 |
ความคิดเห็นที่ 5 |
คุณกระสานวลครับ
ขอเล่าแบบทบทวนให้ฟัง เพราะตอนนี้ไม่เหลือรถให้อยู่รับใช้แล้ว ด้วยบางอย่างก็ลืมเลือนไปตามเวลา
เมื่อประมาณ พ.ศ.นั้นผมอายุก็วัยรุ่นอยู่ เข้าเรียนแถวท่าพระจันทร์(เดินเข้าน่ะ) แม่ใจดีถอยแองเกลียจากโชว์รูมให้คัน
ราคาห้าง 48,000 บาท(สี่หมื่นแปดพันบาทถ้วน) ผ่อนตรงกับแองโกล-ไทยเดือนละ 2,400 บาท รวมเป็นทั้งหมด 52,000 บาท
จำได้ว่าผู้จัดการชื่อคุณศุภชัย และอีกคนที่เป็นเซลล์คนดังที่จบชีวิตตัวเองในเวลาต่อมา
ผมใช้ติดต่อกันนานถึง 12 ปีต่อเนื่อง ตั้งแต่ เรียน ทำงาน แต่งงาน มีลูก จนถึงเวลาที่ต้องใช้รถคันโตขึ้น
ฟอร์ด แองเกลีย ว่าไปแล้วคือรถอีโค่คาร์ ในความหมายปัจจุบัน เป็นรถเก๋งโล้นๆ เครื่อง 1,000 ซีซี คาร์บูเรเตอร์ เกียร์เดินหน้า 4 เกียร์ แต่ซิงโครเมทแค่ 2-3-4 เท่านั้น ไม่มีที่จุดบุหรี่ ที่ฉีดน้ำล้างกระจก ไฟถอยหลัง ไฟกระพริบฉุกเฉิน กระจกประตูหมุนด้วยมือ กระจกมองหลังมีบานเดียวอยู่ในรถ หน้าปัทม์เคลือบสี หามีอะไรหุ้มไม่ อุปกรณ์อย่างเข็มวัดรอบ แอร์คอนดิชั่น กระจกสี เบาะเอนนอน ที่พิงศรีษะ อย่าไปถามหาเลย
ยุคนั้นถนนลาดยางมีแค่ถนนมิตรภาพ แต่ผมใช้มันเที่ยวทั่วไทย ถนนลูกรังทางฝุ่นก็ไปได้หมด ถนนธนรัชต์เขาใหญ่นี่ อัดเพื่อน 7 คนขึ้นได้สะบายมาก
รถสมัยนั้นไม่ทนทานเหมือนยุคนี้ ต้องปะผุและเปลี่ยนสีรวม 4 ครั้ง ฟอร์ดนำเครื่องล่างแบบสตรัทมาใช้รายแรกๆ ตั้งศูนย์ล้อกันทุกครั้งที่เดินทางไกล ไม่งั้นมันสั่นจนล้อแหว่ง ร้านถ่วงล้อเจ้าประจำก็รวมยางเทเวศร์
ยางล้อสมัยนั้นเป็นยางธรรมดาขนาด 5.20*12 มียางในก่อน ต่อมาจึงได้ใช้จุ๊บเลส อย่าไปหาเลยยางเรเดียล เห็นแต่รถซีตรองใช้มิชลินอยู่เจ้าเดียว ที่ต้องใช้ความพากเพียรมาก ก็ตรงเบรคดรัมทั้ง 4 และน้ำมันเบรคเกรดสูงอย่างดอท 4 ก็ไม่มี ขับไปนานๆเกิดเวเปอร์ล็อค ต้องพักเบรคเป็นระยะ ไม่งั้นต้องเบรคล่วงหน้าเป็น 2 เท่าของระยะทางปรกติ
ฟอร์ดแองเกลียเป็นรถแห่งความทรงจของผมโดยแท้ มีอะไรที่จำได้อีก วันหลังจะเล่ามาใหม่ครับ
จากคุณ |
:
tidgreen
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ส.ค. 52 21:00:18
|
|
|
|
 |