สวัสดีชาวรัชดาอีกครั้งครับ ทั้งๆที่เมื่อวานทางทีมงานของตำรวจทางหลวงได้ตั้งกระทู้ไปแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกิจกรรมแรลลี่ของชาว bigbikeกับตำรวจทางหลวง แต่กระทู้นี้ขอรบกวนเวลาอีกสักครั้งครับเพราะจะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อชาวรัชดาทุกท่านแน่นอน
วันนี้ทีมงานของตำรวจทางหลวงจะมาแนะนำวิธีปฎิบัติตนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเมื่อพบเห็นอุบัติเหตุครับ ผมจะขอแนะนำเป็นข้อๆเลยนะครับ
1 ท่านเป็นผู้ที่เห็นเหตุการณ์
ถ้าท่านสามารถที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บได้ ก็ควรจะช่วยครับ เข้าไปดูอาการและสอบถามอาการต่างๆเช่น ขยับแขนขาได้หรือไม่ มีอาการเจ็บตรงไหน แต่ไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บถ้าไม่มีเหตุจำเป็นนะครับ เพราะบางครั้งการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยรู้เท่าไม่ถีงการณ์ก็จะยิ่งเพิ่มอาการบาดเจ็บมากกว่าเดิมได้ และถ้าในกรณีที่ท่านเห็นรถคู่กรณีชนแล้วพยายามหนี ท่านควรจดจำ ป้ายทะเบียน ยี่ห้อ สี ของรถคันนั้น พร้อมทั้งแจ้งแก่เจ้าหน้าที่และถ้าจะให้ดีก็ควรให้ความร่วมมือเป็นพยานในชั้นศาลด้วยครับ
2 ท่านเป็นผู้บาดเจ็บ
ถ้ายังมีสติอยู่ ก็ควรร้องให้คนช่วยครับ และบอกคนที่มาช่วยว่าท่านได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง และถ้ามีคนที่โดยสารมากับท่านด้วยก็ควรบอกให้คนที่เข้ามาได้ทราบว่าท่านมากันกี่คน เพื่อประโยชน์ในการเข้าช่วยเหลือผู้ที่มากับท่านด้วยครับ
3 ท่านเป็นผู้ขับ
สิ่งแรกที่ไม่ควรทำเด็ดขาดก็คือการขับรถหนี การขับรถโดยประมาทอาจจะทำให้มีคนเสียชีวิตได้แต่ท่านก็ไม่ใช่อาชญากรหรอกครับ โทษของการขับรถประมาทไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจกัน ยิ่งถ้าท่านได้ลงมาช่วยเหลือนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลออกค่ารักษาดูแลต่างๆ หรือให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ศาลก็จะนำเรื่องเหล่านี้ไปลดโทษให้ท่านได้
แต่ถ้าท่านหนีไป ความผิดทางกฎหมายอาจจะติดตัวท่านไปแค่ 10หรือ15ปี แต่ความผิดในใจท่านก็จะอยู่ตลอดไป
หน้าที่ของคนขับรถเมื่อเกิดรถชนกันนั้น กฎหมายกำหนดดังนี้
3.1 ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร เช่น ขับรถชนคนก็ต้องหยุดรถช่วยเหลือคนที่ถูกชน นำส่งโรงพยาบาล
3.2 ต้องไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที คือต้องรีบแจ้งตำรวจใกล้เคียงทันที แต่ต้องบอกด้วยว่าเราเป็นคนขับรถอะไร
3.3 แจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่หมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้เสียหาย
3.4 ถ้าเป็นผู้ขับขี่ที่หลบหนีหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กฎหมายให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิดและตำรวจมีอำนาจยึดรถไว้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด
3.5 ถ้าคนขับคนใดไม่ปฏิบัติตามกฎข้อ 1, 2 และ 3 แล้วจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าคนที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตต้องจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท
4 ในกรณีที่รถของท่านมีการประกันภัยไว้ก็ควรแจ้งต่อบริษัทประกันภัยทันที เพื่อพนักงานประกันภัยจะได้มาดูที่เกิดเหตุและถ่ายรูปทำแผนที่เกิดเหตุเพื่อประโยชน์ในการต่อสู้คดีในชั้นศาลครับ และในปัจุบันมือถือแทบทุกเครื่องสามารถถ่ายรูปได้ ก็ควรถ่ายเอาไว้ให้มากที่สุดเช่นกันครับ
**สำหรับการช่วยเหลือคนเจ็บหรือค่าทำศพของผู้ที่เสียชีวิต**
- ทางอาญา ท่านอาจจะต้องรับโทษจำคุก
- ทางแพ่ง ท่านจะต้องชดเชยค่าเสียหายค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพให้กับคู่กรณี หากท่านช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ไม่ชนแล้วหนี ต่อมาเมื่อเรื่องถึงศาล ศาลก็จะเห็นถึงความมีน้ำใจของท่านก็อาจจะรอลงอาญาให้เราโดยไม่จำคุกเรา แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าท่านหนีศาลมักจะให้จำคุกเลยเพราะเห็นว่าท่านเป็นคนแล้งน้ำใจ การตกลงใช้ค่าเสียหายให้คนเจ็บก็มีประโยชน์มาก
ยกตัวอย่างเช่นถ้าไม่พยายามตกลงใช้ค่าเสียหายให้กับคนเจ็บ ตำรวจเขาจะมีระเบียบไว้ว่าไม่ให้คืนของกลางให้แก่ผู้ต้องหาจนกว่าผู้ต้องหาจะพยายามตกลงกับผู้เสียหายและถ้าท่านยอมชดเชยค่าเสียหายและค่าทำศพให้กับผู้เสียหาย คดีแพ่งก็ระงับเพราะถือว่ายอมความคดีแพ่งกันแล้ว จะฟ้องเรียกค่าเสียหายท่านในทางแพ่งไม่ได้อีกแล้ว
บทความนี้มีอยู่ในเว็บ www.highwaypolice.org แต่ทางทีมงานตำรวจทางหลวงได้นำมาแก้ไขและเพิ่มเติมใหม่ให้กระชับและให้ท่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงอยากให้ชาวรัชดาทุกท่านขับรถ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ และมีน้ำใจกับผู้ร่วมทางครับ
แจ้งเหตุฉุกเฉิน รถเสีย ขอความช่วยเหลือ
แจ้ง 1193หรือหน่วยบริการตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ
เดินทางปลอดภัยทุกท่านครับ
Highway police Call center
แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 52 01:04:51