Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เศรษฐกิจสังคมล่ม เพราะโก่งราคาน้ำมัน  

link   http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2009q3/2009july23p5.htm


เศรษฐกิจสังคมล่ม เพราะโก่งราคาน้ำมัน


คอลัมน์ เดินคนละฟาก โดย กมล กมลตระกูล kamolt@yahoo.com ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4125

เศรษฐกิจทุกวันนี้ย่ำแย่ การส่งออกหดตัว การบริโภคก็หดตัว อาชญากรรมก็เพิ่ม ยาเสพติดก็ระบาด หวยก็ระบาด หากมองเผินๆ ก็ดูเหมือนไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันในประเทศแพงกว่าราคาต้นทุนที่แท้จริง เพราะว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแต่ราคาลดลงๆ จากปีที่แล้วที่ขึ้นสูงสุดเกือบบาร์เรลละ 150 เหรียญ ลงมาเหลือประมาณ 60 เหรียญ หรือลดลงเกือบ 150 เปอร์เซ็นต์

แต่ราคาน้ำมันหน้าปั๊มยังอยู่ในระดับ 30 บาทกว่าต่อลิตร หรือลดลงเพียงร้อยละ 30 เท่านั้นเอง ผลที่ตามมาคือต้นทุนการผลิตและต้นทุนการขนส่ง ของโรงงานไทยแพงกว่าต่างประเทศทำให้ภาคการส่งออกไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศ และส่งผลให้มีการเลิกจ้างคนงานหรือลดค่าแรงคนงาน ผู้บริโภคก็ต้องจ่ายค่าสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้นทุกรายการ

แม้แต่ค่าบริการรถรับจ้างมอเตอร์ไซค์ก็แพงหูฉี่ เพราะคนขับก็ต้องกินต้องใช้เช่นเดียวกัน จึงต้องมาขึ้นราคากับผู้ใช้บริการซึ่งเป็นคนจนด้วยกัน

ประชาชนถูกทำให้จนลงอย่างทั่วถ้วนหน้า

เมื่อประชาชนยากจน ผู้ใช้แรงงานรายได้ต่ำ ไม่มีทางออกจึงต้องหันไปหาอบายมุข หรือเล่นหวยเพราะชีวิตสิ้นหวัง มองไม่เห็นอนาคต มองไม่เห็นทางออก เพราะทำงานเก็บเงิน 20 ปี ก็ยังไม่มีปัญญาจะซื้อบ้านเพื่อซุกหัวนอน มีไม่น้อยที่หันไปหาทางออกด้วยการก่ออาชญากรรม เช่น การปล้น จี้ ตีชิง วิ่งราว ที่เกิดขึ้นเป็นข่าวทุกวัน

สังคมไทยจึงกลายเป็นสังคมไม่น่าอยู่ ไม่น่ามาท่องเที่ยว แม้ว่าจะโปรโมตกันมากขนาดไหน ทุ่มเงินไปมากเท่าไรก็เป็นการสูญเปล่า

สถิติของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้หายไปถึงร้อยละ 75 เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงมาเที่ยวเมืองไทยแล้วเผชิญกับโจรผู้ร้ายที่ชุมไม่แพ้ยุงอีกแล้ว

ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ดีแต่เล่นการเมือง ส่วนตำรวจผู้น้อยก็ดีหรือเก่งแต่ตั้งด่านจับรถมอเตอร์ไซค์ รถปิกอัพ และรถบรรทุก ไม่ขยันออกตรวจตราหรือจับผู้ร้ายเท่ากับการตั้งด่านหารายได้พิเศษจากคนจน

คงจะสรุปได้ไม่ผิดว่า สาเหตุสำคัญหนึ่งของปัญหานานัปการที่ถาโถมใส่ประชาชนให้เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า รวมทั้งการเกิดวิกฤตทางการเมืองนั้นเกิดจาก "การโก่งราคาน้ำมันและก๊าซให้แพง" ของกลุ่มบริษัทน้ำมันที่มีอยู่เพียงไม่กี่กลุ่มที่ผูกขาดการกลั่นและจัดจำหน่ายในบ้านเราในลักษณะ Oligopoly หรือ การผูกขาดโดยกลุ่มบริษัทที่มีอำนาจเหนือตลาด และสามารถกำหนดราคาตลาดได้ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ เพื่อตักตวงผลกำไรสูงสุดอย่างขาดคุณธรรมและจริยธรรม ปราศจากการคำนึงถึงความอยู่รอดของประเทศและประชาชน

พฤติกรรมการผูกขาดนี้ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 84 (5) ที่เขียนไว้ว่า รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจดังต่อไปนี้

"กำกับให้การประกอบกิจการมีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ป้องกันการผูกขาดตัดตอนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม และคุ้มครองผู้บริโภค"

ที่น่าเศร้าคือ กรรมการบริษัทส่วนมากเป็นข้าราชการระดับสูงแต่กลับไม่ดำเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้เศรษฐกิจของชาติเกิดวิกฤตและประชาชนเดือดร้อนอย่างในทุกวันนี้

คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มีนางรสนา โตสิตระกูล เป็นประธาน จึงได้หยิบยกประเด็นเรื่อง "ธรรมาภิบาลในระบบพลังงานของประเทศ" ขึ้นมาตรวจสอบและค้นพบว่าการกำหนดราคาซื้อขายน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซต่างๆ มีความไม่โปร่งใส มีลักษณะการผูกขาดโดยไม่ให้มีการเคลื่อนไหวของราคาและการแข่งขันตามกลไกตลาดเสรี

นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยังพบอีกว่า การกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทยโดยอิงราคานำเข้าจากตลาดสิงคโปร์และบวกเพิ่มค่าโสหุ้ยในการขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป ค่าสูญเสียระหว่างขนส่ง ค่าปรับปรุงคุณภาพจากมาตรฐานสิงคโปร์มาเป็นมาตรฐานไทย และค่าประกันภัยจากสิงคโปร์มาไทย ซึ่งเป็นต้นทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะโรงกลั่นน้ำมันตั้งอยู่ในประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยต้องซื้อพลังงานด้วยราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น กล่าวคือต้องซื้อในราคานำเข้าไม่ใช่ราคาผลิตได้ในประเทศ

ที่สำคัญธุรกิจผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของไทยเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาด ทำให้ราคาสินค้าพลังงานไม่ได้เคลื่อนไหวโดยกลไกตลาดเสรี หากแต่เป็นไปตามการกำหนดโดยผู้ค้ารายใหญ่ภายในประเทศเอง ด้วยเหตุนี้ราคาค้าปลีกน้ำมันของไทยจะปรับราคาลงช้ากว่าราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ในยามที่ราคาตลาดโลกปรับขึ้น ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยจะปรับราคาขึ้นเร็วกว่าการปรับราคาลง

การผลิตพลังงานของไทยไม่ได้พึ่งพิงการนำเข้าน้ำมันดิบทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบบางส่วนเป็นวัตถุดิบในประเทศ ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตที่แท้จริงถูกกว่าราคา ณ ระดับของการนำเข้าทั้งหมด

ปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบขนาดใหญ่ที่ดำเนินการผลิตแล้วกว่า 50 แหล่ง สามารถผลิตพลังงานรวมกันได้ถึงวันละ 115 ล้านลิตร และสามารถพึ่งตนเองได้ในการกลั่นน้ำมันมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ของความต้องการใช้ในประเทศ ทำให้มีการส่งออกอย่างต่อเนื่องและในปี 2551 มูลค่าการส่งออกพลังงานของไทยมีมูลค่า 9,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าการส่งออกข้าวที่มีมูลค่าเพียง 6,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายได้จากการส่งออกพลังงานของไทยมีมูลค่าใกล้เคียงกับมูลค่าการส่งออกน้ำมันของประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปกเสียอีก ผลของการตรวจสอบออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว คำถามคือ "ใครจะเป็นผู้เอากระดิ่งไปผูกคอแมว"

ต้องขอชมคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มีนางรสนา โตสิตระกูล เป็นประธานที่หยิบเรื่องสำคัญที่กระทบค่าครองชีพพื้นฐานทุกด้านขึ้นมาตรวจสอบ

หวังว่าท่านรัฐมนตรีคลังกรณ์ จาติกวณิช จะไม่มองข้ามเรื่องนี้ไปนะครับ เพราะเห็นว่าท่านได้พยายามทำดีมาหลายเรื่องแล้ว

 
 

จากคุณ : phenix
เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 10:27:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com