ความคิดเห็นที่ 1
 
เมื่อเราได้เริ่มเรียนรู้แล้วกับรถที่เหมาะสมกับเรา ลักษณะต่างๆแล้ว คราวนี้ก็จะมาถึงตัวเลือกแต่ละยี่ห้อ ที่จะมาให้เลือกลองได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
เป็น คู่ตุนาหงัน กันนะครับ เราจะมาเริ่มที่
1. ค่ายปีกนก(HONDA) "ฮอนด้า"
ด้วยการที่รถของค่ายนี้ เน้นคำว่า พิถีพิถันเอาใจใส่ลูกค้าเป็นหลัก แน่นอน รถของค่ายนี้ก็จะมาในลักษณะเดียวกัน โดย มร. เออิจิโร่ นั้น แต่แรกเริ่มเดิมทีเกิดมาจากช่างฟิต ซ่อมรถ จนพัฒนาขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ รถของค่ายนี้จึงได้แรงบันดาลใจว่า คนขับรถ และ ขี่รถ นั้น มีหลายรูปแบบมากมาย บางคนก็ เก่ง บางคนก็ ธรรมดา แต่หลายๆคนกลับยังขับไม่เป็น แม้บางคนจะดูชำนาญ แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่ น้อยคนนัก ที่จะเรียกได้ว่า มีพรสวรรค์ โดยติดตัวมา ซึ่งหมายถึง คนส่วนใหญ่นั้น จะขับบรถได้ไม่ถึงแก่นแท้โดยง่ายนัก ด้วยสาเหตุนี้ จึงทำให้รถที่ออกจากค่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็น 4 ล้อ หรือ 2 ล้อ นั้น ต้องมีสิ่งที่คอยเติมเต็มให้กับตัวรถตลอดเวลาโดยคำนึงถึง การขับขี่ของผู้ขี่เป็นหลัก จึงทำให้รถเจ้าปีกนกนี้เป็นรถที่ ขับง่าย คล่องตัว และที่สำคัญ เทคโนโลยี ที่ล้ำหน้า และ รูปทรงที่ล้ำสมัย จะเป็นเหมือนเครื่องประดับที่ต้องติดตัวอยู่เสมอมา รถของค่ายนี้ จึงมีลักษณะที่ว่า" ขี่ง่าย เชื่องมือ ไม่ดื้อ ไม่ซน ปรับตัวได้ง่าย เรียนรู้ได้เร็ว ใช้ทักษะในการขับขี่ได้ง่าย" จึงทำให้คนส่วนใหญ่ที่ได้ลองเป็นเจ้าของ รถค่ายนี้ ยากนักที่จะถอนตัว นี่คือเสน่ห์ของฮอนด้า รถที่ดี ขี่ง่าย สบาย และสวยงาม
ดังนั้น ถ้าใครที่ชอบความเรียบร้อย ใช้ง่าย สบายใจ ไปไหนมาไหนไม่ต้องกังวล ฮอนด้า คือ 1 ตัวเลือกที่ควรค่าที่หามาครอบครองครับ
2. ค่ายส้อมเสียง(YAMAHA) "ยามาฮ่า"
อย่าได้คิดว่าเป็นเรื่องตลกไป ยามาฮ่านั้น ไม่ได้เป็นแค่ รถมอเตอร์ไซค์ แต่รวมไปถึงสินค้าหลายประเภท แล้วคุณรู้ไหม จริงๆแล้วยังเกี่ยวโยงถึง "โตโยต้า" ด้วย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นอะไรที่จะเอามาเสนอ ที่ผมอยากบอกก็คือ เจ้ารถของค่ายนี้นั้น คุณลักษณะที่โดดเด่นนั้น คือ คำว่า "ความเบา ปราดเปรียว ว่องไว" ด้วยไม่ว่าจะเป็นลักษณะต่างๆ โครงสร้างที่ปราดเปรียวเพรียวลม รูปทรงที่กะทัดรัด ไม่ใหญ่เทอะทะ จึงเป็น 1 ในรถยอดนิยมที่คนจะนำมาขับขี่กัน แล้วยังเป็น คู่กัดตัวฉกาจของค่ายปีกนก เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อก็ว่าได้ ด้วยคุณลักษณะที่โดดเด่นแล้ว ยังเน้นในส่วนของความ ปราดเปรียวว่องไว และที่สำคัญ ยามาฮ่า คือรถที่คำนึงถึง "ฟีลลิ่ง" ของการแข่งขัน และมอบความท้าทายให้ จึงทำให้รถค่ายนี้ มีนิสัยอย่างนึงติดตัวคือ "ต้องลาก" ไม่อย่างนั้น อย่าได้หวังเห็นพลังก้นบึ้งของมันเลย นี่เป็นอีก 1 เหตุผลที่ทำให้ค่ายนี้ มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ด้วยลักษณธของความต่อเนื่องที่ไม่จัดจ้านรุนแรง แต่สามารถส่งต่อได้อย่างไม่จำกัด มันทำให้รู้สึกได้ว่ามันเป็นรถที่มีพลังอย่างเหลือล้นจนบางครั้ง คนที่ได้ขี่มันแล้วลาก กลับคิดว่า "นี่มันยังไม่หมดอีกเหรอ" ด้วยความว่องไว ปราดเปรียว เป็นจุดเด่นแล้ว ออฟชั่นนั้น ยามาฮ่า ถือเป็น 1 ในเจ้าสัวของวงการไม่แพ้ค่ายปีกนกเลย ด้วย ออฟชั่นที่ให้นั้นเหลือเชื่อว่าจะมอบมา ในราคาที่ค่อนข้างโดนใจ จึงทำให้รถของค่ายนี้ไม่ต้องแต่งอะไรมากมายนัก(เพราะของแต่งก็ให้มาอยู่แล้ว) และ เทคโนโลยีนั้น แม้ไม่ล้ำหน้าเท่าฮอนด้า แต่ด้วย ยามาฮ่า เน้นหนักในส่วนของ "องค์ประกอบมวลรวม" จึงทำให้ค่ายนี้โดดเด่นในเรื่องของ ชิ้นส่วนอุปกรณ์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบ Diasil ลูกสูบ ฟอรจ์ และเน้นหนักในส่วนประกอบเครื่องยนต์ จึงทำให้ค่ายนี้นั้น มีความโดดเด่นไม่น้อยในด้านของ วิศวกรรม และที่สำคัญ ยามาฮ่านั้น เน้นหนักในเรื่องของ"ฟีลลิ่ง" เป็นหลัก ทำให้ยามาฮ่าไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่เรื่องของเสียงเครื่องยนต์ โดยที่เสียงของเครื่องยนต์จากค่ายนี้นั้น คงต้องบอกได้ว่า ไพเราะมาก จึงทำให้รถค่ายนี้นั้น คงต้องบอกนิยามได้ว่า "มันก็เหมือนเครื่องดนตรีชั้นดี ของวงการเลย"
ดังนั้น ถ้าใครที่ชื่นชอบคำว่า มอเตอร์สปอร์ต รักและหลงไหลไปกับเสียงเครื่องยนต์ที่ไพเราะหวานหูดังเครื่องดนตรีที่ขับกล่อมจิตวิญาณความเร็วแล้วล่ะก็ ลองมองเครื่องดนตรีแห่งโลกมอเตอร์สปอร์ตนี้ ซักคันสิครับ แล้วคุณจะเข้าใจ
3. ค่ายแตนเขียว(KAWASAKI) "คาวาซากิ"
คำนิยามง่ายของค่ายนี้คือ "ทนมือทนตี...น" ไม่ใช่เรื่องตลกร้ายไดๆในการแซว แต่ด้วยค่ายนี้ รถที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมานั้น ล้วนแล้วแต่คำนึงถึง ความทนทานเป็นหลัก คำว่า "เหล็กเป็นเหล็ก" คงไม่มากเกินไปที่จะอธิบายรถของค่ายนี้ ความมั่นคงที่เกิดจากความคงทน และ ทนทาน สังเกตได้ในส่วนของ บุคลิกและ ฟีลลิ่ง รถค่าย คาวาซากิ คงต้องบอกคำเดียวว่า ลักษณะของมันคือ "ไม่ปิดบัง ไม่หมกเม็ด มีเท่าไร ใส่เท่านั้น" มันคือรถที่เรียกว่า โกหกไม่เป็น แรงก็คือแรง ถ้าบทที่เราจะขี่มันช้าๆก็ช้าได้ใจ แต่บทที่เล่นโหดเมื่อไรก็ตอบสนองได้ดี แต่ คาวาซากินั้น จริงๆแล้วเป็นรถที่มีกำลังแรงดึง สูงที่สุด เรียกได้ว่ามัน มันเป็นรถ "ทอร์คหนัก" ด้วยเหตุผลเพราะเป็นรถที่ ตัวหนักที่สุด ในกลุ่ม คาวาซากินั้น รถจะเน้นที่คำว่า "ยิ่งใหญ่ แข็งแกร่ง ทนทาน และพละกำลัง" นิยามนี้ไม่ได้เว่อร์ไปเลยซักนิดเพราะองค์ประกอบชิ้นส่วนต่างๆภายในของรถ แทบทุกชิ้นส่วนนั้น มีน้ำหนักที่สู.มาก และ แข็งแกร่งที่สุด คาวาซากิ จะเป็นดังด้านตรงข้ามของ ฮอนด้า และ ยามาฮ่าเลยก็ว่าได้ เพราะรถ ของคาวาซากินั้น เน้นหนักที่ คุณภาพของสิ่งของมากกว่าเทคโนโลยี โดยคำนึงในคำว่า "ทน" เป็นหลัก รถของค่ายนี้นั้น จะเน้นที่กำลัง "เพียวๆ" ที่เครื่องยนต์จะสามารถปลุกปั่นออกมาได้ ถ้าให้พูดแล้ว มันเป็นรูปแบบที่คล้ายคลึงกับ ซูซูกิ คือ กำลังที่ได้จากเครื่องเป็นหลัก โดยไม่มีการพึ่งเทคโนโลยีพิเศษ แต่คาวากลับเอาคำว่า "แรงแบบทื่อ ตรงๆ มาใช้" มันจึงเป็นรถที่โกหกไม่เป็น และที่สำคัญ รถค่ายคาวาซากินี้ เป็นรถที่ กินน้ำมันดุเดือดที่สุด หากต้องการกำลังที่ใกล้เคียงกัน(มันเป็นรถที่ถือว่ามี CC เยอะที่สุด ในแต่ละรุ่นในคลาสเดียวกัน) ด้วยเหตุผลของ CC รถของค่ายนี้จึงเป็นรถที่ มีกำลัง เรียกได้ว่า ดึงหนัก ไม่แพ้ค่ายใดๆ แต่กับคำว่า ความทนทานนั้น คาวาซากิ คือ "เจ้าแห่งความทนเลยก็ว่าได้" ด้วยอะไหล่ทุกชิ้นส่วน เฟรม เครื่อง และ องค์ประกอบทั้งหมด ดังนั้น รถค่ายนี้เป็นรถที่ดูแลง่ายที่สุด เปลี่ยนอะไหล่น้อยมากเวลาเสีย นี่คือสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของ คาวาซากิ รถของค่ายนี้ที่ได้ชื่อว่า "แรงแบบตรงๆไม่มีหมกเม็ด ทนแบบที่เรียกได้ว่าคำว่า ทนมือทนตี...น นั้น ยังน้อยไป"
ดังนั้น ถ้าคนที่หลงใหลใน พละกำลังที่ได้มาแบบเรียบง่าย และความแข็งแกร่งทนทานที่ยากหาใครเปรียบเปรย ความคุ้มค่าและปลอดภัย รถคาวาซากินั้นคงเป็นอีก 1 ตัวเลือกชั้นดีที่ผมคงพูดได้เลยว่า มันคือรถที่ ทนทานเป็นเลิศที่สุดเท่าที่มนุษย์จะรังสรค์มาได้เลยก็ว่าได้
4. ค่ายสายฟ้าสีน้ำเงิน(SUZUKI) "ซูซูกิ"
"ดิบ เถื่อน โหด คลั่ง" นี่คือคำนิยามของรถค่ายนี้ ถ้าจะเปรียบรถค่ายซูซูกินี้ ถือเป็นรถที่ พยศ ที่สุด ด้วยการที่ ทางซูซูกิ นั้น มุ่งหวังเพียงอย่างเดียวคือ สร้างรถที่เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ ทำให้พละกำลังคือคำตอบของทั้งหมด รถค่ายนี้ ถ้าจะพูดกันตรงๆ คำว่า "แรงแต่เปราะ" คงไม่ใช่ความเกินเลยที่กล่าวถึง ด้วย รถของซูซูกิ จัดว่าเป็นรถที่ รีดเร้นกำลังได้สูงที่สุด ในรุ่น ไม่ว่าจะเป็น แรงดึงแบบมหาศาล แรงม้าที่แสนอลังการ และแน่นอนยังรวมไปถึง อารมณ์เถื่อนๆดิบๆ ที่ปลุกจิตวิญญาณคนที่ได้ขับขี่ให้เร่าร้อน จนเป็นนิยามที่มาของคำว่า "คนบ้าขี่ซู" ซึ่งคำนี้นั้นคงต้องบอกว่า ใช่ เพราะฟีลลิ่งที่ซูซูกิจัดมานั้น บอกได้เลยว่า "โหดได้ใจ"
มันคือรที่พยศ ไม่สนใจใครแม้กระทั่งคนที่ขี่มัน ถ้าคุณแน่พอนั่นแหละ จึงจะขี่มันได้อย่างถึงที่สุด มันคือรถสำหรับคนใจถึงเท่านั้น เพราะอารมณ์ที่ได้จากรถค่ายนี้ คงต้องบอกได้เลยว่าเถื่อน แต่นี่กลับเป็นรถค่ายเดียวที่ได้ชื่อว่า "งอแง" ง่ายที่สุด ในกลุ่ม เพราะด้วยลักษณธของการรีดเร้นกำลังนั่นเองจึงทำให้ชิ้นส่วนภายในค่อนข้างจะสึกหรอเร็ซกว่ากำหนด จึงทำให้คนที่ขี่รถค่ายนี้ต้องคอยซ่อม คอยดูแลประจำ จนทำให้แทบ "บ้า" ดังนั้นคำว่า "คนบาขี่ซู" จึงเป็นอีก 1 สาเหตุเช่นกันของนิยามนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร รถค่ายนี้นั้น ออฟชั่นที่ให้มานั้นไม่ได้อวดอ้าง สรรพคุณ หรือ ให้ของเกินเลย แต่ ออฟชั่นที่ติดกับรถ ซู ทุกร่นนั้นบอกได้คำเดียวว่า "ที่มันให้มาหรูน่ะเพราะจำเป็น ถ้ามันให้ตัวอื่นที่ถูกกว่านี้ได้มันก็ให้มาแล้ว" ใช่ครับ ซูเป็นค่ายรถที่ค่อนข้างจะเอา อ้อฟชั่นระดับพรีเมี่ยม แถมพ่วงมาเสมอ เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า มันจำเป็นต้องให้ ทำไมผมจึงพูดแบบนี้ ผมถามคนขี่ซูกลับหน่อยเถอะ "ไอ้ของหรูที่ซูให้มาน่ะ ถ้าบทจะหรูก็หรูอย่างเลิศ แต่ถ้าบทไม่หรูนี่ทุเรศสิ้นดี" จริงมั้ยล่ะ หรือจะเถียง ลองไปดูสิครับ ของหรูติดรถซูน่ะ คำว่าหรูก็โคตรหรูเลย แต่ไอ้ของทีไม่หรูนี่บอกได้เลยว่า ทำกันแบบนี้ มันเกินไปป่าววะ ดังนั้น รถซูจึงเป็นค่ายรถที่ให้อ้อฟชั่นมาโดยใช้คำว่า "จำเป็น" เป็นหลักครับ ไม่ใช่เจ้าบุญทุ่มหรอก แต่รถของค่ายนี้น่ะ "แรงแบบทุ่มสุดตัวจริงๆครับ"
ดังนั้น ถ้าใครที่รักในความ เถื่อน ดิบ โหด บ้า ในรูปแบบของคำว่า "รถนักเลง" ซูซูกิ ชื่อนี้น่าจะเป็น 1 ในตัวเลือกครับผม
มีอีกนะ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
จากคุณ :
โอ๊ะเอ๊ะ   
- [
11 ม.ค. 52 13:29:11
]
|
|
|
