ความคิดเห็นที่ 1 รถคันไหนแรงกว่ากันระหว่างเจ้าตัวโน้นกับเจ้าตัวนี้ มันเป็นสัจจธรรมประจำโลกอยู่แล้วว่า ของใหม่มันต้องดีกว่าเก่าแม้ว่าจะไม่เสมอไปนักแต่ส่วนใหญ่ก็หนีเรื่องนี้ไปไม่พ้น โดยเฉพาะสินค้าที่มีการแข่งขันกันสูงเพราะขืนออกของใหม่มาห่วยกว่าของเก่าย่อมมีอันม้วนเสื่อกลับบ้านแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องจุดขายที่ผู้ผลิตมักจะเอาไว้โจมตีหรือข่มคู่แข่ง  ที่ฟัดเหวี่ยงกันในเชิงธุรกิจ เช่นออกรถในพิกัดเดียวกันหรือใกล้เคียง เพิ่มอุปกรณืบางชิ้นเข้าไปให้เหนือกว่าคู่แข่ง (แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็เถอะ) ใตรบ้างละที่จะไม่ชอบแต่สุดท้ายมันก็มาจบที่ตรงเทคนิคเรื่องง่าย ๆที่มักจะข่มกันคือแรงม้า แต่มักจะมองข้ามอีกส่วนที่สำคัยคู่กันยังกะปาท๋องโก๋คือแรงบิด                               แรงบิด (Torque) คือ แรงที่ใช้เพื่อส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปหมุน ล้อรถ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แรงบิดจะมีค่า แตกต่างกันไปที่ความเร็วรอบเครื่องยนตต่างๆ ซึ่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตว่าต้องการให้มีแรงบิด สูงสุดอยู่ที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ ปานกลาง หรือ สูง รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงก็จะมีอัตราเร่ง ดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำกว่าพูดง่ายๆก็คือ แรงบิดจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารถคันใดวิ่งเร็วกว่าอีกคัน ยกตัวอย่าง รถคันแรกมี 152 แรงม้าที่6500รอบ แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่4500รอบ คันที่สองมี140แรงม้า แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่ 3750 รอบ จับมาอัดกัน0-400เมตร คันที่แรงบิดมารอบต่ำ ๆ มักจะออกตัวได้เร็วกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบางครับต่อเนื่องในทางยาว ๆ อาจจะสู้คันที่มีแรงม้ามากกว่า แต่ที่มักจะข้ามกันไปอีกเรื่องคือเรื่องของการคอนโทรนรถ รถที่แรงกว่าแต่คุมยากกว่า ไม่น่าสนใจเท่ารถที่มีแรงน้อยกว่า แต่คุมได้ง่ายกว่าจุดนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยี่ห้อนี้กับยี่ห้อนั้นต่างกันยังไงเลือกตัวไหนดีอะ คราวนี้มาดูปัญหาของสินค้าบ้านเราบ้างว่ายี่ห้อนี้เป็นไงบ้างดีไหมเทียบกันเจ้าโน้นละบ้างที่พวกเอาราคามาถามกันเป็นอย่างเดียวแต่รถที่เอามาถามคนละเรื่องกันเลยทีนี้ลองมาดูแต่ละยี่ห้อที่มีขายในบ้านเราคร่าว ๆ ละกัน Aprilia เจ้านี้มาจากอิตาลีดินแดนที่มียี่ห้อมอไซค์มากที่สุดของโลกได้มั้ง พื้นฐานเดิมของเจ้านี้เอาเครื่องของเจ้าอื่น ๆ ไปพัฒนาต่อเป็นหลักบ้านเราเห็นพอที่จะมีวิ่งบ้างเล็กน้อย ส่วนเรื่องอะไหล่พอหาได้บ้างเนื่องจากตัวพื้นฐานของเครื่องยนต์ใช้ของเจ้าอื่นเค้า ที่เห็นในบ้านเราส่วนมากเป็นตระกูล RSV 1000  ที่เป็นสปอต์จ๋า จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Bimota อีกยี่ห้อจากอิตาลีเจ้านี้หรูไฮโซ แต่มาสไตร์เดียวกับ Aprilia คือเอาเครื่องของชาวบ้านเขามาใช้อะไหล่หาง่ายไม่แพ้กันในส่วนของเครื่องนะ อะไหล่อื่น ๆ ไม่อยากจะคิดเพราะบางรุ่นมีไม่เกินโหลทั้งโลกบรื้อออ   โดยดที่รหัสนำหน้าว่าเอาของเครื่องใครมา เช่น YBก็ยามาฮ่า  SB  ก็ซูซูกิ DB ก็ดูกาตี้ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 BMW  อีกยี่ห้อหนึ่งที่น่าสนใจเพราะมีเพียบทั้งศูนย์บริการ กิจกรรมหลังการขาย โดยเฉพาะนิสัยของตัวรถที่ออกแนวนุ่มนวลไม่โหดร้ายเหมือนเจ้าอื่น ๆ แถมอัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีช่วนสำหรับมือใหม่ ๆ เพียบ เรียกว่าถ้าอยากข้ามรุ่น เป็นมือใหม่กดตัวพันแนะนำเจ้านี้ครับ แต่ของเสียของรถในตระกูนนี้คือขนาดที่ใหญ่ละหนัก ใช้เพลาทำให้ต้องเรียนรู้การขับพอสมควร และเรื่องของน้ำมันที่ ต้องใช้ 95 เท่านั้นแก๊ซโซฮอล์เองก็ยังมีปัญหาพอสมควร ยกเว้นบางตัวที่ใช้ 91 ได้ เท่าที่ฟังมามือเก่าหลาย ๆ คนบอกผมว่าถ้าไม่มีเงินไม่มีเวลาอย่าได้ไปลองเชียวหรือลืม ๆ มันไปเหอะ.....    เพราะลองแล้วติดใจทุกรายแถมกลุ่มนี้เขาเที่ยวกันบ่อยนะซิ อิอิอิ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Buell รถจากแดนลุงแซมที่เอาเครื่องของเพื่อนร่วมชาติอย่าง Harley-Davidson ไปใช้ทำให้มีคนบอกว่ามันเป็น Harley อีกเวอร์ชั่นว่ะแต่ความรู้สึกเดียวกันเลยเท่าที่ฟังมาเครื่องเสียงดังและสั่นเหมือน Harley จะไม่เหมือนได้ไงก็มันตัวเดียวกันนี้หว่า รูปร่างเป็นสปอต์แต่ไม่แรงเหมือน แต่ก็เบาใจได้เรื่องซ่อมเพราะซ่อนร้านเดียวกับ Harley ได้เลย จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Ducati ว่าจะไม่พูดถึงแล้วนะเอาคร่าว ๆ ละกับเพราะกำลังเขียนข้อมูลเจ้านี้อยู่ กั้กไว้ก่อนเดี๋ยวขายไม่ออก อิอิ  สปอต์เต็มร้อยทุกรุ่นมาแนวรุนแรง เร็ว สวย ครัลช์แห้งเสียงดังกระหึ่มยั่วใจ แม้แตตัวที่ดูจะขี่ง่ายที่สุด ยังไม่ทิ้งนิสัยสปอต์ ทิ้งได้ไงเครื่องตัวเดียวกันนิ เจ้านี้มีครบเครื่องทั้งศูนย์ซ่อมทั้งในและข้างนอกเพราะเข้ามาบ้านเรานานแล้วไม่แพ้ Harley แถมมีบริการหลังการขายดีเยี่ยมมีการสอน การขับขี่บ่อย ๆ พอ ๆ กับ BMW แต่เรื่องเที่ยวพวกนั้นกินขาด จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Harley-Davidson สุดยอดมอไซค์จากแดนลุงแซมเข้ามาขายบ้านเรานานนม หาได้เพียบทั้งอะไหล่ที่ซ่อม แต่หาตังค์ซื้อยากวะ อิอิ  เอาเป็นว่าไม่พูดมากละกันเจ้านี้เพราะไม่มีคู่แข่งเลย แค่ยี่ห้อก็กินขาด(มั้ง) จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Honda ศูนย์กำลังสร้างอยู่ไม่เสร็จมีแววว่ากำลังจะเสร็จรอเจ้าอื่น ๆ ขายไปก่อน และก็ให้ผูค้ารายย่อยนำเขามาขายไปพลาง ๆ ส่วนมากเจ้านี้ขี่ง่าย เนื้อดีพิมพ์นิยม อันเป็นที่มาของคำว่า คนดีขี่ฮอนด้าคนบ้าขี่ซู ส่วนมากรถออกมาแรงตามเขาไม่ค่อยทัน(ว่าถึงฝีมือคนขับคนเดียวกันนะ แต่บังคับได้ง่ายเชื่องมือ) จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Kawasaki เขามาขายบ้านเราเป็นเจ้าแรก ๆ ของรถญี่ปุ่นแต่ดูเหมือนจะยังสะลึมสะลืออยู่เพราะตอบโจษท์ไม่ตรงใจไอ้ที่เขารอยังไม่ยอมขายเอาไอ้ที่เขาไม่อยากได้เอามาขายซะงั้น ตอนนี้ศูนย์เองก็กำลังยึกยักเรื่องข้อผิดพลาดของดีแทร็กเกอร์อยู่ข่าวไม่ค่อยชัดเจน แต่ก็ถือว่า KLX250 ทำตลาดได้ผลเกินคาดเพราะฝูงวิบากเช่าแถบเหนือกลายร่างเป็นเจ้านี้ให้เพียบ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 KTM เจ้านี้มาจากออสเตรียที่มีเมืองหลวงชือเวียนนาจ้า เดิมทำพวกวิบากเป็นหลัก หลังๆเริ่มพัฒนาตัวเองออกมาในด้านอื่น ๆ เท่าที่ฟังมามีเห็นหลุดเข้ามาบ้านเราอยู่ทางใต้ เพราะเนื่องจากมีศูนย์ที่มาเลเซีย ไม่แน่ใจรุ่น กับข่าวแว่วว่ามีคนสั่งตัวสปอต์ของค่ายนี้ไปแล้ว แถบ ๆ เมืองหลวง ผมกำลังรอดูตัวเป็น ๆ อยู่ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Moto Guzzi สมัยก่อนเป็นรถอิตาลีสูบวีที่ทำชื่อเสียงกระหึ่มเกือบทุกสนาม นับเป็นรถเจ้าของแชมป์หลายสนามทำให้ผลิตขายดิบขายดีอยู่พักหนึ่งแต่ไปรักาาภาพพจน์ความคลาสสิกทำให้เป่ไปพักใหญ่ แต่ปัจจุบัณรุ่นใหม่ ๆ ออกมาดูเข้าท่าใช้ได้ แต่ในบ้านเราเคยเห็นแค่แว่บ ๆ 2-3 คันเท่านั้น จึงตัดปัญหาความน่าสนใจไปได้เลยนอกจากจะชอบจริง ๆ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 MV Agusta สปอต์เท่ จ๊าบ จากอิตาลีอีกหนึ่งเจ้าบอกตรง ๆ เคยเห็นรูปมันในเมืองไทยแค่ 2 ครั้ง ต้อนเจ้าของเอาไปเรียนขี่นอกนั้นไม่เคยเจอตัวเป็น ๆ บนถนนเลย ว่ากันว่าแรง ขี่ยาก เหมาะเอาไว้ว่าในสนามเท่านั้น แต่ก็ยังไม่เคยเจอซะที จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Suzuki ยังไม่มีกำหนดขายในบ้านเรา แต่หาซื้อได้ตามร้านย่อย ๆ ทั่วไป จริง ๆ ถ้าเอาเข้ามาขายไม่ต้องมากรุ่นหรอก แค่ GSXR 1000 กับ HAYA  แค่นี้ก็เหลือเฟือแย้วเพราะมีกันทุกทีมทุกคลับ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Triumph ผู้ดีอังกฤษแต่ผลิตชลบุรี อีกเจ้าที่เริ่มมาแรงในบ้านเราเพราะชื่อเสียงเดิม ๆ ทำไว้ดีพอตัวประกอบกับราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่เรื่องบริการหลังการขายยังไม่ค่อยชัดเจนเพราะยังไม่เคยเห็นจัดอบรมสักทีเห็นแต่เที่ยวกันเป็นกลุ่ม ๆ ทางเหนือเพราะมีศูนย์ที่ลำปาง เอหรือผมตกข่าวหว่า จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Yamaha ออกตัวเป็นเจ้าที่2 ในบ้านเรา กับการกำหนดตลาดไว้ซะสูงลิบ เรียกได้ว่า แพงกว่าเค้าแต่ก็มีบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมทั้งเรื่องจัดอบรมจัดเที่ยวและดูหมือนปีนี้น่าจะเพิ่มเรื่องการสอนขี่ในสนามเพราะปีที่แล้ว กินรวบทุกสนาม โดยเฉพาะรุ่น 600 ซีซี เพราะได้ข่าวว่ายกเลิก 250 ซีซี ในโมโตจีพีเปลี่ยนเป็น 600 ซีซี แล้ว  เท่า ๆ กับที่ได้ยินมาว่าปีนี้จะมีการเพิ่มรุ่มมือใหม่ 600 ซีซีในการแข่งบ้านเรา การเลือกซื้อนั้นผมว่าเราควรที่จะทำตารางให้คะแนนหรือตั้งคำถามในใจเราก่อนแล้วค่อย ๆให้คะแนนมันไป เช่น ระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์ รูปทรง ความเหมาะสมกับตัวเราและราคา ที่สำคัญเราชอบตัวไหนก็เอามันตัวนั้นละเพราะจะลดความหงุดหงิดลงไปได้มากกว่าเพียงแต่ได้มาแล้วเรียนรู้กับรถของเราให้มากหน่อยก็เท่านั้น  มันไม่มีใครที่ดีทุกข้อเท่ากับห่วยไปทุกเรื่องหรอก จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มือใหม่เล่นตัวพันเลยได้ปล่าว ถามกันบ่อยมาก ๆ บางคนที่มือใหม่จริงๆยังขี่รถไม่คล่องเลย แต่มีเงินเหลือเฟือ อยากได้รถรุ่นใหม่ๆใหญ่ ๆ  เพราะคำพูดที่กรอกหูประจำว่าซื้อมาแล้วต้องเปลี่ยนอยู่ดี ถามผม ผมตอบเลยว่าได้เพราะซีซีไม่ได้เป็นตัวชี้ชัดที่น่ากลัว แต่อยู่ที่ประเภทรถต่างหาก ผมลองยกตัวอย่าง ง่าย  GSX 1400 Gsx 1300R Gsx-r 1000 ดูตามนี้ถ้าเอาซีซีมา บ่งชี้คงบอกว่า ตัว 1400 อันตรายกว่า ตัว 1000 แน่ แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่มันตรงกันข้ามเลย เพราะ ถ้าเอาแรงม้ามาเทียบต่อน้ำหนัก GSX 1400  หนัก 226 กิโล 106 แรงม้า เท่ากับ ม้า1ตัวรับน้ำหนัก 2.1 กิโล แถมเป็นรถแบบเปลือยเอาไว้เดินทางไกลม้าไม่ดุเดือด  Gsx 1300R  หนัก 215 แรงม้า 194 เท่ากับ ม้า1 ตัวรับน้ำหนัก 1.1 กิโล Gsx-r 1000 หนัก 166 กิโล แรงม้า 185 เท่ากับ ม้า1 ตัวรับน้ำหนัก  0.8 กิโล  ผมว่าประเภทของรถน่ากลัวกว่า ไม่อย่างนั้น ฮาร์เล่ย 1340 ซีซี คงต้องน่ากลัวมิใช่เล่น  บ้านเราใบขับขี่มอไซด์ใบเดียวเสียวได้ได้ทุกซีซี ถ้าเป็นต่างประเทศคุณ ต้องสอบวัดความสามารถในการคุมรถแต่ละซีซี. ถ้าคุณถามว่ารถตัวไหนเหมาะกับมือใหม่ตอบได้เลยว่า 250 ซีซี บ้างคนร้อง ยี้ แรงก็ไม่แรงเอามาเดี๋ยวก็ต้องเสียเงินซื้อใหม่ ใช้ครับเพราะรถ 250 ซีซีเป็นอย่างนั้นจริง ๆ และเค้าก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนด้วยเพราะต่างประเทศ คุณต้องขี่มันก่อนถึงจะผ่านไปทำ 400 ซีซี และ เกิน 750 ซีซี ซึ่งใช้เวลารวมทั้งหมด หลายปีกว่าจะถึงตัวพัน นั้นเป็นสาเหตุที่ตัวพันบ้านเขาจึงไม่มีออกมาให้มือใหม่หัดขับต่างจากบ้านเรา แต่บ้านเราบางคนเจอปัญหาเดียวกับผมคือ มีเงินแต่ซื้อได้คันเดียว จึงอยากได้ตัวพันไว้ครอบครอง  เอาเป็นว่าเป็นห่วงถ้าจะเรียนลัด ก็ควรมีอาจาร์ยดีๆคอยแนะนำหน่อย ก็แล้วกันและต้องเสียค่าทางด่วนพิเศษให้กับอุปกรณ์ ที่จะต้องมากกว่า รุ่นเล็ก เพราะพวกของแต่งตัวสำหรับรุ่นใหญ่ ๆ ต้องใช้ของที่เหมาะสมด้วย จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:45:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 1. หมวกกันน็อค คุณต้องให้ความสำคัญมากๆ ต้องใช้แบบเต็มและต้องเป็นของที่ผ่านมาตรฐานนอกด้วยและควรที่จะเป็นตัวท๊อบอีกต่างหาก เพราะรถที่คุณจะลองหัดนั้นทำความเร็วที่หมวกระดับล่าง ๆ ใช้ไม่ได้ แนะนำหมวกที่ผ่าน FIM พูดง่าย ๆ เอาตัวที่เห็นในสนามแข่งนั้นละ เอารุ่นนะไม่ใช้เอามาแต่ลาย 2.ถุงมือหนังแบบยาวเท่านั้นครับไว้ขี่ชินแล้วค่อยหาอย่างอื่นมาเพิ่ม 3.ชุดถ้าเป็นไปได้ชุดหนังจะแบบชิ้นเดียวหรือ 2 ชิ้นก็ตามที เพราะจะช่วยเซฟได้มาก 4.รองเท้าต้องเป็นแบบที่ใช้ขี่รถเท่านั้นห้ามแบบหุ้มข้อหรือผ้าใบทั่ว ๆ ไป ฟังมาอาจจะร้องว่าบ้าแล้ว รวม ๆ นั้น ก็แสนนึงได้แล้วนะ ครับเพราะผมบอกแล้วถ้าจะเรียนลัดต้องจ่ายแพง ไม่รวมค่าอบรมขี่ต่าง ๆ ถ้าจะให้ดีหาเวลาไปซ้อมในสนามเสาร์อาทิตย์ ด้วยยิ่งดี เพราะรถที่คุณจะลองขับนั้นออกแบบมาให้คนที่ผ่านการขี่มอเตอร์ไซค์ มาแล้วหลายปีในต่างประเทศ ฉะนั้นคุณต้องพยายามหัดให้หนักครับที่จะบังคับมันอยู่ เพราะถ้าจะบอกว่าแค่ขี่ผมให้ 1 ชั่วโมง ครับก็พอแล้วแค่นี้คุณก็ขี่เป็นแล้วแต่การแก้ปัญหา ที่จะเกิดขึ้นนี้ซิ ยากกว่าหลายเท่า เพราะบางทีคุณอาจต้องตัดสินใจและแก้ปัญหาในเสี้ยววินาที โดยมีรางวัลคือชีวิตของคุณเอง ตัวแรงๆ นั้นคุณเผลอแค่พริมตา ความเร็วมันก็พรวด ๆ แล้วละครับ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ราคานี้เอารถใหม่ซีซีน้อยหรือเอารถเก่าซีซีเยอะดี นี่ก็เป็นคำถามยอดฮิตอีกเช่นกันไม่เฉพาะมอไซค์หรอกมีทุกวงการ ฉะนั้นคำตอบน่าจะอยู่ที่เจ้าตัวมากกว่า ว่าจะใช้อะไรมากกว่ากัน หรือแบบไหนเหมาะกับตัวเรา เพราะรถรุ่นที่ใหญ่กว่ามันไม่ได้มากกว่าเฉพาะความจุของเครื่องยนต์แต่มันรวมไปถึงระบบเบรค ช่วงล่างที่ดีกว่า ส่วนมากรถซีซีสูงมักจะไม่โทรมเท่ารถเล็กเพราะส่วนมากใช้ขี่เที่ยวกันอย่างเดียวปีนึง ครั้ง หรือ2ครั้ง ต่อให้เที่ยวทุกอาทิตย์ก็ยังไม่โทรมเพราะเครื่องใหญ่เวลาวิ่งส่วนมากรอบเครื่องจะต่ำทำให้การสึกหรอค่อนข้างน้อย แต่พวกนี้ชนเบา ๆ ไม่ค่อยเป็นเพราะความที่ซีซีสูงการทรงตัวที่ดี ความเร็วส่วนมาก จะเผลออัดกันเกิน 200 เป็นประจำ  แต่ถ้าจะเอามาใช้ทุก ๆ วันละก็ เหนื่อยหน่อยด้วยขนาดที่ไม่สามารถซอกแซก ได้ง่าย การกินน้ำมัน การสิ้นเปลืองของอะไหล่เช่นโซ่ สเตอร์ ยาง แพงกว่าตัวเล็ก แต่บางคนกลัวว่าตัวเล็ก เช่น 400 เวลาออกต่างจังหวัดจะเหนื่อยหรือตามเพื่อนไม่ทัน ความจริงคือ คุณเที่ยวทางไกลปีละกี่ครั้ง ความเร็วที่คุณทำได้แน่ ๆ คือ 140 -150 ผมว่าเพียงพอสำหลังการท่องเที่ยวแล้วครับ ถ้ากลุ่มเค้าไม่รอคุณแนะนำเปลี่ยนกลุ่มครับ ง่ายกว่าเปลี่ยนรถ เพราะถ้าเที่ยวด้วยกันไม่รอกัน หรือต้องอัดตามตลอดผมว่าไม่ค่อยดีแน่ๆ แต่ถ้าถามผมผมมองที่ 600 ซีซีครับ ไม่เล็กไปเวลาเดินทางไกลไม่ใหญ่ไปในเมือง แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 52 07:13:23 จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หาอะไหล่ที่ไหนได้บ้างหรือเซียงกงมีอะไหล่ตัวนี้รึเปล่า ของเก่าเซียงกงมีอะไรขายมั่ง เซียงกงบางคนรู้จักบางคนก็ไม่รู้จัก แต่ที่แน่ ๆ คือถ้าถามคนที่เล่นรถจะตอบคล้าย ๆ กันว่า เป็นที่หาอะไหล่เก่า ๆ จากต่างประเทศ ซึ่งสำหรับคอรถนำเข้าแล้ว เซียงกงคือที่แรกและที่สุดท้ายที่พอจะหาอะไหล่มาเยียวยาคู่ขายามเจ็บป่วยได้ แต่ก็ใช่ว่าท่านจะหาอะไหล่หรือชิ้นส่วนทุกรุ่นได้เสมอไป แต่ถ้าอยากจะได้เครื่องทั้งเครื่อง หรือรถ ทั้งคันละก็ถ้าจะง่ายกว่า โดยส่วนตัวแล้วผมไม่มีความคิดที่จะไปหาอะไหล่ที่เซียงกงครับเพราะประสบการที่เคยใช่รถเก่ามือ2มา10กว่าปีผมไม่ค่อยอยากซ่อมครับ ผมใช้วิธีเบิกใหม่เลยดีกว่าแพงกว่าแต่จบแน่นอนถ้าช่างบอกอาการมาตรง เพราะการหาอะไหล่เก่าใส่เข้าไปเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันจะเสียอีกเมื่อไหร่ ส่วนที่หาอะไหล่หนัก ๆ บ้านเราคงเป็น เรดบารอน และอีกหลาย ๆ ที่ขออภัยที่ไม่ได้บอกกล่าวเพราะเดี๋ยวจะเป็นการโฆษณาไป ที่กล่าวถึงเรดเพราะค่อยข้างที่จะมีอะไหล่ให้ท่าน ได้ค่อนข้างครบทั้งอะไหล่ใหม่และเก่า แต่อย่างที่บอกครับเบิกของใหม่แพงกว่าแต่สบายใจได้มากกว่า ถามว่าอะไหล่มือ2 คุณภาพดีๆ มีไหมตอบได้เลยว่ามี เพราะรถที่เกิดอุบัติเหตุบางคันวิ่งกันไม่ถึง 200 โลยังเคยได้ยิน แต่มักจะโดยขาประจำสอยไปก่อนเสมอ ๆ ขาจรมักไม่มีโอกาส จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ที่นี้ผมลองเอาบทความเก่า ๆ ว่าด้วยการสังเกตก่อนซื้ออะไหล่มาลองอ่านกันเล่น ๆ ลูกสูบ          ของแท้ เนื้อของตัวลูกสูบจะมีผิวมันเงา เรียบละเอียด บริเวณร่องแหวนจะไม่มีเศษหรือสะเก็ดเกาะติดอยู่เพราะความไม่เรียบร้อย เวลาจะนำแหวนประกอบเข้าต้องง่ายไม่ต้องแต่งร่องแหวน ตัวอักษรและสีคาดบนกล่องจะสม่ำเสมอชัดเจน แต่จะมีของเทียมอยู่2-3ยี่ห้อที่พอจะมีคุณภาพหน่อย           ของเทียม ตัวเนื้อผิวลูกสูบจะหยาบตัวอักษรพร่าเลือนไม่คมชัด ร่องแหวน(บริเวณจุดล็อคแหวน) จะไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร สีคาดกล่องบรรจุจะจือซืดจนเห็นได้ชัดเจน แหวนลูกสูบ            ของแท้บริเวณผิวขอบนอกด้านข้างที่เสียดสีกับผนังกระบอกสูบจะมันเงา ด้านบนและด้านล่างจะมีสีออกเทา ๆ ตัวอักษรบอกขนาดเห็นได้แจ่มแจ้งกว่า มีระยะให้ตัวมากกว่าคือบีบเข้าชิดกันได้ (ปากแหวน) โดยไม่บิดเบี้ยวเสียตำแหน่ง ถ่างออกยัดเข้าไปในลูกสูบง่ายและหักยากกว่า              ของเทียม  จะเรียกว่ามีความแตกต่างตรงกันข้ามเลยก็ไม่ผิดเพี้ยง จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ก้านสูบ                ของแท้ ตัวกอัษรบนตัวก้านสูบจะต้องชัดเจน การขายจะขายทั้งชุด โดยจะมีทั้งแผ่นชิมประกบข้าง(2ตัว) ,สลักข้อเหวี่ยง,ลูกปืนสลักลูกสูบ รวมแล้วจะมี5อย่าง               ของเทียม บางทีจะแยกขายเป็นชิ้นหรือไม่ก็ขายไม่ครบ 5 อย่าง ตัวอักษรบนก้านสูบมองแทบไม่รู้เรื่อง ผ้าครัทช์และแผ่นเหล็ก                ของแท้ สีจะออกมันวาวสดใส มีน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยบุ๋มบนแผ่นเหล็กคลัทช์จะเรียบไม่สะดุดมือมากนัก                  ของเทียม ราคาจะถูกกว่าประมาณ คริ่งหนึ่ง ความประณีตจะไม่มีให้เห็นเอาเลย ประเก็น                  ของแท้ ถ้าเป็นปะเก็นฝาสูบจะมีเนื้อหนาผิวมันเรียบ ส่วนปะเก็นอื่น เช่นประเก็นท่อไอเสีย , ประเก็ตแคร้งค์ , ปะเก็นเสื้อสูบจะมีความแข็งและเหนียว เนื้อแน่นตัวอักษรที่ห่อบรรจุหรือแผ่นกระดาษเคลือบพลาสติกจะบอกเบอร์รหัสอย่างชัดเจน สีเข้ม                    ของเทียม การห่อบรรจุจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าที่ควร ตัวอักษรซีดจาง มองเห็นความแตกต่างได้อย่างสบาย ๆ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขดลวดมัดข้าวต้ม (จานไฟ)                     ของแท้ แกนเหล็กจะมีสีขาวสดใสเพราะเป็นเหล็กผสมซิลิคอน ลวดที่ใช้พันแกนเหล็กเป็นเกรดที่สูงกว่า สภาพการพันโดยรอบจะเรียบร้อยเป็นแนวสวยงาม ที่สำคัญคือ มีราคาแพงกว่าถึง 3 เท่าตัวเป็นอย่างต่ำ                      ของเทียม ความแตกต่างคือ ตรงกันข้ามกับของแท้ทุกประการ คนที่ไม่มีประสบการณืทางด้านนี้เลยจะวิเคราะห์ออกมาได้ยากพอสมควร โซ่และสเตอร์                       ของแท้ เมื่อสมัยก่อนโซ่ของแท้จะสังเกตได้ง่ายมากคือมีตรายี่ห้อติดอย่างชัดเจนทุกข้อ แต่มาระยะหลังนี้ไม่แน่นอนบางทีก็มี บางทีก็ไม่มี ยี่ห้อ ดีไอดี กับไดอิชิ มักจะเป็นของที่ติดมาจากโรงงาน (แล้วแต่ยี่ห้อของรถ) ได้ที่มีคุณภาพกล้เคียงกับสองยี่ห้อนี้ก็พอมี ส่วนสเตอร์ที่มีคุณภาพสีของเหล็กจะเป็นชนิดเหล็กกล้าชุบแมงกานิสมีความคงทนสูง  แต่ละซี่แต่ละฟันจะมีขนาดความสูงความลึกเท่ากัน(ระยะพิท)                         ของเทียม โซ่จะมีระะสั่นคลอนมากมีเสียงดัง ใช้ได้ไม่นานก็ดูเหมือนขะสิ้นอายุ ต้องคอยหล่อลื่นบ่อย ๆ ส่วนสเตอร์จะมีลักษณะของฟันไม่เรียบร้อย โดยทั่ว ๆ ไปการขายจะไม่มีห่อหรือแพ็คกิ้งใด ๆ พร้อมทั้งเบอร์อะไหล่(บน แพ็ค) แต่จะใช้การเขียนไว้ที่ตัวสเตอร์แทน จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ฝักเบรค-ผ้าเบรค                          ของแท้ บริเวณที่เป็นเนื้อโลหะจะออกสีอลูมิเนียม ผิวเรียบลักษณะคล้าย ๆ ขัดมัน ผ้าเบรคจะมีเนื้อละเอียดนิ่ม ไม่กินจานเบรค                           ของเทียม เนื้อโลหะจะไม่เรียบร้อยมีรูตามดพรุนไปหมด เนื้อผ้าเบรคจะหยาบ ถ้าผ้าเบรคไม่สึกหรอ (โดยรวดเร็วผิดปกติ) ตัวจานเบรคก็จะต้องเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบริเวณขาเตะฝักเบรคจะมีการสึกหรอและติดขัดบ่อยกว่า หลอดไฟ                           ของแท้ ในที่นี้ยีห้อที่มักผูกขาดที่เราได้ยินกันประจำ ๆ ตือ สเตนเลย์ ตัวภาษอังกฤษจะปั้มไว้ชัดเจน หลอดแก้วจะใส ปิ๊ง ๆ                            ของเทียม ตัวเนื้อโลหะจะไม่สวยตัวปั้ม “บอกโวล?์บอกวัตต์” มองแทบไม่เห็นบางทีไม่มียี่ห้อปรากฎ ราคาถูก อายุการใช้งานสั้น เกิดสนิมง่าย ซีลต่าง ๆ                             ของแท้ เนื้อซีลจะนุ่มสปริงจะยืดหยุ่นได้อย่างดีมีรอยต่อของสปริงสามารถมองเห็นได้ง่าย                              ของเทียม เนื้อซีลจะแข็งกระด้างสีออกขาวขุ่น ๆ ตัวอักษรไม่นูนขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน สายเบรค สายคลัทช์ สายคันเร่ง                               ของแท้ ปลอกหุ้มสายจะไม่แข็งกระด้างเมื่อโค้งไหมาเข้ากับตัวรถ อักษรบนเปลือกนอกชัดเจน ปลายสายที่เป็นหมุดจะย้ำหรือบัดกรีมาอย่างดี ใส่ห่อมาพร้อมพะยี่ห้อให้เห็นอย่างชัดเจน                                ของเทียม แตกต่างอย่างผิดหูผิดตาและราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง จะเรียกว่าผิดกันแบบชนิดหน้ามือเป็นหลังตีนเลยก็ว่าได้  จะว่าไปแล้วทุกวันนี้ของเทียมเองก็มีการพัฒนารูปแบบแพ็คกิ้งจนบ้างทีแยกไม่ออกจากของแท้ ๆ แต่ดันไม่ยอมก๊อบคุณภาพนี่ซิ ฉะนั้นเราจะซื้อของแท้ทีเดียวต้องหาวิธีดูของเทียมให้ได้ก่อน อาจจะเข้าไปถามหาของเทียมก่อนแล้วค่อยเรียกของแท้ออกมาเปรียบเทียบ  หรือไม่ก็ลองเช็คราคาศูนย์ก่อนพอรู้ราคาคร่าวๆ แล้วไปถามตามร้านข้างนอกราคาถ้ามันต่างกันมาก ๆ ให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อน  ของถูกและดีไม่มีในโลกครับแต่ก็ควรแพงอย่างมีเหตุผลนะครับ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รถใช้เพลากับโซ่อย่างไหนแจ๋วกว่ากัน ระหว่างรถที่ใช้เพลาและโซ่นั้น ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน เพียงขึ้นอยู่ว่าตัวผู้ใช้เองมีประสบการณ์ในการใช้อย่างไรอธิบายคราว ๆ รถที่ใช้เพลานั้นจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่าโซ่หลายเท่าตัวไม่ต้องเสียเวลาตั้งโซ่หรือเปลี่ยนบ่อยระยะเวลา 2-3 ปี แทบจะไม่เคยมีปัญหาเลย ขอเพียงอย่างเดียวอย่าให้น้ำมันเครื่องแห้งก็แล้วกัน การขับขี่จุนุ่มนวนกว่าการใช้โซ่มาก ดังนั้นการใช้งานจึงดีกว่า อีกทั้งยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายโขทีเดีบวส่วนข้อเสียของรถที่ใช้เพลานั้นก็คือผู้ใช้ต้องศึกษาให้ดีในเรื่องของการขับขี่ เพราะรถใช้เพลานั้นจะเป็นแบบเฟืองขบกันตลอด เครื่องยนต์ส่งแรงออกมาเท่าไร ก็จะระบายต่อไปที่เฟืองและล้อเท่านั้น ทำให้ไม่มีการยืดหยุ่นตัว และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดได้แก่เรื่องการเข้าโค้ง ถ้าเข้าโค้งแรง ๆ แล้วส่งคันเร่ง แรง ๆ เหมือนรถใช้โซ่ระวังจะกลิ้งคลุกฝุ่น หรือในเรื่องของเบรค ถ้าเบรคแบบทันทีทันใด แล้วกำครัชมือไม่ทัน ก็สามารถคลุกฝุ่นได้เช่นกัน ประการสุดท้ายรถที่ใช้เพลาไม่สามารถเร่งเครื่องให้มีความเร็วสูง ๆ แบบรถที่ใช้โซ่ได้ สรุปว่าถ้าต้องการความนิ่มนวลและความคงทนก็มาเล่นรถที่ใช้เพลา แต่ถ้าต้องการรถที่มีอัตราเร่งสูงและสามารถเร่งเครื่องยนต์แบบทันทีทันใดก็ใช้โซ่ส่วนอีกประเภทคือสายพานโดยจะอยู่กึ่งกลางระหว่างโซ่กับเพลาเท่าที่ฟังมาจะนิ่มนวลพอ ๆ กับเพลาและสามารถกระชากได้ไม่น้อยเหมือนโซ่เรียกได้ว่าเอาข้อดีของทั้ง2อย่างมารวมกัน แต่ของเสียคือเรื่องของความทนทานเพรา โอกาสที่จะขาดเสียหายนั้น มากกว่าทั้ง 2 แบบ เคยได้ยินมาว่าเคยมีคนไปออกทริปและสายพานขาดกลางทาง หาอะไหล่ไม่ได้เลยเพราะไม่ค่อยมีใครเขาใช้กัน โชคดีที่วิ่งหาอะไหล่ของรถยนต์เอาไปแปลงแก้ขัดได้เลยรอดไป จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อินวอย์ คืออะไร อินวอย์ คืออะไร  อินวอยส์เป็นเอกสารที่มีรายละเอียดของการนำเข้าของชิ้นส่วนรถ การเสียภาษีต่างๆ เอกสารประกอบอื่นๆเช่น ขนมาจากไหน เอกสารที่คุณจะได้รับตอนซื้อรถ คือ 1. ใบเสร็จเครื่องยนต์                                                          2. ใบเสร็จ แฟรม อธิบายนิดนึง อันนี้สำคัญมากนะครับ ใบเสร็จ1,2 ต้องเป็นใบของแท้ คือ ใบเสร็จที่ฉีกมาจากเล่ม มีเลขที่ เล่มที่ และประทับตรายาง มีลายเซ็นต์ ก็แบบซื้อของเอาไปเสร็จ ทั่วๆไปนั้นแหละครับ แต่ที่บอกสำคัญคือ คุณต้องได้2ใบนี้ห้ามขาดใบไหนใบนึงเด็ดขาด                                                     3. เอกสารประกอบ คือใบชี้แจงรายละเอียดว่า ตู้คอนเทนเนอร์นี้ บรรทุกอะไรมาบ้าง เครื่องสารพัด อะไรก็จะเขียนไว้ในใบนี้หละครับ แล้ว ก็จะเอาปากกาเน้นข้อความขีดเครื่องของเราไว้ให้เห็นได้ชัดๆ                                                      4. เอกสารประกอบ แฟรม ก็จะลักษณะเหมือน เครื่องยนต์ คือ เน้นข้อความที่เลขแฟรมของเราไว้                                                       5. เอกสารอื่น ก็จะเป็นประเภท การเสียภาษี สารพัดจิปาถะ หลายใบมาก แต่รวมๆแล้วน่าจะถึง10 เชียวนะ                                                       6. สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ของเจ้าของคนแรกที่ซื้อรถมา เพราะในใบเสร็จ เค๊าจะระบุว่าขายไปให้ใคร นาย หรือ นาง ไหน ถ้าเราเป็นเจ้าของคนแรกก็แล้วไป แต่ส่วนมากไม่ใช่  แล้วเรื่องเอกสารนี่มันสำคัญ เพราะว่า ถ้าเกิดคุณอยากเอารถคันนี้หละไปจดทะเบียนแท้ๆกับ ขนส่ง คุณต้องใช้อกสารของเจ้าของเดิมด้วย ให้ตรงกับที่ระบุในใบเสร็จเครื่อง เฟรม ฉะนั้น คุณควรจะต้องมีใบนี้ด้วย      สรุปเรื่อง ใบอินวอยส์ที่คุณจะต้องได้ตอนซื้อรถนะครับ      1. ใบเสร็จ เครื่อง - แฟรม ของแท้ๆ ใบถ่ายใช้ไม่ได้ นอกจากว่าจะได้รับการรับรองจากโกดัง ประทับตรายางแล้วเซ็นต์กำกับ ถ้าอย่างนี้ใช้ได้      2. เอกสารประกอบ เอามันให้เเยอะไว้ก่อนแล้วกัน      3. สำเนาบัตรฯ ของเจ้าของ ถ้าคุณคิดจะไปจดที่ขนส่งต้องมี แต่ถ้าไม่คิดจะไปจด ไม่ต้องก็ได้ แต่ผมว่ามีครบไว้ก่อนดีที่สุด -  ข้อเสนอแนะสุดท้าย  ปัจจุบันรถอินวอยส์ไม่เหมาะสำหรับใช้ในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใหญ่ๆแล้ว เป็นไปได้เก็บเงินเพิ่มซื้อรถมีทะเบียนดีกว่าขี่สบายใจกว่าเยอะ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เสริมต่อในเรื่องการโอนทะเบียนรถ  โดยสิ่งที่คุณต้องเตรียมไปนะครับ 1. ใบคูมือจดทะเบียน อันนี้ต้องเช็คกันดีนะครับก่อนซื้อขายว่าทะเบียนนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่ อีกส่วนที่ไม่ควรมองข้ามคือลายเว็นในใบคู่มือต้องตรงกับลายเซ็นเอกสารชุดโอน สำเนาบัตรประชาชน  และสำเนาทะเบียนบ้าน มิฉะนั้นจะโอนไม่ผ่านนะครับ       2.เอกสารชุดโอนอันนี้เราไปเอาได้ที่ขนส่งเลยแล้าเอามากรอกข้อมูลให้เรียบร้อยพร้อมกับให้เซ็นชื่อของคนซื้อคนขายพร้อมพยานอี2คน       3. สำเนาบัตรประชาชนผู้ถือกรรมสิทธิ ต้องระวังวันหมดอายุด้วยนะครับพร้อมลายเซ็นรังรอง       4.สำเนาทะเบียนบ้านผู้ถือกรรมสิทธิพร้อมลายเซ็นรับรอง       5.ใบมอบอำนาจกรณีที่เราไม่ได้ไปเองหรือว่าเป็นชุดโอนลอยมา ภายในระบุชื่อผู้ที่จะทำการดำเนินการโอนรถดังกล่าว       6.สำเนาบัตรประชาชนผู้ซื้อเซ็นรับรอง       7.สำเนาทะเบียนบ้านผู้ซื้อเซ็นรับรอง       8.  คำสั่งศาล ในกรณีที่เจ้าของรถได้เสียชีวิต เราจะต้องใช้คำสั่งศาลในการสั่งให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้จัดการมรดก โดยในกรณีนี้เราต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ของผู้ที่ศาลสั่งให้แทน ขั้นตอน            1.นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นเรื่องกับฝ่ายตรวจสภาพของกรมขนส่ง            2.นำเข้าตรวจสอบสภาพกับเจ้าหน้าที่โดยในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ของกรมขนส่งจะขูดเลขเครื่อง เลขเฟรมรวมทั้งตรวจสภาพทั่ว ๆ ไป            3.เมื่อตรวจสภาพแล้วต้องไปรอรับเรื่องคืน เพื่อที่จะไปยื่นเรื่องต่อฝ่ายทะเบียนรถแผนกโอนย้าย            4.จ่ายเงินค่าธรรมเนียม รอรับเรื่องคืนตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่เรารับเป็นอันจบสิ้น แต่ย้ำนะครับว่ารถของท่านต้องถูกต้องมิฉะนั้นท่านจะมีความผิดทันทีและเรื่องจะยาวครับ ฉะนั้นวิธีที่ได้ผลอย่างหนึ่งถ้าเราไม่ได้ซื้อกับร้านหรือบริษัทที่ไว้ใจได้คือ จูงมือกันไปจ่ายเงินพร้อมโอนที่ขนส่งครับเพื่อความชัวล์ จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขั้นตอนการเอารถอินวอลย์ไปจดทะเบียน ขั้นตอนการจดทะเบียน 1. ยื่นคำขอจดทะเบียน พร้อมหลักฐาน 2. นำรถไปตรวจสภาพ 3. ชำระค่าธรรมเนียมและภาษี 4.รับใบเสร็จรับเงินและแผ่นป้ายทะเบียนรถพร้อมใบคู่มือจดทะเบียนรถการดำเนินการจดทะเบียนรถใหม่ หากเจ้าของรถมิได้มาดำเนินการด้วยตนเองจะต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่ผู้ดำเนินการ แทนและผู้ดำเนินการแทนต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดง เอกสารที่ใช้ในการทำทะเบียนรถ (ทะเบียนแท้ จดจริง) 1. หลักฐานการได้มาของโครงคัสซี ได้แก่ ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากร แบบ 32 (ใบรับรองการนำเข้า) สำเนาใบขนสินค้าขาเข้า(INVOICE) ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรรับรองสำเนาถูกต้อง ใบเสร็จใบกำกับภาษีซื้อขายโครงคัสซีจากร้านที่จำหน่าย 2. หลักฐานการได้มาของเครื่องยนต์ ได้แก่ ใบแจ้งจำหน่าย ใบเสร็จ ใบกำกับภาษีซื้อขายเครื่องยนต์จากร้านที่จำหน่าย 3. ใบเสร็จใบกำกับภาษีค่าแรงประกอบรถ และใบเสร็จอุปกรณ์ส่วนควบ 4. หนังสือรับรองความมั่นคงแข็งแรงของรถจากวิศวกรและใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ประเภท สาขาวิศวกรรมเครื่องยนต์ 5. นำรถที่ประกอบแล้วไปติดต่อที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัยและสารมลพิษจากเครื่องยนต์ 6. นำรถไปติดต่อกรมสรรพสามิต เพื่อเสียภาษีกรมสรรพสามิต ภาษีสรรพสามิต     คือ  ภาษีการขายเฉพาะที่เรียกเก็บจากสินค้าและบริการบางประเภท   ซึ่งมีเหตุผล สมควรที่จะต้องรับภาระภาษีสูงกว่าปกติ   เช่น สินค้าที่บริโภคแล้วอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและศีลธรรม อันดี  สินค้าและบริการที่มีลักษณะเป็นการฟุ่มเฟือยหรือสินค้าที่ได้รับผลประโยชน์เป็นพิเศษจากรัฐ หรือสินค้าที่ก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในการที่จะต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ    เพื่อให้บริการผู้บริโภค  หรือเป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม รถจักรยานยนต์ที่จัดเก็บภาษี มี 2 ประเภท คือ -รถจักรยานยนต์ 2 จังหวะ -รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ รถจักรยานยนต์ -  ชนิดเครื่องยนต์  4  จังหวะ ภาษี 3% ของราคาประเมิน (แต่ส่วนใหญ่ประเมินเป็นราคาป้ายแดง) 7. เอกสารเจ้าของรถ ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน 8. นำเอกสาร 1-7 มาติดต่อขอจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก (นำรถมาตรวจสภาพด้วย) จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เลือกใช้น้ำมันเครื่องอย่างไรดี ความหมายของที่อยู่ข้างกระป๋องนั้น มีความสำคัญต่อการใช้งานของเครื่องยนต์ เราสามารถแบ่งเกรดน้ำมันเครื่องออกได้ สองประเภทด้วยกัน ดังนี้ -แบ่งตามความหนืด -แบ่งตามสภาพการใช้งาน การแบ่งเกรดน้ำมันเครื่องตามความหนืด          จะเป็นที่คุ้นเคยและใช้กันมานานแล้ว และเป็นมาตรฐานที่ใช้อ้างอิงของอีกหลายสถาบันที่ตั้งขึ้นมาทีหลังอีกด้วย พูดถึงมาตรฐาน " SAE" คงจะรู้จักกันมาตรฐานนี้ก่อตั่งโดย "สมาคมวิศวกรยานยนต์" ของอเมริกา ( Society of Automotive Engineers) การแบ่งเกรดของน้ำมันเครื่องแบบนี้จะแบ่งเป็นเบอร์ เช่น 30,40,50 ซึ่งตัวเลขแต่ละชุดนั้นจะหมายถึงค่าความข้นใสหรือค่าความหนืดของน้ำมันหล่อลื่น โดยน้ำมันที่มีเบอร์ต่ำจะใสกว่าเบอร์สูง ตัวเลขที่แสดงอยู่นั้นจะมาจากการทดสอบที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส หมายความว่าที่อุณหภูมิทำการทดสอบ น้ำมันเบอร์ 50 จะมีความหนืดมากกว่าน้ำมันเบอร์ 30 เป็นต้น จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:52:59 ]

ความคิดเห็นที่ 29 น้ำมันที่มีตัว " W" ต่อท้ายนั้นย่อมาจากคำว่า Winter เป็นน้ำมันเครื่องที่เหมาะสำหรับใช้ในอุณหภูมิต่ำ ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งมีความข้นใสน้อย จะวัดกันที่อุณหภูมิต่ำ - 18 องศาเซลเซียสน้ำมันเบอร์ 5W จะมีความข้นใสน้อยกว่าเบอร์ 15W นั่นหมายความว่าตัวเลขสำหรับเกรดที่มี " W" ต่อท้ายเลขยิ่งน้อย ยิ่งคงความข้นใสในอุณหภูมิที่ติดลบมาก ๆ ได้เหมาะสำหรับใช้งานในประเทศที่มีภูมิอากาศหนาวเย็นมาก อย่างเกรด 0W นั้นสามารถคงความข้นใสได้ถึงประมาณ - 30 องศาเซลเซียส เกรด 20 W สามารถคงความข้นใสได้ถึงอุณหภูมิประมาณ - 10 องศาเซลเซียส น้ำมันเครื่องทั้งสองเกรดนี้เรียกว่า "น้ำมันเครื่องชนิดเกรดเดียว" ( Single Viscosity หรือ Single Grade) จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนน้ำมันเครื่องชนิดเกรดรวม ( Multi Viscosity หรือ Multi Grade) นั้นทาง SAE ไม่ได้เป็นผู้กำหนดมาตรฐานของน้ำมันเกรดรวม แต่เกิดจากการที่ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงโดยใช้สารเคมีเข้ามาผสมจนสามารถทำให้น้ำมันเครื่องนั้น ๆ มีมาตรฐานเทียบเท่ากับมาตรฐานของ SAE ทั้งสองแบบได้เพื่อให้เกิดความหลากหลายในการใช้งานตามสภาพภูมิประเทศที่มีอุณหภูมิต่างกันมาก การผสมสารปรับปรุงคุณภาพนั้นแตกต่างกันมากน้อยตามความต้องการในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเกรด 5W-40 หรือ 15W-50 แต่การแบ่งเกรดของน้ำมันเครื่องตามความหนืดที่เราเรียกกันเป็นเบอร์นี้สามารถบอกได้แค่ช่วงความหนืดเท่านั้นแต่ไม่ได้บ่งบอกถึงระดับในการใช้งานของเครื่องยนต์แต่ละประเภท จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ต่อมาในประมาณปี 1970 SAE,API และ ASTM (American Society for Testing and Masterials) ได้ร่วมมือกันกำหนดการแยกน้ำมันเครื่องตามสภาพการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี่เครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้น เราจึงเห็นได้เห็นจากข้างกระป๋องบรรจุ ตัวอย่างเช่น การบอกมาตรฐานในการใช้งานไว้ API SJ/CF และมีค่าความหนืดของ SAE 20W-50 ควบคู่กันไปด้วยแสดงว่าน้ำมันเครื่องชนิดนี้สามารถใช้กับเครื่องยนต์เบนซินได้เทียบเท่าเกรด SJ ถ้าใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลจะเทียบเท่าเกรด CF ที่ค่าความหนืด SAE 20W-50 จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 32 การกำหนดมาตราฐานของน้ำมันเครื่องตามสภาพการใช้งาน        สามารถแบ่งมาตรฐานของน้ำมันเครื่องโดยอ้างอิงสถาบันใหญ่ได้หลายสถาบัน เช่น               สถาบัน "API" หรือสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา               สถาบัน " ACEA" ( เดิมเรียก CCMC) เกิดจากการรวมตัวของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ในตลาดร่วมยุโรป               สถาบัน "JASO" เกิดจากการรวมตัวของสถาบันกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น          จะเห็นได้ว่าแต่เดิมสถาบัน API ซึ่งเคยมีบทบาทมากในอดีต และเป็นสถาบันที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกยอมรับ ปัจจุบันในกลุ่มประเทศยุโรปและญี่ปุ่นก็ได้มีการออกมาตรฐานขึ้นมาเป็นของตนเองเช่นกัน จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คำว่า "API" ย่อมาจาก " American Petroleum Institute" หรือสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา ซึ่งจะแบ่งเกรดน้ำมันหล่อลื่นตามสภาพการใช้งานเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ตามชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ก็คือ                "API" ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิงใช้สัญลักษณ์ "S" (Service Stations Classifications) นำหน้า เช่น SA, SB, SC, SD, SE, SF, SG, SH, และ SJ                "API" ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง ใช้สัญลักษณ์ " C" (Commercial Classifi-cations) นำหน้าเช่น CA, CB, CC, CD, CD-II, CF, CF-2, CF-4, และ CG-4               เรามาดูน้ำมันเครื่องที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิงกันก่อนจะใช้สัญลักษณ์ "S" และตามด้วยสัญลักษณ์แทนน้ำมันเกรดต่าง ๆ ที่แบ่งได้ตามเกรดดังต่อไปนี้               SA สำหรับเครื่องยนต์เบนซินใช้งานเบาไม่มีสารเพิ่มคุณภาพ               SB สำหรับเครื่องยนต์เบนซินใช้งานเบามีสารเพิ่มคุณภาพเล็กน้อย และสารป้องกันการกัดกร่อนไม่แนะนำให้ใช้ในเครื่องยนต์รุ่นใหม่               SC สำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1964-1967 โดยมีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐาน SB เล็กน้อย เช่น มีสารควบคุมการเกิดคราบเขม่า               SD สำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1968-1971 โดยมีสารคุณภาพสูงกว่า SC และมีสารเพิ่มคุณภาพมากกว่า SC               SE สำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1971-1979 มีสารเพิ่มคุณภาพเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้สูงกว่า SD และ SC และยังสามารถใช้แทน SD และ SC ได้ดีกว่าอีกด้วย               SF สำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่ผลิตระหว่าง คศ. 1980-1988 มีคุณสมบัติป้องกันการเสื่อมสภาพสามารถจะทนความร้อนสูงกว่า SE และยังมีสารชำระล้างคราบเขม่าได้ดีขึ้น               SG เริ่มประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคม คศ. 1988 มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นกว่ามาตรฐาน SF โดยเฉพาะมีสารป้องกันการสึกหรอ สารป้องกันการกัดกร่อน สารป้องกันสนิมสารป้องกันการเสื่อมสภาพเนื่องจากความร้อน และสารชะล้าง-ละลาย และย่อยเขม่าที่ดีขึ้น               SH เริ่มประกาศใช้เมื่อปี คศ. 1994 เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์อย่างรวดเร็วมีระบบใหม่ ๆ ในเครื่องยนต์ที่ถูกคิดค้นนำเข้ามาใช้ เช่น ระบบ Twin Cam, Fuel Injector, Multi-Valve, Variable Valve Timing และยังมีการติดตั้งระบบแปรสภาพไอเสีย (Catalytic Convertor) เพิ่มขึ้น               SJ เป็นมาตรฐานสูงสุดในปัจจุบัน เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ. 1997 มีคุณสมบัติทั่วไปคลายกับมาตรฐาน SH แต่จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีกว่ามีค่าการระเหยตัว ( Lower Volatility) ต่ำกว่าทำให้ลดอัตราการกินน้ำมันเครื่องลงและมีค่าฟอสฟอรัส ( Phosphorous) ที่ต่ำกว่าจะช่วยให้เครื่องกรองไอเสียใช้งานได้นานขึ้น จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาตรฐานน้ำมันเครื่อง ACEA ย่อมาจาก The Association des Constructeurs Europeens d'Automobile หรือเป็นทางการว่า European Automobile Manufarturer' Association สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ในตลาดร่วมยุโรบซึ่งได้แก่ ALFA ROMEO, BRITISH LEYLAND, BMW, DAF, DAIMLER-BENZ, FIAT, MAN, PEUGEOT, PORSCHE, RENAULT, VOLKSWAGEN, ROLLS-ROYCE, และ VOLVO ได้มีการกำหนด มาตรฐานโดยเริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อ 1 มกราคม 1996 โดยยกเลิกมาตรฐาน CCMC ไปเนื่องจาก ACEA มีสถาบันเข้าร่วมโครงการมากกว่าและมีข้อกำหนดที่เด่นชัด          มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน (Gasoline (Petron) Engines)                A 1-96 มาตรฐานที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป                A 2-96 มาตรฐานพิเศษสูงขึ้นไปอีก                A 3-96 มาตรฐานสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์เบนซินในปัจจุบัน จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มาตรฐานน้ำมันเครื่อง JASO ย่อมาจาก Japanese Automobile Standard Organization หรือกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเเป็นกลุ่มที่มีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน ต่อมาเรียกรวมเป็นมาตรฐาน ISO โดยเเบ่งเป็น 2 ประเภท คือ           เครื่องยนต์เบนซิน                 JSE (ISO-L-EJGE) เทียบพอๆ กับมาตรฐาน API SE หรือ CCMC G1 โดยเน้นป้องกันการสึกหรอบริเวณวาล์วเพิ่มขึ้น                 JSG (ISO-L-EJDD) เทียบกับมาตรรฐานสูงกว่า API SG หรือ CCMC G4 โดยเน้นป้องกันการสึกหรอบริเวณวาล์วเพิ่มขึ้นไปอีก                    สำหรับมาตรฐานน้ำมันเครื่องที่รู้จัก ก็คือมาตรฐาน " API" และ " SAE" ซึ่งน้ำมันเครื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะแจ้งมาคู่กันบางยี่ห้อจะบอกค่าดัชนีความหนืดของ "SAE" อย่างเช่น 5W-30, 15W-40 เป็นต้นและจะมีค่ามาตรฐานที่บอกสมรรถนะของน้ำมันเครื่องกระป๋องนั้นเป็นมาตรฐาน "API" เช่น SE, SF, SG, CC, CD, CE เป็นต้น คำถามยอดฮิตอีกอย่างคือระหว่างเอาของถูกแต่เปลี่ยนบ่อย ๆ กับของแพงนาน ๆ เปลี่ยนทีอันไหนดีกว่าอัน ถามผมอันนี้อยู่ที่ตัวเจ้าของครับ แต่ถ้าเป็นไปได้เอาของแพงเปลี่ยนบ่อย ๆ ครับ ถ้าเงินมี ส่วนผมใช้แบบเซมิแต่เปลี่ยนตามระยะครับเพราะเคยลองของแพงมาก็ไม่แตกต่างมากนักแต่ของถูกนี้ เลิกนานแล้วเพราะออกอาการไวมาก แบ่บเดี๋ยวหมดสภาพ หมายเหตุ ข้อมูลในส่วนนี้จำที่มาไม่ได้ครับต้องขออภัยเจ้าของบทความมา ณ ที่นี้ด้วย จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:58:04 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตารางการบำรุงรักษาBigBike การบำรุงรักษาก่อนการขี่ครั้งแรก First Ride มาว่ากันต่อ คราวนี้เราได้รถมาแล้ว อย่างแรกที่ต้องจัดการคือ กรณีที่เป็นรถมือ2 1. ถ่ายน้ำมันเครื่อง และ กรองน้ำมันเครื่อง    ( แนะนำให้เปลี่ยนนะครับ เพราะเราไม่รู้ว่าใช้งานมานานแค่ไหนแล้ว  อย่าได้เชื่อเจ้าของเดิมมากนัก) 2. ฟิวส์ต่างๆในรถ ตรวจเช็คถ้าอันไหนควรเปลี่ยนก็เปลี่ยนจะได้สบายใจว่า เราได้ใส่ของใหม่ไปแล้ว 3. อีกอย่างนึง ควรถามเจ้าของเก่าว่า พวกน้ำมันเบรค น้ำมันคลัช น้ำมันโชคหน้า เคยทำอะไรมาบ้างรึเปล่าว ถ้าไม่เคย ให้เปลี่ยนเลย เพราะพวกนี้มีอายุการใช้งาน , พวกสายเบรค - สายคลัช ให้หล่อลื่นสายซะหน่อยนึง ค่อยๆใช้น้ำมันหยอดลงไปที่ละนิดๆ จะได้ลื่นๆ ไม่ขาดกลางทาง 4. พวกหลอดไฟหน้า-หลัง ถ้าเปลี่ยนได้ เปลี่ยนซะ 5. อันนี้ สำคัญนะครับ ผ้าเบรค ปั้มเบรคบนล่าง  ควรถอดมาดูซะหน่อย อาจสกปรกมากก็ได้ ถ้าล้างซะจะได้ มั่นใจเต็ม100 6. สำคัญไม่แพ้กันคือ ยางหน้า-หลัง ให้สังเกตุที่เนื้อยาง อย่าไปดูที่ดอก เพราะบางทีดอกเต็มเลย สึกน้อยมาก สวยๆ แต่เนื่อยางหมดสภาพแล้ว แข็งโป๊ก อันนี้ใช้ไม่ๆได้  ยางที่ดีหรือสภาพพอใช้หน่อยต้องพอนิ่มบ้าง จิกแล้วเป็นรอย คือมันจะได้เกาะถนน  ถ้าไม่ดีต้องหาเปลี่ยน จะมือ2 หรือใหม่ก็ได้ ที่มา 118 bike จากคุณ : tonadf - [ 11 ม.ค. 52 23:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตารางการบำรุงรักษา 1.เครื่องยนต์และส่วนที่เกี่ยวข้อง                                                                                                           ตรวจเช็คทุกระยะ ( กม.)                           เปลี่ยนทุกระยะ ( กม.) 1.ไส้กรองอากาศ                   ( ทำควาสะอาด)                                             5,000                                                  10,000 2. หัวเทียน                           ( ทำความสะอาด /ตรวจระยเขี้ยว)                   5,000                                                  10,000 3.น้ำมันเครื่อง                       (ตรวจเช็ระดับ)                                                  100                                                    2,500 4.ไส้กรองน้ำมันเครื่อง                                                                                         -                                                   2,500 5.ท่อทางเดินน้ำมันเชื้อเพลิง   ( รอยฉีกขาดหรือกรอบ)                             5,000                                                      20,000 6.ระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิง  ( แว็คคั่ม )                          ( รอยฉีกขาด-กรอบ )                                         5,000                                                  20,000     ( ปั้มติ๊ก  )                           ( เช็คการทำงาน  )                                             5,000                                            เมื่อเสียหาย 7.คาร์บูเรเตอร์ หากปรกติดีให้ทำความสะอาดที่ระยะ                                    15,000   ยางปากคาร์บูเรอตอร์           ( รอยฉีกขาด-กรอบ )                                      10,000                                      เมื่อเสียหาย   8.ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ  ตรวจเช็คระดับน้ำ                                         100                                                  20,000   ตรวจเช็คท่อทางเดิน ฝาหม้อน้ำและตะกอนในหม้อพัก                                   5,000                                   ทำความสะอาดรังผึ้งหม้อน้ำ                                                                     10,000 9.ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำมัน    ตรวจเช็คท่อทางเดินน้ำมัน                                                                          2,500 10. ตรวจระยะห่างวาล์ว                      250cc.                                          10,000 - 15,000                                                          400cc.                                           15,000 - 17,000                                                           750cc.                                          20,000 - 26,000                                          เกินกว่า    1,000cc.                                        28,000 11.ระบบตัดต่อส่งกำลัง( คลัตซ์ ) ตรวจระยะฟรีคลัตซ์                                    5,000     แผ่นตลัตซ์                                                                                             20,000 12. ระบบส่งกำลัง       รถที่ใช้เพลา ตรวจน้ำมันเฟืองท้าย( เกรW90)                                       5,000                                               10,000       ระบบขับโซ่  ตรวจความตึงหย่อน ทำความสะอาด                                       500       หล่อลื่นโซ่ด้วยน้ำมันเฉพาะ                                                                        300       สเตอร์หน้าหลัง                                                                                      1,500 จากคุณ : tonadf - [ 12 ม.ค. 52 00:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 38 2.ระบบโครงสร้างและความปลอดภัย 1. โช๊คอัพหน้า               ตรวจเช็คซีลโช๊ค / ซีลกันฝุ่น                               1,000                                                    10,000     น้ำมันโช๊คอัพ                                                                                                                                                     10,000 2. โช๊คอัพหลัง               ตรวจเช็คลูกปืนกระเดื่อง อัดจารบี                                                                                      15,000 3. ลูกปืนคอ                    ตรวจระยะคลอน                                                      5,000    อัดจารบีใหม่                                                                                           10,000 4. ลูกปืนล้อหน้า-หลัง  ตรวจระยะคลอน อัดจารบีใหม่                                   10,000 5. ระบบเบรคหน้า-หลัง ( ดิสก์เบรค )    ผ้าเบรค                     ตรวจการสึกหรอ                                                       5,000    น้ำมันเบรค                ตรวจระดับ / ไล่ลม                                                   5,000    ปั้มเบรคและท่อไฮดรอลิกเบรค       ล้าง เช็คซีล                                          10,000 6. สายคลัช - สายเร่ง     ล้าง-หล่อลื่นใหม่                                                      10,000 จากคุณ : tonadf - [ 12 ม.ค. 52 00:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 3. ระบบไฟชาร์ต แบตเตอรี่ และที่เกี่ยวข้อง 1. แบตเตอรี่                  ล้างคราบเกลือที่ขั่วแบต / ทาจารบี                             1 เดือน    แบตฯน้ำ                     ตรวจระดับน้ำกลั่น-วัดไฟ                                               800                                                      2 ปี    แบตฯแห้ง                  วัดระดับไฟ                                                                 2,500                                                     2 ปี 2. วัดระดับไฟชาร์ต                                                                                       2 เดือน เพิ่ม... น้ำมันเครื่อง สปอร์ต คัสตอม ทัวริ่ง โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้ออยคูลเลอร์ 10W40 หรือ 15W50 ถ้าใช้งานหนักความร้อนขึ้นสูงบ่อย ใช้ 20W50 กรองอากาศ  อายุการใช้งาน 10,000 กม. ในช่วงอายุการใช้งานควรถอดออกมาทำการเป่าด้วยลมที่ 5,000 กม. ที่มาของข้อมูล หนังสือ มอเตอร์ไซเคิล คุณ Gear7 หมดละครับ ............(^.^).............. จากคุณ : tonadf - [ 12 ม.ค. 52 00:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณ มากครับ เก็บเข้าคลังกระทู้และ โหวต ^^ จากคุณ : นายตัวต่อ - [ 12 ม.ค. 52 00:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สุดยอดมากครับ บทความมีประโยชน์มาก ขอบคุณมากครับ จากคุณ : เก่งninja - [ 12 ม.ค. 52 00:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แวะเวียนเข้ามาตามแต่เวลาจะอำนวยเถอะครับ จากคุณ : Thongchai - [ 12 ม.ค. 52 00:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โหวตเลยครับ จากคุณ : dnt_mocyc - [ 12 ม.ค. 52 02:38:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 โหหห อดให้กิ๊ฟเลยครับ เป็นกระทู้ความรู้ล้วนๆ โหวดด้วยคนครับ ขอบคุณมากครับ อ่านเพลินดี จากคุณ : Bluedoft - [ 12 ม.ค. 52 03:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอคุณครับ  เอาหัวใจไปเลย 3 ขีด จากคุณ : hs9keq - [ 12 ม.ค. 52 03:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณสำหรับภาพรถในฝันสวยๆและข้อมูล ถ้ามีโอกาสก็แวะมาเยี่ยมเยียนกันบ้างครับ จากคุณ : farm boy - [ 12 ม.ค. 52 05:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ที่ผ่านมา...เชื่อว่า หลายๆคน ได้ความรู้จากข้อมูลที่คุณเขียนให้อ่าน มากบ้าง น้อย้าง แล้วแต่ความสนใจของผู้อ่าน แต่มั่นใจว่า ทุกคน.. ได้ดูภาพรถสวยๆ  ที่ชอบอย่างจุใจ...แน่นอน ต่อไป...ถ้าคุณ  tonadf  ว่างน้อยลง ไม่มีเวลาเขียนบทความให้อ่านอีก ก็ขอให้แวะเวียนเข้ามาทักทายเพื่อนๆบ้างก็พอ... จากคุณ : ไออิ (goldwing) - [ 12 ม.ค. 52 07:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณครับ จากคุณ : เฉาก๊วยทอด - [ 12 ม.ค. 52 07:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เยี่ยมมากครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : oro - [ 12 ม.ค. 52 07:22:55 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณมากครับ..^_^++ จากคุณ : aimmz - [ 12 ม.ค. 52 07:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 51 save ลงคลังกระทู้ด้วยเน้อ ข้อมูลมีประโยชน์มาก เมื่อก่อนผมก็อยากจะเขียน  แต่มัวแต่เที่ยวกับทำงาน ไม่มีเวลาเลย จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL - [ 12 ม.ค. 52 07:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ว้า ให้กิ๊ฟไม่ได้..... ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ผ่านมาครับ ผมตามอ่านทุกกระทู้ โดยเฉพาะกระทู้พริตตี้ชอบมาก(แอบหื่น) ไม่ต้องร่ำลาหรอกครับ เพื่อนทุกท่านๆยังคิดถึงเสมอ ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาครับ " เข้ารัชดาแล้วไซร้ จะฝึกฤทัยจนวายปราณ " ^ ' ' ' ' กลอนเลียนแบบเขามา อิอิ ^^ \/ จากคุณ : toy1152 - [ 12 ม.ค. 52 08:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 53 Thanks dude จากคุณ : To die for - [ 12 ม.ค. 52 08:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ข้อมูลแน่นสุดๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : Sweet Candy - [ 12 ม.ค. 52 08:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณครับ  ไม่สะดวก  ในการส่งเน็ตก็ว่างๆวันหยุดวันไหน  ค่อยมาทักทายครับ  ทำงานให้มีความสุขครับ  ส่วนผมให้รางวัลกับชีวิตแล้วครับ  โหวตเข้าคลัง  และกิ้ฟไปแต่รูปนะ จากคุณ : ลุง500 (saeju1) - [ 12 ม.ค. 52 08:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แจ่มมากครับ จากคุณ : บาเลนเซียเท่านั้น - [ 12 ม.ค. 52 08:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณครับ จากคุณ : Blue@A4 - [ 12 ม.ค. 52 08:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ มีประโยชน์สำหรับผู้ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะ...มือใหม่... มีเวลาว่างเว้นสักน้อยนิด ก็กรุณาแวะมาทักทายกันบ้างครับ จากคุณ : zipp999 (zipp999) - [ 12 ม.ค. 52 08:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณเ้จ้าของกระทู้ และอยากให้กิ๊ฟแบบ ลุง500 เราเชื่อว่า คุณต้องกลับมาเร็วๆนี้แน่นอน ขอบคุณสำหรับ ข้อมูล และความรู้ ที่ได้มาแบ่งปันให้พี่น้องรัชดา จากคุณ : sonny150 - [ 12 ม.ค. 52 08:36:31 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แอบเก็บเข้าคลังกระทู้แล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ หุหุ จำไว้จะได้ไปเปลี่ยนที่บ้านบ้างค่ะ จากคุณ : อ้วนดำตากลม - [ 12 ม.ค. 52 08:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โอ้โห ความรู้เพียบเลย ขอบคุณครับ ขอเก็บเข้าคลังกระทู้ครับ จากคุณ : Tumnina (Tumnina) - [ 12 ม.ค. 52 09:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณครับ สำหรับ ข้อมูล ความรู้ สาระ ดีๆ... ที่น้า นำมาฝาก พวกเรา อยู่บ่อยๆ ถึง ผมไม่ได้ขี่ บิ๊กไบค์ แต่ ก็ นำมา ประยุกค์ ใช้กับ รถครอบครัว ได้ครับ เสียดายให้ กิพ ไม่ได้   ......แต่ โหวต........+ เก็บเข้าคลัง ให้แทนล่ะกันน่ะครับ จากคุณ : babyfresh - [ 12 ม.ค. 52 09:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ให้ gift ไม่ได้ แต่ก็ขอขอบคุณครับ จากคุณ : AW Milan - [ 12 ม.ค. 52 10:11:29 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ไปแล้วอย่าไปลับ ว่าง ๆ ก็แวะเวียนมานะคะ ขอบคุณสำหรับสาระดี ๆ ที่นำมาฝากคะ จากคุณ : ธ.ทหารอดทน - [ 12 ม.ค. 52 10:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ว่างก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ จากคุณ : PaNok@WanDeRer - [ 12 ม.ค. 52 10:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 66 "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา แต่ใช่ว่าจะมีเพียงหนเดียว" ว่าง ๆ ก็แวะเข้ามาบ้างนะครับ ชอบบทความที่ให้ความรู้แบบนี้มาก ขอให้มีความสุขกับงานที่ทำ และอย่าลืมให้รางวัลกับตัวเองบ้างครับ จากคุณ : ระดมยิง - [ 12 ม.ค. 52 10:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณสำหรับสาระดี ๆ เยี่ยมมากครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : MOTO WiFi - [ 12 ม.ค. 52 11:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 68 "เก็บเข้าคลังกระทู้" ขอบคุณครับ จากคุณ : X~JunioR - [ 12 ม.ค. 52 11:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณครับ..... จากคุณ : รู้ไหมครับว่า... - [ 12 ม.ค. 52 12:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณครับ จากคุณ : phongmms - [ 12 ม.ค. 52 12:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ตกใจเลย กับหัวข้อกระทู้ "ร่ำลา"  ของคุณ tonadf   กำลังสนุกเพลิดเพลินกับบทความ Bigbike ของเจ้าของกระทู้มากเลย ในที่ผ่าน ๆ มา มีประโยชน์ต่อมือใหม่จริง ๆ   พอเลื่อนลงมาอ่านแล้ว อ้อ.. อาจจะไม่ได้เข้าเน็ตบ่อยนักเพราะงาน  เข้าใจแล้ว   แต่แต่ปิ่นเชื่อว่า  คุณtonadf อาจจะได้พล็อตคอลัมม์ใหม่ แว่บขึ้นมาใหม่ในหัว ระหว่างผ่อนคลายจากงานก็ได้นะ   ได้คิดเมื่อไร รีบลงมือ เขียนใน notepad  เลยนะ   จะรออ่านติดตาม เราสนับสนุน ความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียน แน่นอน     คุณแค่ฝึกเขียนเยอะๆ   การพัฒนาจะแสดงให้เห็นเองน่ะ   จะบอกว่า ค่ายยี่ห้อ MV Agusta   เนี่ย.. นิยมใช้ฉากขี่ในหนัง Hollywood มาก  โดยเฉพาะรุ่น F4    ไม่รู้นะ ว่า ขี่ยากหรือเปล่า   แต่รูปทรง มันสปอรต์ได้ใจนักขี่มากๆ ๆ    ข้อเสียคือ ราคาแรง    รถแรงจริง ๆ ส่วนค่าย Triumph   ใช่แล้ว โรงงานผลิต อยู่จ.ชลบุรี ห่างบ้านปิ่นไปแค่ 10 กว่าโลเอง  แต่ไม่เคยเห็น ตัวเป็น ๆ ออกจากโกดังซะที  แอบส่องอยู่ตั้งนานแน่ะ   มีศูนย์นำเข้ารถค่ายนี้นะ  อยู่กรุงเทพ   เจ้าของก็คือ  ดอม เหตระกูล ลูกชายหัวแก้วหัวแก้ว เจ้าของหนังสือพิมพ์ "เดลินิวส์" นี่แหละ     เห็นเขาสัมภาษณ์ไว้ว่า   "ผมนำเข้ารถยี่ห้อนี้มาจากอังกฤษด้วยมือของผมเอง"  เราก็งง ๆ นะ ว่า อ่าว แล้วโรงงาน Triumph ใกล้ๆ  นี่ ไม่ได้ผลิตรถเหรอ ???  ใครรู้ ช่วยบอกที   Good Bye is never end !  โอเค๊ ??  จะรอการกลับมาของคุณ tonadf   นะ ขอให้ประสบความสำเร็จในการงานนะ   Big Bike ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมาย..  เง้อ.. อยากขี่รถเที่ยว จากคุณ : KJ_FBI - [ 12 ม.ค. 52 12:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 72 โชคดีแล้วครับ ที่ยัง "มีงานทำ" อยู่ ถึงจะย้ายไปย้ายมาก็ตาม  ชาวรัชดายังอยู่เคียงข้างเสมอครับ จากคุณ : ยังไม่ทันอ่าน ขอตอบกระทู้ก่อน (Lexon) - [ 12 ม.ค. 52 13:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อย่าพูดว่า "ลาก่อน" ครับ ต้องพูดว่า "แล้วเจอกัน" ดีกว่า ว่างจากงาน เมื่อไหร่ แวะมาเยี่ยมด้วยนะครับ กระทู้นี้ มีประโยชน์สุดๆ สำหรับมือใหม่อย่างผม ขอให้คุณ tonadf   จขกท.   เจริญรุ่งเรืองกับหน้าที่การงาน สาธุ จากคุณ : Poprock Engineer - [ 12 ม.ค. 52 13:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เยี่ยมมากครับ จากคุณ : ยอดชายนายตุ้มเม้ง - [ 12 ม.ค. 52 14:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 75 โชคดีนะคะ~ จากคุณ : หน้าแง๊ว~* - [ 12 ม.ค. 52 16:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 76 โชคดีครับ ว่างๆก็แวะมานะครับ ขอบคุณที่เขียนกระทู้ให้อ่าน ... จากคุณ : จอบบ้อน - [ 12 ม.ค. 52 16:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณครับ จากคุณ : malldeff - [ 12 ม.ค. 52 17:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ว่างๆ ก็แวะมาเยี่ยมรัชดาบ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : titun - [ 12 ม.ค. 52 17:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ และยังไงก็เข้ามาซักหน่อยก็ยังดีนะครับ จากคุณ : RiKi _ ACT - [ 12 ม.ค. 52 19:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ... อ่านแล้วนึกถึงคุณ "หกขา" กับ คุณ"Sep"... เอ่อ...จากลาก่อน...เปลี่ยนเป็น "ลาพัก" ได้ไหมครับ ... จะได้มากันอีกบ่อย ๆ เมือพร้อม... จากคุณ : aaa_a...ครับผม - [ 12 ม.ค. 52 19:51:36 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณมากมายกับสาระที่มีมาฝากเสมอ เสียดายครับ อย่างไรซ่ะ แวะมาทักทายกันนะครับ เพื่อนคงคิดถึงคุณมากๆ ขอให้ประสปความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ โชคดีครับ จากคุณ : นายเดินดิน - [ 12 ม.ค. 52 20:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ พร้อมกับการเก็บเข้าคลัง จากคุณ : บ้า BB (dewnus) - [ 12 ม.ค. 52 20:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณครับ ที่สละเวลาตั้งใจเขียนบทความรวบรวมภาพดีดี หวังว่าจะได้อ่านต่อ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ม.ค. 52 20:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณครับ จากคุณ : ผอเฒ่า - [ 12 ม.ค. 52 21:42:12 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณครับ สุดยอด จากคุณ : sniperaong - [ 12 ม.ค. 52 22:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เพิ่งรู้จริงๆครับว่าTriumphโรงงานอยู่เมืองชล... ไอ้เราผ่านไปก็นึกว่าอะไร ทำไมโลโก้มันเหมือนมอไซค์Triumph กระทู้มีสาระครับ...โหวตๆ จากคุณ : B-gin - [ 12 ม.ค. 52 22:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ละเอียดดีครับชอบ จากคุณ : wackyworld - [ 12 ม.ค. 52 23:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆมีประโยชน์ครับ วันไหนว่างก็แวะเข้ามาครับ จากคุณ : spajan - [ 12 ม.ค. 52 23:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 89 save จากคุณ : killery (killery) - [ 12 ม.ค. 52 23:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เยียมครับ จากคุณ : cbrzoom - [ 12 ม.ค. 52 23:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ชอบใน BigBIKE แต่ไม่รู้จะมีโอกาสได้ใช้หรือป่าว อย่างไรก็ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : Asurada.ee - [ 13 ม.ค. 52 00:41:25 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ ว่างๆ แวะเข้ามาทักทายกันบ้างนะครับ จากคุณ : zpondz - [ 13 ม.ค. 52 01:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ถูกใจผมมากครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ จากคุณ : มหาอุตม์ - [ 13 ม.ค. 52 02:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 94 รูปนี้แทนคำ ขอบคุณแด่ทุกท่านครับ สัญญาว่าจะพยายามหาเวลามาพบทุกท่าน พร้อมบทความ ..............(^.^).......... จากคุณ : tonadf - [ 13 ม.ค. 52 08:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เข้ามาขอบคุณ และกล่าวลาครับ จากคุณ : คนขุดแร่ - [ 13 ม.ค. 52 08:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ขอบคุณครับ จากคุณ : คิมบ๊อก (คิมบ๊อก) - [ 13 ม.ค. 52 14:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณมากมายครับ... สำหรับเรื่องดีๆ... และภาพสวยๆ... ตราบใดที่ยังหายใจ..คงได้มาทักทายกันอีกนะครับ... ^_^ จากคุณ : Bashful Guy. - [ 13 ม.ค. 52 15:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบคุณครับ จากคุณ : ดาวสุริยะ - [ 13 ม.ค. 52 17:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณความรู้ดีๆ ครับ จากคุณ : AODAOD29 - [ 13 ม.ค. 52 19:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อ่านหัวโตเลยครับงานนี้ ว่าแต่มีแต่รถอิตาลี่เยอะนะครับ ( H Y S K) Benelli ไม่มีมั่งหรือครับ จากคุณ : Thanathoz - [ 13 ม.ค. 52 20:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณครับพี่ จากคุณ : j30a (j30a) - [ 14 ม.ค. 52 18:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ จากคุณ : ตั้มขาว - [ 14 ม.ค. 52 20:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณครับ จากคุณ : maxibon - [ 14 ม.ค. 52 21:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณมากๆครับ ความรู้เต็มไปหมดเลย แค่ได้เห็นรูปอย่างเดียวก็ยังคุ้มค่าเลยครับ จากคุณ : letsmini - [ 14 ม.ค. 52 22:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 105 Very good two thumb !!!! จากคุณ : Badsak. - [ 15 ม.ค. 52 08:28:37 A:192.168.0.17 X:58.147.93.226 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ขอบคุณครับ!! โชคดี มีชัยนะครับ!! ปล. 430 TuNero แจ่มมากกก .. จากคุณ : silence.screamer - [ 15 ม.ค. 52 11:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : หลังแฮนด์สี่ร้อยซีซี - [ 15 ม.ค. 52 16:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 108 สุดยอดครับถ้าว่างๆก็มาเขียนใหม่นะครับจะรออ่าน จากคุณ : tragodius - [ 18 ม.ค. 52 23:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 109 กระทู้ดี ต้องเป็นแบบนี้ !!!!! Save ด่วนนนนนนนนนน จากคุณ : Mr.Modernbug - [ 19 ม.ค. 52 13:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ขอ save เอาไว้อ่านหลายๆครับ เป็นมือใหม่เข้ามาอ่าน อ่านไปงงไป จากคุณ : mark1974 - [ 20 ม.ค. 52 00:04:54 ]