ความคิดเห็นที่ 1   ชงบอร์ดบีโอไอ15ก.ค.ลดภาษีวัตถุดิบอีโคคาร์ อนุกรรมการบีโอไอ เตรียมเสนอบอร์ดบีโอไอ วันที่ 15 ก.ค. พิจารณาลดหย่อนภาษีอากรขาเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนยานยนต์ รองรับการผลิต ต้นปี 2553 ... เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า คณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้หารือถึงมาตรการลดหย่อนภาษีอากรขาเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนยานยนต์ สำหรับการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) ที่ตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุนมาตรา 30 กำหนดให้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 90% และกำหนดเวลาคราวละไม่เกิน ครั้งละ 1 ปี ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีการกำหนดอัตราลดหย่อน โดยการพิจารณาให้เพิ่มระยะเวลา หรือ จะให้สิทธิประโยชน์สูงถึง 90% หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการอนุมัติ จากที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 15 ก.ค. นายชาญชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้มีผู้ได้รับส่งเสริมการผลิตรถยนต์อีโคคาร์และผู้ผลิตชิ้น ส่วนบางราย เริ่มดำเนินการตามแผนการผลิตแล้ว จึงควรพิจารณากำหนดอัตราการลดหย่อนอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุที่จำเป็น ให้เหมาะสมแก่ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ประกอบกับเป็นการช่วยลดต้นทุนให้สามารถสร้างตลาดรถอีโคคาร์ในประเทศ และช่วยสร้างฐานการผลิตที่ใหญ่พอที่จะแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้ รวมทั้งกระตุ้นให้มีการลงทุนและพัฒนาการผลิตชิ้นส่วนในประเทศเพิ่มขึ้นใน ระยะต่อไป รมว.อุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าของโครงการส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ยังคงดำเนินไปตามแผน การที่กำหนด โดยมีโครงการที่เริ่มดำเนินการแล้ว 1 โครงการ ได้แก่ โครงการของ บริษัทนิสสัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเข้าเครื่องจักรและเตรียมการผลิต โดยจะเริ่มผลิตจริงประมาณต้นปี 2553 ขณะที่บริษัทฮอนด้า อยู่ระหว่างการออกแบบรถ ส่วนบางบริษัทได้เริ่มสั่งแบบพิมพ์รถเข้ามาแล้ว เพื่อเป็นการจูงใจผู้บริโภค และให้รถยนต์สามารถแข่งขันได้ รถอีโคคาร์ จึงควรมีราคาต่ำกว่ารถยนต์ที่ผลิตอยู่ในปัจจุบันประมาณ 1 แสนบาทต่อคัน ซึ่งจะนำเสนอในที่ประชุมด้วย http://www.thairath.co.th/content/eco/19352 จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:30:27

ความคิดเห็นที่ 2   ดังนั้น ผลที่ประชุมจะออกมาเย็นวันนี้ จะพยายามนำเสนอข่าวต่อไป จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:31:39

ความคิดเห็นที่ 3   ขอบคุณมากๆครับสำหรับข่าวสาร จากคุณ : ~ลุงหนอน~ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:38:17

ความคิดเห็นที่ 4   ถ้าทำได้จริง เลือกตั้งครั้งหน้า จะกลั้นใจกาให้ 1 คะแนน จากคุณ : ยัยตัวร้ายกับนายมะพร้าว เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:48:58

ความคิดเห็นที่ 5   การลดเว้นภาษีก็ไม่ซับซ้อนนะครับ ถ้าอ่านข่าวจริงๆ แบ่งเป็นการปรับลดภาษีสรรพสามิตจาก 30% เหลือ 17% ส่งผลให้ราคาลดลงทันที 7 หมื่นบาทต่อคัน นอกจากนี้ยังรวมสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เกี่ยวกับการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร 2,000 บาทต่อคัน ยกเว้นภาษีเงินได้ 3,000 บาทต่อคัน และลดหย่อนอากรขาเข้าวัตถุดิบ 90% คันละ 1.2-1.3 หมื่นบาทต่อคัน เป็นต้น จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:51:16

ความคิดเห็นที่ 6   เดี๋ยวมันก็เอานั่นมาแปะนิด ยัดนั่นหน่อย แล้วก็ขึ้นราคามาเท่าเดิม ในเมื่อราคาเดิมมันก็ขายดีอยู่แล้ว จากคุณ : ไม่ได้กลัวแต่เกรงใจ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:54:52

ความคิดเห็นที่ 7   หลายคนน่าจะเข้าใจผิดว่าลดภาษีให้กับรถที่พวกท่าน เห็นในโชว์รูมแน่ ๆ ทำความเข้าใจว่ามันคือรถประเภทใหม่ ประหยัดพลังงานหรือ ECOCAR ครับ มิใช่การลดภาษีสรรพสามิตทั่วไป จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 15:57:09

ความคิดเห็นที่ 8   เข้าใจไม่ผิดหรอกครับ เพราะหัวข้อข่าวก็บอกชัดเจนแล้วว่าเป็น ECO CAR จากราคาที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 3.5 แสน - 4.5 แสน เมื่อประกาศว่าราคาจะลดมาประมาณ 1 แสน เราจะได้เห็นราคา ECO CAR ราคา 2.5 แสน - 3.5 แสน ผมอยากได้รถเล็ก ๆ ประหยัดน้ำมันอีกสักคันอยู่แล้ว อีกไม่นานเจอกัน เก็บเงินไว้รอแล้ว อิอิ จากคุณ : ยัยตัวร้ายกับนายมะพร้าว เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:17:49

ความคิดเห็นที่ 9   ที่ว่าลดจาก 30% เหลือ 17% ไม่ใช่เรื่องใหม่นะ ก็เงื่อนไขนี้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลสุรยุทธ์แล้วนี่ ที่ว่า กำหนดอัตราภาษีเท่านี้ แล้วขีดเส้นตายให้ผู้ผลิตที่สนใจ ยื่นข้อเสนอขอร่วมโครงการ ก่อน 30 พ.ย. 50 ตกลงว่า ตั้งแต่นั้นมา ยังไม่ได้มีใครเดินเรื่องต่อทางด้าน กฏหมาย หรือเอกสาร ให้มันมีผลในทางกฏหมายจริงๆ เลยใช่มั้ยนี่ หุ หุ แล้วก็นะ  พาดหัวข่าวซะ เหมือนกับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเลย  เหมือนกันไปหมด ไม่ว่าจะสื่อหัวไหน แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 52 16:22:13 จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:21:31

ความคิดเห็นที่ 10   ทำมัย ไม่เก็บส่วนต่าง แล้วเอาไปพัฒนาระบบ mass transport น่าจะดีกว่า หรือว่า ทัมแบบนี้ มีหนทางกอบโกยเงินจาก โครงการ ไทยเข็มแข็ง ได้อีกเยอะ โอ้ประเทศชาติ จากคุณ : รักประเทศไทย (Khuntao) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:31:49

ความคิดเห็นที่ 11   เอาเป็นว่า ลดภาษี ให้ 7 หมื่นต่อคัน แล้วถ้าไม่ลดราคาขายล่ะ เท่ากับโยนกำไรให้ บริษัทรถไปคันละ 7 หมื่น คิดเหรือว่าเค้าจะเอาไปลดราคาขาย ลองนึกเอาละกัน แล้วประเทศชาติได้อะไร เสียโง่เปล่าๆ ผมกลับคิดว่าขึ้นราคาและภาษี ให้มากๆ แล้วไปลงpublic transport / Mass   transportation เยอะๆ จะดีกว่า คิดว่า รถถูกแล้วช่วยอะไรให้ดีขึ้นเหรอ ที่มีอยู่ทุกวันนี้ รถยังไม่พออีกเหรอ ทั้งรถบุคคลทั้ง แท๊กซี่ แค่นี้ผมว่าเพียงพอมากๆแล้ว ที่เราขาดน่ะคือระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในเมืองและระหว่างเมือง การพัฒนามันกระจุกอยู่แค่นี้ เพราะ เจ๊ เกียวสกัดดาวรุ่งเอาไว้ เอาซากรถเก่าๆ ครอบกระดองกระดาษเหมือนรถ กงเต๊ก ขับให้ว่อน ชาตินี้ไม่มีทางเจริญได้หรอก ทำได้เท่าไหร่ เอาไปจ่ายค่าน้ำมันกับยางมะตอยหมด ถ้าคิดไม่ได้ ก็เอาจอบเสียมขุดรู ฝังตัวเองให้เป็นปุ๋ยไปซะ ทำตัวให้มีประโยชน์ซะมั่ง อย่างน้อยโลกก็ร้อนน้อยลง จากคุณ : wolverine.. เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 16:54:13

ความคิดเห็นที่ 12   ลดภาษีสรรพสามิตจาก 30 %เหลือ 17% แต่ไปเก็บภาษีน้ำมันลิตรละ 7 บาท(ตอนนี้ กำลังจะเพิ่มเป็น 10 บาท)  ... จากคุณ : นาย1000 เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 17:03:11

ความคิดเห็นที่ 13   เขายังไม่ผลิตเลย จะให้เขาลด เป็นแสนหรือครับ ถ้าขายถูก ๆ แล้ว พวกซิตี้คาร์ คงไม่ต้องขายกันละครับ เริ่มต้น 3 แสน ไม่รวมล้อ กับพวงมาลัย มี เกียเดียว จากคุณ : ton_21 เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 17:34:15

ความคิดเห็นที่ 14   ผมว่า มันต้องทำทั้ง 2 อย่างแหละครับ ทั้ง Mass Transport กับ รถขนาดเล็กประหยัดน้ำมัน ผมไม่เห็นในต่างประเทศที่เจริญแล้วเค้าจะจำกัดอันไหนเลยนะ ให้ทำทั้ง 2 อย่างแหละ Mass Transport ดีๆ ก็มีครบครัน รถก็มีไม่รู้ กี่ประเภท กี่รุ่น กี่ยี่ห้อ แถมราคาไม่แพงทั้งนั้น ถูกกว่าบ้านเรา 1-2 เท่า แต่...น้ำมันแพงโคตร   ซึ่งถ้าเลียนแบบนโยบายนั้นมาทั้งหมดคงไม่ถูกใจชาวรัชดามากๆ ในเรื่องหลังนี้ จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 17:34:53

ความคิดเห็นที่ 15   ความคิดก็เข้าท่าดี แต่อย่าลืมว่าทำแบบนี้ค่ายรถจะได้ประโยชน์ก็ต่อเมื่อตลาดในประเทศไปได้สวย เพราะถ้าส่งออก ภาษีพวกนี้ยังไงก็ได้คืนทั้งหมดอยู่แล้ว ลดภาษีให้ก็ไม่มีประโยชน์ บังเอิญความเป็นไปได้มันดันขัดแย้งกันเองตรงที่ว่า ถ้าตลาดในประเทศไปได้สวย ก็ต้องแลกกับความเสียหายของตลาดซับคอมแพค พวกยาริส แจ๊ส วิออส เพราะคงไม่มีใครซื้ออีโคคาร์ร่วมกับรถพวกนี้ คงต้องเลือกอันใดอันนึง โดยภาพรวมคงมีแต่ผลดีต่อประเทศคือลดการใช้น้ำมัน จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 17:48:21 A:210.246.64.252 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 16   ก่อนหน้านี้ vios เปิดตัวครั้งแรกตัว J ถูกสุด 499,000 ลดภาษีสรรพสามิตไปสองครั้ง 10% ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ที่ 4 แสนต้นๆ ถ้าเปลี่ยนเครื่องยนต์ ลดโน่นนี่ผมว่าทำราคาได้ต่ำกว่า 4 แสนได้ จากคุณ : sk-non เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 18:14:01

ความคิดเห็นที่ 17   ผมว่าดีสำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ แต่ว่าค่ายผู้ผลิตจะต้องหนาวๆ ร้อนๆ กันบ้างล่ะครับ เพราะคิดจะมาเอาแต่กำไรทีเดียวทาจะยากแล้ว แล้วอีกอย่างโครงการนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปได้ดีแค่ไหนกับคนไทย ในเมื่อคนไทยยังนิยมพวกรถเครื่องใหญ่ๆ แรงๆไว้ก่อน ผมว่าทางค่ายผู้ผลิตจะต้องหนักใจมากแน่ๆ แต่คงไม่ใช่สำหรับ Tata Nano มั้ง อิอิ จากคุณ : unknownn_smp เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 18:19:27

ความคิดเห็นที่ 18   ชาติหน้าก็ผลิตไม่ได้ ไม่รู้สมญานามพรรคประชาธิปัติย์เหรอ   สาม  ช ไง   ชชช   = ชวน  -เชื่อง -ช้า จากคุณ : เบื่อ (ชาวนาไทย555) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 18:38:06

ความคิดเห็นที่ 19   ^ จะแซวแต่การเมือง ก็เอาให้มันถูกๆ หน่อยสิ มีนาคมปีหน้า EcoCar รุ่นแรกตามโครงการนี้ ออกแน่ๆ แล้ว New Nissan (March) 5 ประตู เครื่อง 3 สูบ 1.2 ลิตร (ที่ต้องวงเล็บครอบ March ไว้ เพราะไม่รู้ว่า จะใช้ชื่อนี้หรือเปล่านะครับ) ________________________________________________________ อีกสิ่งนึงที่สำคัญ สำหรับโครงการนี้ ก็คือ  การเปลี่ยนถ่ายโมเมนตัมของตลาดรถยนต์ครับ เพราะทุกวันนี้ มีแค่ Toyota กับ Honda ที่เป็นขาใหญ่ตลาดเก๋ง แค่ 2 เจ้ากินแชร์รถเก๋งไปราว 80% แล้ว เหลืออีก 20% ให้อีก 10 กว่ายี่ห้อไปแบ่งกัน แต่โครงการนี้ ซึ่งจะเป็นโครงการผลิตรถเก๋งรุ่นที่ถูกกว่าที่ยังผลิตอยู่ (นั่นหมายความว่า ยอดขายน่าจะเยอะพอสมควร) และคนที่จะทำตลาดคันแรกที่ออก (ซึ่งจะออกขายอยู่คนเดียว นานราว 1-2 ปี) ก็คือ ยักษ์หลับอย่าง Nissan ถ้าเกิดรุ่งขึ้นมา  Toyota และ Honda ก็จะเริ่มโดนตัดตอนอิทธิพลลงไปทีละน้อยๆ เพราะอย่าลืมว่า ในตลาดระดับ Vios/Jazz ก็จะมี Mazda 2 / Ford Fiesta เข้ามาแย่งยอดขายอีกด้วย หรือกลายเป็นว่า Vios/Yaris/City/Jazz โดนคู่แข่งขนาบทั้ง 2 ด้านเลย ตลาดรถเก๋ง มันจะได้กลับไปเหมือนสมัยก่อน ไม่มีเจ้าใหญ่เจ้าไหน กินแชร์เยอะๆ แบบนี้ ให้แข่งทำรถดีๆ กันมากกว่านี้ ปล. แล้วรถยี่ห้อรองๆ แต่ตั้งราคาแพงๆ ก็เตรียมตัวกลับบ้านเก่าได้เลยครับ ผมเคยทำนายไว้ว่า รถสัญชาติมาเลย์ ที่ทุกวันนี้ ยอดขายส่วนใหญ่อยู่ที่รถรุ่นเล็กที่สุด จะกลับบ้านเก่า (ตัวแทนเลิกขาย แจกแพให้ลูกค้า) ภายในปี 2012 แต่ตอนนี้ Honda EcoCar จะออกมาช้าไปอีกหน่อย ก็ยืดเวลาให้อีกนิด-ปีนึงละกันนะ จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 19:29:31

ความคิดเห็นที่ 20   ถ้าทำได้จริง ก็ต้องมาดูว่าค่ายไหนจะใจกล้า หรือหน้าด้านมั่ง ถ้าไม่ลดราคาให้ก็ขอให้เพิ่ม option เข้าไปหน่อยนะ เงินตั้ง 70,000 บาทแหน่ะ จากคุณ : interga (interga) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 20:38:22

ความคิดเห็นที่ 21   ทุกวันนี้เก็บภาษีแพง แต่ทำไมขนส่งมวลชนไม่ได้เรื่อง สู้อย่าเก็บเลยจะดีกว่า กินอันอิ่ม ประชาชนจะอดตายเอา จากคุณ : FyGI เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 22:23:21

ความคิดเห็นที่ 22   ข้อความที่19พี่พีวัทตอบมาครอบคลุมทั้งหมดแล้วครับขอบคุณที่รอ จากคุณ : ชลนิล เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 52 08:28:56