ความคิดเห็นที่ 1 ผมก็ยังทำอยู่นะครับ เวลาซัดๆ เท่านั้นครับ จะได้ไม่ต้องแตะเบรคก่อนเข้าโค้ง...คนอื่นไม่รู้ครับ ที่ต้องเร่งเวลาก่อนเข้าเกียร์ต่ำ เพื่อไม่ให้ล้อล๊อคครับ... เพราะบางครั้งจังหวะทดเกียร์ที่ต่างกันมาก เข้าเกียร์ปุ๊บ ล้ออาจจะล๊อค1 จังหวะ ทำให้เสียจังหวะเข้าโค้งครับ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 09:03:24 จากคุณ : alre_TK - [ 3 มี.ค. 52 09:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 double clutch คือไร ทำไมต้องทำครับ ไม่รู้จริงๆ จากคุณ : WATCHARUN - [ 3 มี.ค. 52 09:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากร้อีกคนครับ จากคุณ : Neon_Nerv - [ 3 มี.ค. 52 09:41:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ฝากถามด้วย ว่าทำไม ขับหลัง แล้ว ยกคันเร่งในโค้ง แล้วถึง หมุน ครับ อยากรู้มานานแล้ว จากคุณ : wolverine.. - [ 3 มี.ค. 52 09:42:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเอาเกียร์ลง แล้วไม่เร่งรอบช่วย มันจะ เอ่อ . . . (อธิบายยากวุ้ย) เอางี้ ยกตัวอย่างรถวิ่งที่ 100Km/h เกียร์ 5 รอบเครื่อง 2000 รอบ/นาที พอคุณเหยียบคลัทช์ ยัดเกียร์ 4 ถ้ารอบเครื่องยัง 2000 อยู่ ความเร็วมันก็จะไปอยู่ที่ราวๆ 80-90Km/h ทีนี้มันไม่เป็นงั้นสิ เพราะรถมีแรงเฉื่อย เหยียบคลัทช์ รถก็ยังอยู่ที่ 100Km/h พอยัดเกียร์ 4 เข้าไป แรงเฉื่อยของรถมันก็จะพยายามฉุดเครื่องให้มากกว่า 2000รอบ ทีนี้เครื่องมันยังอยู่ที่ 2000 มันก็ยื้อยุดฉุดลากกัน ทำให้รถมีอาการเหมือนโดนฉุด (Engine Brake) ยิ่งถ้าทะลึ่ง วิ่ง 100 แล้วเหยียบคลัทช์ ยัดเกียร์ 3 แล้วไม่กดคันเร่ง แถมตอนปล่อยคลัทช์ยังรีบปล่อยอีก มีสิทธิ์หน้าทิ่มท้ายปัดได้ (- -") อธิบายยากจริง ต้องลองทำเองดูครับ ว่าแต่ไอ้ Double Clutch นี่มันอะไรหรือ (- -?) จากคุณ : งงพะยะค่ะ (NATSKI13) - [ 3 มี.ค. 52 11:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Double Clutch  น่าจะหมายถงย้ำครัชน่ะครับ  ถ้าใช่เขาเลยมาเป็นชาติแล้วครับ จากคุณ : เมฆดำพลัดถิ่น - [ 3 มี.ค. 52 12:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 4   ฝากถามด้วย ว่าทำไม ขับหลัง แล้ว ยกคันเร่งในโค้ง แล้วถึง หมุน ครับ อยากรู้มานานแล้ว ---------------------------------------------------------- เริ่มจะหมุนกดคันเร่งเป็นดริ๊ฟไปเลยครับ จากคุณ : เมฆดำพลัดถิ่น - [ 3 มี.ค. 52 12:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่ต้องเร่งเครื่องตอนลดเกียร์นั้น เพื่อให้รอบเครื่องยนต์ใกล้เคียงกับความเร็วรถ เวลาถอนคลัทช์แล้วจะได้ไม่เกิดการ Engine Brake อย่างรุนแรง ที่จะทำให้เกิดแรงเบรกที่ล้อ ทำให้รถเสียการทรงตัว และยังลดความสึกหรอของชุดคลัทช์และระบบส่งกำลังด้วยครับ จากคุณ : Compromiser - [ 3 มี.ค. 52 12:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปูเสื่อรอ อยากรู้ด้วยครับ จากคุณ : Ferrari - [ 3 มี.ค. 52 12:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 #7 ไม่ทราบครับ รถผมขับหลัง เข้าโค้ง ถอนคันเร่ง ก็ไม่เห็นว่ามันจะหมุน (- -") #8 นั่นละครับ ที่คุณว่ามาคือที่สิ่งที่ผมอยากจะบอก (- -") แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 52 13:16:48 จากคุณ : NATSKI13 - [ 3 มี.ค. 52 13:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่เขียนกันมามันคือเทคนิค เพื่อให้รอบเครื่อง มารอ ก่อนที่จะลดเกียร์ครับ เอนจิ้นเบรคจริงๆ ต้องเป็นแบบนี้ ให้รอบเครื่องลดด้วยแรงเสียดทาน และ Pumping loss ในเครื่องจริงๆ ไม่ใช่อย่างที่ทำกันผิดๆ ลดเกียรืกระชากคลัชท์ เครื่องพัง ถ้ารอบสูงไป ข้อเหวี่ยงคดเอาง่ายๆ ไม่มีผลดีเลย ส่วน Double clutch มี 2 แบบครับ แบบแรก สำหรับรถบรรทุก และ รถรุ่นเก่าๆๆๆๆ ที่เกียร์ไม่มีซินโครเมช ทำให้เวลา เปลี่ยนเกียร์ จะเข้าลำบาก มีเสียงดัง ต้องใช้วิธี ดับเบิ้ลคลัชท์ ซึ่งผมจำไม่ได้ไม่แน่ใจ รู้สึกว่า จะดึงมาเกียร์ว่างแล้วปล่อยคลัชท์ 1 ที รึไงนี่หละครับ ก่อนเข้าเกียร์ต่อไป เพื่อปรับรอบเพลาให้ใกล้เคียงกันทั้งเพลาขับและเพลาตาม จะทำให้ไม่มีเสียงดังและเข้าเกียร์ง่ายครับ ส่วนแบบที่ 2  คือการเรียกแรงบิดในเกียร์สูง ก็เช่น เรากดคันเร่งรถอีซูซุ มังกรอืดๆตัวเก่า ที่เกียร์ 5 ความเร็ว 120 มันขึ้นช้าๆ เราก็จะกระแทกคลัชท์ 1 ที เพื่อให้รอบเครื่องมันกวาดๆ ให้มีแรงบิดที่สูงขึ้นมาหน่อย ดึงรถให้ไปเร็วขึ้นครับ  ที่ว่ามาน่าจะเป็นแบบที่ 2 ส่วนที่ว่าทำไมขับหลังถอนคันเร่งแล้วท้ายกวาด อาจจะเกิดจากคันนั้นยางไม่เกาะเอามากๆ  แล้วยกคันเร่ง เกิดเอนจิ้นเบรคท้ายเลยกวาดครับ (ในกรณีที่ไม่เหยียบเบรคครับ  แต่ถ้าเหยียบเบรคแรงๆยีงไงก็กวาด เพราะน้ำหนักถ่ายไปด้านหน้า ล้อด้านหลัง สูญเสียการยึดเกาะ พอกระแทกคันเร่งลงไปก็ดริฟท์ซะ ครับ จากคุณ : KhaiGTR (kdt) - [ 3 มี.ค. 52 14:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้อ ขอต่อ ตามคลิปที่ดูอ่ะครับ ในยูทูปที่ จขกท. เขียนมา ที่เค้าทำแบบนี้ เพื่อเรียกแรงม้าแรงบิดมารอ ให้สามารถกดรถให้พุ่งได้ตลอดครับ  แต่ไอ้ครั้นลดเกียร์อย่างเดียวโดยไม่ทำอย่างที่ว่า ล้อล็อค รถหมุนแน่นรนอนครับ เหมือนตอนเราจะออกโค้ง พอตอนเร่งได้ เราก็จะเปลี่ยนเกียร์ลง แล้วกดออกไป   แต่รถแข่ง ทำแบบนี้มันช้าครับ จากคุณ : KhaiGTR (kdt) - [ 3 มี.ค. 52 14:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จากคห.8 ที่ต้องเร่งเครื่องตอนลดเกียร์นั้น เพื่อให้รอบเครื่องยนต์ใกล้เคียงกับความเร็วรถ เวลาถอนคลัทช์แล้วจะได้ไม่เกิดการ Engine Brake อย่างรุนแรง ------------------------------------------------------------------------ ไปกันใหญ่แล้วมั้งครับพี่น้อง...การที่เราต้องเร่งเครื่องยนต์ตอนลดเกียร์ลงนั้นเขามีเหตุผลคือ เป็นการเพิ่มความเร็วของเพลารอง (Counter shaft) ในกระปุกเกียร์ให้มีความเร็วใกล้เคียงกับ เพลาส่งกำลัง (Main shaft) ที่ต่อกับเพลากลางไปยังเฟืองท้ายครับ และส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่เปลี่ยนเกียร์ ข้ามลำดับ เช่นจาก 5 เป็น3 หรือ 5 เป็น 2 หรือใช้กับรถที่มีกำลังขับมากๆ ขออนุญาตอธิบายเท่าที่ความจำจะอำนวยนะครับ...เรื้อไปหลายปีแล้วและก็เลิกอาชีพนี้ไปแล้ว ลองนึกภาพนะครับตอนขับปกติกำลังเครื่องยนต์จะส่งผ่านแผ่นคลัทช์ไปยังเพลารอง (Counter shaft) ซึ่งมีเฟืองขบกับเฟืองของเพลาส่งกำลัง (Main shaft) ต่อเมื่อเราปลดเกียร์ผ่านเกียร์ว่างเพื่อไปยังเกียร์ที่ ใช้ความเร็วต่ำแต่แรงบิดสูง เช่น ขับอยู่เกียร์ 5 แล้วเปลี่ยนมาเป็นเกียร์ 3 ในจังหวะที่เราปลดอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง นั้นเป็นการปลดการส่งกำลังจาก เพลารอง (Counter shaft) ที่ต่ออยู่กับ เพลาส่งกำลัง (Main shaft) ออกไป แต่ล้อที่หมุนต่อไปด้วยแรงเฉื่อยจะเปลี่ยนหน้าที่เป็นขับเพลาส่งกำลัง (Main shaft) เมื่อเกียร์ว่างแล้ว เพลารอง (Counter shaft) ซึ่งรับกำลังจากเครื่องยนต์ที่ตอนนี้อาจอยู่ที่รอบเดินเบาก็จะหมุนช้ากว่า เพลาส่งกำลัง (Main shaft)ซึ่งเหมุนเร็วกว่าเพราะรับแรงหมุนและรอบความเร็วมาจากล้อ ในจังหวะนี้เอง ที่เขาเร่งเครื่องเพื่อเพิ่มความเร็วกับเพลารอง (Counter shaft) ให้มันสัมพันธ์กับความเร็วของเพลาส่งกำลัง (Main shaft) เพื่อให้การเข้าเกียร์เป็นไปราบลื่นขึ้นครับ ส่วนการเกิด Engine Brake อย่างรุนแรงนั้นจะไปสัมพันธ์กับการเปลี่ยนเกียร์ข้ามอัตราทดไปมาก ๆ จากความเร็วสูงมาก ๆ แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำโดยที่ความเร็วรถยังสูงอยู่อย่างเช่น ขับอยู่ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ที่เกียร์ 5 แล้วไม่ลดความเร็วลงแต่ ดันเปลี่ยนเกียร์เป็น 3 หรือ 2 โดยทันทีก็จะเกิด Engine Brake อย่างรุนแรงจนรถอาจเสียหลักได้ เคยเจอกรณีนึงครับ รุ่นพี่ผมขับอีซูซุมังกรที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ในเกียร์ 5 พอถึงยูเทิร์นชลอความเร็วลงมานิดเดียว แล้วยัดเกียร์ 1 เลยปรากฏว่าก้านสูบหลุดทะลุเสื้อสูบครับ...หลังจากที่ซ่อมเสร็จขับได้อีกไม่กี่วันเพลาข้อเหวี่ยงขาด...ดดดดดดดดดด เหตุผลที่แกเข้าเกียร์ข้ามจาก 5 ไป 1 ได้นั้นเพราะเมาเหล้าครับและด้วยความที่เป็นคนตัวใหญ่แรงดีจึงทำให้แกสามารถทำแบบนั้นได้ ปล.เห็นด้วยกับคุณ KhaiGTR (kdt) ทั้งคห. 11 และ 12 ครับ จากคุณ : กินจังจอมปลวก - [ 3 มี.ค. 52 15:23:16 A:118.172.173.109 X: TicketID:199965 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณ ครับ ถามอีกข้อ แล้วในกรณี เดียวกัน สำหรับรถขับหน้า การยกคันเร่งในโค้ง ไม่ทำให้เกิด เอนจิ้น เบรค เหรอครับ แล้วทำไม ไม่มี อาการ หน้าแถ เพราะ ล้อ ล๊อค ครับ อยากรู้ อยากรู้ กระทู้ นี้ สนุกดี จากคุณ : wolverine.. - [ 3 มี.ค. 52 16:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ๋อ ของรถที่ไม่มีซินโครเมช เวลาจะเข้าเกียร์ทำแบบนี้ครับ เหยียบครัชให้สุดทีน เอามือผลักเกียร์ (จะไม่เข้า) ชักครัช ขึ้นนิดหนึ่งครับ ในขณะที่ไม่ละมือออกจากคันเกียร์นะครับ มันจะมีจังหวะให้เราสับลงไปครับผม ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข การถอนคันเร่ง มันเกิดเอนจิ้นเบรคอยู่แล้วหล่ะครับ ไม่ว่าจะ เป็นรถอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะขับเคลื่อนกี่ล้อก็ตาม หาก ท่านถอน คันเร่ง ทั้งๆ ที่อยู่ในเกียร์ ยิ่งเกียร์ต่ำมากเท่าไหร่ เบนจิ้นเบรค ก็จะยิ่งแรงมากตามเท่านั้น รถจะแถ ล๊อค ได้นั้น ต้องมีแรงมากระทำเกินกว่า แรงเสียดทาน ที่ยางสร้างกับพื้นถนนครับผม จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 3 มี.ค. 52 16:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากคุณ : wolverine.. คห.14 สำหรับรถขับหน้า การยกคันเร่งในโค้ง ไม่ทำให้เกิด เอนจิ้น เบรค เหรอครับ แล้วทำไม ไม่มี อาการ หน้าแถ เพราะ ล้อ ล๊อค ครับ --------------------------------------------------------------------------------- การยกคันเร่ง(ถอน)ไม่ว่าจะในโค้งนอกโค้งหรือทางตรง ถ้าเราไม่ได้ปลดเกียร์ว่าง หรือเหยียบคลัทช์ เอนจิ้นเบรค มันจะไม่หายไปไหนหรอกครับส่วนจะมากหรือน้อยก็ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่เกียร์อะไรที่ความเร็วเท่าไหร่ ส่วนที่ว่าไม่ีมีอาการหน้าแถเพราะ ล้อล็อกน่าจะเป็นคันๆไปมั๊งครับคงไม่ใช่ว่าดีทุกคัน...แต่ธรรมชาติของ รถขับหน้ามันน่าจะแหกโค้งไม่ใช่หรือครับ ? ------------------------------------------------------------------------------ รถบรรทุกหรือรถบัสรุ่นเก่าๆที่มีซิงโครเมชก็ทำแบบนั้นเหมือนกันครับ อย่างพวกอีซูซุบรรทุก 6 ล้อหน้ายาวเวลาเปลี่ยนเกียร์ลงก็จะเข้าเกียร์ยาก ต้องย้ำคลัทช์อย่างที่ป๋าหยึ๋มว่า ยิ่งเปลี่ยนข้ามเกียร์ยิ่งเข้ายาก จากคุณ : กินจังจอมปลวก - [ 3 มี.ค. 52 18:21:35 A:118.172.173.109 X: TicketID:199965 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สงสัยวิธีขับของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ของผมถ้าจะยัดเกียร์ลงจากความเร็วสูง ผมจะปล่อยแล้วเลียแล้วปล่อยต่อ  ถ้าปล่อยดอกเดียวล้อมันจะกระชากเครื่อง ส่วนถ้าจะเบรค ลดเกียร์ แล้วเข้าโค้ง ถ้าไม่ขับแบบธรรมดา  ก็จะเอาส้นเท้าเบิ้ลคันเร่งให้รอบมันขึ้นมา   เพื่อจะได้ยัดเข้าเกียร์ต่ำได้  ถ้ารอบเครื่องมันต่ำกว่าความเร็ว  มันก็จะยัดเกียร์ไม่เข้า จากคุณ : ton99 - [ 3 มี.ค. 52 22:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จขกท ครับ เทคนิคที่คุณว่า นั้น เค้าเรียกว่า Heel and toe ครับ -"- ส่วน Double Clutch อันนี้เป็นเทคโนโลยี ที่ทำให้ เกียร์สามารถเป็นได้ เร็วขึ้นนะ จ๊ะ จากคุณ : แปววววว - [ 3 มี.ค. 52 22:38:41 A:118.172.33.56 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 การกดคันเร่งขณะเปลี่ยนเกียร์ (ว่าง หรือ เหยียบคลัทช์, เปลี่ยนขึ้นหรือเปลี่ยนลง) เป็นการทำ Rev Matching ครับ เพื่อให้รอบเครื่อง(หน้าคลัทช์)สัมพันธ์กับรอบเพลา input shaft ของเกียร์(หลังคลัทช์) จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้การเข้าเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวล ไม่กระชาก ลดภาระการทำงานของคลัทช์ (สลิปน้อยที่สุด) เกียร์ธรรมดาทำ ดับเบิ้ลคลัทช์ เพราะเข้ายาก เมื่อก่อนไม่มีซิงโครเมช ตามที่คุณ KhaiGTR (kdt) บอก วิธีคือ (ไม่ว่าเปลี่ยนขึ้นหรือลง) ถอนคันเร่ง กดคลัทช์ ปลดเกียร์ว่าง ถอนคลัทช์ เร่งคันเร่ง(เกียร์ว่าง)ให้ได้รอบที่ต้องการ กดคลัทช์ เข้าเกียร์ต่อไป ปล่อยคลัทช์(ได้ทันที ไม่ต้องเลีย) การทำแบบนี้ก็มุ่งหมายที่จะทำ Rev Matching นั่นแหละครับ มันสนุกตรงที่ว่า เราเรียนรู้คันเร่ง และอัตราทดของรถมากน้อยแค่ไหน ผลลัพธ์ที่ดีหมายถึง การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบลื่น ถอนคลัทช์ออกแล้วรอบพอดีเป้ะ โดยไม่ต้องเลียคลัทช์ ไม่มีอาการดึงหรือกระชากของรถ เราเดินคันเร่งต่อได้ทันที(หรือปล่อยให้เอนจิ้นเบรคทำงาน) จากคุณ : num..na - [ 3 มี.ค. 52 23:53:03 A:192.168.0.17 X:125.24.219.82 ]

ความคิดเห็นที่ 20 การถอนคันเร่งในเกียร์เดิม ไม่มีทางที่จะทำให้ล้อล๊อค เนื่องจากไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นแรงบิดอย่างกระทันหัน รถขับหน้าเมื่อเกิดอาการ Understeer หมายถึง กริบของล้อหน้าน้อยลงกว่าล้อหลังเพราะ ต้องแบ่งกริบทั้งเร่งและเลี้ยว (ลองนึกว่าอยู่ที่เกียร์ต่ำ-รอบเครื่องสูงแม้ไม่ได้กดคันเร่ง แล้วเข้าโค้งที่ความเร็วสูง) อาการที่เกิดกับยางจะไม่ใช่ล้อล๊อคแต่เป็นการสลิปไปทางด้านข้างของยางมากกว่าวิ่งไปข้างหน้า หากถอนคันเร่ง(หรือไม่ได้กดคันเร่ง แต่รอบยังสูงอยู่และจะถูกดึงลงมาเรื่อยๆจากความฝืดของการสลิป) Total grip ที่ล้อหน้าในปริมาณเท่าเดิมก็แบ่งมาให้การเลี้ยวมากขึ้น รถก็จะมีอาการกลับสู่ Neutral มากขึ้น จากคุณ : num..na - [ 4 มี.ค. 52 00:09:14 A:192.168.0.17 X:125.24.219.82 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ส่วนเกียร์ชนิด Dual Clutch Transmission หรือ Doppelkupplungsgetribe ผมเข้าใจว่า เจ้าของกระทู้คงไม่สับสนในหัวข้อนี้นะครับ จากคุณ : num..na - [ 4 มี.ค. 52 00:12:29 A:192.168.0.17 X:125.24.219.82 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โอว ความรู้มากมาย ขอบคุณมากครับ แล้ว เกียร์ Twin  Clutch  ใหม่ ของ Porsche  ล่ะครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า จากคุณ : wolverine.. - [ 4 มี.ค. 52 12:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 "หากถอนคันเร่ง(หรือไม่ได้กดคันเร่ง แต่รอบยังสูงอยู่และจะถูกดึงลงมาเรื่อยๆจากความฝืดของการสลิป) Total grip ที่ล้อหน้าในปริมาณเท่าเดิมก็แบ่งมาให้การเลี้ยวมากขึ้น รถก็จะมีอาการกลับสู่ Neutral มากขึ้น" นี่คือ ที่มาของ วิธีการเข้าโค้ง ที่แตกต่าง ระว่างรถขับหน้าและขับหลังหรือเปล่าครับ ที่เค้าว่า ขับหน้า ถ้าหน้าแ ถ จะ ต้องถอนคันเร่ง ส่วน ขับหลัง ถ้าท้ายปัด ให้เร่งส่ง ถ้าเข้าใจ อะไรผิดช่วยแก้ด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : wolverine.. - [ 4 มี.ค. 52 12:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบกันหมดแล้ว แต่อยากแจมด้วยคน "double clutch" >>> ให้รอบเฟืองเกียร์ฝั่งเครื่องใกล้เคียงกับรอบเฟืองเกียร์ฝั่งเพลาขับก่อนการเข้าเกียร์เพื่อให้เข้าเกียร์ได้หรือง่ายขึ้น มีsynchomeshแล้วก็ไม่ได้จำเป็น นอกจากกระโดดข้ามเกียร์หลายขั้น "เวลาที่ตบเกียร์ลง คนขับจะเร่งความเร็วรอบเครื่องก่อนปล่อยคลัช" >>> ให้รอบเครื่องใกล้กับรอบคลัช/เกียร์ เพื่อให้ปล่อยคลัชได้เนียน-รถ/เครื่องไม่กระตุกและลด/หลีกเลี่ยงการเลียคลัช ถ้าทำขณะที่เบรคคือ"heel & toe" จากคุณ : akeb - [ 5 มี.ค. 52 00:10:30 ]