ความคิดเห็นที่ 1 แยกกันครับ over drive ประหยัดน้ำมันกว่า kick down (อ่านจากนิตยสารของนิสสัน เขาบอกมา) จากคุณ : sk-non - [ 24 ม.ค. 52 21:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านจากนิตยสารของนิสสัน เขาบอกมา >>>>>>> คุณ sk-non ขออนุญาตครับ ถ้านิตรสารเล่มนั้น บอกว่าใช้ OD-off สำหรับเร่งแซง แสดงว่า บอกผิด ครับ หนังสือเอาไว้อ่านให้เกิดความเข้าใจ ไม่ใช่เอาไว้อ้างให้คนเชื่อ ... ครับ หนังสือคู่มือหลายเล่ม ต่อให้เป็น user's Manual ของรถก็ยังมีที่ผิดให้เห็น ตัวอย่าง Manual ของ Toyota Corona รุ่นขับหลัง รุ่นสุดท้าย บอกสเปคน้ำมันเกียร์ออโต้ ให้ใช้ GL-? ซึ่งผิด และ ผิดอย่างร้ายแรง ไม่เชื่อลองค้นดู จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 24 ม.ค. 52 21:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 over drive vs. kick down >>>>>> OD-off กับ kick down มันทำหน้าที่คนละอย่าง จริงอยู่ ตั้งแต่ระดับความเร็วเกิน X km/h ขึ้นไป จนถึงระดับความเร็ว Y km/h ถ้ากด OD-off มันจะลดเกียร์ลง 1 เกียร์ .... ก็ใช่ครับ แต่การลดเกียร์ลงอย่างนั้น เป็นการลด แบบตามบุญตามกรรม พอสั่ง OD-off ปุ๊ปมันก็ลดลง 1 เกียร์ทันที ......(1) โดยไม่สนใจว่า อัตราทดที่ลดลงนั้น จะเหมาะสมกับอัตราเร่งที่จะได้รับหรือไม่ และนอกจากนี้ มันยังมีข้อเสียที่ร้ายแรง คือ เราไม่ได้เร่งเครื่องขึ้นไปรอรับ..เกียร์ต่ำ ทำให้มี effect เป็น engine brake มีอาการคล้ายขับรถเกียร์ธรรมดา เมื่อเปลี่ยนเกียร์ต่ำ โดยไม่เร่งรอบเครื่องขึ้นไปรอรับ แล้ว รีบปล่อยคลัช ผลที่เกิดขึ้นก็ รถชงัก --->คนนั่งหน้าคว่ำ คมำหงาย ใช่ไหม ..... จับตาดูตรงนี้ให้ดี ------(2) ในขณะที่ Kick Down มันวิเศษกว่านั้นมาก   มันถูกออกแบบมา ... บังคับให้คนขับกดคันเร่ง เร่งรอบสูงเสียก่อน ถึงจะไป activate Kick-down Sw ----> เห็นไหมครับ กลไกการออกแบบเขาคิดลึก ซับซ้อนนะครับ ผลที่เกิดขึ้นคือ เร่งเครื่องรอบสูงขึ้นไปรอไว้ก่อน ถึงค่อยสับลงเกียร์ต่ำ อาการ engine brake ก็ลดลง หรือไม่มีเลย นอกจากนี้ยังมีอีกอย่างที่น่าสนใจ คือ kick down ไม่ได้ลดลงเพียง 1 เกียร์ ทุกครั้ง บางครั้งและหลายครั้งที่มันเห็นว่า ความเร็วขนาดนี้ ควรจะลดลง 2 เกียร์ มันก็สับลง 2 เกียร์ เพื่อให้อัตราทดที่ได้มีความเหมาะสมที่จะให้อัตราเร่งได้ดี จุดประสงค์ของการออกแบบ OD-off กับ Kick down แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง --OD-off เขาทำเพื่อแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง ใช้ในยุคหนึ่งและกำลังจะหมดไปในไม่ช้า --Kick down เจตนาเขาทำไว้เร่งแซง (ต่อ) ข้อเท็จจริง การเร่งแซง เราต้องการอัตราเร่ง ... จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 24 ม.ค. 52 21:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โทษทีครับ เขาบอกว่า ควรจะใช้ o/d แทน การ kick down ในตอนเร่งแซงจะดีกว่า ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน และในกรณีเข้าโค้งความเร็วสูง ก็ใช้ได้ แต่ปกติ ผมก็ใช้ o/d มากกว่า kick down ตอนเร่งแซงนะครับ ปัจจุบันใช้ วีออส กับ civic fd ครับ ------------------ ขอบคุณที่อธิบายให้ฟังครับ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 52 21:47:47 จากคุณ : sk-non - [ 24 ม.ค. 52 21:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การเร่งแซง เราต้องการอัตราเร่ง ... อันนี้เป็นข้อเท็จจริง จาก F= ma ในที่นี้ a คือ อัตราเร่ง ====> อัตราเร่งยิ่งดี ก็จะต้องใช้ F มาก ผลที่ตามมาคือ input-fuel ก็ย่อมมาก ... นี่คือความจริง เมื่อเราพูดถึงการเร่งแซง เราก็ต้องยอมรับความจริง ความสิ้นเปลืองย่อมต้องมี... แน่นอน ....จะฝืนความจริงได้อย่างไร ?? เหมือนคนขี่ม้า แต่ "ขี้เหนียว" ไม่ให้ม้ากินหญ้า ปล่อยให้มันอดๆอยากๆ ม้าจะมีแรงวิ่งหรือ ครับ เช่นเดียวกัน ที่ว่า ถ้าใช้ OD-off แล้วชูธงอ้างความประหยัดนำหน้า พูดอย่างนี้ขัดกับความเป็นจริง   ประหยัดกว่า ก็คือ input -เชื้อเพลิง น้อยกว่า ... แล้วจะได้ output มาจากไหน .... ฟ้าประทานหรือครับ คราวนี้ไอ้จ๋อย ก็ยกมือแย้งว่า บางครั้งเราต้องการ "ค่อยๆ แซง" อะ อะ อย่างนี้ค่อยคุยกันได้ ถ้าคนขับต้องการจะค่อยๆแซง แบบว่า แซงขบวนเต่าที่คลานเป็นแถวยาว อย่างนี้ .... จะไปกด OD-off หรือ Kick Down ทำไม ครับ ? เพียงแค่ "เติมคันเร่ง กดลงลึกสักหน่อย" ทำอย่างนี้ เป็นการส่งซิก ให้ ECU มันรู้ว่า เราต้องการ "เพิ่มโหลดมากน้อยแค่ไหน" มันจะลดเกียร์ให้เอง .... เป็นไปตาม "ความค่อยๆ หรือ หนักๆ" ของการกดคันเร่ง ครับ (ตัวนี้เป็นการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ โดย Load sensor ซึ่งใช้ Thottle position หรือ modulator เป็นตัวควบคุม) ลักษณะการสับเกียร์แบบนี้ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ modulator ที่คอยควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ตาม Load ซึ่งเขาทำมาให้แล้ว ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 24 ม.ค. 52 22:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมชอบกด  OD  เหมือนกันนะครับ  ผมว่ามันนุ่มกว่าการ คิ๊กดาว และทันใจกว่าด้วย  (แต่นานๆกดที ส่วนมากจะขับแบบเรื่อยๆตามรอบ) จากคุณ : กรรมกรVIP - [ 24 ม.ค. 52 22:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปิด O/D ดีกว่าครับประหยัดกว่า  สมมุติรถมี 4 เกียร์จะเหลือแค่ 3 เกียร์ O/D มันใช้ดีในกรณีที่ขับเกียร์สุดท้าย ถ้าขับเกียร์ ก่อนสุดท้ายก็ไม่มีผล O/D มันก็เหมือนเกียร์ S นะ ผมว่าขับในเมืองดีครับ เพราะรถผมถ้าใช้เกียร์ D มันจะออกตัวด้วยเกียร์ 2 เพื่อความนุ่มนวล แต่ถ้า ปิด O/D มันจะออกเกียร์ 1 ซึ่งคล่องตัวกว่า แต่ขับทางไกลเปิด O/D ประหยัดกว่าแน่นอนเพราะใช้ถึงเกียร์สุดท้าย จากคุณ : marukoe119 - [ 24 ม.ค. 52 22:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คราวนี้มาดูที่ว่า OD-off มันทำงานเร็วกว่า Kick Down คำพูดนี้มีส่วนจริง ย้อนกลับไปทำความเข้าใจ ที่ผมหมายเหตุ (1) การสับเกียร์ลงต่ำของ OD-off มันทำงานทันที ว่องไวดุจพวกกองหน้า นายสั่งก็รีบทำโดยเคร่งครัด ตรงนี้อันตรายเหมือนกันครับ อภิสิทธิถึงไม่ยอม เห็นไหม แต่ Kick Down ก่อนที่มันจะสับเกียร์ต่ำ มันต้องมีการคิดเสียก่อน คิดว่าจะลงต่ำ 1 เกียร์ หรือ 2 เกียร์ ตรงนี้มันทำงานร่วมมือกับ modulator pressure ซึ่งเปรียบเหมือนฝ่ายค้าน ถ้า modulator pressure สูงยันไว้ การเปลี่ยนเกียร์ต่ำจะ delay ซึ่งเราจะจำลอง simulator ได้โดยแกล้ง ยกคันเร่งขึ้นเร็วๆ แล้วกด Kick down มันจะทำงานช้าลงกว่าปกติ (ผมจะเขียนภาพแสดงทิศทางการควบคุมง่ายๆ ให้ดูทีหลัง) สรุป Kickdown มีการประมวลผลก่อน จึงเสียเวลาบ้างเล็กน้อย เหมือนๆๆกะ "กล้วยไม้ออกดอกช้า ฉันใด แต่มีดอกคราใด งามเด่น" จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 24 ม.ค. 52 22:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในกรณีเข้าโค้งความเร็วสูง ก็ใช้ได้ >>>>>>> ครับ อย่างนี้เป็นการประยุกต์ใช้ OD-off ได้เหมือนกัน อีกอย่างที่คู่มือ BMW บอกซึ่งผมเครดิตข้อมูลคุณ akeb เขาแนะนำให้ใช้ OD-off เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำไว้ก่อน "เพื่อเตรียมแซง" เช่น เราอยู่ในขบวนเต่า(รถสิบล้อ) เราต้องค่อยๆขับตามกันช้าๆ เราเตรียมจะแซง กรณีนี้ก็กด OD-off เอาไว้ก่อน เท่ากับ ลดเกียร์เตรียมแซงครับ เทคโนโลยี่เรื่องเกียร์ออโต้ของเยอรมันเขาไม่เก่ง สู้อเมริกาและญี่ปุ่นไม่ได้ แต่คำแนะนำบางอย่าง ก็รับฟังได้ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 24 ม.ค. 52 22:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเจอหลายท่านชอบบอกว่า "ค่อยๆ kick down" ทำให้รู้ว่า ท่านใช้ Kick down ไม่ถูก Kick Down ถูกออกแบบให้มี "ตำแหน่งเฉพาะเพียงต่ำแหน่งเดียว" คือ Beyond Full Throttle หรือ 15/16 of Full Throttle หรือ 80% of Full Throttle (อันนี้เกียร์ Aisin เกียร์ญี่ปุ่นชั้นหนึ่งที่ใช้ใน Tota,  Benz ..ครับ เบนซ์ รถเยอรมัน) วิธี Kick down "เหยียบจม แช่นิ่ง(เสียงเร่ง อย่าตกใจ) อย่าถอนคันเร่ง" ใครที่ขับเบนซ์บ่นๆว่า รถออกตัวไม่มีแรง ลองสลับมา S-mode แล้ว kick down จะเห็นฤทธิของมันครับ และเป็นที่น่าสังเกต เจ้าของเบนซ์หลายคน ตั้งแต่ซื้อรถมาไม่เคย Kick down เลย ลองหาที่ว่างๆ ลอง Kickdown จริงๆสักทีเถอะแล้วจะติดใจ จะเอาเร่งดีๆ ... แล้วห้ามพูดเรื่องประหยัด แบบว่า ยางรถยนต์ ลงพื้นก็สึกแล้ว นี่เป็นข้อเท็จจริง อย่าเชื่อใคร จะเร่งแซงทั้งที ยังมัวคิดเรื่องประหยัด ทำอย่างนี้ ก็ไม่ต้องพูดเรื่องแซง ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 24 ม.ค. 52 22:38:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 OD-off โดยมาก ผมเอาไว้ลดความเร็ว เวลาเจอโค้ง เจอถนนเปียก ลงเขา Kick Down   ก็ตามพี่ช่างกล ตอนเร่งแซง ใครมาคิดเรื่องประหยัดกัน  ตั้งสติขับรถดีกว่าน่า จากคุณ : drof - [ 24 ม.ค. 52 23:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาเก็บข้อมูลครับ เข้าใจง่ายดี เปรียบเทียบฮาดี 555+ ขอบคุณครับ จากคุณ : Preceda2 - [ 24 ม.ค. 52 23:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเพื่อเพิ่มแรงขับกับเกียร์auto หลักๆมี2วิธี 1 กดคันเร่งลึกและให้ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเอง(kick down) การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นอยู่กับการกดคันเร่ง,รอบเครื่อง,ความเร็วรถ,เกียร์ที่ระบบเลือกใช้อยู่เดิม ข้อดี - ควบคุมโดยใช้คันเร่งอย่างเดียวไม่ต้องใช้มือช่วย - ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อย่างเหมาะสมตามการกดคันเร่ง,รอบเครื่อง,ความเร็วรถ,เกียร์ที่ระบบเลือกใช้อยู่เดิม - ใช้ง่าย - รถบางรุ่นมีปุ่มให้เลือกรูปแบบการเปลี่ยนเกียร์แบบประหยัดหรือแบบsportได้ 2 คนขับควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเองโดยตรง   ตย.รถที่มี4เกียร์      ตำแหน่ง D และปุ่มO/D ON ระบบสามารถเลือกใช้เกียร์ 1,2,3,4      ตำแหน่ง D และปุ่มO/D OFF หรือ D3สำหรับรถบางรุน ระบบสามารถเลือกใช้เกียร์ 1,2,3      ตำแหน่ง 2  ระบบสามารถเลือกใช้เกียร์ 1,2 หรือ 2อย่างเดียวสำหรับรถบางรุ่น      ตำแหน่ง L  ระบบใช้เกียร์ 1อย่างเดียว    ถ้าใช้ตำแหน่งD และระบบเลือกเกียร์4อยู่ การกดปุ่มO/D OFF(หรือตำแหน่งD3สำหรับรถบางรุ่น) จะบังคับให้เปลี่ยนเป็นเกียร์3 ถ้าต้องการเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงมาอีกก็สามารถใช้การโยกคันเกียร์มาตำแหน่ง2และLตามลำดับ เป็นการควบคุมจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ของคนขับโดยตรงคล้ายการควบคุมรถเกียร์ธรรมดาแต่ไม่ต้องเหยียบคลัช รถบางรุ่นมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบ+/- (เปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูง1เกียร์/เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ1เกียร์) ข้อดี - คนขับควบคุมจังหวะการเปลี่ยนเกียร์โดยตรง สามารถเปลี่ยนเกียร์เพิ่มอัตราทดไว้ล่วงหน้าก่อนจังหวะการเร่งเครื่อง,ความเร็ว เมื่อถึงจังหวะกดคันเร่งจะได้แรงขับที่ต้องการทันที(ไม่ต้องรอจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ของระบบ) - คนขับสามารถควบคุมการเร่งความเร็วด้วยคันเร่งได้ตามต้องการโดยไม่ต้องพยายามกดคันเร่งลึกเพื่อให้ระบบลดเกียร์ - เพิ่มการควบคุมความเร็วด้วยคันเร่งทั้งการเร่งและชลอความเร็ว ใช้ในสถานะการณ์การขับขี่ที่มีทั้งการเร่งและชลอความเร็วต่อเนื่องกัน เช่น การแซงเข้าช่องว่างระหว่างรถ2คันข้างหน้า ขึ้นเนินลงเนินต่อเนื่องกัน การเข้าโค้ง ปล. ถ้าลงเขาให้ลดเกียร์ลงต่ำด้วยวิธีนี้ในการควบคุมความเร็วแทนการเบรคอย่างต่อเนื่องเพื่อลดภาระระบบเบรค ป้องกัน/ลดอาการเบรคเฟด จากคู่มือรถHonda   การเลื่อนเกียร์ขึ้นและลงโดยผ่านลำดับเกียร์จาก 1, 2, D3 และ D นั้นท่านสามารถใช้เกียร์อัตโนมัตินี้ได้เช่นเดียวกันกับเกียร์ธรรมดา จากคู่มือรถBMW   To accelerate quickly in the manual mode (to pass another vehicle, for instance), shift down manually or employ the "kickdown" mode. ทั้ง2วิธีมีลักษณะการทำงาน,การควบคุมและมีข้อดีแตกต่างกัน เลิอกใช้ได้ตามความถนัดครับ จากคุณ : akeb - [ 25 ม.ค. 52 00:04:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 7 ปิด O/D ดีกว่าครับประหยัดกว่า สมมุติรถมี 4 เกียร์จะเหลือแค่ 3 เกียร์ O/D มันใช้ดีในกรณีที่ขับเกียร์สุดท้าย ถ้าขับเกียร์ ก่อนสุดท้ายก็ไม่มีผล O/D มันก็เหมือนเกียร์ S นะ ผมว่าขับในเมืองดีครับ เพราะรถผมถ้าใช้เกียร์ D มันจะออกตัวด้วยเกียร์ 2 เพื่อความนุ่มนวล แต่ถ้า ปิด O/D มันจะออกเกียร์ 1 ซึ่งคล่องตัวกว่า แต่ขับทางไกลเปิด O/D ประหยัดกว่าแน่นอนเพราะใช้ถึงเกียร์สุดท้าย จากคุณ : marukoe119 - [ 24 ม.ค. 52 22:12:44 ] ......................... ไม่เห็นด้วยครับ O/D Off เป็นการให้รถวิ่งเพียง3เกียร์จาก4เกียร์ หรือ 4เกียร์จาก5เกียร์ ซึ่งเกียร์สุดท้ายหรือ O/D เป็นเกียร์ที่ทดไว้ต่ำเพื่อลดรอบการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อให้ประหยัดน้ำมัน การที่คุณปิด O/D ก็ทำให้รถคุณไม่สามารถใช้เกียร์สูงสุดที่ประหยัดน้ำมัน แทนที่คุณจะประหยัดน้ำมัน ก็กลายเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันไปอย่างเปล่าประโยชน์ เดี๋ยวนี้เกียร์ออโต้มันฉลาดครับ ไม่ต้องไปช่วยมันคิด เหยียบคันเร่งอย่างชาญฉลาด ใช้การกะน้ำหนักเท้าขวาแทนที่การเหยียบปล่อย จะประหยัดน้ำมันได้อีกมาก O/D เหมือน S ........ ไม่เหมือนครับ เข้าSก็สามรถใช้เกียร์สูงสุดเพื่อประหยัดน้ำมันได้ โหมด S เป็นโหมดที่ลากรอบเครื่องขึ้นมาอีกนิดเพื่อให้อัตราเร่งเร้าใจขึ้น ส่วนรถของคุณ ผมเข้าใจว่าเป็นเบนซ์ เพราะปกติแล้วเบนซ์จะออกรถด้วยเกียร์2 ซึ่งจะนุ่มนวลกว่า (ถึงแม้กระนั้น ถ้ารถใครมีปุ่มwinter ลองกดดูครับ รถคุณจะออกตัวได้นิ่มมาก นิ่มกว่าเบนซ์เสียอีก เพราะออกรถด้วยเกียร์3) แต่ สำหรับผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถเชนเกียร์ซึ่งตอบสนองได้เร็วกว่าการคิกดาวน์ (แต่ให้พูดไปเหอะ paddle shift มีก็ได้ใช้แค่เอนจิ้นเบรค) ผมยังยืนยันครับ ถ้าจะเร่งแซง ให้คิกดาวน์ไปเลย เกียร์มันฉลาดกว่าที่คุณคิด จากคุณ : ฉันเกลียดอาเซนอล - [ 25 ม.ค. 52 00:17:05 A:58.8.20.148 X: TicketID:129582 ]

ความคิดเห็นที่ 15 OD-off เขาทำเพื่อแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง ใช้ในยุคหนึ่งและกำลังจะหมดไปในไม่ช้า >>>>>>> ในสมัยก่อน เกียร์ออโต้ควบคุมแบบไฮโดรลิค ไม่เป็นระบบ Electronic Control Transmission = ECT เหมือนปัจจุบัน กลไกที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ มันจะมาจาก 2 ตัวหลัก 1) ความเร็ว 2) โหลด ... ดูจาก โหลด = หนัก หรือ  เบา ถ้าโหลดมาก มันก็ส่งซิกให้เกียร์เปลี่ยนช้าลงจากปกติ ถ้าโหลดน้อย เกียร์จะเปลี่ยนขึ้นสูงเร็วกว่าปกติ sensor ทั้ง 2 ตัว เป็นอย่างนี้ 1) sensor - ความเร็ว มันได้จาก governor pressure เจ้า governror ทำงานเหมือนปั้มน้ำมันตัวหนึ่ง ลักษณะการทำงานแบบ centrifucal pump อาศัยแรงเหวี่ยง ที่ได้จากการหมุน --แรงดันน้ำมันที่ได้จาก governor มันแปรผันกับความเร็ว = "ยกกำลัง" ไม่ใช่สมการ "เส้นตรง" หรือ บรรญัติไตรยางค์ ..... (ดูเรื่อง Bernoulli ) --ดังนั้น กราฟ จะเป็นเส้นโค้ง --เพื่อให้แม่นยำขึ้น ใกล้เคียงกับเส้นตรง เขาแบ่งการควบคุมเป็น 2 ตัวโดยใช้ Governor 2 ตัว  --ตัวหนึ่งควบคุมที่รอบต่ำ เป็น Low rpm governor  --อีกตัวหนึ่งควบคุมที่รอบสูง เป็น High rpm governor  --"จุดเปลี่ยน"การควบคุมจาก Low ไป High governor เรียกว่า break point ......  *** เมื่อความเร็วรถเพิ่มขึ้นจนถึงระดับความเร็ว x ( 80 km/h โดยประมาณ) Low-governor จะส่งหน้าที่ให้ High governor รับหน้าที่ควบคุมต่อไป .... เหมือนจังหวะเปลี่ยนรัฐบาล ... เกิดภาวะ สูญญากาศ  ... นั่นแหละ   จังหวะสูญญากาศ หรือ Break-point นี่เอง ที่เกียร์มันจะ เอ๋อ ไปชั่วขณะ เพราะมันไม่รู้จะเปลี่ยนเกียร์ยังไงดี เกียร์มักจะเกิดการเปลี่ยน สูง สลับ ต่ำ ไปมาน่ารำคาญ OD-off ก็ถือกำเนิด เพื่อให้ใช้บรรเทาเรื่องนี้ เมื่อกด OD-off เกียร์ก็จะลดลงมาที่เกียร์ 3 การเปลี่ยนเกียร์ไปๆมาๆ ก็หายไป ต่อมา เมื่อใช้ Electronic control การควบคุมในส่วนนี้ก็เปลี่ยนไปใช้ speed - sensor เจ้าตัวนี้ไม่เข้าหลักของ Bernoulli มันรับสัญญานการเปลี่ยนแปลงความเร็วตามรอบที่หมุนแบบตรงไปตรงมา แม้รถบางรุ่นจะใช้ speed-sensor 2 ตัว แต่มันทำงาน support ซึ่งกันและกัน ไม่ได้แบ่งกันทำเหมือนเจ้า governor -----> ปัญหาการเกิดช่องว่างทางการเมือง หรือ Break-point จึงหมดไป ด้วยเหตุผลนี้ ... ความจำเป็นที่จะต้องใช้ OD ถึงวาระค่อยๆหมดไป ในอนาคตอีกไม่นานนัก OD จะไม่มีครับ (ต่อ) 2) Load-sensor  ได้จากไหน ?? จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 07:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอตัวไปขี่จักรยานก่อน จะกลับมาเขียนภาพการควบคุมให้ดูครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 07:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพ กลไกการเปลี่ยนเกียร์  ผมเขียนให้ดูง่าย การเปลี่ยนเกียร์ ช้า หรือ เร็ว เปลี่ยนตามโหลดเป็นผลมาจาก throttle pressure สังเกต governor pressure มีทิศทางยันกับ throttle pressure ยิ่งมีโหลดมาก ก็ต้องเหยียบลึก throttle pressure ก็เพิ่มขึ้น มันยันไว้... ทำให้เกียร์เปลี่ยนชาลง ... เปลี่ยนที่รอบสูงขึ้น ครับ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 52 07:51:59 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 07:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้า เรา"ยกคันเร่งขึ้น"  ---> เป็นผลให้ throttle pressure ลดฮวบฮาบ เกียร์จะเปลี่ยนขึ้น = สูง ในทางกลับกัน ถ้าเราค่อยๆเหยียบคันเร่ง ลึกลงนิดหน่อย เกียร์จะสับ ลงต่ำ เรื่องนี้ ผู้ใช้รถเกียร์ออโต้ เข้าใจดี ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 07:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กลไกการ Kick down มันจะประมวลผลโดยใช้ข้อมูลร่วม ดังนี้ ความเร็ว + โหลด แล้วถึงจะบัญชาการ ... สั่งให้เกียร์เปลี่ยนต่ำ โดยเลือก ลงต่ำ 1 เกียร์ หรือ 2 เกียร์ มันจะไป activate 4-3-Valve หรือ 4-2 Valve (มี Valve 2-3 ตัวเลือก) โดยใช้ข้อมูลจาก sensor ทั้ง 2 ตัว คือ governor และ modulator (หรือ Throttle ) ดังนั้น คนที่ไม่เข้าใจกลไกการทำงานของ Kick down  ไป"ยกคันเร่ง"ก่อน แล้วจึง kick down เท่ากับเราไปหลอกให้มัน "build-up modulator pressure ให้เพิ่มขึ้น" โดยไม่จำเป็น การตอบสนอง Kick Down จะยิ่งช้าลงครับ ถ้าย้อนกลับไปอ่านกระทู้เก่าๆ มีผู้แนะนำผิดหลายคน เขาแนะนำว่า ถ้าจะ kick down เร็วๆ ก็ต้อง กระทืบคันเร่ง หรือ ให้ยกคันเร่งก่อน ค่อย kick down การทำอย่างนั้น ... ยิ่งทำให้ Kick down ทำงานช้าลง ครับ แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 52 08:05:35 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 08:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รถผมไม่มี OD ทั้งสองคัน ใช้เท่าขวา สั่งการตลอด อยากให้วิ่งก็ กดเท้าขวา อยากวิ่งเร็วก็ กดเท้าขวาลึกๆ ถ้าอยากแซง ก็กดเท้าขวาลึกๆเร็วๆ ถ้าอยากหยุด   ก็เหยียบเบรค เท้าขวาตลอด จากคุณ : พ่อพี่ไอ-น้องเอ็ม (ibara) - [ 25 ม.ค. 52 08:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จาก shop manual เขาอธิบายการเลือกเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ จากการ kick down ความโดยย่อ ดังนี้ A kick 3-2 @ speed below 90-100 km/h A kick 3-1 or 2-1 can be accomplished below 40 - 50 km/h เราอาจลองดูได้อย่างนี้ ค่อยขับรถออกไปจนได้ความเร็ว 40-50 km/h เราก็ simulator หลอกมันโดยยกคันเร่งขึ้นเร็วๆ ECU จะคิดว่า Load ต่ำ มันจะเปลี่ยนเกียร์ให้จนครบ 4 เกียร์ เราก็ค่อยกดคันเร่งลงลึก จนถึงตำแหน่ง kickdown คือ เหยียบจมมิด เราจะเห็นฤทฺธิของการ kick down รถจะเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ และพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ผมเคยลองทำ 190E ซึงเป็นรถที่เจ้าของบ่นว่าไม่มีแรง แซงทีต้องช่วยลุ้น รถมันพุ่งไปอย่างรวดเร็ว สะใจเจ้าของมาก ไม่เชื่อลองทำดู อ้อ อย่าลืม สับมา S-mode ด้วย เพราะ E-mode ทำยังไงๆ มันก็ไม่ลงเกียร์ 1 เขาทำไว้อย่างนั้นครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 08:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เกียร์ออโต้ เขาให้ขับอย่าง พ่อพี่ไอ-น้องเอ็ม (ibara) นี่แหละ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 08:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องเกียร์ 2 ก็เหมือนกัน เดิมที่อเมริกา เกียร์ Allison ทำ option นี้ออกมา เขาใช้เป็น second gear second start คือ เข้า 2 เกียร์จะฟิตอยู่ที่เกียร์ 2 ออกตัวด้วยเกียร์ 2 ไม่ใช่ 1 ที่ทำอย่างนี้เพื่อลด traction ช่วยการออกตัวบนถนนลื่น เมื่อมีหิมะ ล้อจะไม่ฟรีครับ ตอนหลัง(ประมาณปลายยุค 70-80) เบนซ์ก็ทำบ้าง พวกรุ่น 350 450 SLC ยังทำ ผมลองขับครั้งแรก ผมนินทาว่า เบนซ์สปอร์ทเร่งไม่ดี กลายเป็นว่าเข้า D ออกตัวเกียร์ 2 จะให้ออกรถเกียร์ 1 ต้องกดให้จมแช่นิ่ง เหมือนการ Kick down รถถึงจะออกตัวเกียร์ 1 เรื่องนี้ในฐานะเด็กรับรถมาก่อน ผมมีโอกาสคุยกับเจ้าของรถเบนซ์หลายๆคน ไม่น่าเชื่อว่าเขาไม่รู้ บางคนถูกช่างสอนให้ใช้ L ออกตัว ราวกะขับรถเกียร์ธรรมดา ครับ ... จบ แล้ว จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 08:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นกระทู้ที่ดีมากครับ จากคุณ : Tread'em all - [ 25 ม.ค. 52 09:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 การลดเกียร์เพื่อเพิ่มแรงขับโดยการใช้คันเร่งอย่างเดียวเป็นวิธีที่ถูก จริงครับ แต่ไม่ได้เป็นวิธีที่ถูกเพียงวิธีเดียว การลดเกียร์โดยคนขับควบคุมโดยตรงก็เป๊นวิธีที่ถูกด้วย ทั้ง2วิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ดูเปรียบเทียบข้อดี,การใช้ในสถานการณ์การขับขี่ตามที่บอกไว้ในคคห.13 คนขับสามารถเลิอกใช้ได้ตามความถนัดและตามสถานการณ์การขับขี่ที่เหมาะสม ดูตย.ข้อมูลเพิ่มเติม จาก The Royal Society for the Prevention of Accidents (RoSPA) ประเทศอังกฤษ http://www.rospa.com/roadsafety/advice/driving/automatic_gearboxes.htm OVERTAKING: Depending on the circumstances, use either a planned, predetermined lower ratio lock or the ‘kickdown’. If acceleration is needed followed by deceleration to fit into a gap, manually selecting a lower gear or ‘locking’ the ratio before the start of the manoeuvre may be beneficial. จากคุณ : akeb - [ 25 ม.ค. 52 09:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โหวตให้กับความรู้ดีๆ ครับ จากคุณ : ARMS STRONG - [ 25 ม.ค. 52 10:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คห 25 มาพูด ...ไม่ตรงประเด็น ไปพูดถึงการเลือกใช้เกียร์ ที่กล่าวถึง pre-determined lower ratio lock (ซึ่งผมอธิบายไปแล้ว) แถมยังตบท้ายให้เกิดความเข้าใจผิด ครับ ผมอุตส่าห์ร่ายยาวอธิบาย ... ถึงที่มาที่ไป เริ่มตั้งแต่เจตนารมณ์ของ OD-Off ซึ่งต่างกับ Kick Down โดยสิ้นเชิง จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 10:32:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ เพียงเพื่อจะบอกว่า OD-off ไม่ได้ทำไว้ให้เร่งแซง predetermined lower ratio lock เป็นการประยุกต์ใช้ OD-off อย่างหนึ่ง อย่ามาเล่นคำกันดีกว่า เถียงกันด้วยเหตุผล คนอ่านจะชื่นชม เถียงด้วยการตีความ .... ไม่ดี อะไรที่ถูกต้อง ควรจะยอมรับ ดูซิครับ ผมยังให้เครดิตดุณ akeb ได้นี่ครับ ไม่เห็นหรือ ? แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 52 10:40:55 จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 10:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ที่ผมบอกเป็นเรื่องการลดเกียร์เพื่อเพิ่มแรงขับครับ ไม่ได้มองเฉพาะประเด็น"O/D OFF"  O/D OFFเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการลดเกียร์เพื่อเพิ่มแรงขับโดยคนขับ จากคุณ : akeb - [ 25 ม.ค. 52 10:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 "อย่ามาเล่นคำกันดีกว่า เถียงกันด้วยเหตุผล คนอ่านจะชื่นชม เถียงด้วยการตีความ .... ไม่ดี" >>> ผมไม่เล่นคำครับ และอธิบาย.โต้แย้งด้วยเหตุผลอยู่แล้วครับ จากคุณ : akeb - [ 25 ม.ค. 52 10:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ^ ^ นั่นแหละที่ผมมาโวย ก่อนอื่นต้องดูว่า ที่ผมตอบ ตรงประเด็นไหม ชัดเจนไหม ครับ ? อยากจะแย้ง อยากจะจับผิด ก็เอาซิ ผมเขียนไว้เยอะแยะ จะหาที่ผิด ผมเขียนผิดตกยังไง มาแย้ง ผมจะไม่ว่าสักคำ แต่นี่คุณเล่นเปิดประเด็นใหม่ ไปเอาเรื่องการเลือกใช้เกียร์มาพูด เหมือนกับการประชุมที่เขา อภิปรายจวนได้ข้อยุติ และแล้วก็มีคนหนึ่งโผล่เข้ามา เล่นบทตีความ เท่ากับทำให้ประเด็นฟุ้งกระจาย ต้องย้อนไปพิจารณาการเลือกใช้เกียร์ว่าจะเลือก OD-off เมื่อไร พฤติกรรมที่ทำอย่างนี้ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดว่า เป็นคนที่ความคิดยังไม่ตกผลึก ยังเรียบเรียงความคิดไม่เป็น จัดทัพไม่เป็นกระบวน... ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ในที่สุดจะเถียงกัน จนหาข้อยุติไม่ได้ ค่อยๆสงบสติพิจารณาดูว่า ผมพูดจริงไหม ครับ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 10:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ฝนตกแล้ว ผมหนีก่อนนะ จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 10:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ก่อนจากไป ผมสรุปให้ชัดเจน ผมพูดในประเด็นที่ว่า เจตนารมณ์ของ OD-off ไม่ได้ทำไว้เร่งแซง และเราอาจประยุกต์ใช้ OD-off ได้กว้างขวาง แต่คุณ akeb มาในประเด็น การเลือกใช้ OD-off ใช้เมื่อไร และ ใช้อย่างไร พูดง่ายๆ ออกแนวลิเก ปล่อยให้ผมออกแขก ... พอจบแล้ว พระเอกค่อยปรากฎกายออกมา .....เต็ง เต็ง เตง เต้ง....   จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 25 ม.ค. 52 11:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ดีมากๆเลยครับ ถกกันเพื่อความรู้ครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ ... จากคุณ : พ่อพี่ไอ-น้องเอ็ม (ibara) - [ 25 ม.ค. 52 11:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ที่ไม่ได้พูดเฉพาะO/D OFF เพราะO/D OFF ไม่ใช่การควบคุมการเปลี่ยนเกียร์โดยคนขับทั้งหมด และรถบางรุ่นก็มีระบบการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์โดยคนขับที่ไม่ได้ใช้คำว่า"O/D OFF" เช่น รถที่ใช้เป็นตำแหน่งเกียร์D3 รถที่ใช้ระบบปุ่ม+/- ย้ำว่าพูดถึงการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์โดยคนขับโดยรวม ไม่ได้เล่นคำ"O/D OFF" จากคุณ : akeb - [ 25 ม.ค. 52 11:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นกระทู้ที่ดีครับ ได้ความรู้เป็นอย่างยิ่ง จากคุณ : cagiva - [ 25 ม.ค. 52 11:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 CIVIC FD มี OD ถึง 2 เกียร์นะครับ เห็นคุณ sk-non บอกใช้ OD ใน FD ด้วย ซึ่ง FD ไม่มีปุ่ม OD ให้ ตำแหน่งต่อจาก D ก็คือ D3 ถ้าคุณ sk-non ใช้ D3 ผมว่ามันจะยิ่งกระตุกหัวทิ่มในกรณีรถวิ่งรอบค่อนข้างสูงนะครับ AT ของ CIVIC FD เกียร์ 4, 5 ทดรอบต่ำกว่า 1 แล้วเป็น OD ทั้ง 2 เกียร์ จากคุณ : JoeRazz - [ 25 ม.ค. 52 14:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 38 O/D OFF  ใช้เมื่อสภาพการจราจรในเมืองไม่ค่อยคล่องตัวเป็นการตัดเกียร์สูงสุด (overdrive) ออกไปเพื่อไม่ให้เกียร์เปลี่ยนไปอยู่ในเกียร์สูงสุดบ่อยเกินไปทำให้การขับรถในสภาพการจราจรช้าบ้างเร็วบ้าง (ในช่วง0-80 กม/ชม)สามารถออกตัวหรือเร่งแซงได้คล่องตัวขึ้นรวมทั้งช่วยลดการสึกหรอเนื่องจากเกียร์เปลี่ยนบ่อยโดยไม่จำเป็น จากคุณ : P-mtr - [ 25 ม.ค. 52 14:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แล้วตกลงผมควรจะใช้ O/D OFF หรือ D3 ในสถานการณ์ไหนบ้างครับ จากคุณ : Non Member - [ 25 ม.ค. 52 15:31:48 A:58.10.102.167 X: TicketID:134655 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอขอบคุณ  ช่างกล-หนุ่ม  อย่างมากมาย ได้ความรู้จากคุณเยอะมาก  ผมคนหนึ่งที่ใช้รถเบนซ์มานานกว่า 7 ปี  แต่ไม่รู้ความหมายและประโยชน์ของ KICK DOWN มากนัก  คนขาย,ช่าง ก็ไม่เคยแนะนำให้ทำอะไรทุกครั้งที่เอารถเข้าศูนย์  ผมจะบ่นว่ารถออกตัวหรือแซงไม่ทันใจ สู้รถอื่นที่เคยใช้ไม่ได้  เดี๋ยวจะไปลองขับใหม่  ปล.การแสดงความคิดเห็น ย่อมมีความแตกต่าง  ใจเย็นๆทุกคนนะครับ  แล้วจะไต้รับผลดีทุกท่าน จากคุณ : รอวันนั้น - [ 25 ม.ค. 52 15:37:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ค้นเจอกระทู้ต้นฉบับของประเด็นในกระทู้นี้ มีรายละเอียด/ขัอมูลมากกว่ากระทู้นี้ครับ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2007/04/V5350079/V5350079.html ประเด็นหลักก็ คำ"manually shift" กับ คำ"O/D OFF" การเปรียบเทียบข้อดีขัอด้อยของ2วิธีก็เป็นการอธิบายไม่ถูกประเด็น เหมือนกระทู้นี้ และมีเพิ่มประเด็นคำ"เร่งแซง" กับ คำ"เตรียมจะแซง"ด้วย แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 52 22:17:45 จากคุณ : akeb - [ 25 ม.ค. 52 22:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 42 D3, 2  ใช้คนคิด Kick Down  ใช้รถคิด ถ้าเงื่อนไข  ใช้คนคิดเข้าท่ากว่า ก็ D3, 2 ถ้าเงือนไข  ใช้รถคิดเข้าท่ากว่า  ก็ Kick Down ผมขับ at  ผมก็ใช้ทั้ง 2 แบบ  แล้วแต่สถานะการณ์ ถ้าใช้แบบเดียว  มันเป็นการปิดทางเลือกในการใช้งาน สำหรับกรณีที่ต้องการเร่งแบบไม่ให้เสียจังหวะ  และมีเวลาให้ตั้งท่ารอล่วงหน้า การใช้ D3 หรือ 2 จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะการเร่ง จะมีทันทีตั้งแต่เริ่มกดคันเร่ง  เนื่องจากรอบและเกียร์อยู่ในจุดที่แรงมีพร้อมอยู่แล้ว และจะไม่มีการเสียจังหวะในการคิดเพื่อเปลี่ยนเกียร์ของระบบควบคุม ลองดูในคลิปที่พวกผมถ่ายมาเรื่อยๆก็ได้   รถเกียร์ at เกือบทุกคันจะตั้ง 2 หรือ D3 รอไว้เสมอ ถ้าคันไหนคา D แล้วรอ Kick Down  ก็จะเสียจังหวะตอนออกตัวไป สำหรับกรณีที่เร่งแบบไม่ได้หวังอะไรมาก  หรือเร่งแบบทันทีทันใดไม่มีเวลาให้เอามือไปโยกเกียร์ การใช้ Kick Down ก็จะเข้าท่ากว่า เพราะการเร่งแบบไม่ได้หวังอะไร  ก็ไม่จำเป็นต้องมาโยกเกียร์เอง ส่วนการเร่งแบบทันทีทันใด   การโยกเกียร์ก็คงจะไม่ทันแล้วสู้ปล่อยให้เกียร์ทำงานตามคันเร่งจะดีกว่า สำหรับเกียร์ at ที่มีแป้นบังคับเกียร์ที่พวงมาลัย ถ้าต้องการวิ่งแบบสุดขีด  ก็ต้องใช้การกระดิกที่แป้น จากคุณ : ton99 - [ 26 ม.ค. 52 00:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ต้องลองเองครับ มันไม่เหมือน ทฤษฎีหรอกนะ ถ้าสมมติ เหตุการณ์ วิ่งมา 100 กม./ชม ที่เกียร์ 4 ออโต้ (โอเวอร์ไดรฟ) จะแซง 1.คิกดาว ต้องกดคันเร่งมากขึ้น ขึ้นอยู่กับ รถคันนั้นตั้งสายคิกดาวน์มายังไง บางคัน ตั้งลึกหน่อย กดจนสุดคันเร่ง และแช่ไว้นิดนึง กว่าจะ ทำงาน (รถผมเป็นอยู่)...เปลืองน้ำมันมาก 2.เอามือซ้าย ไปกด OD. เกียร์จะลด 1 เกียร์ รอบจะเพิ่ม แค่กดคันเร่งนิดนึง รถก็พุ่งแล้วครับ...ข้อเสียคือ ถ้าวิ่งความเร็วต่ำเกินไป ใช้ วิธีนี้ไม่มีผล ต้องคิกดาว์เท่านั้น แต่ถ้าต้องการขับเอามันส์ คิกดาวน์ จะมันส์มาก แต่จะเศร้า เมื่อมองไปเห็นเข็มน้ำมัน ลดฮวบๆ เหอๆ ผมไม่เก่ง เรื่องทฤษฎี แต่ชอบลองครับ จากคุณ : คนจ๊นจน - [ 26 ม.ค. 52 09:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้แต่ จะเร่ง - ก็กดจมไปเลย จะลด - กดเบรค เข้าโค้ง - D3 (OD off) จากคุณ : bu.jr - [ 26 ม.ค. 52 12:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ผมว่าข้อ 2 ของ #43 มันจะพุ่งน้อยกว่านะครับ จากคุณ : อากง - [ 26 ม.ค. 52 22:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 กดคันเร่งลากรอบแล้ว ก็ใช้ OD เหมือนเดิม สิ เกียร์จะได้ ลากไปสักพักแล้ว ปรับขึ้นเกียร์สุดท้ายให้ มันต้องลอง จับจังหวะเองครับ จากคุณ : คนจ๊นจน - [ 27 ม.ค. 52 09:53:50 ]