 |
ความคิดเห็นที่ 53 |
... คือการที่ลูกค้ามี"ความเชื่อ"ว่า T+ H มีศูนย์บริการเยอะ ราคาอะไหล่ถูกกว่า ซ่อมง่าย และราคาขายต่อดีกว่า ทำให้เจ้าตลาดสามารถตั้งราคาได้สูงกว่ายี่ห้อรองๆ?
เรื่องของการตั้งราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆของ T และ H ไม่น่าจะมาจาก ศูนย์บริการเยอะ Serviceดี อะไหล่ถูก หาง่าย ราคาขายต่อดี ฯลฯ ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัจจัยหลัก ปัจจัยหลักน่าจะมาจากการขาดดุลของเจ้าตลาดเอง ยกตัวอย่าง ปีนึงรถในแต่ละเซ็กเมนต์ทำการตลาดได้มาก ในขณะที่ปีถัดไปยอดสั่งซื้อลดลง หากเป็นผู้บริหารที่มีความสามารถกำหนดทิศทางกลไกของตลาดแล้ว วิธีการที่จะไม่ขาดทุนคือปรับราคาแต่ละรุ่นขึ้นมา บวกกับลดต้นทุนลงจึงจะทำให้ขายได้กำไรเท่าปีที่แล้ว และเจ้าตลาดก็มีกำลังพอที่จะกำหนดทิศทางของตลาดได้ก็เนื่องมาจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำกันมาอย่างยาวนาน
หากลูกค้าเปลี่ยนแปลงความเชื่อดังกล่าวโดยเปิดโอกาสหรือเปิดใจให้ยี่ห้อรองมากขึ้น ประโยชน์จะเกิดกับตัวลูกค้าเองมากกว่า? -ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าเป็นสำคัญ เพราะแต่ละคนเลือกสิ่งที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่าง โค้ก เป็ปซี่ มาม่ากับไวไว แฟ้บกับบรีส ฯลฯ ถ้าลูกค้ามีทางเลือกมากและไม่ยึดติดกับแบรนด์เดิมๆ กลไกตลาดก็จะเปลี่ยนไป
เพราะโครงสร้างราคาถูกบิดเบือนโดยเจ้าตลาด? -ใช้คำว่าบิดเบือนก็คงจะเกินไป เพราะเจ้าตลาดมีความสามารถกำหนดทิศทางการตลาดได้อยู่แล้ว โดยลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะไม่ใช้หรือเลือกแบรนด์สินค้าของเจ้าตลาดก็ได้ เพราะหากลูกค้าเปลี่ยนไปเลือกสินค้ารายอื่นๆ เจ้าตลาดก็อาจจำเป็นต้องลดราคาหรือปรับราคาลงอัดเคมเปญเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง นิววีออส ที่มีอารอัดเคมเปญลดแลกแจกแถม เพื่อยึดส่วนแบ่งในเซ็กเมนต์นี้ให้ได้มากที่สุด ก่อนคู่แข่ง จะเห็นได้ว่า Toyota และ Honda จะฉลาดในการทำการตลาดล่วงหน้าคู่แข่งเสมอเพื่อยึดพื้นที่ทางการตลาด เพราะหากสินค้าเป็นที่นิยมก่อนคู่แข่งเร็วเท่าไหร่ ก็ตะสามารถครองตลาดในเซกเม้นต์นั้นได้ เช่น HONDA JAZZ , YAMAHA FINO , SOLUNA VIOS เป็นต้น
ตัวผู้บริโภคเองกำัลังติดกับดักความคิดตัวเองอยู่หรือเปล่า? -อาจจะจริงแต่นั่นก็เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เพราะสินค้าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นที่นิยม จะต้องมีทีมวิจัยศึกษาจิตวิทยาความต้องการของมนุษย์ และศึกษาก่อนว่าตลาดนั้นๆ มีความต้องการอะไร และสินค้าแบบใดจะตอบสนองความต้องการได้มาก
ผมยกตัวอย่าง อย่างกรณีรถHatchback ซึ่งในอดีตเห็นว่ารถสไตล์นี้ไม่เป็นที่นิยมเรื่องความปลอดภัยเพราะอันตรายกับคนนั่งเบาะหลัง แต่ปัจจุบันกลายเป็นรถที่มีความต้องการอย่างมากโดยเฉพาะขับในเมืองเข้าจอดสะดวก และประหยัดน้ำมัน จึงไม่แปลกใจที่ Honda JAZZ จะกลายเป็นที่นิยมเพราะ H ชิงทำออกมาก่อนเจ้าอื่นๆและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่า ปัจจุบัน รถสไตล์นี้ มีเพียง YARIS , JAZZ , และ TIDA เท่านั้น ส่วน M2 และ Ford กำลังเข้ามาปลายปีและต้นปีหน้า ซึ่งถามว่า ช้าไปใหม? เพราะเจ้าตลาดอย่างHONDA JAZZ และTOYOTA YARIS ที่ขายดิบขายดีจนแทบไม่ต้องพัฒนาอะไรเพิ่มเติม
กับดักความคิดของคนไทย ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 จะมองว่า อะไรมาก่อนแล้วติดตลาดจะดี ยกตัวอย่าง โค้ก , มาม่า , แฟ้บ เป็นต้น อย่างรถยนต์ ก็จะมองเป็นยี่ห้อ เช่น TOYOA , HONDA , Isuzu , Benz , BMW , NISSAN ซึ่งทำการตลาดมายาวนานย่อมได้เปรียบกว่าคู่แข่งที่เป็นแบรนด์รองที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะออกไปในแนวชื่นชอบเป็นการส่วนตัวเสียมากกว่า ตราบใดที่แบรนด์รองยังไม่สามารถผลิตสินค้าที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน หมายถึงเทคโนโลยีที่แตกต่างและเป็นที่ยอมรับได้ ก็ยากที่จะเปลี่ยนมือหรือแย่งส่วนแบ่งไปจากเจ้าตลาดได้ จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม TOYOTA จึงชิงออก Hybride มาก่อนเจ้าอื่น ในขณะที่ Ford Focus ดีเซล ซึ่งถือว่าประหยัดน้ำมันเพราะสมัยดีเซลราคาถูก ไม่สามารถใช้ได้กับยุคน้ำมันดีเซลขึ้นราคา รถเบนซินจึงได้เปรียบกว่าหากติดแก็ส และยิ่งเป็นไฮบริดแล้วก็คงยากที่คู่แข่งจะมาตีตลาด Toyota ในเรื่องเทคโนโลยี ไฮบริดได้
จากคุณ |
:
Cho_shang
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ย. 52 13:59:29
|
|
|
|
 |