 |
ความคิดเห็นที่ 5 |
แก๊งดาวน์รถ-แชร์รถ จากข้อมูลพบว่าเครือข่ายการโจรกรรมรถยนต์นั้นมักทำกันเป็นขบวนการ โดยมีกลุ่มนายทุนให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งการขโมยรถโดยกลุ่มแก๊งต่างๆนั้น วิธีการหนึ่งที่กำลังแพร่ระบาดอย่างมาก็คือ แก๊งดาวน์รถ และ แชร์รถยนต์ ซึ่ง พ.ต.ท.อรรถพร ได้เปิดเผยถึงวิธีการของขบวนการดังกล่าว ว่า จริงๆแล้วตัวเลขรถหายที่ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งนั้น เราพบว่ามีรถที่ไม่ได้หายจริงถึง 30% แต่เป็นการทำรถให้หายไปจากระบบโดยฝีมือของแก๊งอาชญากรรมที่เรียกกันว่า แก๊งดาวน์รถ โดยแก๊งพวกนี้จะจ้างชาวบ้านในชุมชนไปดาวน์รถ โดยจ้างคนดาวน์รถ 3,000 บาท คนค้ำประกัน 2,000 บาท ที่พบมากคือรถจักรยานยนต์เพราะดาวน์ง่าย ใช้เงินดาวน์น้อย บางร้านให้ดาวน์ 999 บาท หรือบางร้านไม่เรียกเงินดาวน์เลย แค่เอาสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อไว้ เมื่อได้รถมาแล้วแก๊งดาวน์รถก็เอารถส่งไปขายที่กัมพูชา ส่วนร้านขายรถจักรยานยนต์เขามีประกันภัย เขาก็ไปแจ้งหาย ประกันภัยก็ไปจ่ายไฟแนนซ์ ซึ่งแก๊งพวกนี้จะมีนายทุนที่เป็นหัวหน้าแก๊งตัวจริง นายทุนเอารถไปขายได้ 30,000 บาท แต่ลงทุนจ้างชาวบ้านแค่ 5,000 บาท ทำอย่างนี้สัก 10 คัน ก็ได้เงินตั้งหลายแสน มันก็เลยเกิดขบวนการอย่างนี้ขึ้นมา อย่างคดีที่ดังๆ แถวย่านบางปู แก๊งดาวน์รถมันเอาใบปลิวไปติดในสลัมว่าถ้าร้อนเงินให้ติดต่อที่เบอร์นี้ พอชาวบ้านมาติดต่อมันก็บอกว่าจะให้กู้เงิน 12,000 บาท โดยให้ชาวบ้านไปดาวน์รถจักรยานยนต์มาเพื่อเอามาค้ำประกันเงินกู้ แก๊งพวกนี้ก็ส่งรถไปขายชายแดน แต่ยังให้ชาวบ้านผ่อนชำระเงินกู้อยู่เพื่อหลอกว่าผ่อนชำระครบจะได้รถคืน ก็หลอกไปเรื่อยๆ พ.ต.ท.อรรถพร กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมีกรณีที่คล้ายๆ กันคือ แชร์รถยนต์ ซึ่งแพร่ระบาดอย่างหนักในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เมื่อปีที่แล้ว (2551) คดีที่ดังมากคือแชร์รถยนต์ ซึ่งแก๊งนี้สามารถขโมยหรือฉ้อโกงรถไปถึง 1,2000 คัน โดยใช้เวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น เขาใช้วิธีตั้งบริษัทหลอกระดมรถเช่าจากชาวบ้าน คือให้ชาวบ้านเอารถยนต์มาให้เช่าโดยให้ค่าเช่าราคาสูงถึงเดือนละ 30,000 บาท ชาวบ้านที่ไม่มีรถก็จะไปดาวน์รถมาให้เช่า สมมุติดาวน์ 100,000 บาท ผ่อนค่างวดเดือนละ 13,000 บาท แต่ได้ค่าเช่าถึงเดือนละ 30,000 บาท ชาวบ้านก็มองว่าคุ้มเพราะให้เช่าแค่ 3 เดือนก็ได้เงินดาวน์คืนแล้ว หักค่างวดแล้วก็ยังเหลืออีกเดือนละ 17,000 บาท ชาวบ้านบางคนก็ลงทุนดาวน์รถออกมา 2 คัน ไปกู้เงินมาดาวน์รถก็มี เพื่อเอารถมาให้บริษัทดังกล่าวเช่า พวกนี้ก็เอารถไปขายตามแนวชายแดนหรือเอาไปจำนำ มีทั้งจำนำกับเต็นท์รถ จำนำตามบ่อนในกรุงเทพฯ จำนำกับพวกนายทุนใต้ดินซึ่งเป็นพวกที่มีเงินเหลือ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรก็เอาเงินมาปล่อยกู้ แก๊งจำนำรถ ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันนี้เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯมีนายทุนใต้ดินที่รับจำนำรถในลักษณะดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 500 ราย ซึ่งในวงการจะรู้กันว่าใครรับจำนำรถบ้าง โดยนายทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกหน้าทำธุรกิจเอง แต่ให้ลูกน้องออกหน้าแทน แต่บางรายก็เปิดเป็นบริษัทรับจำนำรถบังหน้า แต่ธุรกิจจริงๆ คือรับซื้อรถที่ได้จากการโจรกรรม พวกนายทุนใต้ดินมีเยอะมาก เพราะเขามองว่ามันหาเงินง่าย คือสมมุติว่ารับจำนำรถโดยคิดดอกร้อย 10 และยึดรถไว้เป็นหลักประกัน ถ้าให้กู้รวมแล้วสัก 1 ล้านบาท แต่ละเดือนก็จะมีรายได้ 1 แสน ถ้าไม่ส่งเงินต้นก็เอารถไปขายได้ แต่ถ้าปล่อยกู้แบบทั่วๆ ไปก็ได้แค่สัญญาเงินกู้เป็นกระดาษแผ่นเดียว ซึ่งคนที่เอารถมาจำนำกับนายทุนใต้ดินพวกนี้มีไม่น้อยที่เป็นรถที่ขโมยมา เช่น ไปเช่ารถที่ภูเก็ตแล้วก็ขับมาจำนำที่กรุงเทพฯ โดยอาจจะไม่มีเอกสารคู่มือทะเบียนรถ ทิ้งแค่รถและกุญแจไว้ให้ หรืออาจจะใช้เอกสารปลอมในการจำนำ ซึ่งนายทุนที่รับจำนำก็ไม่สนใจเพราะคิดว่ารับจำนำไว้กินดอก ถ้าไม่มาไถ่รถคืนก็เอาไปขาย แต่ส่วนมากคนรับจำนำก็จะตรวจสอบทะเบียนประวัติของรถก่อน ว่ารถมี อ.ย. คือเป็นรถที่ ถูกอายัด ไว้หรือเปล่า ถ้าเป็นรถที่มี อ.ย. ซึ่งแปลว่า เป็นรถที่ขโมยมาก็อาจจะไม่เอา หรือให้ราคาที่ต่ำมาก สมมุติฟอร์จูนเนอร์ราคา 250,000 เขาให้แค่ 100,000 พวกที่ขโมยรถมาก็เอาเพราะเขาไม่ต้องลงทุนอะไร แล้วตามกฎของพวกนี้จำนำไว้แล้วขาดส่งดอกเกิน 2 เดือน เขาก็เอารถไปขาย รถคันนี้ก็จะเข้าสู่ขบวนการสวมซากต่อไป โดยคนรับจำนำจะขายรถต่อให้แก๊งสวมซากทะเบียนรถ แก๊งนี้ก็จะเอาซากรถที่ซื้อมาจากแก๊งประมูลรถ ซึ่งเขาไปประมูลซากรถที่เกิดอุบัติเหตุ ซ่อมไม่ได้แล้วจากบริษัทประกันมา เสร็จแล้วก็ทำการสวมซากดังที่กล่าวมาข้างต้น แล้วก็นำออกมาขายเป็นรถมือสอง ส่วนคนที่เอารถมาจำนำพอได้เงินเสร็จก็ไปแจ้งความว่ารถหาย แต่ก็มีอีกพวกหนึ่งคือคนที่เข้าไปเล่นพนันในบ่อนแล้วไม่มีเงินจ่ายก็เอารถจำนำไว้ แต่ไม่มีเงินไปไถ่ ก็ไปแจ้งความว่ารถหาย สุดท้ายรถก็เข้าสู่กระบวนการสวมซากเหมือนกัน พ.ต.ท.อรรถพร เล่าถึงธุรกิจซื้อขายรถผิดกฎหมาย นอกจากนั้น การขโมยรถไปผ่าแยกก็เป็นวิธีหนึ่งที่คนร้ายนิยมมาก เพราะเมืองไทยมีปัญหาเรื่องอะไหล่แพง โดยเฉพาะอะไหล่จากศูนย์ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ ดังนั้นจึงมีแก๊งลักรถบางแก๊งที่ตระเวนลักรถเพื่อนำอะไหล่ไปขายให้พ่อค้าตามตลาดเชียงกง (ตลาดขายอะไหล่มือสอง) โดยอู่รถต่างๆ ก็จะมาซื้ออะไหล่ที่เชียงกงโดยไม่รู้ว่าเป็นของที่ขโมยมา ซึ่งสาเหตุที่แก๊งพวกนี้เลือกที่จะแยกอะไหล่ขายแทนที่จะขายรถทั้งคันก็เพราะรถที่ขโมยมานั้นผู้ซื้อจะให้ราคาต่ำมาก อีกทั้งการถอดอะไหล่ขายยังเป็นวิธีที่สามารถหลบเลี่ยงการจับกุมได้ง่ายกว่า
จากคุณ |
:
แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ย. 52 11:19:57
|
|
|
|
 |