ความคิดเห็นที่ 1 สมมุติว่า คุณปลูกข้าวโพด1ไร่     แล้วต้องการนำไปขายที่ตลาดนัด   คุณมีค่าใช้จ่ายดังนี้  1 จ้างรถบรรทุกขนข้าวโพดไปตลาด    30 บาท  2. เสียค่าเช่าที่ตลาดนัด                   20 บาท  3.  จ้างเด็กแถวบ้านนั่งขายให้             30บาท          1+2+3   นี่แหละครับค่าการตลาด จากคุณ : นายสีเสียด - [ 20 ม.ค. 52 20:17:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มันอันเดียวกับ"ต้นทุน"รึป่าวครับ จากคุณ : ไม่ได้กลัวแต่เกรงใจ - [ 20 ม.ค. 52 20:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นค่าที่กำหนดให้ เพื่อให้เป็นกำไรกับปั๊มขายปลีกครับ.. จากคุณ : หมอก้อนหิน - [ 20 ม.ค. 52 20:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มันคือ กำไร ที่ขี่อยู่บนกำไรอีกทีหนึ่งครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 20 ม.ค. 52 21:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Marketing margin มีอยู่ในสินค้าทุกชนิดครับ บางตำราจะแปลว่า "ค่าการตลาด" แต่บางตำราจะแปลว่า "ส่วนเหลื่อมการตลาด" marketing margin ถ้าแปลความหมายในทางบัญชี ก้อคือกำไรเบื้องต้นนั่นเอง มาจากราคาที่รับมาลบด้วยราคาที่ขายไป แต่พอหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆและภาษีแล้วจึงจะเป็นกำไรสุทธิ ตัวอย่าง เช่น marketing margin ของสินค้าเกษตร ก้อคือ ความแตกต่างระหว่างราคาต่อหน่วยของผลิตผลที่เกษตรกรได้รับ (ราคาฟาร์ม) กับราคาที่ผู้บริโภคจ่าย (ราคาขายปลีก) ส่วน marketing margin ของน้ำมันก้อคือ ส่วนต่างของราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าปั้ม กับส่วนต่างของราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นที่บวกภาษีและกองทุนแล้ว ซึ่งส่วนต่างตรงนี้ ส่วนนึงจะเป็นค่าใช้จ่าย ค่าขนส่ง ค่าเติมสาร additive และกำไรหรือขาดทุนของผู้ค้าส่งน้ำมัน อีกส่วนนึงก้ะจะเป็นค่าใช้จ่าย ค่าบริหารจัดการและกำไรหรือขาดทุนของปั้มน้ำมัน จากคุณ : ตาม คห 1 - [ 20 ม.ค. 52 23:23:10 A:192.168.0.17 X:202.176.109.22 TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าพูดตรงๆคือเงินที่นำไปใช้เป็นเบี้ยบ้ายรายทางนอกระบบคล้ายๆท่านหยึมว่าแหละครับ จากคุณ : ฉ่ำเยิ้ม - [ 21 ม.ค. 52 03:54:30 A:124.121.17.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท. เค้ามาถาม เพื่อทำความเข้าใจ ก็ตอบให้มันชัดเจน ถ้าไม่รู้ ก็ไม่ต้องตอบก็ได้ ถ้าอยากจะแดกดัน ก็ไปแดกดันกระทู้อื่นก็ได้ จากคุณ : P_Wut - [ 21 ม.ค. 52 06:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ใครเค้าแดกดันอะไร อ่านมายังไม่เห็นมีเลย แล้วถ้าจะแดกดันเรื่องเกี่ยวกับค่าการตลาด ก็มาถูกที่ ถูกกระทู้แล้วคะ ใจกว้างหน่อยสิคะ จากคุณ : giguru - [ 21 ม.ค. 52 08:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สาวกมีข้อมูลแหกตาบ้าง ความจริงบ้าง ไม่หมด โดนจับผิดบ้าง ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่ครับ เพราะ อันนี้ ตั้งแต่ปี 45 ยังใช้ได้อยู่ ก็อ้างเดิมๆ ตรูไม่สน http://www.ftawatch.org/news/view.php?id=3450 เพราะ ผู้ค้า ยังไงก็กำไร จะมากจะน้อย ขาดทุน ปั๊มก็รับไป เพราะ margin คือกำไร จะเห็นว่ามันไม่ได้พูดถึง cost ต้นทุน อย่างค่าการกลั่นก็เหมือนกัน http://www.cbc.ca/news/background/energy/gas-prices.html อันนี้อังกฤษ ผมถาม ต้นทุนเท่าไหร่ ไม่มีใครตอบได้ margin มันกำหนดกันเองได้เฉยๆ จากคุณ : You'll never walk alone - [ 21 ม.ค. 52 09:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตั้งแต่อ่านมาก็ไม่เห็นแดกดันตรงไหนเลยนี่ครับ โปรดใจกว้างกับผู้อื่นด้วยครับ ผมว่าอ่านหลายหลายความคิดดีออก ไม่ใช่ใครเห็นอย่างไรก็ เทกันไปหน้าเดียวหมด นี่หละ แตกต่างได้ แต่ต้องไม่แตกแยก จากคุณ : mr.xxx - [ 21 ม.ค. 52 09:11:16 A:124.120.108.3 X: TicketID:065066 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เอ คห 9 ครับ ลิ้งเนี่ย http://www.ftawatch.org/news/view.php?id=3450 อ่านแรกๆ ก้อดูดีอยู่หรอก แต่ทำไมท้ายๆ มันถึงออกทะเลแบบนั้นล่ะครับ ตอนแรกๆ อธิบายค่าการตลาดดังนี้ "สามารถอธิบายง่ายๆ ว่า ค่าการตลาด คือ ส่วนต่างระหว่างราคาขายปลีก ณ สถานีบริการและราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นในเวลาเดียวกัน ซึ่งถือว่าส่วนนี้เป็นรายได้ของผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการน้ำมัน นอกจากนี้ยังรวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายของผู้น้ำมันด้วย" แต่ทำไมท้ายๆ ถึงมั่วเป็นแบบนี้ล่ะครับ "การที่ค่าการตลาดของบริษัทน้ำมันติดลบ 10 สตางค์ต่อลิตร หมายความว่า ผู้ค้าน้ำมันขาดทุนที่กำไร ไม่ใช่เป็นการขาดทุนที่ต้นทุน ซึ่งเป็นความรู้สึกของผู้ค้าที่ได้กำไรน้อยเกินไป ซึ่งจุดนี้เป็นแค่ความพอใจของแต่ละยี่ห้อซึ่งจะไม่เท่ากัน บางยี่ห้อก็ต้องการกำไรมาก บางยี่ห้อก็ต้องการกำไรน้อย ซึ่งทุกอย่างอยู่ภายธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างเสรีที่จะถูกกลไกตลาดบังคับให้ดำเนินไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรม" นายเมตตากล่าว ถามจริงๆ เหอะ ผู้ค้าน้ำมันทั้งค้าส่งและค้าปลีก เค้าไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเลยหรือขอรับ เพราะรับสินค้ามาชิ้นละ 100 แต่ขายชิ้นละ 90 ไม่ได้เรียกว่าขาดทุนที่กำไรนะครับ เค้าเรียกว่าชักเนื้อตัวเองตังหาก แต่ถ้ารับสินค้ามาชิ้นละ 100 แต่ขายชิ้นละ 150 ได้ margin 50 บาท ก้อไม่ได้หมายความว่าจะกำไรสุทธิ 50 บาท เพราะมันต้องหักค่าเช่าแผง ค่าเทศกิจ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรงตัวเอง ฯลฯ ที่เหลือถึงจะเป็นกำไรสุทธิ จากคุณ : ขอแย้งหน่อย - [ 21 ม.ค. 52 09:53:23 A:203.144.130.176 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอ กลับไปอ่านอีกที สงสัยผมจะเข้าใจ คห 9 ผิด คห 9 น่าจะหมายถึง แม้ว่าค่าการตลาดติดลบ ผู้ค้าส่ง เช่น ปตท ยังไงก้อกำไรเพราะ ไม่มี cost ส่วนผู้ค้าปลีกตามปั้มรับขาดทุนไปเต็มๆ คือในความเป็นจริงแล้ว ผู้ค้าส่งน้ำมันก้อมี cost เช่นกัน เพราะรับมาในราคาหน้าโรงกลั่น+ภาษี+กองทุน และขายให้ปั้มในราคาที่ + (-)ค่าการตลาดในส่วนของผู้ค้าส่ง ตรงนี้ อันดับแรก ผู้ค้าส่งจะได้กำไรหรือขาดทุนในส่วนที่สต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปเอาไว้ที่ซื้อตอนราคาหน้าโรงกลั่นที่ต่ำหรือสูงกว่าในปัจจุบัน และจะมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าเติมสาร additive ค่าขนส่ง ค่าแรงพนักงาน ค่าดำเนินธุรกิจต่างๆ เป็นต้น ซึ่งผู้ค้าส่งนั้นจะได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่นั้น ก้อขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการด้วย ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับค่าการตลาดเพียงอย่างเดียว จากคุณ : ขอเพิ่มอีกหน่อย - [ 21 ม.ค. 52 10:07:34 A:203.144.130.176 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 4   มันคือ กำไร ที่ขี่อยู่บนกำไรอีกทีหนึ่งครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย _______________________________________________________ ความคิดเห็นที่ 6   ถ้าพูดตรงๆ คือเงินที่นำไปใช้เป็นเบี้ยบ้ายรายทางนอกระบบคล้ายๆท่านหยึมว่าแหละครับ จากคุณ : ฉ่ำเยิ้ม _______________________________________________________ ไม่แดกดันตรงไหน "กำไรที่ขี่อยู่บนกำไร" อีกทีนึง --> มันใช่ซะที่ไหน ? "คือเงินที่นำไปใช้เป็นเบี้ยบ้ายรายทางนอกระบบ"  --> นอกระบบอะไร ? จากคุณ : P_Wut - [ 21 ม.ค. 52 10:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 9   เพราะ margin คือกำไร จะเห็นว่ามันไม่ได้พูดถึง cost ต้นทุน อย่างค่าการกลั่นก็เหมือนกัน http://www.cbc.ca/news/background/energy/gas-prices.html อันนี้อังกฤษ ผมถาม ต้นทุนเท่าไหร่ ไม่มีใครตอบได้ margin มันกำหนดกันเองได้เฉยๆ จากคุณ : You'll never walk alone __________________________________________________________________________________ margin ไม่ใช่ " กำไร " ครับ มันเป็นแค่ส่วนต่าง ระหว่าง ต้นทุนซื้อ กับ เงินที่ขายได้ เท่านั้น สมมติ เปิดร้านขายเสื้อผ้า รับเสื้อผ้าจากโรงงานมา 100 ตัว เค้าขายให้ตัวละ 100 บาท เป็นเงิน 10,000 บาท มาขายจริง ตั้งราคาขายตัวละ 150 บาท บางคนก็ซื้อง่าย บางคนก็ต่อเหลือ 140 130 ก็ขาย สรุปแล้ว 100 ตัวนั้น กว่าจะขายหมด ใช้เวลา 2 อาทิตย์ ขายมาได้เงิน 12,500 บาท หรือเฉลี่ยแล้ว ขายตัวละ 125 บาท เท่านั้น margin ตรงนี้ (12,500 - 10,000) = 2,500 บาท หารด้วยจำนวนตัว 100 ตัว เท่ากับว่า margin 25 บาท/ตัว ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมันไปเอาจากโรงงาน ค่าตกแต่งร้าน ฯลฯ สมมติ ถ้าซวย ขายได้แค่ครึ่งเดียวก็ขายไม่ออก อีกครึ่งนึงต้องลดราคาเหลือตัวละ 75 บาท ก็เท่ากับว่า ไม่เหลือ margin เลย และขาดทุน อันเนื่องมาจากต้นทุนอื่นๆ ที่อุตส่าห์เปิดร้านมา _______________________________________________________________________________________________ Marketing Margin ของน้ำมันขายปลีก คล้ายๆ ที่เล่ามาทั้งหมด เพียงแต่มันครอบคลุมทั้ง ผู้ค้าส่ง และ ปั๊มขายปลีก โรงกลั่น ขายด้วยราคาหน้าโรงกลั่น ให้ ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าส่ง ขายต่อให้ปั๊มขายปลีก ด้วยราคาขายปลีก - margin (ที่เอ่ยถึงในกระทู้นี้) ถ้าอ้างตามบทความที่ คุณยกขึ้นมา (ไทยโพสต์) ก็หมายความว่า Marketing Margin 1.50 บาท แบ่งกันระหว่าง --> 0.40 บาท = margin ที่ปั๊มได้รับ --> 1.10 บาท = margin ที่ผู้ค้าส่งได้รับ ขอย้ำอีกรอบว่า margin ไม่ใช่ " กำไรสุทธิ " เป็นเพียงส่วนต่างระหว่าง รายได้จากการขายสินค้า หักด้วย ต้นทุนจากการซื้อสินค้า เท่านั้น จากคุณ : P_Wut - [ 21 ม.ค. 52 10:32:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Refinery margin ก็คือ ส่วนต่างระหว่าง # ต้นทุนน้ำมันดิบ ที่ไปสั่งซื้อมา บาร์เรลละกี่เหรียญ / ลิตรละกี่บาท ก็ว่ากันไป กับ # ผลรวมของรายได้ทั้งหมด จากการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปแต่ละชนิด ตามปริมาณที่กลั่นได้ ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นน้ำมัน หลายอย่างก็ราคาดี เช่น เบนซิน ดีเซล น้ำมันอากาศยาน แต่บางอย่างก็ราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบ เช่น LPG , น้ำมันเตา , ยางมะตอย , น้ำมันหล่อลื่น(ตัวเบส) ปริมาณน้ำมันชนิดย่อยๆ แต่ละชนิด ขายได้ที่ราคาเท่าไหร่ เอาจำนวนเงินที่ได้จากการขายทั้งหมดมารวมกัน หักลบด้วยต้นทุนน้ำมันดิบที่ไปซื้อมา  แล้วหารด้วยปริมาณน้ำมันดิบที่กลั่นไป = ค่าการกลั่น หรือ Refinery Margin ยังไม่ได้หักต้นทุนต่างๆ ที่ใช้ในการกลั่นเลย ไม่ว่าจะเป็น ค่าเสื่อมราคาโรงงาน ดอกเบี้ย/ต้นทุนทางการเงิน ค่าซ่อมเครื่องจักร ค่าเงินเดือนพนักงาน ฯลฯ *** ขอเพิ่มตรงนี้หน่อย เพราะมันเยอะ - ค่าพลังงานความร้อน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำที่โรงกลั่น consume ระหว่างกระบวนการกลั่น *** ขอย้ำอีกรอบว่า margin ไม่ใช่ " กำไรสุทธิ " เป็นเพียงส่วนต่างระหว่าง รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ หักด้วย ต้นทุนจากการซื้อวัตถุดิบ เท่านั้น แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 11:59:34 จากคุณ : P_Wut - [ 21 ม.ค. 52 10:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ท่าน P_Wut การขายของมีแค่ ต้นทุน + กำไรครับ สิ่งที่มีเพิ่มได้อีกดันคือ ภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐครับ เพราะนั่น กฎหมายบัง คับอย่างถูกต้องตามหลักการครับ ถ้ามีค่าอื่นเข้ามา ถือว่า ผิดปรกติแล้วครับ ผมไม่ได้แดกดัน แต่ตอบไป ตามความจริง ท่านอ่านสิ่งที่คนโกงเขียน แล้วพยายามทำใจยอมรับสิ่งที่ เขาเขียนมา มันก็เข้าทางเขาสิครับ ! การค้าขายอย่างมีเงื่อนงำ ปริศนา และปมดำมืด มีชาวบ้านคนไหนเข้าใจ สิ่งที่ท่านพูดบ้างหล่ะครับ ผมถามหน่อยเหอะ ยืนยันคำเดิมครับ ค่าการตลาดคือ กำไร ที่ขี่อยู่บนกำไร อีกชั้นครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 21 ม.ค. 52 12:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่โฆษณา.................ก็ขายน้ำมันได้................ แล้วจะสร้างภาพทำไมครับ...................................... เอาค่าการตลาด.........ไปลดราคาน้ำมันแทนดีกว่า............ ใครจะเชื่อยังไง..........ก็ปล่อยเขาไปเถอะ......................... ก็เหมือนโครงสร้งภาษีบริษัทนั้นแหละ............ ถ้าไม่ทำบุญบ้าง...........ภาษีก็หนัก................ แต่พอทำบุญ..........หน้าก็ได้.....ลดหย่อนภาษีก็ได้......... เชื่อในสิ่งที่เชื่อ.........ก็ถูก....แต่ต้องคิดด้วย............ จากคุณ : sagurahi - [ 21 ม.ค. 52 12:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ป๋าหยึมครับ ค่าการตลาดหรือ marketing margin เนี่ย มีอยู่ในตำราที่เรียนที่สอนกันอยู่แล้วนะครับ มันมีอยู่ในธุรกิจทุกประเภททุกที่ในโลก มิใช่เจาะจงเฉพาะธุรกิจน้ำมันในไทยแต่เท่านั้น มิได้เป็นค่าอื่นที่ผิดปกติแต่อย่างใด ไม่เชื่อลองเสริชจาก google ดูก้อได้ http://www.google.co.th/search?hl=th&q=%22marketing+margin%22&meta= ท่าน sagurahi อย่าสับสนระหว่าง marketing กับ advertising นะครับ อายเด็กปี 1 มัน จากคุณ : เฮ้อ - [ 21 ม.ค. 52 13:37:02 A:203.144.130.176 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ นั่นไง ... ให้ไปอ่านในโลกธุรกิจอีกแล้ว ... ท่านเล่นไปอ่านตามความ เป็นจริงที่เขาอยากให้เป็น คิดเล่นๆ เกิดข้าวแกงที่ขายให้เด็กๆ ในโรงเรียนมีค่าการตลาดมั่ง ท่าน คิดว่า จะเกิดอะไรขึ้น ? เรื่องทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องผิดปรกติครับ มันเป็นธรรมดานั่นแหละ แต่ผม ว่าหลักการมัน ใช้ไม่ได้ก็เท่านั้นเองครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 21 ม.ค. 52 14:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ป๋าหยึมครับ ข้าวแกงที่ขายให้เด็กๆ ในโรงเรียน ก้อมีค่าการตลาดครับ ตัวอย่าง เช่น ราคาข้าวเปล่าที่ขายเด็กจานละ 5 บาท ถ้าราคาซื้อข้าวสารมาจากร้านข้าวสารตกจานละ 1 บาท ค่าการตลาดของข้าวจานนี้ก้อคือ ราคาขายปลีกจานละ 5 บาท ลบด้วยราคาข้าวสารที่ซื้อมาจานละ 1 บาท = 4 บาท ไข่ไก่ซื้อจากตลาดสดตกฟองละ 2 บาท ขายเด็กๆ เป็นไขดาว ใบละ 5 บาท ค่าการตลาดของไข่ดาว คือ 3 บาท แกงไก่ ก้อจะมีค่าการตลาดของส่วนประกอบแกงไก่ เฉลี่ยแล้ว ได้ราคาที่ซื้อจากตลาดสดต่อจาน = 5 บาท ขายเด็กๆ 10 บาทต่อจาน ค่าการตลาดของแกงไก่ ก้อคือ 10 - 5 = 5 บาท คำนวณ ค่าการตลาดจาก ราคาขายปลีก 20 บาท - ราคาที่ซื้อจากตลาดสด (1+2+5=8 บาท) ดังนั้น ค่าการตลาดของข้าวราดแกงไก่ไข่ดาวจะเท่ากับ = 12 บาท ครับ ค่าการตลาด มันมีอยู่ในสินค้าทุกตัว ทุกที่ในโลก แบบเดียวกับราคาสินค้านั้นแหล่ะครับ เพียงแต่ราคาสินค้ามันจะบอกแค่ จำนวนเงินที่เราต้องจ่ายไปเพื่อแลกกับสินค้านั้น แต่ค่าการตลาดมันเป็นการแสดงตัวเลขรายได้เบื้องต้นที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการครับ ซึ่งจะทำให้เราเห็นว่ามันมากหรือน้อยเกินไปรึป่าว เช่น ถ้าผู้บริหารโรงเรียน เห็นค่าการตลาดของข้าวราดแกงไก่ไข่ดาวสูงถึง12 บาท ประเมินแล้ว ค่าน้ำค่าไฟค่าแก๊ส ค่าแรงแม่ครัว ค่าเช่าโรงอาหาร น่าจะไม่เกิน 5 บาทต่อจาน แบบนี้ ก้อสามารถให้ร้านข้าวแกงลดค่าการตลาดเหลือ 7 บาท ได้ โดยขอร้องแกมบังคับให้ราคาขายปลีกข้าวราดแกงไก่ไข่ดาวให้เหลือจานละ 15 บาท เป็นต้น จากคุณ : พอจะเห็นภาพรึยังครับ - [ 21 ม.ค. 52 15:42:33 A:203.144.130.176 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ผมเห็นนานแล้วครับ แต่ ... ไม่มีใครพูดถึงครับ เพราะ หากมีการนำออกมาแจงจริงๆ มันจะแพงกว่าครับ หรือไม่เชื่อ จะลองทำตามดูครับ ! ถ้าผู้ประกอบการบอกว่า "ต้นทุน" จะเหมาะกว่าครับ และหากมันไม่ สามารถเอาเข้าไปรวมกะต้นทุนได้ หมายความว่าไงครับ ? ก็หมายความว่า ถึงไม่มีค่าการตลาดนี่ มันก็ได้กำไรไปรอบหนึ่งแล้ว ไงครับ แล้วยังจะเอาค่าการตลาดนี่ มาบวกซ้อนเข้าไปอีกครั้ง ผมถึงบอกว่ามันเป็น "กำไร" ที่ขี่อยู่บนกำไรอีกทีไงครับ หลักการมันไม่มีอะไรมากหรอก แค่หาคำจำกัดความมากๆ ทฤษฏี รองรับเยอะๆ ให้เหมือนการทำสัญญาต่างๆ บนโลกใบนี้ ให้คนอ่าน อ่านไปอ่านมาแล้วก็งง พองงก็ไม่รู้ความหมาย และไม่กล้าแตะกะ มันไป สุดท้าย เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่า มันคืออะไร หรือท่านจะลองเอาไปทำแบบสอบถามก็ได้นะครับว่า ค่าการตลาด คืออะไร แจกให้ทั่วประเทศเลย คนรู้ความหมาย และให้คำตอบเดียว กับผู้ประกอบการ มีไม่ถึง ๒๐% หรอก เพราะกิจการขนาดเล็กทั่วไป ก็ไม่มีใครเอาค่าการตลาดมาเขียนในบัญชีตัวเองหรอก แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 16:16:36 จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 21 ม.ค. 52 16:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เฮ้อ... จากคุณ : P_Wut - [ 21 ม.ค. 52 16:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผิดแล้วครับ ป๋าหยึม ค่าการตลาดมันเป็นกำไรที่ขี่อยู่บนต้นทุนตังหากล่ะครับ ที่มันไม่สามารเอาไปรวมกะต้นทุนได้ เพราะมันคนละกิจการกันครับ สมมุติว่า โรงงาน กะ ยี่ปั้ว แม้ว่าจะเจ้าของเดียวกัน แต่มันก้อคนละบัญชีกัน เอามาปนกันไม่ได้ เพราะ โรงงานมันไม่ได้ขายให้ยี่ปั้วแค่เจ้าเดียว มันขาย ให้เจ้าอื่นๆ อีกเป็น 10 เจ้า และเรื่อง "ต้นทุน" เนี่ย ถ้าลองถามผู้ประกอบการ 10 ราย รับรองว่าไม่เท่ากันซักราย รายแรกอาจจะสร้างปั้มบนที่ดินเจ้าคุณพ่อ ก้อไม่มีต้นทุนที่ดิน แต่อีกรายยังต้องผ่อนแบงค์ค่าที่ดินอยู่ เป็นต้น ดังนั้น การบอกเป็น ราคาขายปลีก ลบ ด้วยราคาหน้าโรงกลั่น จึงเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดครับ แต่พารากราฟท้ายเนี่ย เป็นประเด็นที่น่าสนใจนะ ทำไมคำว่า "ค่าการตลาด" มันถึงไม่สื่อความหมายให้เป็นที่เข้าใจ เหมือนกับ "ค่าเช่าบ้าน" หรือ "ค่าน้ำ ค่าไฟ" น่าจะเป็นเพราะมันเป็นศัพท์เทคนิค ที่ใช้ในวงการเท่านั้นรึป่าว? เช่น ถ้าไปทำแบบสอบถามว่า "ลูกหมาก" ของรถ คืออะไร ผมว่าคงจะมีคนรู้ความหมายไม่ถึง 20% เหมือนกันนะ จากคุณ : ป๋ายอมๆ ผมหน่อยเหอะ - [ 21 ม.ค. 52 16:44:46 A:203.144.130.176 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ ฮ่าๆๆๆ เอาไปรวมกะต้นทุนไม่ได้ ก็แหงอยู่แล้วไง ผมถึงบอกว่า มันได้ กำไรไปรอบแล้ว ยังจะเอากำไรอีกรอบ มันถึงกลายเป็น กำไร ที่ขี่อยู่ บนกำไรไงครับ แต่ช่างเหอะ โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่า หากผู้ประกอบการคนที่ผมว่าอยู่นี่ ไม่มีค่าการตลาด บริษัทก็ไม่เจ๊งหรอก จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 22 ม.ค. 52 09:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ ชูจั๊กกะแร้ ขอยอมแพ้ครับ จากคุณ : ทำไมป๋าไม่ยอมป๋ม T_T - [ 22 ม.ค. 52 10:17:23 A:203.144.130.176 X: TicketID:197822 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ ผมนิสัยเสียครับ ยอมเฉพาะผู้หญิง ไม่รู้ทำไม ! จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 22 ม.ค. 52 12:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เสียวว้อยยย จากคุณ : 555 - [ 22 ม.ค. 52 14:23:52 A:203.144.130.176 X: TicketID:197822 ]