Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ข้อคิดสำหรับคนที่จะผ่อนรถเป็นคันแรก

    เห็นมีคนตั้งกระทู้ต้องการผ่อนรถเป็นคันแรกมาหลายครั้ง ส่วนใหญ่เพิ่งจะทำงาน
    มีรายได้เริ่มต้นที่ 8,000 - 20,000 บาท ซึ่งก็มีผู้หวังดีเข้ามาแนะนำกัน ส่วนใหญ่
    จะเตือนกันว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าเพิ่ง ให้รอก่อน

    ผมเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ที่เห็นด้วยว่าการที่จะเริ่มผ่อนรถเป็นค้นแรก สมควรที่จะ
    ต้องดูให้ดี คำนวนรายได้ประจำให้แน่นอนก่อน อย่างน้อยเงินที่จะดาวน์นั้นควร
    จะมีอย่างน้อย 50% ขึ้นไปนะครับ ทำไมผมแนะนำอย่างนี้ ประสบการณ์ส่วนตัวเลย เดี๋ยวจะเล่าให้เป็นตัวอย่าง

    ผมซื้อรถคันแรก (นานมาแล้วนะครับ ผมเองอายุก็มากแล้ว เลยมีประสบการณ์บ้าง) เงินดาวน์ไม่มี แต่ซื้อสด ผ่อนกับแม่ ไม่มีดอกเบี้ย โชคดีกว่าหลายคน ก็ไม่ใช่ว่าฐานะทางบ้านจะร่ำรวยอะไรนะครับ แค่ชนชั้นกลางทำงานเดือนกัน

    ตอนนั้น รายได้ก็เรียกว่าแทบจะชนกับรายจ่าย หรือบางเดือนไม่พอด้วย (น้ำมัน
    10 บาท/ลิตร) รถป้ายแดงก็ดูแลไม่มาก แต่พอถึงเวลาต้องเข้าศูนย์ หรือจ่ายเบี้ยประกันทีไร มันเกิดอาการเสียดายมากกก ทุกครั้ง บัตรเครดิตก็ค้างจ่ายยอม
    เสียดอกเบี้ย นี่แหละครับวัยหนุ่ม อยากได้รถ ไม่รู้จักว่าเป็นหนี้แล้วจะต้องจัดการ
    ยังไง นี่คือตัวอย่างที่ไม่ดีครับ

    หลังจากที่เปลี่ยนงานไปหลายที่ รายได้ก็เพิ่มขึ้นบวกประสบการณ์ก็เพิ่มตามไป
    ด้วย ผมก็เริ่มรู้ว่าการที่เราเป็นหนี้ เสียดอกเบี้ย มันไร้ความสุขขนาดไหน คิดดู
    เหมือนเราเป็นแค่ตัวกลางระหว่างนายจ้างกับธนาคาร พอสิ้นเดือนบางทีเงินที่เหนื่อย ทำงานมาทั้งเดือน ต้องส่งต่อให้เจ้าหนี้ (ธนาคาร) เกือบหมด เหลือแค่
    พอใช้เท่านั้น มันไม่มีความสุขเลยนะครับ ไหนจะมีรายจ่ายที่ไม่คาดคิดอีก

    หลังจากที่ผมผ่อนบ้าน รถหมดเรียบร้อย ก็ตั้งใจไว้เลยว่าต่อไปนี้ ถ้าไม่ได้ซื้อรถ
    เงินสด อย่างน้อยซื้อรถก็ต้องไม่มีดอกเบี้ย  แต่มันขึ้นกับการทำงานของคุณด้วย
    นะ อาจจะบังเอิญที่ผมได้งานดี เงินดี มั่นคง(ในช่วงนั้น) ก็ทำให้ผมสามารถตั้งหลักสร้างครอบครัวได้ค่อนข้างมั่นคง และเริ่มกิจการเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมา ช่วงที่เศรษฐกิจดี ก็เลยทำให้ตั้งตัวได้เร็วขึ้น บ้านก็ยังซื้อแบบผ่อนอยู่นะครับ
    แต่ไม่เกิน 4 ปีก็จ่ายหมดครับ

    การที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ตรงนี้สำคัญมากในปัจจุบัน เพราะเศรษฐกิจแบบนี้ผมไม่มีภาระดอกเบี้ยเลย ความเครียดก็เลยไม่มี
    อาศัยมีงานพอให้ลูกน้องทำโดยเราไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินเดือนเอง
    ก็หายใจคล่อง รอเศรษฐกิจดีอีกครั้ง ก่อนนอนแม้วันนั้นจะไม่มีรายได้
    แต่ผมก็รู้ว่าไม่มีหนี้กับดอกเบี้ยรอผมอยู่ตอนตื่นนอนครับ

    รถคันที่ 3 -4 ที่ซื้อก็เป็นรถขนาดใหญ่ ไม่ได้ซื้อสดครับ แต่ดาวน์เยอะ เกิน 50% ผลที่ดาวน์เยอะ ก็ต่อรองได้ ไม่เสียดอกเบี้ยครับ (0% 2 - 3 ปี) มันเป็นความรู้สึกดีมาก ๆ ที่เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลยครับ ต่อรองได้นะครับ

    ส่วนที่คุณคิดจะหาคนมาค้ำ อย่าเลยครับทั้งคนค้ำและผู้กู้ ผมเข็ด มันเป็นการค้ำประกันอนาคตที่คุณไม่มีทาง รู้ได้เลยว่าคนที่ค้ำให้จะเป็นยังไง ตัวอย่างมีเยอะนะครับ เพราะเราไม่ได้ค้ำอดีต แต่ค้ำอนาคตนะ

    อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ แล้วส่วนใหญ่คำว่า "ทำไมต้องเป็นเรานะ" เกิดบ่อยกว่าทำว่า "โชคดีที่ไม่ใช่เรา" เห็นด้วยมั้ย

    กลับมาเข้าเรื่อง ขนาดว่าซื้อรถไม่มีดอกเบี้ยแล้วนะครับ พอขายต่อราคาก็ตกแบบว่า ซื้อมา 1.3 ล้าน 4 ปี เหลือ 4 แสน หรือ 2.5 ล้าน 5 ปี เหลือไม่ถึงล้าน ทำใจเลยครับ เงินหายไปเป็นล้าน เพราะยี่ห้อและรุ่นที่ซื้อมาไม่ใช่ตลาดนิยม ยิ่งกว่าเสียดายอีก

    ตอนนี้กำลังจะซื้อรถใหม่ครับ ซื้อสด ก็เสียดายเงินนะ พอขายรถไปแล้ว ไม่มีค่าน้ำมัน ค่าซ่อม ก็ทำให้รู้สึกประหยัด แต่ต้องใช้รับส่งลูกก็จำเป็นครับ ก็เลือกเอาที่ตลาดนิยมหน่อย

    อยากให้เป็นข้อคิด อุธาหรณ์เอาไว้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถ คิดดี ๆ นะครับ ภาวะแบบนี้ บริษัทหรืองานที่คุณกำลังทำงานอยู่มั่นคงแค่ไหน แล้วตัวคุณเองมั่นคงแค่ไหน อนาคตมันไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ถ้ายังไม่จำเป็นมาก ก็รอก่อนก็ได้นะ ขีวีตยังอีกยาวไกล อย่าลืมว่ารถออกจากศูนย์ก็ราคาตกแล้วนะครับ  แต่คุณต้องเป็นหนี้ไปอีกหลายปีนะ

    จากคุณ : oated - [ 19 พ.ค. 52 10:35:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom