ก่อนอื่นมีภาพประกอบให้ดูด้วย วาดเองนะง่ายๆ
-สีฟ้านั่นคือ ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า
-สีฟ้าขนาดเล็ก ป้อมยาม
-สีเหลืองอ่อน นั่นคือลาน รับสินค้าขนาดใหญ่
-และสุดท้าย ไอ้สีส้มๆที่จอดทแยงนั้น คือ รถตำรวจค่ะ คุณอ่านไม่ผิดหรอก
นั่นรถตำรวจ มีแปะข้างรถด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โธ่ถัง...
หึๆๆ วันนี้ไปเจอเรื่องนึงมาแอบเซ็งเหมือนกันนะ
วันนี้เราไปซื้อตู้เย็นกับพ่อและน้อง ที่แหลมฉบัง(ตรงแถวๆโรงงานอะสินค้าราคาโรงงาน)
ไปถึงร้านก็ไม่มีอะไรหรอกก็แค่ไปซื้อตู้เย็น แต่เรื่องมันเกิดหลังจากซื้อตู้เย็นแล้วตั้งหาก บ้านเราไปซื้อตู้เย็น ขนาด 17.5 คิว ขนาดไม่ใช่เล็กเลยใหญ่มาก
ซื้อเสร็จจ่ายเงิน พ่อเราก็ไปขับรถกระบะมาจากที่จอดเพื่อที่จะมาขนเจ้าตู้เย็นตู้นี้ ตรงลานรับของ แต่ว่าไอ้ตรงลานหน้าร้านนี่ซิมันมีปัญหา เพราะมีรถกระบะ 1 คัน จอดขวางทางไว้อยู่ ทำไมนะทำไม สถานที่จอดรถเค้าก็มีตั้งเยอะทำไมไม่จอดให้ตายเถอะ
พ่อเราก็ไปเอารถจากลานจอดรถ มารับของแล้วมันเอาท้ายกระบะเข้าไม่ได้เพราะว่าติดรถกระบะอยู่ พ่อก็บอกว่าให้ไปบอกพนักงานว่าติดรถกระบะคันนี้เ้ข้าไม่ได้ พนักงานก็ถามหาจนรู้ว่า
-เจ้าของรถกระบะคันนั้นคือ ตำรวจ
-กระบะคันนั้นมันรถตำรวจ เขียนไว้เลยนะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอ๊ะ...รถหลวงนี่
ครั้งที่1
พนักงาน: พี่ค่ะช่วยขยับรถให้หน่อยพอดีลูกค้าจะเอารถมารับของค่ะ
ตำรวจคนนั้น : เออ เดี๋ยวแป๊บนึงกำลังซื้อของอยู่เดี๋ยวจะไปถอยให้
พนักงาน : รอสักครู่นะค่ะ
เรา : เอ....
ก็รอค่ะ รอไปเถอะ จนพ่อเราบอกว่าไปบอกเจ้าของรถทีเราก็ไปบอกเค้า
ครั้งที่ 2
เรา: พี่ค่ะ ช่วยขยับรถให้หนูหน่อยได้มั๊ย พอดีหนูจะต้องขนตู้เย็นมันใหญ่มาก รถมันเข้าไม่ได้
ตำรวจคนนั้น : ก็บอกว่าเดี๋ยวไง ธุระผมเยอะ อะไรกันนิดๆหน่อยๆต้องมาขัยบด้วยเหรอ (ธุระเยอะมาก ซื้อ เครื่องดูดฝุ่นไม่กี่ตัง)
ครั้งที่ 3
เรา : เริ่มแบบว่า พี่ค่ะช่วยขยับหน่อยไม่ได้หรอ แค่ถอยนิดเดียวเอง
ตำรวจ : ไหนน้องจะเข้าตรงไหน ตรงนี้เหรอ เนี่ยเข้ามาเลยเข้าได้ ไม่ต้องขยับหรอก
พนักงาน : ช่วยขยับนิดนึงนะพี่ตู้เย็นมันใหญ่
ตำรวจ : ผมรู้ แต่แค่นี้มันเข้าได้ คุณก็เอาหัวเข้ามาเลยซิ
เรา : เออ มันต้องเอาท้ายเข้านะ มันเข้าไม่ได้
ครั้งที่ 4
เรา : พี่ค่ะช่วยมาขยับรถหน่อยเถอะ รถมันเข้าไม่ได้จะขนของเหมือนกัน
ตำรวจ : โธ่แค่นี้ทำไมต้องถอยด้วย ขี้เกียจถอย
(ห๊ะ ว่าอะไรอะ ขี้เกียจถอย.....)
เรา : อะไรนะขี้เกียจถอย
ตำรวจ : เดินไปขึ้นรถพร้อมกับบอกเราว่า เออ ขี้เกียจถอย
พ่อเราลงมาจากรถ พร้อมกับคุยกับพนักงาน เสียงดังนะให้ได้ยินไปข้าง
พ่อ : ทำไมเหรอแค่นี้ก็ขยับให้หน่อยไม่ได้ รถผมมันเข้าไม่ได้ แค่ขยับแค่นี้เอง บอกพนักงานแล้ว พนักงานก็ไม่กล้า ก็นั่นมันรถตำรวจนี่ ผมเองก็ไม่กล้าถอย เห็นเป็นรถตำรวจ ใครจะกล้าถอยเข้าไป เกิดไปชนอะไรขึ้นมา ผมก็จะซวย ทำไมตำรวจไม่มีน้ำใจให้กับประชาชนเลย
ตำรวจ : คุณมาโวยวายอะไรแถวนี้ ไหนพูดมาเลย
พ่อ : แหม๋พี่ครับกับอีแค่ถอยรถแค่นี้มันลำบากมากเลยหรอกครับ น้ำใจช่วยมีให้กันนิดนึง คนไทยนะครับ ไม่ใช่นึกว่าอยากจะจอดตรงไหนก็จอด หรือนึกว่าเป็นตำรวจ พนักงานก็เห็นว่าเป็นรถตำรวจไม่กล้าว่าหรอกครับ ผมเองก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงถอยเข้ามาเพราะเห็นว่าเป็นรถตำรวจ ถ้าเกิดรถพี่เป็นอะไรขึ้นมาผมจะซวยเอา
ตำรวจ : คุณอย่ามาพูดแบบนั้นกับผม ผมไม่ชอบ ผมก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา ตอนนี้ผมอยู่นอกเครื่องแบบ ผมก็ประชาชนธรรมดาเหมือนคุณนั่นแหละ แล้วคุณขับรถเป็นหรือเปล่า ก่ะอีแค่ถอยแค่นี้ก็ถอยไม่ได้ มันยากนักหรือไง
พ่อ : ผมขับรถไม่เก่งหรอกผมถึงให้พี่ถอยให้ผมหน่อยไง
ตำรวจ : อ้าวคุณก็เอากุญแจรถมาซิ เดี๋ยวผมจะ
พ่อ : แหม่..คุณนี่ สุดยอดจริงๆผมหล่ะนับถือ
ตำรวจ : อ้าวคุณอย่ามาพูดประชดกับผมแบบนี้ พูดจาแบบนี้คุณก็สุดยอดเหมือนกัน
พนักงาน : พี่พอเถอะค่ะหยุดเถียงกันเถอะ
ตำรวจ : ไม่ผมไม่หยุดหรอกเจอคนไม่ยอมคนแบบนี้ผมต้องสั่งสอน ผมหล่ะชอบเจอคนแบบนี้
พ่อ : ยกมือไหว้พร้อมกับพูดว่า ผมยอมแพ้พี่แล้วสุดยอดจริงๆตำรวจไทย
ตำรวจ : ไม่ต้องมายกมือไหว้ผม ผมท้าเลย ถ้าคุณแน่จริงนะ ให้ผมลองจอดแบบเมื่อกี้ใหม่ แล้วคุณเอากุญแจรถคุณมา แล้วผมจะถอยเข้าให้คุณดู
พ่อ : ไม่ต้องแล้วพี่ ผมยอมแพ้แล้ว ผมมันขับรถไม่เป็นเอง
ตำรวจ : ก็คุณขับรถไม่เป็นนั่นไง
พ่อ : เดินหนีไม่อยากคุยด้วย
เราเลยเดินเข้าไปบอกเค้าว่า
เรา : พี่ค่ะพอเถอะค่ะ เลิกเถียงกันได้แล้ว
ตำรวจ : น้องขอบใจแต่ไม่ต้อง แล้วมันก็พยายามจะหาเรื่องพ่อเราตลอด
เรา : พี่ค่ะฟังหนูหน่อยนะค่ะ ถ้าพี่มีน้ำใจให้จริง ก่ะอีแค่ขยับรถแค่นี้ก็ขยับให้ไม่ได้ แสดงว่าพี่ไม่มีน้ำใจให้แล้วหล่ะค่ะ
ตำรวจ : เงียบไปพักนึงแล้วก็พยายามหาเรื่องพ่อเราต่อ
เรา : จะพอได้หรือยังค่ะ มันไม่เกี่ยวหรอกเรื่องขับรถเป็นไม่เป็น มันอยู่ที่น้ำใจมากว่า
พ่อเราเดินหนีขึ้นรถไปแล้วเซ็งมากกับตำรวจ
แล้วตำรวจคนนั้นก็พยายามพูดว่าพ่อเราผิืด
(เรากับพนักงานได้แต่ส่ายหน้าหนี ไม่ไหวจริงๆตำรวจคนนี้ พนักงานเค้าเห็นเหตุการณ์กันทุกคนว่าอะไรเป็นอะไร)
แล้วตำรวจคนนั้นก็ขับรถสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกไปพร้อมกับเครื่องดูดฝุ่น
ส่วนเรากับพ่อเราและพนักงานก็ช่วยกันขนตู้เย็นขึ้นรถ พ่อก็คุยกับพนักงานเรื่องตำรวจคนนี้แหละ พนักงานบอกว่า พี่ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก ตำรวจไทยก็เป็นซะแบบนี้
เฮ่อ เซ็งจริงๆนะ
ขึ้นรถมา พ่อคุยกับเรา ก่ะอีแค่น้ำใจก็ไม่มีให้ ขยับแค่นี้ก็ไม่ได้
มันไม่เกี่ยวกับเรื่อง ขับรถเป็นหรือไม่เป็นหรอก มันเป็นเรื่อง ของน้ำใจซะมากกว่า
แล้วก็เหมือนว่าเค้าคงจะรุ้สึกอายที่เราเองไปบอกว่าเค้า
"ถ้าพี่มีน้ำใจให้จริง ก่ะอีแค่ขยับรถแค่นี้ก็ขยับให้ไม่ได้ แสดงว่าพี่ไม่มีน้ำใจให้แล้วหล่ะค่ะ "ต่อหน้าคนอื่น เพราะเค้าเป็นตำรวจคงคิดว่า ข้าใหญ่ข้าเบ่ง พอมาเจอคนเอาเรื่องก็เลยอาย คิดว่าตัวเองถูกเสมอ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะผิด
แต่เราเห็นก็ละเหี่ยใจแล้ว รถหลวง น้ำมันหลวง เอามาใช้นอกราชการ นั่นมันเงินค่าภาษีประชาชนทั้งนั้นเลย
ปล.พ่อเราขับรถไม่เก่งเลย(ขับไปกลับชลบุรี-เชียงรายเป็นว่าเล่น)
ปล.เราจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าเราไปว่าตำรวจก่อนว่าไม่ขยับให้ แต่นี่เราบอกเค้าไปถึง 4 ครั้งว่าช่วยขยับให้หน่อย
ปล.เราจำทะเบียนได้ขึ้นใจเลยหล่ะ
****แก้ไขรูป
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 18:57:28
จากคุณ :
หมาน้อยจมูกแดง
- [
30 พ.ค. 52 18:25:44
]