ความคิดเห็นที่ 1 3. อากรสแตมป์ 500 บาท /ยอดกู้100000 บาท แพงๆมาก ผมต้องรีบไปเปิดป.รัษฎากรดู พบว่า ส.หนี้เงินกู้ หรือ ส.จำนำ ทุก 2000 บาท ต้องติดอากร แค่ 1 บาท จำนวนหนี้ 100,000 บาท ต้องติดแค่ 50 บาทเองครับ จากคุณ : pteamb เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 18:37:12

ความคิดเห็นที่ 2 ก็โอเคนะ ไปซื้อรถจากเต็นท์ ก็โดนค่าใช้จ่ายประมาณเนี้ย ดอกที่คุณทำก็ถูกกว่า ทิสโก้อีกนิ 0.77% x 12 =9.24% ต่อปี ดอกถูกกว่านี้ ลองดูพวกของธนาคาร เช่น ธนชาต แต่ส่วนใหญ่ รถจำนำ ถ้ารถญี่ปุ่นให้รถอายุไม่เกิน 12ป แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 52 18:44:51 จากคุณ : neng (NenG@T1) เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 18:44:16

ความคิดเห็นที่ 3   ทำใจอย่างเดียวครับ จะเอาเงินของเค้าก็แบบนี้ครับ สู้ๆครับ จากคุณ : แปะเก้า เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 19:34:35

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าแพงครับเจ้านี้ ถ้าผ่อนเสร็จเสียค่าโอนทะเบียน1800 โอนเองก็ไม่ได้ จากคุณ : โดเรมอนแมน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 19:47:12

ความคิดเห็นที่ 5 มาอ่าน จากคุณ : PICCANINNY'S DAD เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 52 22:47:50

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องการปิด บ/ช.ไฟแนนซ์ แล้วได้ลด ดบ. 50 %     ยังมีคนอีกเยอะที่เข้าใจผิด มากๆด้วย (ซึ่ง บ.เองก็อยากให้คนเข้าใจผิดๆแบบนั้น) ตอนเค้าคิด ดบ.เรา เค้าคิด flat rate คือ อัตรา ดบ.เรา:ปี x จำนวนปี เช่น ต้น 100,000 , ดบ.สมมุติ 2.0%: ปี , ระยะเวลากู้ 48 ด. แต่ไฟแนนซ์เค้าคิดแบบนี้ครับ ต้น 100,000 x ดบ.2.0%: ปี ค่าดบ. 2,000 บ.: ปี x 4 ปี = ดบ.ที่เราต้องเสียทั้งหมด 8,000 บ. แล้วเค้าก็เอา 8,000 บ.+ต้น 100,000 บ. =108,000/48 ด =เราต้องส่ง 2,250 บ./ด. แล้วถ้าเราส่งไปซัก 12 ด.แล้วจะปิด บ/ช. ถ้าได้ลด ดบ.50%   ก็ต้องได้ลด 4,000 บ.ใช่มั๊ย แต่จริงๆไม่ใช่ คำว่าได้ลด ดบ.50% ในความหมายของไฟแนนซ์คือ ได้ลด 50 % จากยอด 2,000 บ. นั่นก็คือ 1,000 บ. สรุปคือผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า ได้ลด ดบ. 50%จากยอด ดบ.ทั้งหมด แต่ไฟแนนซ์คิดส่วนลด 50% จากยอด ดบ./ปี แค่นั้น....เอวัง  _" ปล. 1.สคบ.ทำอะไรอยู่ครับ? 2.เมื่อยมือจัง ไม่เคยพิมพ์อะไรยาวๆอย่างนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย... จากคุณ : ตาเหยี่ยวสีดำ (sidincubuz) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 07:36:46

ความคิดเห็นที่ 7   ตอนปิดบัญชี ยังต้องจ่าย vat 7% ด้วยค่ะ จากคุณ : คุณเหมียว28 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:32:53

ความคิดเห็นที่ 8 คห. 6 อย่าโกรธนะคะ  ถ้าเราจะบอกว่า ข้อมูลของคุณก็ไม่ถูกค่ะ ก่อนอื่น ที่ว่าสคบ. ทำอะไรอยู่ วิธีการคิดส่วนลดดอกเบี้ยการปิดบัญชีก่อนกำหนดเนี่ย  สคบ เป็นคนกำหนดให้ไฟแนนซ์คิดแบบนี้เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ออกเป็นกฏหมายควบคุมเมื่อประมาณปี 43    ก่อนหน้านั้น  คิดกันหลากหลายมากกว่านี้  และส่วนใหญ่ลดให้น้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ ส่วนลดดอกเบี้ย 50% นั้น  ลดจากส่วนของดอกเบี้ยคงค้าง ที่เหลืออยู่ ณ วันที่ปิดบัญชี แต่เป็นการคำนวณแบบลดต้นลดดอก   ไม่ใช่แบบ flate rate ที่คำนวณมาในตอนทำสัญญา มองให้แฟร์ว่าแบบนี้ไฟแนนซ์เอาเปรียบหรือเปล่า การคำนวณเงินกู้แบบทั่วไปนั้น  ดอกเบี้ยที่ตัดต่อเดือน ช่วงแรกๆจะมากกว่าช่วงท้ายๆของการผ่อน  ไม่ได้ตัดดอกเบี้ยเท่ากันทุกเดือนอยู่แล้ว  เดือนแรกๆเงินกู้มีจำนวนแยะ ดอกเบี้ยก็มากตาม เดือนหลังๆมีการตัดเงินต้นออกไปส่วนหนึ่งแล้ว ดอกเบี้ยต่อเดือนก็ลดตามไปด้วย เดือนหลังๆก็จะมีการตัดเงินต้นต่อเดือนมากขึ้นทุกเดือน  ดอกเบี้ยน้อยลง น้อยลง จนผ่อนหมด    อันนี้เป็นหลักการของเงินกู้ปกติทั่วไป ต้นทุนเงินที่ไฟแนนซ์กู้มาปล่อย เค้าก็กู้มาด้วยวิธีการลดต้นลดดอกแบบนี้เหมือนกัน  การที่คุณตกลงว่าคุณจะกู้เค้าระยะยาว สมมุติว่า 36 งวด   เค้าก็ต้องไปพยายามหาเงินที่ต้นทุนควบคุมได้ในระยะยาวขนาดนั้น  เพราะหากอัตราดอกเบี้ยในตลาดขึ้นสูง  เค้าก็มาเก็บดอกเบี้ยคุณเพิ่มไม่ได้   ถ้าเป็นธนาคารเค้าอาจต้องไปเอาเงินก้อนที่ให้คุณกู้ มาจากลูกค้าที่ฝากประจำ 3 ปี  ซึ่งโดยปกติ  ดอกเบี้ยต้องมากกว่าฝากระยะสั้นอยู่แล้ว   (อันนี้เป็นหลักการคร่าวๆให้เห็นภาพว่าเค้าต้อง Match Fund เพื่อควบคุมความเสี่ยงในการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยด้วย ซึ่งมีต้นทุน) ไฟแนนซ์มีต้นทุนในการบริหารจัดการปล่อยกู้  ต้องจ้างพนักงานมาบริการคุณ  ต้องพิมพ์เอกสารทำสัญญา ต้องส่งเอกสารbilling statement ให้คุณทุกเดือน ต้องจ่ายค่าคอมมิสชั่นให้ดีลเลอร์   มีค่าบริหารจัดการต่างๆ ที่เป็นต้นทุนแบบ fix ของแต่ละสัญญา   ที่ปกติ เค้ากระจายค่าใช้จ่ายตรงนั้นไปค่างวดทั้ง 36 งวด พอคุณจะเอาเงินมาคืนก่อนที่ได้ตกลงกันไว้  ต้นทุนพวกนั้น ไฟแนนซ์จ่ายไปแล้ว เค้าก็ต้องเรียกเก็บจากคุณ การได้เงินคืนมาก่อนกำหนด และยังไม่ถึงเวลาคืนเจ้าของเงิน  ก็เป็นภาระในการบริหารจัดการของเค้า  ก็มีต้นทุนอีกเช่นเดียวกัน แบบว่า จะเอาเงินไปคืนลูกค้าที่ฝากประจำ 3 ปีมา บอกว่าไม่ต้องฝากแล้ว ก็ไม่ได้   สรุปคือ  การคืนเงินในการปิดสัญญาเช่าซื้อก่อนกำหนด ไฟแนนซ์คืนให้ 50% ของดอกเบี้ยที่เหลืออยู่แบบลดต้นลดดอก ตามหลักการมาตรฐานบัญชี    ที่เหลือ เป็นต้นทุนในการบริหารจัดการของไฟแนนซ์ที่ลูกค้าต้องร่วมรับผิดชอบ   ซึ่งหลักการนี้เป็นแนวทางที่กำหนดโดยสคบ. แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 17:29:36 แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 52 17:21:51 จากคุณ : NinetyFive เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 15:18:52

ความคิดเห็นที่ 9 ตาม 8 ถูกต้อง จากคุณ : คนจ๊นจน เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 16:19:48

ความคิดเห็นที่ 10 ^^^ #8,9 ขอบคุณสำหรับข้อมูลเชิงลึกครับ จากคุณ : คห.6 (sidincubuz) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 52 07:27:04