านอื่นแทน ในส่วนที่เราช่วยได้  เพื่อเป็นการแสดงน้ำใจ     ผมเคยเจอกรณีที่เพื่อนมาให้ค้ำประกันเงินกู้  แต่ผมปฏิเสธไปตรงๆ อย่างสุภาพ  และเสนอความช่วยเหลืออย่างอื่นแทน  แต่เพื่อนผมโกรธมาก และต่อว่า(ด่า)  ผมอย่างรุนแรง(ถึงขั้นขุดบรรพบุรุษ)  และอ้างบุญคุณที่เขาเคยทำให้กับผม  และประกาศตัดเพื่อนกับผมทันที  ซึ่งผมก็ยืนยันตามที่ได้บอกไปตอนแรกว่า ช่วยไม่ได้จริงๆ (มีโต้กลับนิดนึงเรื่องขุดบรรพบุรุษมาด่า แต่ด่ามันไม่ทัน) ทุกวันนี้กับเพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย (ภายหลังทราบข่าวจากเพื่อนอีกคนว่ามันก็โทรไปหาและพูดแบบนี้เหมือนกัน แต่เพื่อนผมปากไวกว่าด่ามันกลับซะเจ็บแสบ)  ล่าสุดได้ข่าวว่าตอนนี้เขากำลังลำบากมาก แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจาก  "อโหสิกรรม"  ในสิ่งทีเขาได้ทำกับผมไว้ เท่านั้น จากคุณ : pome2005 - [ 9 ม.ค. 52 15:43:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จริงๆ แล้ว ถ้าเป็นเพื่อนกันจริง น่าจะหาทางอื่นนะ การขอให้เพื่อนกัน ค้ำประกันสินเชื่อให้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้เสียเพื่อนง่ายที่สุดเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวเลยรู้ซึ้งอย่างดี เรื่องเกิดเมื่อสิบปีที่แล้วค่ะ น้า กับเพื่อนบ้าน ออกรถหกล้อ (บรรทุกดิน) คนละคัน และค้ำประกันให้กัน ต่อมาเพือนบ้าน ไม่ยอมผ่อน บริษัทก็มายึดรถคืนไป แต่ตอนนั้นไม่ทราบว่ายังไง เพราะน้ายังคงผ่อนในส่วนของน้าต่อ แต่ไม่แน่ใจว่าเพื่อนบ้านยอมจ่ายส่วนต่างหรือเปล่า และเรื่องก็เงียบมาเกือบสิบปี (บริษัทนั้นเจ๊งไปแล้ว) ต่อมามีหมายศาลมาที่บ้านของน้า (ในฐานะคนค้ำประกัน) ว่าจะยึดที่ดินและทรัพย์สิน ถ้าไม่ยอมชำระในส่วนของเพื่อนบ้าน จำไม่ได้แน่นอนว่าเท่าไร ประมาณสองสามแสนน่ะค่ะ เพื่อนบ้านคนนั้น ตอนนี้ก็ยังอยู่ดีอยู่ ไม่ยอมจ่าย ศาลก็มาบังคับเอากับคนค้ำประกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องจ่ายไปเกือบแสน เพราะพี่น้องของเพื่อนบ้านเอาที่ดินไปขาย แล้วแบ่งเงินกัน แต่ไม่ยอมจ่ายหนี้ให้หมด ตอนนี้ทั้งครอบครัว ก็เลยสาปส่งครอบครัวนั้นไปเลย ทราบว่าตอนนี้ไม่มีที่อยู่แล้ว จากคุณ : ไก่_CNX (rakakarn) - [ 9 ม.ค. 52 21:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องคิดในทางกลับกันด้วยครับ ถ้าหากเราไปให้เขาค้ำบ้างล่ะเพื่อนซี้คงไม่ปฎิเสธผมแน่นอนเพราะเพื่อนไม่เคยทิ้งกัน แต่มาหาผม ผมบอก..ไม่....คำเดียวครับ จากคุณ : โธ่..เพื่อน - [ 9 ม.ค. 52 21:50:35 A:192.168.0.17 X:124.121.59.167 TicketID:059889 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ใครอยากจะวัดน้ำใจตอนลำบากก็เชิญเถอะครับ ต่อให้ผมมีเงินเหลือกองในธนาคารเป็นสิบล้านก็ไม่ค้ำให้ เพื่อนที่ผมยอมคบคือคนที่เท่าเทียมกันในทุกเรื่อง ไม่เกี่ยวกับว่าจนหรือรวย ถ้าไม่มีปัญญาแต่อยากได้ก็ต้องดิ้นรนเอาเอง ผมให้กำลังใจได้ แต่ไม่อุ้มใครทั้งนั้น จากคุณ : แมงแกลบ - [ 10 ม.ค. 52 02:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมิงให้กรูค้ำเหรอ..... กรูให้เมิงยืมเงินกรูยังดีกว่า จากคุณ : Altezza - [ 10 ม.ค. 52 02:15:25 ]