ความคิดเห็นที่ 15
ถ้าหากเทียบความได้เปรียบ ข้อดี ข้อย่อย และสถานะการณ์ต่างๆโดยรวมแล้ว
มาสด้า ถือว่า เหนือกว่ามิตซู อยู่หลายขุม
แต่ประเทศไทย มีปัจจัยภายนอกหลายอย่าง ที่จะผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ ลองวิเคราะห์ดูคร่าวๆ ดังนี้ 1. สถานะการณ์บริษัทแม่ มาสด้า เพิ่งซู้หุ้นคืนจากฟอร์ดมา 20% ส่วนมิตซูยังลูกผีลูกคน 2. Product ของมาสด้าในต่างประเทศมีหลากหลายและได้รับความนิยม ขณะที่มิตซู ยังมีอยู่เท่าเดิม 3. การขยายการลงทุนใหม่ที่ประเทศจีน รัสเซีย มาสด้ามีโรงงานแล้ว มิตซูยังไม่เริ่มต้นเลย
มาดูที่ประเทศไทย ยอดขายปีนี้มิตซู 23,381 คัน มาสด้า 11,178 คัน รถเก๋งมิตซู แลนเซอร์ 2,073 คัน มาสด้า3 4,141 คัน มาสด้าทิ้งเกินครึ่ง มิตซูไททัน 17,718 มาสด้า บีที-50 6,995 คัน มิตซูทิ้งห่างเกือบ 3 เท่าตัว ส่วน space wagon ก็ยังพอไปได้ ส่วน MX-5 พอขายได้ปีนี้ 42 คัน ส่วน RX-8 ไม่ต้องพูดถึง ปีนี้ 2 คัน
ถ้าเทียบ product ในอนาคต 2-3 ข้างหน้า มาสด้าเจ๋งกว่า การตั้งเป้าหมายมาสด้า ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นตลอดทุกปี แต่มิตซูตั้งเป้าเพื่อรักษาไม่ให้ตก ข่าวล่าสุดมาสด้าตั้งเป้าหมายว่าจะขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของตลาดภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี
ดีลเลอร์ ตัวแทนขาย บริการ มิตซูยังได้เปรียบมาก ในปีนี้มาสด้าจะเพิ่มดีลเลอร์อีก 25 แห่ง ซึ่งเยอะมากๆ อ่านมาจากข่าวช่วงปลายปี
ถ้าหากเทียบยอดขายในอนาคต รุ่นต่อรุ่น ต่อปีในอีก 3 ปีข้างหน้า นับจากปีนี้เลยนะ 09 -10 และ 11
Titon 1.5 หมื่น 2 หมื่น 2.5 หมื่น BT-50 8 พัน 1 หมื่น 2 หมื่น
Lacer 2 พัน 2.5 พัน 2.5 พัน Mazda3 4 พัน 3.5 พัน 6 พัน
Mitsu- ไม่มี Mazda2 1 พัน 1 หมื่น 1 หมื่น
แต่ผลสุดท้ายอย่างที่พอจะเดากันได้ รถดีไม่จำเป็นต้องขายได้ พับเก็บก็หลายรุ่น อยู่ที่ขายตลาดอย่างเดียว
จากคุณ :
มั่วได้บ้าง
- [
15 ม.ค. 52 10:40:14
A:19.232.152.224 X:136.8.1.100
]
|
|
|