ความคิดเห็นที่ 1 รัฐบาล  ก็Dragกันตามวาระไงครับท่าน เป็นเหมือนกันทุกชุด ทุกยุคทุกสมัย จากคุณ : Pickmon - [ 17 ม.ค. 52 01:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จขกท พอจะมีข้อมูลอ้างอิงแบบว่าเป็นกราฟเปรียบเทียบราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นที่สิงคโปร์ กับ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในไทยมั้ยครับ เพราะที่ จขกท ว่ามา รู้สึกว่ามันจะสับสนไปหมดแล้ว ระหว่างน้ำมันดิบในตลาดโลก น้ำมันสุกหน้าโรงกลั่นที่สิงคโปร์ และน้ำมันสุกในไทย จากคุณ : งง - [ 17 ม.ค. 52 01:33:00 A:202.176.109.15 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.bangkokbiznews.com/nws/stock/Pr_datafin.php ล่างสุดเลยครับ ไปบวกลบคุณหารกันเอาเอง จากคุณ : KZi - [ 17 ม.ค. 52 01:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กลไกเค้ามีนะครับ....ศึกษานิดนึง @^^@ จากคุณ : เฮียแมว - [ 17 ม.ค. 52 02:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จขกท.รู้เหตุผลที่ต้องอ้างอิงกับราคาสิงคโปร์มั๊ยครับ... ลองศึกษาดูก่อนนะครับ... จากคุณ : ไอ_ติม (i_teep) - [ 17 ม.ค. 52 05:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทำไมราคาน้ำมันในประเทศไทยจึงต้องอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปในสิงคโปร์ ตลาดสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางซื้อขายน้ำมันที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกล ราคาในตลาด สิงคโปร์เกิดจากการตกลงซื้อขายของผู้ซื้อและผู้ขายทั้งภายในภายนอกประเทศ จึงสะท้อนปริมาณ น้ำมันที่มีในภูมิภาคและความต้องการน้ำมันของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง การส่งออกและนำเข้า (ปริมาณ การผลิตส่วนเกินและความต้องการน้ำมัน) ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ของราคาในตลาดจรสิงคโปร์ ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ซื้อขายผ่านตลาดสิงคโปร์จะอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับตลาดใหญ่อื่นๆ ทำให้ยากต่อการปั่นราคาโดยผู้ซื้อหรือผู้ขาย กล่าวโดยสรุป ประเทศไทยใช้ราคาในตลาดจรสิงคโปร์เป็นฐานในการกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูป เนื่องจาก แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 05:52:44 จากคุณ : ไอ_ติม (i_teep) - [ 17 ม.ค. 52 05:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 1. ราคาน้ำมันสิงคโปร์สะท้อนต้นทุนการนำเข้าของไทยในระดับต่ำสุด เพราะตลาดสิงคโปร์เป็นตลาด    ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ดังนั้น ต้นทุนในการนำเข้าจึงเป็น    ต้นทุนที่ถูกที่สุดที่โรงกลั่นไทยต้องแข่งขันด้วย 2. ปริมาณการซื้อขายในสิงคโปร์อยู่ในระดับสูงเทียบเท่าตลาดใหญ่ในพื้นที่อื่น สิงคโปร์เป็นตลาด    ซื้อขายน้ำมันเช่นเดียวกับนิวยอร์ค ทั้งๆ ที่น้ำมันที่ซื้อขายอาจไม่ได้เก็บไว้ในสิงคโปร์ แต่ทำการ    ตกลงซื้อขายในสิงคโปร์โดยบริษัทที่ดำเนินธุรกิจซื้อขายน้ำมันทำให้ยาก ต่อการปั่นราคาโดย    ผู้ซื้อหรือผู้ขาย 3. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในสิงคโปร์สะท้อนความสามารถในการจัดหาและความต้องการของเอเซีย    อย่างแท้จริง เพราะเป็นการกลั่นเพื่อการส่งออกเป็นหลัก แม้สิงคโปร์จะมีกำลังการกลั่นรวมอยู่ที่    1.5 ล้านบาเรลต่อวันและเป็นระดับที่ต่ำกว่าจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ แต่การกลั่นของสิงคโปร์    เป็นการกลั่นเพื่อส่งออก ในขณะที่ประเทศเอเชียอื่นที่มีกำลังกลั่นมากกว่าสิงคโปร์ เป็นการกลั่น    เพื่อใช้ในประเทศเป็นหลัก เมื่อเหลือแล้วจึงส่งออก แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 05:54:47 จากคุณ : ไอ_ติม (i_teep) - [ 17 ม.ค. 52 05:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 4. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในสิงคโปร์ เป็นฐานกำหนดราคาส่งออกของประเทศต่างๆ และการซื้อขาย    เพื่อส่งออกจากประเทศต่างๆ ซึ่งยังทำการซื้อขายที่สิงคโปร์เป็นหลัก 5. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปรับตัวเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันหรือระดับใกล้เคียงกัน    กับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก (ได้แก่ ตลาดตะวันออกกลาง ยุโรปและอเมริกา)โดยราคาน้ำมันสำเร็จรูป    ทุกตลาดต่างปรับตัวเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันและในระดับที่ใกล้เคียงกัน อาจมีบางช่วงที่    ราคาของบางตลาดเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางหรือระดับที่แตกต่างกับตลาดอื่นๆ เป็นเพราะภาวะที่    ความต้องการ และปริมาณน้ำมันในตลาดไม่มีความสมดุลในช่วงเวลานั้นๆ แต่ต่อมาราคาที่แตกต่าง    จากตลาดอื่นมาก จะทำให้เกิดการไหลเข้า / ออกของน้ำมันจากตลาดอื่น จนทำให้ระดับราคาของ    ตลาดนั้นปรับตัวสู่ภาวะสมดุลกับตลาดอื่น เนื่องจากอยู่ภายใต้ระบบการค้าเสรีและเป็นสากล 6. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ ผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ จากการสังเกต ความเคลื่อนไหว    ของราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดต่างๆ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจร    สิงคโปร์มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ และตลาดสิงคโปร์จะใช้เวลาในการปรับตัวสู่สมดุลในเวลา    ประมาณ 1-3 วัน จากคุณ : ไอ_ติม (i_teep) - [ 17 ม.ค. 52 05:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 6. ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ ผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ จากการสังเกต ความเคลื่อนไหว    ของราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดต่างๆ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดจร    สิงคโปร์มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดอื่นๆ และตลาดสิงคโปร์จะใช้เวลาในการปรับตัวสู่สมดุลในเวลา    ประมาณ 1-3 วัน  ดังนั้น โรงกลั่นไทยจึงยังต้องแข่งขันกับการนำเข้าจากสิงคโปร์ และราคาการตลาดน้ำมันสิงคโปร์ ซึ่งมี การเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางเดียวกับตลาดอื่นๆ โดยมีความผันผวนของราคาน้อยกว่าตลาดอื่นๆ ดังนั้น การกำหนดราคาของโรงกลั่น โดยอ้างอิงราคาในตลาดจรสิงคโปร์ จึงเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด ในปัจจุบัน แต่เนื่องจากประเทศไทยมีการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปบางส่วนในราคาต่ำกว่าราคาที่จำหน่าย ในประเทศ ประชาชนในประเทศ จึงได้รับประโยชน์จากราคาส่งออกที่ถูกกว่าราคาจำหน่ายในประเทศ เพราะโรงกลั่นเริ่มให้ส่วนลดแก่ผู้ค้าน้ำมัน ผู้ค้าน้ำมันนำส่วนลดราคานี้ ไปลดราคาขายปลีกในประเทศ จากคุณ : ไอ_ติม (i_teep) - [ 17 ม.ค. 52 05:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทฤษฎีหรูมากครับ จากคุณ : Ontjung - [ 17 ม.ค. 52 07:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณครับ คุณไอ_ติม แล้วจะคอยดูตอนราคาสิงคโปร์ลด มันใช้เวลากี่วันจะยอมลด ทีขึ้น มันก็ขึ้นทันใจจริงๆ จากคุณ : Hainun Boy - [ 17 ม.ค. 52 07:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณไอติม เจ๋ง ครับ จากคุณ : farm boy - [ 17 ม.ค. 52 07:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาลาก ฟาร์มมี่...มานี่ๆๆๆ เลย.. เด๋วน่วม.. จากคุณ : ~cupid~ - [ 17 ม.ค. 52 08:32:51 A:117.47.231.150 X: TicketID:139017 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พอน้ำมันขึ้นราคา  ที่ซื้อสต๊อกสำรองไว้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด  แต่ทำไมขึ้นราคาทันทีเลยละ  แต่พอน้ำมันตลาดโลกถูกลงกลับบอกต้องรอดูราคาอีกสักพักไม่ยอมลดราคาน้ำมันลงทันทีเหมือนตอนราคาขึ้น   บริษัทน้ำมันเอาเปรียบลูกค้านิ  ผู้รับผิดชอบไปไหนไม่มาดูแลกันบ้างเลย  รัฐบาลอย่ามัวหลงระเริงอยู่นะค่ะ  ประชาชนคนตาดำ ๆ จะตายกันอยู่แล้ว  ถูกผู้ค้าเอาเปรียบทุก ๆ ทาง  ไม่ว่าจะน้ำมันหรือของบริโภคอื่น ๆ อยากยกตัวอย่างที่เชียงใหม่  รถสี่ล้อแดง(เป็นรถโดยสารในเชียงใหม่)ขอขึ้นราคาตอนน้ำมันราคาเกือบ 40 บาท/ลิตร  แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันลงมาครึ่งหนึ่งของราคาเดิม  แต่ราคาค่าโดยสารก็ยังเท่าเดิมคือ 20 บาท  20 บาทนี่วิ่งใกล้ ๆ เท่านั้นนะค่ะ  พอไกลกว่าเดิมนิดเดียวขอราคาเป็น 40-60 บาทค่ะ  ใครบอกว่าราคาค่าโดยสารที่กรุงเทพแพงแล้ว  ลองมาอยู่เชียงใหม่ดูจะรู้สึก  เพราะฉะนั้นคนเชียงใหม่ทุกคนจึงต้องมีรถ  ไม่รถยนต์ก็รถจักรยานยนต์ค่ะ  พอเก็บเงินซื้อรถจักรยานยนต์ได้สักคันก็โดนขโมยค่ะ  ที่เชียงใหม่รถจักรยายนต์หายเป็นว่าเล่น  พอไม่ซื้อรถค่าโดยสารก็แพงมหาโหด  ไม่รู้จะทำยังไงดี  ผู้บริหารเชียงใหม่ก็ไม่ออกมาดูแลกันเลย  ไม่รู้เพราะอากาศเย็นสบายหรือเปล่าเลยมัวแต่หลับอยู่!!!! แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 08:36:25 แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 08:36:01 จากคุณ : คนไม่สวยแต่จริงใจ - [ 17 ม.ค. 52 08:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ราคาโลก มันขึ้นนะครับ ยกเว้น อเมริกา....อังกฤษ ดูไบ สิงกโปโตก...ขึ้นหมด มีพี่กัน ดิ่งนรก อยู่คนเดียว จากคุณ : คนจ๊นจน - [ 17 ม.ค. 52 08:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับเรื่องบริหารสต๊อก ใครทำการค้าอยู่ ก็จะเข้าใจ จะว่าเอาเปรียบผู้่บริโภคนั่นคงไม่ใช่ มันเป็นหลักการง่ายๆ ซื้อแพงต้องขายแพง ต้นทุนแพงต้องขายแพง ซื้อมาถูกขายถูกได้ แต่ถ้าราคาซื้อใหม่แพงขึ้น ต้องขายราคาใหม่ทันที จากคุณ : JohnHenry - [ 17 ม.ค. 52 09:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สต๊อกเก่าซื้อแพงยังขายไม่หมด เลยต้องขายแพง น้ำมันมันลงไม่เห็นมันลงตามเลยมีแต่ขึ้น พวกที่บอกว่าดูราคาน้ำที่สิงค์โปร์เป็นหลัก ก็ดูไป แต่มันขัดกับความรู้สึกของคนไทย จากคุณ : pungem - [ 17 ม.ค. 52 09:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คห 14 ครับ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปบ้านเราอ้างอิงจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นที่สิงคโปร์นะครับ ไม่ใช่ราคาน้ำมันดิบของตลาดโลก ดังนั้นถ้าไปดูราคาน้ำมันดิบ มันอาจจะสับสนได้ เพราะบางครั้งมันไม่ได้ขึ้นลงในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมันสำเร็จรูป โดยราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นถูกกำหนดโดยราคากลางของภูมิภาคนั้นๆ อยู่ครับ ซึ่งตลาดที่กำหนดราคาเช่นสิงคโปร์ จะถูกกลไกตลาดกำหนดราคาอยู่ คือถ้ามีอุปสงค์น้อย(ความต้องการซื้อต่ำ) เองตั้งราคาสูงข้าก้อไม่ซื้อ เอ็งต้องลดราคาลงมาจนกว่าข้าจะพอใจ แต่ถ้ามีอุปสงค์มาก(ความต้องการซื้อสูง) ราคาสูงแค่ไหน ข้าก้อต้องรีบซื้อ ถ้านึกไม่ออก ก้อนึกถึงตลาดหุ้นบ้านเราก้อได้ จากคุณ : .. - [ 17 ม.ค. 52 09:57:00 A:202.176.106.13 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คห 17 ครับ สต๊อกของโรงกลั่นไม่เกี่ยวครับ ม่ายงั้นโรงกลั่นคงไม่ขาดทุนสต๊อกน้ำมันกันแล้ว ที่ขัดความรู้สึกเนี่ย น่าจะเป็นเพราะค่าการตลาดครับ ถ้าไปดูตารางโครงสร้างราคาน้ำมัน จะเห็นว่าช่องแรกคือราคาหน้าโรงกลั่นจะเป็นราคาที่อ้างอิงสิงคโปร์ ซึ่งตรงนี้จะขึ้นลงทิศทางเดียวกะที่สิงคโปร์ตลอด เพราะถ้าขืนขายถูกกว่าก้อจะโดนส่งออกจนน้ำมันในบ้านขาดแคลน หากขายแพงกว่าก้อจะถูกนำเข้าจนต้องเสียดุลการค้ามากขึ้น โดยหากราคาน้ำมันที่สิงคโปร์ลด แต่ราคาขายปลีกบ้านเราไม่ลด นั่นหมายความว่า ค่าการตลาดมันจะสูงขึ้นครับ แต่หากราคาน้ำมันที่สิงคโปร์ขึ้น แต่ราคาขายปลีกบ้านเราไม่ขึ้น นั่นหมายความว่า ค่าการตลาดมันจะต่ำลงครับ จากคุณ : .. - [ 17 ม.ค. 52 10:04:29 A:202.176.106.13 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หึๆ ซื้อน้ำมันจากดูไป แต่อ้างอิง สิค์โปร์ หึๆๆๆๆ จากคุณ : เด็กขายก๋วยจั๊บ - [ 17 ม.ค. 52 10:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตราบใด ที่ยังอ้างอิงราคาตาม ตลาดโลภ อยู่นั้น เราก็ก้มหน้าก้มตา รับสภาพต่อไป บ่นนิด ด่าหน่อย  พอหายเครียด ปล. ผมไม่ได้พิมพ์ผิดนะ จากคุณ : King_Baboon - [ 17 ม.ค. 52 11:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ถูกต้องนะคร้าบบ ต่อให้ซื้อน้ำมันดิบจากดาวอังคาร ก้อต้องอ้างอิงสิงค์โปร์อยู่ดีครับ เพราะขืนขายแพงกว่า บ.ค้าส่งน้ำมันบ้านเรา ไปนำเข้าจากโรงกลั่นสิงคโปร์กันหมด จากคุณ : .. - [ 17 ม.ค. 52 11:17:32 A:202.176.106.13 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อย่างว่า ผู้ประกอบการไทย ไม่ต่างจากนักการเมืองที่มีแต่ โกงกินกับ ยัดห่....... จากคุณ : G23 - 40S&W - [ 17 ม.ค. 52 12:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ราคาน้ำมันดิบลง แต่ราคาน้ำนันสำเร็จรูปขึ้น ดูค่าการตลาดอย่างเดียว คนไทยก็ตายครับ ตายแบบมัดมือชกทำได้อย่างเดียวคือ ด่า................... จากคุณ : pungem - [ 17 ม.ค. 52 12:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รอแปปนะครับ...เดี๋ยวกราฟเทพจะมา จากคุณ : bright26 - [ 17 ม.ค. 52 12:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อไรจะมีเจ้าทุกข์ไปแจ้งความปตท.กันสะทีไม่รู้ สคบ.ก็ได้ จากคุณ : บอกไป - [ 18 ม.ค. 52 11:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 บริษัทเทพครับ ไม่มีใครกล้าจัดการ สื่อบางเจ้ายังมีปตท.เป็นสปอนเซอร์ครับ ชาวบ้านเลยไม่มีใครมาเป็นปากเป็นเสียงแทน รัฐบาลยิ่งไม่ยุ่งด้วย หุหุ รัฐบาลไหนก็เหมือนกัน จากคุณ : คนจนรุ่นใหม่ (คนจนรุ่นใหม่) - [ 19 ม.ค. 52 17:42:10 ]